ตอนที่ 172 หลอกลวง
ตอนที่ 172 หลอกลวง
ผู้อาวุโส .. ขณะที่หยางไค่กำลังจะกล่าวถาม ชายชรารีบยกมือเพื่อห้ามปราม : หยุด เงียบก่อน
หยางไค่ขมวดคิ้ว แม้ไม่รู้ว่าชายชรากำลังหวาดกลัวสิ่งใด แต่เขารู้ดีว่าต้องเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธุ์ที่กำลังเข้าใกล้
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้มาเยือนมาถึงประตูด้านนอก เขาทุบประตูอย่างกระหึ่มราวกับว่าประตูบ้านกำลังจะพังทลายลงมา
เสี่ยวยู่วตื่นขึ้นจากความหวาดกลัว ร่างกายของนางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวและกอดปู่ของนางไว้แน่น
สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นในทันที
ตาเฒ่า เปิดประตูเดี่ยวนี้ !! เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังมากจากด้านนอก
หากยังไม่เปิดประตูข้าจะไม่เกรงใจ เสียงของผู้ฝึกยุทธุ์คนที่ 2 ดังขึ้น
ชายชรากอดหลานสาวของตนเองไว้ในอ้อมอก ดวงตาสีเทาประกายด้วยความเกรี้ยวโกรธและความไม่พอใจ เขากล่าวปลอยโยนหลานสาวด้วยเสียงที่ต่ำทุ้ม : เสี่ยวยู่วไม่ต้องกลัว ปู่อยู่ที่นี้ เสี่ยวยู่วไม่ต้องกลัวไป !!
ดูเหมือนว่าผู้มาเยือนที่อยู่ด้านนอกจะไม่มีความอดทนอีกต่อไป เมื่อเห็นว่าชายชราไม่ยอมเปิดประตู พวกเขาจึงถีบประตูให้เปิดออก สายลมพัดโชยเข้าไปในบ้าน ทำให้ภายในบ้านเต็มไปด้วยอากาศที่อบอ้าวจากสายลมแห่งทะเล
ตาเฒ่า !! ชายคนหนึ่งเดินเข้ามด้วยความโกรธอย่างสุดขีด : มีความกล้าหาญขึ้นนี้ เจ้ากล้าปิดประตูบ้าน เจ้าเชื่อไหม ว่าข้าสามารถแทงเจ้าให้ตายในดาบเดียว !
พวกเจ้ายังมาที่นี้อีกเพื่อะไร !! ออกไปเดี่ยวนี้ !! ชายชราปกป้องหลานสาวของตนเอง ปากของเขาตะโกนด่าอย่างต่อเนื่อง : พ่อของเด็กถูกพวกเจ้าจับไป แม่ของเด็กก็ถูกพวกเจ้าจับไปเช่นเดียวกัน บ้านแห่งนี้เหลือเพียงข้าและเด็กน้อยที่น่าสงสารที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน พวกเจ้ายังไม่สาสามใจหรือไง ?
ฮึฮึ ทำตาเฒ่าอย่างเจ้าถึงกล่าวคำที่ไม่น่าฟังเช่นนี้ พวกเราเพียงเชิญพวกเขาทั้งสองไปเป็นแขกให้ลิ้มรสความสุขบนเกาะหยุนเซี่ยของเราเท่านั้น ในวันนี้พวกเขาทั้งสองคิดถึงพวกเจ้า พวกเขาจึงสั่งให้เรามานำตัวปู่และลูกสาวของเขาไปด้วย คนในครอบครัวได้รวมตัวกันอย่างอบอุ่น มันคงจะมีความสุขอย่างยิ่ง ชายฉกรรก์ที่เข้ามาก่อนกล่าด้วยเสียงหัวเราะที่โหดเหี้ยมและค่อยๆเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเขามองเห็นหยางไค่ที่อยู่ภายใน สีหน้าของเขาจึงแสดงออกมาด้วยความตื่นตกใจ
เมื่อเขาจ้องมองหยางไค่อย่างระมัดระวัง เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในร่างกายของหยางไค่ เขาจึงคิดว่าหยางไค่เป็นเพียงชาวบ้านสามัญทั่วไป เขาจึงไม่สนใจ แต่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมครอบครัวนี้ถึงมีสมาชิกเพิ่มาอีกคน
ชายชรากล่าด้วยเสียงสะอื้น : ความสุขเช่นนั้นครอบครัวธรรมดาสามัญของเราไร้ซึ่งวาสนาที่จะลิ้มรสกับมัน พวกเจ้าทั้งสองเป็นคนดี พวกเจ้าปล่อยพ่อและแม่ของเด็กกลับมาได้ไหม ? เด็กน้อยคิดถึงพ่อและแม่ของนางอย่างยิ่ง !!
ตาเฒ่าที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง สีหน้าของผู้ที่มาเยือนเยือกเย็นอย่างยิ่ง ในเมื่อคิดถึง ก็ไปกับพวกเรา เมื่อไปถึงเกาะหยุนเซี่ยพวกเจ้าจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่นี้จะได้อะไร?
นับตั้งผู้ฝึกยุทธุ์ทั้งสองเดินเข้ามาภายใน แม้ว่าพวกเขาไม่กล่าวสิ่งใดมาก แต่หยางไค่ได้รับรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดจากการสนทนาของพวกเขา
เกาะหยุนเซี่ย หยางไค่รู้จักมัน บนเกาะมีสำนักหนึ่งที่เรียกว่าสำนักยุนเซี่ย สำนักหยุนเซี่ยอยู่ในความแข็งแกร่งระดับที่ 3 เทียบกับหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวไม่ได้
แต่หยางไค่ไม่ทราบว่าทำไมพวกเขาจึงต้องมาจับตัวพวกเขาถึงที่นี้ และการจับกุมในครั้งนี้ยังไม่ใช่ครั้งแรกด้วย
ชายชราเคยกล่าวไว้ว่า เกิดเหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างกับครอบครัวของนาง นางจึงไม่พูดจาอีกเลย เรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเหตุการณ์เช่นเดียวกับในตอนนี้
หยางไค่ไม่ชอบที่จะยุ่งเรื่องของผู้อื่น ก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องของฉุ่ยเอ่อ เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากนั้น แต่ตอนนี้ปู่หลานทั้งสองต้องพบเจอกับภัยอันตราย ไม่มีทางที่หยางไค่จะไม่เหลียวแล
เกิดเป็นมนุษย์ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ ความไร้เดียงสาบริสุทธุ์และจิตใจที่งดงามของนางสามารถสั่นคล่อนจิตใจของหยางไค่
ผู้ฝึกยุทธุ์ทั้งสอง มีความแข็งแกร่งที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน ซึ่งอยู่ในระดับความสามารถที่ไม่สูงมาก เมื่อหยางไค่ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งสองหยางไค่เชื่อมั่นว่าตนเองสามารถปราบปรามพวกเขาทั้งสองได้ แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมที่จะลงมือโจมตี นอกจากนั้น เบื้องหลังของพวกเขามีนิกายหยุนเซี่ยที่หนุนนำ หากไม่ฆ่าพวกเขาทั้งสองอย่างถอนรากถอนโคน มันต้องทำให้ชายชราได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน
ต้องวางแผนให้ละเอียดรอบคอบเท่านั้น
ทั้งสองได้โปรด ปล่อยพ่อและแม่ของเด็กด้วย ให้พวกเราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว ชายชราร้องไห้จนเสียงไม่เป็นเสียง ก่อนจะคุกเข่าและกระแทกศีรษะลงไปที่พื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บ้าเอ้ย คนกล่าวของตาเฒ่าช่างทำให้ผู้อื่นเกรี้ยวโกรธยิ่งนัก ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหยุนเซี่ยสบทด่าไปมา และดูเหมือนว่าเขากำลังจะพุ่งเข้ามาโจมตีชายชรา
หยางไค่ก้าวเท้าออกมา และขัดขวางพวกเขาเอาไว้
เจ้าเด็กหนุ่ม เจ้าเป็นใคร? ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหยุนเซี่ยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธและจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม คำถามนี้เป็นคำถามที่เขาอยากถามตั้งแต่แรก แต่เมื่อเขาทั้งสองเขามาชายชราก็โอดโอยคร่ำครวญอย่างไม่หยุด ทำให้เขาไม่สามารถที่จะกล่าวถามได้
ใบหน้าของหยางไค่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวอย่างเชื่องช้า : ข้าเป็นญาติห่างๆของพวกเขา
ญาติห่างๆ? ชายคนนี้จ้องมองหยางไค่ด้วยความสงสัยและไม่ได้กล่าวถามอย่างละเอียด : เจ้ามาทำอะไรที่นี้?
หยางไค่กล่าวตอบอย่างรวดเร็ว ข้าทำการค้าอยู่ต่างแดน แต่ในตอนนี้การค้าขายของข้าได้พังทะลายลง เดิมทีข้าต้องการย้ายมาพำพักอยู่ที่นี้ แต่ไม่คิดว่าท่านลุงท่านป้าของข้าจะถูกพวกเจ้าทั้งรับไปอยู่ที่เกาะหยุนเซี่ย มันเหนือการคาดหมายของข้า ข้าชื่นชมสำนักหยุนเซี่ยเป็นเวลานาน ข้ามีความคิดที่จะฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์แห่งสำนักหยุนเซี่ย แต่ข้าไม่รู้จักทางไปยังเกาะหยุนซี่ย ในวันนี้ข้าพบเจอกับพวกเจ้าทั้งสอง ถือเป็นความโชคดีของข้า ท่านทั้งสองได้โปรดทำความปราถนาของข้าให้เป็นจริง พาข้าไปยังเกาะหยุนเซี่ยได้ไหม ?
สุ้มเสียงของหยางไค่อ่อนน้อมถ่อมตนเอย่างยิ่ง ในระหว่างที่กล่าวสีหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความคาดหวังเสมือนว่าชื่นชมสำนักหยุนเซี่ยอย่างสุดซึ้ง ทำให้ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหยุนเซี่ยทั้งสองตะลึงจนอ้าปากค้าง
นี้ ..มีคนยินดีที่จะไปเกาะหยุนเซี่ยกับพวกเรา เจ้าเด็กหนุ่มบ้าไปแล้วใช่ไหม?
พวกเขาทั้งสองจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ สีหน้าแสดงออกอย่างสงสัยและไม่กล้ากล่าวตอบ
หยางไค่ทำตัวอย่างเขิลอาย : ท่านทั้งสอง ข้าเพิ่งมาถึงเมืองไห่เฉินในวันนี้ มือและเท้าของข้าค่อนข้าตื่นเต้น แต่ท่านทั้งสองโปรดวางใจ หากข้าสามารถเข้าไปยังสำนักหยุนเซี่ย ในวันข้างหน้าข้าต้องตอบแทนศิษย์พี่ทั้งสองอย่างแน่นอน
เขา ..เขากำลังจะติดสินบนพวกเรา ? ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหยุนเซี่ยจ้องตาซึ่งกันและกัน ด้วยความสับสน
พวกเขาจับกุมผู้คนจำนวนมากมาย พวกเขาพบเจอกับคนประเภทต่างๆมากมาย แต่ในวันนี้กับพบเจอกับโง่เขลาที่เสียสติเช่นนี้ ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร่ต่อไป
แต่ว่า เขาเพิ่งมาถึงเมืองไห่เฉินเป็นครั้งแรก !!
ทำไมไม่กล่าวบอกตั้งแต่แรกว่าว่าเพิ่งมาถึงเมืองไห่เฉิน ข้าชื่นชอบการรังแกผู้คนที่มากจากต่างแดนอย่างยิ่ง
หยางไค่จ้องมองพวกเขาด้วยความกังวล หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมสำนักหยุนเซี่ยถึงต้องจับคนธรรมาดาสามัญไป แต่มีเพียงวิธีการนี้ถึงจะช่วยเหลือชราและเด็กหญิงตัวน้อยได้
แม้แต่เด็กและคนชรายังจับตัวไป ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะปล่อยเด็กหนุ่มเช่นตัวเขาไป
เป็นดั่งที่เขาคาดคิด ผู้ฝึกยุทธุ์ทั้งสองจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่ตะลึง ก่อนจะหัวเราะด้วยความพอใจ และเดินเข้าไปตบไหล่หยางไค่ด้วยความสนิทสนม : ดีดีดี ในเมื่อเจ้าต้องการจะเข้าฝากตัวเป็นศิษย์กับสำนักหยุนเซี่ยของพวกเรา ข้าจะขัดขวางเจ้าทำไม ไม่เลวไม่เลว เด็กหนุ่มอย่างเจ้าช่างเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ เจ้าต้องกลายเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน ในวันข้างหน้าหากเจ้าเติบโตและมีตำแหน่งที่สูงส่ง อย่าลืมพวกเราทั้งสองที่ทำให้ความปราถนานของเจ้าเป็นจริงล่ะ
ลืมไม่ได้ ไม่มีทางที่ข้าจะลืม
พวกเขาทั้งสามจ้องมองซึ่งกันและกัน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไม่หยุด
ในทางกลับกัน ผู้ฝึกยุทธุ์ทั้งสองแห่งสำนักหยุนเซี่ยต่างสบทด่าหยางไค่ว่าเป็นโง่เขลาที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบเจอ
หยางไค่เองสบทด้าพวกเขาทั้งสองว่าเป็นโง่เขล่าที่สุดเท่าที่่เขาเคยพบเจอ
ชายชราและเด็กหญิงตัวน้อยสั่นเทาด้วยความกลัวบนเตียงเล็กๆของพวกเขา
หลังจากนั้นหยางไค่จึงหัวเราะออกมาอีกครั้งและกล่าว : ท่านทั้งสอง พวกท่านดูซิ ข้าเพียงคนเดียวที่เข้าสู่สำนักหยุนเซี่ย เพียงพอต่อความต้องการของพวกท่านทั้งสองหรือยัง ? หากนำพาชายชราและเด็กน้อยไปด้วย ระหว่างทางคงจะเป็นอุปสรรค์ต่อเราอย่างยิ่ง
ปัญหานี้ เป็นปัญหาที่หยางไค่กังวลมากที่สุด หากพวกเขาทั้งสองยังไม่เต็มใจที่จะปล่อยปู่หลานทั้งสอง มีเพียงวิธีการเดียวคือการฆ่าพวกเขาทั้งสองในบ้าแห่งนี้ การกล่าวคำที่ไร้สาระที่ผ่านมา เพียงเพราะต้องการถามคำถามนี้เท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่าหยางไค่จะคิดมากไปเอง พวกเขามาจับกุมชาวบ้านในบริเวณนี้ เพราะต้องการคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งที่สามารถทำงานให้พวกเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เป็นเด็กหรือคนชรา เพียงเป็นมนุษย์ี่สามารถทำงานได้ก็เพียงพอแล้ว
ในตอนนี้พวกเขาสามารถจับกุมหยางไค่ที่เป็นเด็กหนุ่มที่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง พวกเจาจึงไม่ต้องการเด็กหญิงและชายชรา เพราะระหว่างทำพวกเขาอาจจะตายไป มันคงเป็นภาระให้แก่พวกเขาเปล่าๆ
เมื่อได้ยินดังนี้พวกเขาจึงพยักหน้าและกล่าว : อืม เจ้าพูดถูก เดิมทีข้าอยากจะรับพวกเขาไปอยู่รวมกับครอบครัว แต่ไม่คิดว่าตาเฒ่าคนนี้จะไม่ยอม ทำให้พวกเราต้องสูญเสียความปราถนาดีที่มีต่อเขา
คนชราก็เป็นเช่นนี้ ท่านทั้งสองได้โปรดเข้าใจด้วย หยางไค่ยิ้มให้แก่พวกเขา
ในเมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะเข้าสู่สำนักหยุนเซี่ย ถือว่าภารกิจของพวกเราได้เสร็จสิ้น พวกเราไปกันเถอะ เมื่อผู้ฝึกยุทธุ์ทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ของตนเองจนเสร็จสิ้น พวกเขาจึงอยากออกไปจากบ้านหลังเล็กๆนี้ในทันที
พวกท่านั้งสองไปรอข้างนอกก่อน ข้าจะกล่าวคำร่ำลากับท่านป่และน้องสาวของข้า
เร็วๆล่ะ พวกเขาทั้งสองไม่สงสัยในตัวของหยางไค่ เขากล่าวตักเตือนหยางไค่และเดินออกไปข้างนอก
หลังจากที่พวกเขาออกไป หยางไค่จึงเดินไปยังด้านข้างของเตียงอย่างช้าๆ เขาจ้องมองสองปู่หลานที่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ชายราเป็นคนชาญฉลาด เขาไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกไปในขณะที่หยางไค่กำลังกล่าวคำโกหกต่อผุ้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหยุนเซี่ยว เพราะเขากลัวว่าเขาจะทำให้แผนการของหยางไค่ล้มเหลว จนถึงตอนนี้เขาจึงกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทา : เจ้าหนุ่มน้อย ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย สถานที่แห่งนั้้นคือสำนักหยุนเซี่ย มันไม่ใช่สถานที่สำหรับมนุษย์
หยางไค่ยิ้มจางๆ : ท่านไม่ต้องกังวล ข้ามีแผนการของข้า ท่านอย่าลืมซิ ว่าข้าก็เป็นผู้ฝึกยุทธุ์เช่นเดียวกัน
ดวงตาของชายชราประกายด้วยแสงแห่งความตื้นตัน ในตอนนี้เขาจึงสามารถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หยางไค่ล้วงมือเขาไปในทรวงอก ก่อนจะนำทรัพย์สมบัติที่เขาได้มาจากร่างศพของคนตายเหล่านั้นและยัดลงไปในมือของชายชรา และกล่าวบอก : เช้าวันรุ่งขึ้นของวันพรุ่งนี้ให้เดินทางออกจากเมืองไห่เฉิน นำพาเสี่ยวยู่วออกไป ยิ่งไกลยิ่งดี อย่าอยู่ที่นี้อีกต่่อไป
หลังจากที่กล่าวจบ หยางไค่ลูบศีรษะของเสี่ยวยู่ว และหันหน้าเดินกลับไป
หลังจากที่รอฝีเท้าของคนที่อยู่ภายนอกค่อยๆจางหายไป ชายชราจึงกางมือที่สั่นเทาของตนเองออกมาและจ้องมองสิ่งที่หยางไค่มองให้แก่เขา
มันเป็นเงินกว่า 100 ตำลึง
น้ำตาแห่งความตื้นตันของชายชราไหลอาบแก้ม เขาดึงเสี่ยวยู่วให้นั่งคุกเข่าลง
เสี่ยวยู่ว การเกิดเป็นมนุษย์ต้องรู้สึกตอบแทนบุญคุณ !! จำรูปลักษณ์ของพี่ชายคนนั้นเอาไว้ หากในวันข้างหน้าเจ้ามีโชควาสนาได้พบเจอกับเขา แม้ว่าเจ้าจะต้องเป็นทาสรับใช้หรือคนรับใช้ แม้ว่าร่างกายและกระดูกจะแหลกสลาย ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องตอบแทนบุญคุณของเขา เข้าใจไหม ? ชายชรากล่าวสั่งสอนนางอย่างเคร่งขรึม
เสี่ยวยู่วพยักหน้า ใบหน้าของนางไร้ซึ่งความหวาดกลัว แต่เต็มไป้ดวยความนิ่งสงบ
หยางไค่เดินทางออกไปพร้อมกับผู้ฝึกยุทธุ์ทั้งสองเป็นระยะทางที่ยาวไกล
เดิมทีหยางไค่ต้องการหาโอกาสในการฆ่าพวกเขา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลงมือ เขาพบว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดกว่าการคาดหมายของเขา
ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหยุนเซี่ย ไม่ได้มีเพียง 2 คน แต่พวกเขามากันเกือบ 20 คน ท่ามกลางคนเหล่านั้นยังมียอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงอีกด้วย
หยางไค่ไม่ได้ลงมือ เพราะมียอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง หากเขาลงมือเปรียบเสมือนการรนหาที่ตาย ยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงไม่เหมือนกับจางติงที่ป่าเถื่อน การที่สามารถเอาชนะจางติงเพราะจางติงได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับชายชราหวู่และการลอบโจมตีของเขา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หยางไค่ไม่ได้ตื่นตระหนก ในสายตาของเขาผู้ฝึกยุทธุ์แห่สำนักหยุนเซี่ยเป็นเพียงคนธรรมาดาสามัญทั่วไป ตนเองแข็งแกร่งกว่าพวกเขาอย่างยิ่ง
เมื่อมีโอกาสก็จะหาทางหลบหนี สำหรับโอกาสนั้น ต้องอดทนรออย่างตั้งใจ เท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธุ์ทั้งสองแห่งสำนักหยุนเซี่ยวพาหยางไค่ไปยังเรือกลไฟที่อยู่ชายทะเลและไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป นอกจากนั้
นอกจากนั้นการกระทำของพวกเขายังแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน พวกเขาทั้ืงสองแสดงสีหน้าออกมาอย่างเย็นชา ราวกับว่าพวกเขากำลังเยาะเย้ยและล้อเลียนเขาว่าเจ้าเป็นคนโง่ที่เข้าร่วมกับสำนักที่ชั่วร้ายเช่นนี้
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจต่อเขาอีกเลย
จากระะยะเวลาที่ผ่านไป มีคนจำนวนมากที่ถูกนำขึ้นเรือเรื่อยๆ อย่างไม่หยุด คนเหล่านั้นต่างร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว หรือกล่าวสบทด่าอย่างไม่หยุด หรือกล่าวขอร้องอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา แต่ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเรือกลไฟไม่สนใจพวกเขา เสมือนว่าพวกเขาเป็นอากาศธาตุที่ว่างเปล่า
หญิงชายเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นขอทานที่เร่ร่อน และชาวประมงอีกส่วน โดยไม่มีบุคคลที่ร่ำรวยแม้แต่คนเดียว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป้าหมายของสำนักหยุนเซี่ย ล้วนเป็นคนจนที่ไร้ซึ่งอำนาจ เพราะความจนจึงทำให้พวกเขาถูกรังแกจากสำนักหยุนเซี่ยโดยไม่สามารถต่อต้านพวกเขาได้
พวกเขารอจนกระทั่งรุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ ผู้คนที่ถูกสำนักหยุนเซี่ยจับมามีประมาณ 30 คน เหล่าผู้ฝึกยุทธุ์รีบวิ่งกลับมาอย่างเร่งรีบ ภายใต้การควบคุมของยอดฝีมือแ่ห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น เรือกลไฟขนาดใหญ่ของพวกเขาต้องออกจากฝั่ง ่