ตอนที่ 180 ยู่เอ้าชิง
ตอนที่ 180 ยู่เอ้าชิง
****ขอแก้ไขชื่อตัวละคร =ยู่เอ้าอั่น เป็น ยู่เอ้าชิง ค่ะ
เมื่อได้ยินคำกล่าวถามของยู่ซิวผิง ยู่เอ้าชิงแสดงสีหน้าที่รำคาญและน่ารังเกียจ นางขบฟันแน่นและกล่าว : เขาพยายามเข้าใกล้ข้าตลอดเวลา
ฮ่าฮ่า เจ้าไม่ชอบเขา ? ยู่ซิ่วผิงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ
ท่านว่าอย่างไรล่ะ ? ยู่เอ้าชิงกล่าวถามกลับด้วยสีหน้าที่น่ารังเกียจ
อดทนอีกหน่อย เรื่องราวในครั้งนี้ พวกเราต้องพึ่งพาพวกเขา แม้ว่าเมียวฮวาเฉินจะมอบแผนที่ให้แก่พวกเรา แต่เขามิได้ด้กล่าวบอกสิ่งที่เขาค้นหาและศึกษามาได้ เขาถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดให้แก่เมียวหลิง ดังนั้นการจะค้นหาเกาะซ่อนเร้น พวกเราเราจะขาดเมียวหลิงไปมิได้ ยู่ซิ่วผิงกล่าวปลอบประโลมนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
สีหน้าของยู่เอ้าชิงเต็มไปด้วยขมขื่น นางจับแขนของยู่ซิ่วผิงและกล่าวต่อ : ท่านพ่อ เขาเป็นคนอย่างไร ท่านพ่อเองก็ทราบดี เช้าวันนี้เขายังคิดจะลงมือลวนลามข้า หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อกล่าวกำชับเอาไว้ ข้าคงจับเขาโยนลงทะเลตั้งแต่ตอนแรก
ยู่ซิวผิงกล่าวถามด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือก : เขากล้าลงมือลวนลามเจ้า ?
อืม ! ยู่เอ้าชิงรู้สึกไม่พอใจที่นางต้องพบเจอกับความไม่เป็นธรรมนี้ นางไม่เคยได้ยินชื่อของเมียวหลิงมาก่อน แต่เพราะเรื่องราวในครั้งนี้ นางต้องยอมอ่อนข้อให้แก่เมียวหลิงและเอาอกเอาใจเขาด้วยความแสแสร้ง สำหรับยู่เอ้าชิงที่มีจิตใจที่หยิ่งยะโสและความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองการกระทำเเเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ทรมาณจิตใจของนางอยางยิ่ง
ต้องลำบากใจแล้ว สีหน้าของยู่ซิ่วผิงแสดงออกด้วยความไม่พอใจ ยู่เอ้าชิงเป็นบุตรีของนาง เป็นธรรมดาที่เขาจะดูแลปกป้องนางดั่งสมบัติล้ำค่า ในฐานะบิดาคนหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังปราถนาที่จะให้บุตรีของนางได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้สูงส่งชายหนุ่มที่สามารถมอบความสุขให้แก่นาง เพื่อให้ช่วงชีวิตของนางเต็มไปด้วยความสุขสบาย เมียวหลิงไร้ซึ่งจิตใจที่เมตตา ไร้ซึ่งคุณสมบัติที่คู่ควร ไร้ซึ่งความสามารถ เขาไม่เหมาะสมแม้แต่จะเป็นผู้ถือรองเท้าให้แก่บุตรีของนาง แต่เพื่อสืบหาข้อมูลสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องจากปากของเมียวหลิง ทำให้เขาต้องยอมเสียสละศักดิ์ศรีของยู่วเอ้าชิง
วางใจ เมื่อเราค้นพบเกาะซ่อนเร้น บิดาจะทวงคืนความยุติธรรมและความอัปยศที่มันกระทำต่อเจ้า !! ยู่วซิ่วผิงกล่าวปลอบโยนยู่วเอ้าชิง
หวังว่าพวกเราจะพบเกาะซ่อนเร้นในเร็ววันนี้ ยู่เอ้าชิงกัดฟันของตนเองไว้แน่น : เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่พวกเราเฝ้าตามหา ข้าจะจับเมียวหลิงโยนลงทะเล !!
ตามใจเจ้า!! ยู่ซิ่วผิงยิ้มอย่างแผ่วเบา โดยไม่ใส่ใจอะไรมาก เพราะบุตรีของตนเองกล่าวสบทด้วยความโมโหเท่านั้น
เมียวฮวาเฉินที่อยู่ในเมืองไห่เฉินคงไมทราบว่าเรื่องราวได้บานปลายจนถึงขั้นนี้ เขามอบแผนที่่เกาะซ่อนเร้นให้แก่สำนักหยุนเซี่ย เพื่อต้องการปูทางในอนาคตให้แก่บุตรชายของตนเองและให้สำนักหยุนเซี่ยมองเห็นความสำคัญของเมียวหลิงเท่านั้น
ผู้อาวุโสระดับสูงในสำนักหยุนเซี่ยต่างตกลงต่อคำขอของเมียวฮวาเฉิน พวกเขาต่างให้ความสำคัญกับเมียวหลิง แต่ไม่คิดว่าเมียวหลิงจะไม่เจียมตัว คิดว่าตนเองเป็นผู้มีความสามารถที่สูงส่ง และคิดจะเข้าหายู่เอ้าชิงและปฏิบัติต่อนางด้วยการกระทำที่น่ารังเกียจ
เมียวหลิงกำลังเดินเข้าสู่กองไฟที่โหมกระหน่ำอย่างโชกโชนโดยไม่รู้ตัว
ในขณะกำลังกล่าวสนทนา ยู่ซิ่วผิงกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน : เจ้าเด็กนั่นวิ่งตามเจ้ามา หากเจ้า ..ไม่ยินยอมก็ระบายออกมา แต่จำเอาไว้อย่าทำให้เขาโกรธเคือง
ข้าทราบแล้ว ยู่เอ้าเชิดทรวงอกขึ้น และสูดลมหายใจเข้าอย่างลึกซึ้ง
ยู่ซิ่วผิงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น ชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีคนหนึ่งได้ปรากฏตัวบนดาดฟ้าเรือมังกร ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขากวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ เมื่อเห็นยู่เอ้าชิงที่ยืนอยู่ตรงด้านข้างของเรือ สีหน้าของเขาแสดงออกด้วยความดีใจ เขารีบวิ่งเข้าไปหายู่เอ้าชิงอย่างรวดเร็ว
เขาก็คือเมียวหลิง ?
หยางไค่จดจำรูปลักษณ์ใบหน้าของเขาไว้ในจิตใจ โดยแสดงออกด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
คุณหนูแห่งตระกูลเจียง ไม่ยินยอมให้ชายคนนี้สร้างความอัปยศให้แก่ตนเอง นางจึงฆ่าตัวตายอย่างน่าเวทนา
เมียวหลิงถือเป็นชายหนุ่มทีมีสมบูรณ์แบบ นอกจากสีหน้าที่ซีดขาวและการก้าวเท้าที่ค่อนข้างอ่อนแอ คนอย่างเขาไม่เหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าผู้ฝึกยุทธุ์ แต่เหมาะสมที่จะถูกเรียกว่านายน้อยที่ลุ่มหลงในสุรานารีซะมากกว่า
เพราะอย่างไรในเมืองไห่เฉินตระกูลเมียวก็มีอำนาจพอสมควร มันเพียงพอที่จะให้เขาดื่มเหล้าเคล้านารีอยู่ในหอนางโลม
เมื่อเขามาถึงด้านข้างของยู่เอ้าชิง ดวงตาของเขาไม่ปิดบังที่ความชอบและความลุ่มหลงในตัวของยู่เอ้าชิง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนซึ่งเต็มไปด้วยความชื่นชม : ศิษย์พี่ชิง บนดาดฟ้าลมแรง ระวังจะไม่สบาย
จิตใจของยู่เอ้าชิงเต็มไปด้วยความอึดอัดที่แทบจะกดทับตนเองจนตาย แต่นางยังเผยรอยยิ้มที่อ่อนหวานออกมา : ข้าไม่เป็นไร อากาศในท้องทะเลเต็มไปด้วยความบริสุทธุ์ มันสามารถพัดพาปัญหาต่างๆให้ลอยออกไป
คำกล่าวของยู่เอ้าชิงแฝงถึงความนัย แต่ราวกับว่าเมียวหลิงไม่เข้าใจความหมายของนาง เมียวหลิงยังตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม : ที่แท้ศิษย์พี่ชิงอารมณ์ไม่ดี เพราะมีปัญหาที่ต้องกังวล หากศิษย์พี่ชิงไม่รำคาญ ก็สามารถกล่าวบอกแก่ศิษย์น้อง ศิษย์น้องยินดีที่จะแบ่งเบาปัญหาเหล่านั้นกับท่าน
ยู่เอ้าชิงซ่อนเร้นความโกรธที่แสดงออกบนใบหน้า นางยังคงยิ้มและส่ายหัวไปมาอย่างช้า ๆ
หยางไค่ยังคงกวาดทำความสะอาดพื้นดาดฟ้า เขาแอบฟังการสนทนาของพวกเขาทั้งสองโดยที่คนหนึ่งอึดอัดจนแทบขาดใจ และอีกคนกล่าวสนทนาด้วยความสุข เขาเกลียดชังเมียวหลิงจนอยากจะโยนเขาลงทะเลไปในทันที
ยู่เอ้าชิงกล่าวคำพูดที่แฝงถึงความนัยที่เต็มไปด้วยความอึดอัดใจถึงสองครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเมียวหลิงจะไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่ในคำพูด หรือว่าเขาอาจจะเข้าใจคำกล่าวของยูเอ้าชิง แต่เขายังคงเกาะติดยู่เอ้าชิงหน้าด้วยความหน้าด้าน ซึ่งทำให้ยูเอ้าชิงไม่สามารถมอบความรู้สึกดีๆให้แก่เขา
ทั้งสองกล่าวสนทนาเป็นเวลานาน แต่ในขณที่เมียวหลิงกำลังโอ้อวดฐานะและอำนาจของตระกูลเมียวในเมืองไห่เฉินด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นเสียงดังปัง !! ดังมาจากใต้ท้องเรือซึ่งทำให้เรือมังกรขนาดใหญ่ทั้งลำโอนเอนไปมาอย่างรุนแรง
เมียวหลิงและยู่เอ้าชิงที่ยืนอยู่ตรงด้านข้างของเรือโอนเอนไปตามการสั่นไหวของเรือ ทำให้พวกเขาทั้งสองเกือบจะตกลงไปในทะเล แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาทั้งสองล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ ปฏิกิริยาตอบสนอง ความว่องไวในการเคลื่อนไหวย่อมมีความรวดเร็วมากกว่าคนทั่วไป ทำให้พวกเขาสามารถยืนนิ่งได้อย่างมั่นคงโดยไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเมียวหลิงกำลังคิดอะไร หรือว่าเขาอยากเป็นวีรบุรุษที่ช่วยเหลือหญิงงามในช่วงคับขันเพื่อสร้างความสัมพันธุ์ที่ดีต่อกัน หรือว่าอยากให้ช่วงเวลาที่วิกฤตลวนลามนาง เมื่อตนเองยืนนิ่งเขากล่าวตะโกนด้วยความตกใจ : ศิษย์พี่ระวัง
ในขณะที่กล่าว เขายื่นมือโอบไปที่เอวของยู่เอ้าชิง
หญิงสาวเฉกเช่นยู่เอ้าชิงที่มีความหยิ่งทะนง เขารู้สึกขยะแขยงแม้แต่คำพูดของเมียวหลิง แล้วนางจะปล่อยให้เมียวหลิงแตะต้องตัวนางได้อย่างไร ? นางหมุนตัวอย่างรวดเร็วและหลบเลี่ยงจากมือของเมียวหลิงที่ยื่นมาโอบเอวของนาง
ทันใดนั้น เรือมังกรสั่นไหวอย่างสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ยู่เอ้าชิงที่กำลังหมุนตัวหลบเลี่ยงจากการแตะต้องของเมียวหลิงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ นางลอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง และยังตะโกนร้องด้วยความตื่นตกใจ
ตำแหน่งที่นางลอยกระเด็นออกไป คือตำแหน่งที่หยางไค่กำลังยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตื่นตกใจในตอนนี้
หยางไค่สวมใส่เสื้อผ้าที่สกปรก มือของเขายังกำไม้กวาดที่สกปรกไว้แน่น เขาเงยหน้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตื่นตะลึงจนไม่รู้ว่าจะกล่าวพรรณนาออกมาได้อย่างไร
เขายืนอยู่ตรงนี้ เพียงต้องการสืบหาข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับเกาะซ่อนเร้น โดยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเช่นนี้
เมื่อเขามองเห็นร่างกายของยู่เอ้าชิงที่กำลังจะหล่นทับมายังตัวเขา ในช่วงเวลาสำคัญ หยางไค่แกล้งทำว่าตนเองลื่นล้มจากเรือมังกรที่โอนเอนไปมา โดยร่างกายของเขาพุ่งไถลไปข้างหน้าเป็นระยะห่างที่พอสมควร ในขณะที่ร่างกายของเขาล้มลง ยู่เอ้าชิงได้ลอยผ่านศีรษะของเขาไป และร่วงกระแทกไปยังพื้นดาดฟ้า และยังไถลกระแทกกับถังน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำที่เหม็นเน่าอีกด้วย
สายตาของชายหนุ่มจำนวนมากล้วนจ้องมองไปยังหญิงงามที่ลอยกระแทกลงมา ทันใดนั้น เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มด้วยน้ำที่เหม็นเน่า กลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลบนเรือนร่างของนาง ทำให้ยู่เอ้าชิงอาเจียนออกมาในทันที
หยางไค่ที่อยู่บริเวณนั้นโห่ร้องด้วยตกใจ เขาแสดงปฏิกิริยาออกมาเหมือนคนธรรมดาสามัญที่อยู่ในบริเวณนั้นโดยไม่มีข้อแตกต่างแม้แต่น้อย
เมื่อมีหญิงงามพุ่งลอยมาหาตนเอง สิ่งที่ชายหนุ่มคนหนึ่งพึงกระทำคือการรับตัวนางไว้ แม้ว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บ ก็ห้ามปล่อยให้นางตกลงไปที่พื้นอย่างเด็ดขาด
แต่ เมื่อพบเจอกับยู่เอ้าชิงที่มีนิสัยเกรี้ยวกราดดั่งชายหนุ่ม เมียวหลิงที่มีนิสัยอ่อนโยนดั่งหญิงสาว หากว่าหยางไค่รับตัวของยู่เอ้าชิงไว้เขามั่นใจอย่างแน่นอนว่าตนเองต้องพบเจอกบความเกรี้ยวโกรธของพวกเขาทั้งสองอย่างแน่นอน !!
ยู่เอ้าชิงเกรี้ยวโกรธเพราะตนเองเป็นคนธรรมาดสามัญที่ต้อยต่ำแต่กลับเคยสัมผัสและแตะต้องร่างกายที่ล้ำค่าของนาง
จิตใจของเมียวหลิงจะเกิดรังสีอำมหิตแห่งความต้องการฆ่าจากความหึงหวง เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองคงไม่ได้พบเจอกับดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน !!
ดังนั้นการหลบเลี่ยงจากการสัมผัสร่างกายของนางเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เรือมังกรขนาดใหญ่ยังคงสั่นไหวไปมาอย่างไม่หยุด เมียวหลิงวิ่งเข้าไปหายู่เอ้าชิงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็หาโอกาสในการใกล้ชิดกับนางได้ เมียวหลิงพยุงนางลึกขึ้นและกล่าวด้วยเสียงที่ตื่นตกใจ : ศิษย์พี่ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม ?
ออกไป !! ยู่เอ้าชิงไม่สามารถอดทนต่อความอึดอัดและความเกลียดชังได้อีกต่อไป หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มที่น่ารังเกียจต้องการจะฉวยโอกาสเพื่อโอบกอดตนเอง ตนเองจะลอยกระเด็นออกมากระแทกกับถังน้ำที่เหม็นเน่าและต้องเผชิญหน้ากับความอับอายและความเหม็นเน่าที่ตลบอบอวลไปทั่วร่างกายเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ในตอนนี้ จิตใจของยู่เอาชิงเต็มไปด้วยเจตนาแห่งความต้องการฆ่า
เมื่อถูกนางตะโกนด่าเช่นนี้ ทำให้เมียวหลิงอึ้งไปชั่วขณะ เขาก้าวถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ ศิษย์สาวกของสำนักหยุนเซี่ยต่างพุ่งออกมาจากที่พำพักเป็นจำนวนมาก ยู่ซิ่วผิงก็พุ่งออกมาด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน
เขารีบวิ่งขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือและจ้องมองลงไปที่ท้องทะเลและกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน : สัตว์อสูร !! ศิษย์สาวกทุกคนเตรียมตัวพร้อมนการต่อสู้กับสัตว์อสูร !!
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขาพบกับยูเอ้าชิงที่แปดเปื้อนจากน้ำที่เหม็นน่าและกล่าวถามด้วยความตกใจ : ชิงเอ่อ เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม ?
ยู่เอ้าชิงกัดฟัดไว้แน่น นางจ้องมองเมียวหลิงด้วยสายตาที่เกลียดชัง ก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างช้าๆ
เจ้ากลับไปพักก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เจ้าไม่มาสนใจ ยู่ซิ่วผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
อืม?
ศิษย์พี่ข้าจะไปส่งท่าน! เมียวหลิงยังหน้าด้านที่จะติดตามนางไป
ไม่ต้อง !! ยู่เอ้าชิงกล่าวตะโกนออกมาอย่างชัดเจน ร่างกายที่งดงามของนางพลันหายไปจากดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว
บนเรือมังกรขนาดใหญ่ คนธรรมาดาสามัญที่ถูกส่งขึ้นมาบนเรือต่างถอยหนีอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยไม่สนใจถึงความเป็นความตายของพวกเขา หากพวกเขายังอยู่บนดาดฟ้าเรือพวกเขาต้องพบเจอกับความตายอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นคลื่นขนาดใหญ่ได้พัดกระทบกับเรืองมังกรอีกครั้ง ทำให้เรือมังกรขนาดใหญ่สั่นไหวและโอนเอนไปมาด้วยความรุนแรงอีกครั้ง
หยางไค่คลานลุกขึ้นมา และติดตามคนธรรมดาสามัญไปยังที่พำพักของเรือมังกร
คนธรรมดาสามัญต่างรวมตัวอยู่ด้วยกัน ร่างกายของพวกเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาต่างกล่าวพึมพำอย่างไม่หยุด และอธิษฐานไมให้เรือลำนี้พลิกคว่ำลง หากเรือลำนำนี้พลิกคว่ำและล่มลง นอกจากผู้อาวุโสระดับสูงทั้งสองที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ที่จะมีชีวิตรอดกลับไป คนอื่นๆที่เหลือต้องจบชีวิตในท้องทะเลแห่งนี้อย่างแน่นอน
หยางไค่เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจอีคกรั้ง จิตใจที่เต็มไปด้วยความกังวลค่อยๆผ่อนปรนลงอย่างช้าๆ
เขาพบว่าผู้อาวุโสระดับสูงทั้งสองยังไม่มีการเคลื่อนไหว นั่นหมายความว่าพวกเขาสัมผัสได้ว่าสัตว์อสูรที่กำลังโจมตีเรือมังกรลำนี้อยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก เพียงแค่ยูซิ่วผิงคนเดียวก็สามารถจัดการกับมันได้
แต่เพราะสัตว์อสูรเหล่านี้มีจำนวนมาก พวกมันต่างรายล้อมเรือมังกรไว้อย่างแน่นหนาทำให้ใต้ท้องเรือเกิดเสียงดังจากการถูกกระแทกออกมาอย่างไม่หยุด
พวกเขาใช้เวลาในการต่อสู้กับสัตว์อสูรถึง 1 ชั่วยามจึงสามารถหยุดยั้งสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวได้ สัตว์อสูรที่รายล้อมเข้ามาหากไม่ถูกฆ่าตาย ก็ถอยหนีกลับไป การเคลื่อนไหวของที่ดุดันของพวกมันจึงสงบลง
สำนักหยุนเซี่ยได้รับชัยชนะ แม้แต่คนธรรมดาสามัญที่อยู่บนเรือต่างตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ ราวกับว่าพวกเขาได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ของตนเอง
หยางไค่จ้องมองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยมีเพียงความรู้สึกที่เศร้าโศก
หลังจากนั้นไม่นาน ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยได้เรียกตัวคนธรรมาดาสามัญเหล่านี้ให้ขึ้นไปทำความสะอาดบนดาดฟ้าเรือ เมื่อพวกเขาเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ สิ่งที่พวกเขามองเห็น ทำให้พวกเขาต่างตื่นตะลึงด้วยความหวาดกลัว
บนดาดฟ้าเรือ ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยร่องรองแห่งโลหิตที่เหม็นคาว และยังมีปลาที่มีขนาดใหญ่ซึ่งมีรูปร่างที่น่ากลัวอย่างประหลาด ในตอนนี้พวกมันต่างตายสนิท โดยอ้าปากขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยฟันแหลมที่น่าขยะแขยง
ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยไม่มีใครตายจากการต่อสู้ในครั้งนี้ มีเพียงศิษย์ไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หยางไค่ล้าทำความสะอาดคราบโลหิตที่อยู่บนดาดฟ้าเรือพร้อมกับคนอื่นๆ เขากำลังจัดการกับซากศพของสัตว์อสูรแห่งท้องทะเลเหล่านี้ดวยความเหน็ดเหนื่อย หน้าผากของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นคาวแห่งโลหิตที่เหม็นสาบ
อาจเป็นเพราะเรือลำนี้ได้แล่นมายังท้องทะเลที่มีความลึกอย่างมหาศาล หลังจากที่ที่ถูกโจมตีจากสัตว์อสูรในครั้งแรก หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันซึ่งห่างกันประมาณ 3 หรือ 5 วันจะมีสัตว์อสูรแหวกว่ายเข้ามาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ จากเวลาที่ผ่านไป สัตว์อสูรเหล่านี้มีความแข็งแกร่งที่มากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อรับมือกับสัตว์อสูรเหล่านี้ คนธรรมดาสามัญที่ล้มป่วยล้วนถูกโยนลงไปในทะเลอย่างไม่ใยดี เพื่อดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรใต้ท้องทะเล
สีหน้าของยู่ซิ่วผิงเคร่งขรึมขึ้นทุกวันๆ เมียวหลิงถูกกล่าวเรียกให้ขึ้นไปยังดาดฟ้าเรืออยู่เสมอ พวกเขาทั้งสองต่างศึกษาค้นหาเส้นทางจากกระดองเต่าที่ไม่ใหญและเล็กเกินไปอย่างไม่หยุด