ตอนที่แล้วตอนที่ 167 การดูแลจากฉุ่ยเอ่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 169 ภายหลังความวุ่นวาย

ตอนที่ 168 ไม่คาดฝัน


ตอนที่ 168 ไม่คาดฝัน

เหล่าจอมยุทธุ์ที่เฝ้ารักษาความปลอดภัย ไม่มีทางที่พวกเขาจะวางใจและหลับใหลไปเช่นนี้

เหตุผลที่สามารถอธิบายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ พวกเขาถูกวางยา โดยไม่รู้ตัว !!

เมื่อหวนคิดถึงพฤติกรรมของชายวัยกลางในขณะที่กำลังจะกินอาหารในช่วงเย็น ทำให้หยางไค่เริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

ในสายตาของเขา ตนเองเป็นเพียงขอทานน้อย อาหารเย็นในวันนี้ต้องถูกเขาวางยาอย่างแน่นอน หากว่าเขากินอาหารเข้าไปเหมือนคนอื่นๆ เขาคงหมดสติโดยใช้เวลาไม่นานเหมือนคนอืนๆ เพราะการต่อต้านของสามัญชนโดยทั่วไปไม่แข็งแกร่งเท่าจอมยุทธุ์ที่แข็งแกร่งเหล่านั้น

เมื่อใดที่เขาหมดสติและล้มลง ต้องสร้างความสงสัยให้แก่ทุกคน

แม้ว่าเรื่องราวอาจไม่ส่งผลกระทบต่อเขา แต่มันเป็นความกังวลจากชายวัยกลาง ดังนั้นเขาจึงข่มขูตนเองอย่างดุดัน ไม่ให้ตนเองกินอาหาร ในขณะที่ตนเองหันหลังกลับไป เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แม้จะคอยปกป้องในเวลายามเช้าและยามค่ำคืน แต่เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันขโมยที่อยู่ใกล้ตัว แผนการของชายวัยกลางคืออะไรกันแน่ ? เงินทอง หญิงงาม หรือสิ่งอื่นๆ ?

หยางไค่ขอให้การคาดเดาของเขาผิดเพี้ยนไป คุณหนูของจวนนี้มีจิตใจเมตตา ฉุ่ยเอ่อดูแลตนเองอย่างดี คนดีต้องมีผลตอบแทนที่ดีสิ !!

แต่เมื่อเขาหันมองไปยังสถานที่รวมตัวของเหล่าจอมยุทธุ์ จิตใจของเขาสั่นไหวด้วยความเย็นยะเยือกในทันที

กองไฟที่ใกล้จะริบหรี่ มีเงาร่างของคนหลายคนกำลังคืบคลานออกมา จากนั้นพวกเขาค่อยดึงดาบกระบี่ออกจากเอวของพวกเขา พวกเขาจ่อไปยังลำคอของสหายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ก่อนจะฟันไปยังลำคอของพวกเขาเหล่านั้นอย่างเหี้ยมโหด

เสียงของการหั่นเป็นชิ้นเริ่มขึ้นและเลือดสดเริ่มกระเซ็นไปทั่วทุกแห่ง เร็ว ๆ เสียงการเคลื่อนไหวที่แผ่วเบาดังขึ้น โลหิตสีแดงสดกระเซ็นกระซ่านไปทั่วทุกแห่ง

ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้ซึ่งสุ้มเสี้ยง หลายชีวิตถูกส่งไปยังปรรกโดยไม่รู้ตัว

หยางไค่ไม่กล้าเคลื่อนไหว แม้ว่าเขาจะก้าวสู่เขตแดนลมปราณหมุนเวียน แต่เหล่าจอมยุทธุ์ที่ชั่วช้าเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อย นอกจากนั้นชายวัยกลางยังเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง หากเขาทำอะไรอย่างผลีผลามออกไปแม้แต่น้อย ชีวิตของเขาต้องตกอยู่ในความตายอย่างแน่นอน

ยิ่งกว่านั้น เขาไม่ทราบว่ายังมีใครอยู่ในกลุ่มของคนชั่วช้าเหล่านี้

ชายชราหวู่คงไม่ใช่คนของพวกเขา ? หากว่าชายชราหวู่เป็นคนของพวกเขา จากความสามารถของชายชราหวู่ จะไม่มีใครที่จะสามารถหลบหนีออกไปจากเงื้อมมือของพวกเขา

หยางไค่หรี่ตามองไปยังชายชราหวู่ที่อยู่บนรถม้า ทำให้จิตใจของหยางไค่ผ่อนปรนลงอย่ายิ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลในทันที

เพราะชายวัยกลางกำลังจ้องมองชายชราหวู่อย่างเยือกเย็นและค่อยๆเดินไปหาเขา ไร้ซึ่งเสียงฝีเท้า กลิ่นอายทั้งหมดถูกเก็บซ่อนเอาไว้ กระบี่อยู่ในมืองเขาอย่างเตรียมพร้อม ในค่ำคืนมืดมิดที่ไร้ซึงแสงจันทรา ไร้ซึ่งแสงสว่างในการมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ชายชราหวู่ไม่ใช่คนของพวกเขา !! แต่ในตอนนี้ชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย

หยางไค่ครุ่นคิดอย่างวุ่นวาย เขาควานหาก้อนหินจากพื้นดินตรงนั้น ก่อนจะนำมันมาตรึงไว้บนเล็บของเขาและดีดออกไปอย่างรุนแรง

เดิมทีเขาต้องการที่จะดีดก้อนหินไปยังชายชราหวู่ เพื่อปลุกให้เขาตื่นขึ้น แต่หยางไค่ไม่กล้าใช้พลังลมปราณที่มากเกินไป แม้ว่าในครั้งนี้ก้อนกินจะถูกดีดออกไป แต่น่าเสียดายที่มันผิดเป้าหมาย ก้อนหินนั้นกระทบไปยังศีรษะของชายวัยกลาง

ติ่ง เสียงก้อนหินกระทบศีรษะดังขึ้น มันดังอย่างแผ่วเบา แต่ในค่ำคื่นที่เงียบสงบ ในขณะที่พวกเขากำลังลงมือฆ่า เสียงที่เกิดขึ้นจึงเป็นเสียงที่ดังอย่างมาก

ชายวัยกลางไม่คิดว่าจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น สีหน้าของงเขาแสดงออกอย่างเยือกเย็น เขาไม่รอช้า รีบพุ่งกระบี่ไปยังชายชราหวู่ทันที

ในช่วงเวลาที่วิกฤติ ชายชราหวู่ลืมตาของเขาในทันที ราวกับว่ามันเป็นสัญชาตญานของเขา

โลหิตสีแดงสดปรากฏออกมา ไหล่ของชายชราหวู่ถูกแทงทะลุด้วยดาบของชายวัยกลาง ความรู้สึกเจ็บปวดทำให้สติของเขาเริ่มชัดเจน แส้ที่อยู่ในมือของเขาตวัดไปก่อให้เกิดเสียงปะทะที่รุนแรง เขาตวัดแส้ไปยังชายวัยกลางและกล่าวตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธ : จางติง เจ้ากำลังทำอะไร ?

จางติงไม่ตอบ เขาดึงกระบี่ออกมา โดยสีหน้าที่เย็นชา ก่อนจะเตรียมตัวเพื่อต่อสู้กับชายชราหวู่

หยางไค่กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างเงียบๆ เขาพบว่าจอมยุทธุ์ส่วนใหญ่เริ่มตื่นขึ้นจากความตกใจ ทำให้หยางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าจางติ่งระมัดระวังในการวางให้แก่พวกเขา เขาไม่กล้าวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งหรือวางยานอนหลับที่รุนแรง

เพราะยาเหล่านี้ มีพิษที่รุนแรง และมีรสชาติที่สัมผัสได้ง่าย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่ผู้อื่นจะรับรู้

แต่กาวางแผนอย่างระมัดระวังของเขาถูกทำลายจากเสียงตวัดของกระบี่ที่พุ่งแทงออกไป

หากไร้ซึ่งเสียงของกระบี่ ผู้คนที่อยู่ที่นี้จะถูกฆ่าตายทั้งหมดจากจางติงและผู้สมรู้ร่วมคิดของเขา

หลังจากจอมยุทธุ์ที่หลับใหลอย่างลึกซึ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ พวกเขาต่างมองไปยังรอบๆด้วยความสับสน โดยยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

หลังจากนั้น เสียงตะโกนด้วยความตื่นตกใจดังขึ้น : ซุนจิงหมิงตายแล้ว !! ใครเป็นคนฆ่าเขา ?

เสียงตะโกนยังไม่ทันจบลง เขารู้สึกว่าทรวงอกของเขาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก เขาก้มหน้าลงมองและพบว่ากระบี่แทงทะลุเข้ามายังร่างกายของเขา

ไต่หง เจ้ากำลังอะทำอะไร ?

เสียงตะโกนกล่าวถามเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือการถูกสหายที่เชื่อใจแทงข้างหลัง จอมยุทธุ์เหล่านี้เพิ่งตื่นได้ไม่นาน พวกเขาต่างถูกคนของจางติ่งจัดการไปจำนวนมาก จนถึงตอนนี้ พวกเขาจึงตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาตะโกนคำราม ก่อนจะเริ่มลงมือต่อสู้กับคนของจางติงด้วยความเกรี้ยวโกรธ

การต่อสู้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มคนที่จงรักภักดีและคนของจางติ่ง อีกกลุ่มคือการต่อสู้ต่อตัวตัวระหว่างจางติงและชายชราหวู่ ในขณะที่พวกเขาต่อสู้ มันเต็มไปด้วยคำสบทด่า ความเกรี้ยวโกรธและกล่าวถามดังระงมไปทั่วบริเวณ

ในตอนนี้หยางไค่ตัดสินเดินย่องไปยังรถม้าคันที่ 3 ด้วยความแผ่วเบา

เดิมทีหยางไค่ต้องการจะวิ่งหนีออกไป มันเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของตนเอง แต่ว่าหลายวันที่ผ่านมาฉุ่ยเอ่อดีดูแลเขาเป็นอย่างดี หยางไค่รู้สึกไม่สบายใจที่จะทิ้งนางไป

หญิงสาวทั้ง 3 ที่อยู่ภายในรถม้าต่างตื่นขึ้นมาจากเสียงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่หยางไค่มาถึงรถม้า เสียงที่ไม่พอใจของฉุ่ยเอ่อดังขึ้น : ดึกดื่นค่ำคืนทะเลาะอะไรกัน ?

เมื่อได้ยินเสียงที่วุ่นวายพวกเขาจึงควานหาเสื้อผ้าและสวมใส่มัน

หยางไคไม่ชักช้าเขารีบดึงผ้าม่านภายในรถม้าขึ้นและเข้าไปเข้าในทันที

ใคร !! ฉุ่ยเอ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ นางกำหมัดของตนเองไว้แน่น ก่อนจะต่อยไปที่ใบหน้าของหยางไค่

ขอทานน้อย ? ฉุ่ยเอ่อจำเสียงของหยางไค่ได้ นางกัดฟันไว้แน่นและกล่าว : เจ้าคนเนรคุณ ออกไปเดี่ยวนี้

ในขณะที่นางกล่าว นางใช้เท้าเตะไปที่หยางไค่ ภายในรถม้า นายหญิงและคุณหนูตื่นตกใจกับการปรากฏตัวของหยางไค่ จนร่างกายสั่นเท่าและเย็นเฉียบ

เงียบ หยางไค่ใข้มือปิดปากของนาง ก่อนจะกดร่างกายของนางลงไปที่พื้นรถม้า

ในขณะที่กำลังจะกล่าว หยางไค่ได้กลืนน้ำลายเข้าไปอย่างกะทันหัน

ในระยะที่ห่างกันไม่ถึงคืบ หยางไค่มองเห็นฉุ่ยเอ่อสวมใส่เสื้อชั้นในที่เปราะบาง นางยังไมได้จัดระเบียบเสื้อตัวนอกของนาง ซึ่งทำให้หยางไค่มองเห็นความเป็นหญิงของนางอย่างเต็มตา

จางติงทรยศพวกเจ้า !! พวกเจ้าลองฟัง !! หยางไค่กล่าวอย่างเร่งรีบ

คำกล่าวนี้เป็นการกล่าวอธิบายให้แก่หญิงสาวทั้ง 3 เพราะเขาบุกเข้ามาภายในรถม้าในยามวิกาล มันเป็นการบุกรุกที่น่ารังเกียจ มันต้องมีการอธิบายเหตุผลที่แท้จริง หยางไค่เงยหน้ามองไปยังนายหญิงและคุณหนู ก่อนจะหลบสายตาของเขาไปทิศทางอื่น

เขาพบว่าหญิงสาวทั้ง 3 กล้าหาญเกินไป ในยามค่ำคื่นขณะที่นอนหลับพวกเขากล้าถอดเสื้อผ้าของพวกนางและสวมใส่เพียงเสื้อชั้นในที่เบาบาง โดยเฉพาะนางหญิงที่มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นกว่าฉุ่ยเอ่อ แม้จะเป็นยามค่ำคืนที่มืดมิด แต่ด้วยความสามารถทางสายตาของหยางไค่ ทำให้เขามองเห็นในสิ่งที่ไม่ควรมองเห็นจนหมด

หญิงสาวทั้ง 3 อึ้งไปชั่วขณะ พวกเขาตั้งใจฟัง และได้ยินชายชราหวู่กำลังสบทด่าจางติง แต่จางติงยังหัวเราะด้วยเสียงที่เยือกเย็น

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ฉุ่ยเอ่อตัวแข็งทื่อจากความตื่นตะลึง

นายหญิงและคุณหนูนำผ้าห่มปกคลุมร่างกายของตนเอง ใบหน้าค่อนข้างซีดขาว

พวกเจ้าใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี้ หยางไค่กัดฟันแน่น เขาไม่รู้ว่าชายชราหวู่จะสามารถต้านทางจางติงและจอมยุทธุ์คนอื่นๆได้อีกนานแค่ไหน และไม่รู้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกนางจะไม่สามารถอยู่ภายในรถม้าได้อีกต่อไป

คำกล่าวที่สุขุมของหยางไค่ทำให้หญิงสาวทั้ง 3 ตื่นตัว ในที่สุดพวกเขาจึงตระหนักได้ว่าต้องทำสิ่งใดต่อไป

ใบหน้าของนายหญิงแดงก่ำ นางกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเทา : ขอทานน้อย เจ้าลงไปก่อนได้ไหม รอให้พวกเราสวมเสื้อผ้า .

หยางไค่หันหน้ามองไปที่นายหญิง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ช่วยไมได้ : นายหญิง หากท่านยังอยากมีชีวิตต่อไป ท่านอย่ากังวลอะไรอีกเลย หากข้าลงไปในตอนนี้มันจะเป็นการเปิดเผยร่องรอยของพวกท่าน

เมื่อได้ยินหยางไค่กล่าวเช่นนี้ นายหญิงจึงพยักหน้าตกลง

พวกนางทั้ง 3 รีบสวมใส่เสื้อผ้าของตนเอง แม้ว่าหยางไค่จะหันหลังให้แก่พวกเขา แต่ใบหน้าของนายหญิงและคุณหนูค่อนข้างแดงก่ำ สองแม่ลูกสวมใส่เสื้อผ้าต่อหน้าชายคนเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยคาดคิด ในตอนนี้จากสถานการณ์ที่บีบบังคับ พวกเขาจึงต้องเก็บความอัปยศนี้ไว้ในจิตใจ

ฉุ่ยเอ่อยังสามารถทนรับต่อสถานการณ์นี้ เพราะนางสนิทกับหยางไค่ หลังจากไม่นานเมื่อนางสวมใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ นางรีบไปช่วยนายหญิงและคุณหนูของนาง

เพียงชั่วครู่ หญิงสาวทั้ง 3 สวมใส่เสื้อผ้าจนเสร็จสรรพ

พวกเราต้องหนีไปให้เร็วที่สุด เสียงของฉุ่ยเอ่อสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

ขณะที่หยางไค่กำลังจะดึงม่านขึ้น เขาหยุดการกระทำของเขาอย่างกะทันหัน สีหน้าเคร่งเครียดในทันที่ : ไม่ทันแล้ว

ยังไม่ทันกล่วจบ เสียงกรีดร้องของชายชราหวู่ดังขึ้น ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ เสียงต่อสู้ที่อยู่ด้านนอกได้หยุดลง

แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการต่อต้านของชายชราหวู่และจอมยุทธุ์เหล่านั้นได้พังทลายลง พวกเขาถูกวางยา ทำให้ชายชราหวู่และคนอื่นๆไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งของตนเองออกมาได้ทั้งหมด จางติงและคนของเขายังได้ลอบโจมตี แม้ว่าคนของเขาจะน้อยกว่า แต่ก็ได้เปรียบกว่า

แค่กแค่ก สมควรตาย ! ด้านนอกมีเสียงไอที่อ่อนแอของคนคนหนึ่งดึงขึ้น มันคือเสียงของจางติง เมื่อเผชิญหน้ากับชายชราหวู่ แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

เสียงไอนี้ ทำให้หยางไค่มองเห็นความหวังในการมีชีวิตรอด

ทำอย่างไงดี ทำอย่างไงดี ? ฉุ่ยเอ่อจับตัวหยางไค่ไว้แน่น และกล่าวถามด้วยเสียงร้องไห้ที่หวาดกลัว นายหญิงและคุณหนูต่างจ้องการกระทำของฉุ่ยเอ่อ

ในตอนนี้ เด็กหนุ่มที่หญิงสาวทั้ง 3 คิดว่าเป็นคนทานน้อย กลายเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเขาทั้ง 3

ไม่ต้องตื่นตระหนก นายหญิงท่านหันเหความสนใจของเขาโดยการพูดจาหว่านล้อม ข้าจะหาโอกาสในการลงมือ หยางไค่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เขาสูดลมหายใจเข้า และระงับลมหายใจของเขาและระงับหัวใจที่เต้นกระตุกไปมาอย่างบ้าคลั่ง

นายหญิงก็คือนายหญิง นางพยักหน้าตกลงแม้ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เป็นอันตรายจนใบหน้าซีดขาว ไม่เหมือนกับฉุ่ยเอ่อและคุณหนูที่หวาดกลัวจนมือไม่สั่นเทารนรานอย่างไม่หยุด

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หยางไค่ตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง และคาดเดาว่าคนเหล่านี้เหลือเพียง 5 คนเท่านั้น

จากเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา ฉุ่ยเอ่อริ่มเข้าใกล้หยางไค่มากขึ้น ร่างกายที่อ่อนโยนสั่นเท่าอย่างรุนแรง ในค่ำคืนที่มืดมิด เสียงฝีเท้าที่เข้าใกล้เข้ามาเปรียบเสมือนวิญญาณร้ายที่มาพรากชีวิตของพวกนาง ทำให้ความหวาดกลัวซึมซาบไปยังจิตใจของพวกนางทุกคน

เสียงฝีเท้าหยุดลงตรงหน้ารถม้า

จากติงไอด้วยเสียงที่อ่อนแอและกล่าวด้วยเสียงต่ำอีกครั้ง : นายหญิง คุณหนู โปรดลงมาจากรถม้าด้วย

นายหญิงสูดลมหายใจเข้า นางกล่าวด้วยเสียงที่สั่นสะเทือน : จางติง ก่อนที่นายท่านจะตาย นายท่านปฏิบัติต่อเจ้าเสมือนพี่น้องท้องเดียวกัน ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้ ?

จากน้ำเสียงของนางหญิง ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังและความขมขื่น แสดงให้เห็นว่านางไม่เชื่อว่าจางติงจะทรยศต่อนางเช่นนี้

จางติงนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวออกมาอีกครั้ง : นายหญิงได้โปรดอภัย คนเราเปรียบดั่งความมั่นคั่ง นกที่ตายเปรียบดั่งเศษอาหาร นายท่านตายไป แต่ได้ทิ้งสมบัติไว้เป็นจำนวนมาก นายหญิงและคุณหนูไม่มีอำนาจและความสามารถ แล้วจะดูแลทรัพย์สมบัติเหล่านี้ได้อย่างไร ?

เจ้าทำไปเพียงเพราะทรัพย์สินที่มีค่า ? นายหญิงหัวเราะอย่างน่าสมเพช ก่อนจะกล่าวถาม : คนอื่นๆล่ะ ? ต่างคิดเช่นนี้ใช่ไหม ?

จางติงกล่าว : ถูกต้อง

นายหญิงหัวเราะอย่างขมขื่น : ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้านำทรัพย์สมบัติของเราไปทั้งหมด จางติง หากเจ้ายังนึกถึงมิตรภาพที่นายท่านมีต่อเจ้า ข้าขอให้เจ้าปล่อยข้าและบุตรีของข้า พวกเราทั้งสองขอเพียงมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น พวกเราไม่ต้องการสิ่งอื่นอีกเลย

นายหญิงกล่าวเช่นนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านายหญิงไมได้มอบความคาดหวังไว้ที่หยางไค่ทั้งหมด แม้ว่าการกระทำของหยางไค่จะสุขุม แต่ในสายตาของนางหญิง เขาเป็นเพียงขอทานน้อย จะสามารถต่อต้านยอดฝีมืออย่างจางติงไดอย่างไร ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด