ตอนที่แล้วตอนที่ 165 ออกเดินทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 167 การดูแลจากฉุ่ยเอ่อ

ตอนที่ 166 ขอทานน้อย


ตอนที่ 166 ขอทานน้อย

สิ่งที่เขาได้รับ ไม่ได้มาจากการนั่งฝึกฝนวิชายุทธุ์ในจวนถ้ำ หยางไค่พึงพอใจที่ตนเองตัดสินใจออกเดินทางเพื่อเฝ้นหาประสบการณ์ใหม่ๆให้แก่ตนเอง

ข้าออกจากหอประลอลยุทธ์กี่วัน ? หยางไค่กล่าวถาม

35 วัน มารปฐพีกล่าวตอบ

เป็นเวลานานถึงเพียงนี้ หยางไค่ไม่รู้สึกถึงช่วงเวลาที่ไหลผ่านไป และไม่คิดว่าการสร้างท่าร่างจากความรู้สึกจากจิตใต้สำนึกจะสูญเสียเวลาที่ยาวนานถึงเพียงนี้

โชคดีที่จุดตันเถียนของเขามีหยดน้ำพลังลมปราณหยางกักเก็บเอาไว้ ทั้งหมดเกิดจากโอสพวิเศษที่เซี่ยหนิงฉางสกัดมาให้แก่เขา ไม่เช่นนั้นมันคงไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้เขาสร้างทางร่างของตนเองจนถึงวันนี้

35 วัน ซู่เหยียนจะเป็นอย่างไรบ้าง

แต่หยางไค่เชื่อมั่นในตัวนาง ซู่เหยียนมิใช่หญิงสาวโดยทั่วไป ก่อนหน้าที่นางไม่สามารถปราบปรามอารมณ์ของตนเอง เพราะตัวเขาเองอยู่ในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย

ในครั้งนี้ ตนเองออกเดินทางไกล นางจึงมีเพียงหนทางเดียวคือการต่อต้นอารมณ์ปราถนานของตนเองเพื่อให้การฝึกฝนวิชายุทธุ์ของนางมีความก้าวหน้ามากขึ้น

นางต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน เชื่อว่าการพบเจอในครั้งหน้า ความแข็งแกร่งของซู่เหยียนต้องแข็งแกร่งกว่าเดิมไม่น้อย ปราณจิตเย็น ไม่ได้เป็นเพียงการฝึกฝนร่างกายและจิตใจ แต่มันยังเป็นการเพิ่มความก้าวหน้าของความเขตแดนอีกด้วย

ข้าอยู่ที่ไหน ? หยางไค่กวาดสายตามองไปรอบๆ โดยไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในสถานที่ใด 30 วันในการเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุด หยางไค่มั่นใจว่าตนเองต้องอยู่ห่างจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวอย่างมาก

ภายใต้ความสับสน หูของหยางไค่ขยับไปมา เขาหมุนตัวไปยังทิศทางของต้นเสียงแห่งการเคลื่อนไหว

หยางไค่ยื่นนิ่งอยู่ใสตำแหน่งเดิม รถม้าที่อยู่ในระยะไกลเริ่มปรากฏอย่างชัดเจน

หยางไค่เดินหลบไปด้านข้าง จ้องมองขบวนรถม้าที่กำลังเดินทางเข้าใกล้

ในขบวนรถม้ามีรถม้าทั้งหมด 3 คัน ด้านข้างของรถม้ายังมีจอมยุทธุ์ที่ครอบครองดาบไว้ในมือถึง 4 คน พวกเขาต่างนั่งอยู่บนม้าที่ร่างกายกำยำ และกำลังเดินทางมายังทิศทางนี้

หยางไค่ที่ยืนอยู่ข้างทางดึงดูดความสนใจของจอมยุทธุ์เหล่านี้ หยางไค่สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องมายังตัวเขา แต่หยางไค่แสดงสีหน้าอย่างเป็นมิตร ไม่มีการต่อต้าน โดยยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างเงียบๆ

หลังจากสัมผัสความรู้สึกแห่งจิตใต้สำนึกเป็นเวลากว่า 1 เดือน ทำให้หยางไค่สามารถเก็บซ่อนพลังลมปราณของตนเอง อย่าว่าแต่การยื่นนิ่ง ถึงแม้หยางไค่จะลงมือ ก็มองม่เห็นร่องรอยการเคลือนไหวพลังลมปราณที่ผกผัน

จอมยุทธุ์เหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นยอดฝีมือ ทำไมพวกเขาจะไม่เห็นการจ้องมองของหยางไค่ ?

ทันใดนั้น ผู้ที่อยู่บนหลังม้าตัวแรกที่มาถึงก่อนกล่าวตะโกน : เจ้าขอทานน้อย อย่าขวางทาง หลบไปเดี่ยวนี้

หยางไค่ขมวดคิ้วไปมา แต่ไม่คิดอะไรมาก เขาถอยหลังออกไปอีกหลายก้าว เพื่อไม่ให้เศษฝุ่นเกาะที่ตัวเขา

เดิมทีหยางไค่ต้องการหยุดยั้งพวกเขาเพื่อไถ่ถามว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหน แต่เมื่อเห็นสีหน้าการกระทำของผู้ฝึกยุทธุ์เหล่านั้น ความคิดนี้จึงจางหายไป หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นคงไม่ดีต่อตัวเขาอย่างแน่นอน

เมื่อม้าทั้ง 4 ตัวเดินผ่านไป หลังจากนั้น รถม้าค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปเช่นเดียวกัน

หยางไค่จ้องมองอย่างละเอียด รถม้าทั้ง 3 คัน ร่องรอยของรถม้าคันที่ 3 ที่เหลือเอาไว้บนพื้นดินลึกมากว่าคันอื่นๆ มันน่าจะมีสิ่งของบางอย่างที่ล้ำค่าอย่างแน่นอน

ในขณะรถม้าคันสุดท้ายเคลื่อนผ่าน ยังมีกลิ่นหอมจางๆโชยออกมา หน้าต่างของรถม้าคันนั้น มีดวงตาคู่หนึ่งที่เป็นประกายซึ่งได้เผชิญกับการจ้องมองของหยางไค่ในชั่วขณะ

ภายในรถม้าคันนี้ สิ่งล้ำค่าที่อยู่ภายในคือหญิงสาว

หลังจากที่รถม้าเคลื่อนผ่านไป หยางไค่จึงเดินเข้าสู่ถนน และมองไปยังทิศทางที่พวกเขาเคลื่อนผ่านไป

หยางไค่ไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนี้คือแห่งหนใด แต่ในเมื่อรถม้าเหล่านี้เดินทางไปยังทิศทางนั่น พวกเขาต้องไปยังสถานที่มีผู้คนอาศัยอยู่ เขาจึงติดตามรถม้าเหล่านั้นไป

แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความเคร่งเครียดในทันที

เขาพบว่ามีชายคนหนึ่งกำลังพุ่งมายังตำแหน่งที่เขายืนอยู่ และคนคนนี้ คือคนที่กล่าวตะโกนคำรามต่อตนเองนั่นเอง

เขาต้องการสิ่งใด ? ต่อสู้ ? หยางไค่ยิ้มอย่างเยือกเย็น เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเคลื่อนไหวอย่างกล้าหาญ

หลังจากนั้นไม่นาน ชายวัยกลางที่อยู่บนหลังมามาถึงด้านหน้าของหยางไค่ เขาดึงบังเหียนม้าจนม้าวิ่งทะยานขึ้นสู่ และร้องตะโกนอย่างเสียงดัง

หยางไค่ยื่นมองอย่างเงียบๆ

สีหน้าของชายวัยกลางรู้สึกรำคาญ เขาจึงกล่าวขึ้นมา : ขอทานน้อย ถือว่าเจ้าโชคดี คุณหนูของพวกเรามีจิตใจที่เมตตา นางกล่าวว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ในป่าลึกที่เต็มไปด้วยอันตราย ทั้งโจรป่าและสัตว์ป่าอื่นๆ คุณหนูกังวลความปลอดภัยของเจ้าจึงให้พวกเราพาเจ้าไปด้วย

หลังจากที่ชายวัยกลางกล่าวจบ เขางอหลังยื่นมืออกมา คว้าคอเสื้อของหยางไค่ หยางไค่ต้องการที่จะต่อต้าน แต่กลับอดทนต่อการกระทำของเขา

แม้การกระทำของเขาจะไม่เป็นมิตร แต่ไร้ซึ่งแผนการที่ชั่ร้าย ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็เตรียมตัวออกเดินทางไปพร้อมกับพวกเา การกระทำเช่นนี้ ตรงกับความต้องการของหยางไค่

ชายวัยกลางคว้าคอเสื้อของหยางไค่ และดึงเขาขึ้นมาบนหลังม้า ม้า สองขาของเขากระทืบไปยังท้องของม้า ปากตะโกนเสียงดัง หันทิศทางของม้าและไล่ตามขบวนที่อยู่ด้านหน้า

หยางไค่ถูกกระทำอย่างมึนงง ในขณะที่กำลังสับสน ชายวัยกลางได้มาถึงหน้าขบวนรถท้า เขาคว้าคอเสื้อของหยางไค่ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นจึงโยนหยางไค่ออกไปกลางอากาศก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : หวู่เหล่า รับไว้

หน้ารถม้าคันแรก แส้ที่อยู่ในมือของชายชราพุ่งม้วนออกไป และรัดไปยังเอวของหยางไค่ โดยดวงตาของชายชราผู้ขับรถม้าไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขาดึงมันกลับเบาๆ ซึ่งได้ดึงหยางไค่มาถึงข้างกายของเขา

รถม้าไม่มีการหยุดเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

ชายชราผู้นี้เป็นยอดฝีมือ !! หยางไค่จ้องมองหวู่เหล่าด้วยสายตาที่สงสัย เขาคาดเดาว่าชายชราคนนี้อย่างน้อยที่สุดเขาต้องอยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง

แม้ว่าจะอยู่ในสำนักหลิงเซี่ยว ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยูในเขตแดนลมปราณแท้จริงจะมีไม่มาก ศิษย์ร่นเยาว์อันดับหนึ่งซุ่เหยียนและเจี่ยหงเฉินล้วนอยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง แต่สำหรับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ลมปราณแท้จริงเป็นสิ่งที่พวกเขาใฝ่ผัน

นอกจากนั้น ในดินแดนสักแห่งหน ผู้ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ ยังถูกขนานนามว่าจักรพรรดิ์

หวู่เหล่าปาไม่ขยับเขยื้อน เปลือกตาของเขาเหี่ยวย่น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยริ้วรอยแห่งอายุที่มากขึ้น เมื่อจ้องมองออกไปดูเหมือนว่าเขากำลังจะตายจากความชรา เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของหยางไค่ เขาจึงกาน้ำให้แก่หยางไค่

ขอบคุณผู้อาวุโส หยางไค่รับมันและดื่มกิน ก่อนจะพ่นมาออกมาในทันที

จอมยุทธุ์ที่อยู่บนหลังม้าต่างหัวเราะด้วยความสนุกและมีคนกล่าวขึ้น : ผู้อาวุโสหวู่ ทำไมท่านถึงให้เด็กน้อยดื่มเหล้าที่รุนแรงเช่นนี้ ยังดีที่เขายังไม่ตาย เหล้าของท่าน พวกเรายังไม่กล้าที่จะชิมรสชาติของมันแม้แต่น้อย

หยางไค่รู้สึกว่าคอของเขากำลังถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง เขาแลบลิ้นเพื่อพ่นความร้อนออกมา ไม่ใช่เพราะหยางไค่ไม่เคยดื่มเหล้า แต่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสเหล้าที่มีรสชาติรุนแรงเช่นนี้

คืนให้ท่านดีกว่า หยางไค่ไม่สามารถรับความปราถนาดีที่ชายชรามอบให้แก่เขา เขาจึงยื่นกาน้ำคืนไปให้แก่เขาไป

ชายชราหวู่รับมันและจิบเข้าเฮือกใหญ่ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาประกายด้วยความกระปรี้กระเปร่า เขาควบม้าออกไปด้วยความคล่องแคล่ว

เมื่อถูกคุ้มครองจากผู้มีจิตใจเมตตา หยางไค่ไม่กล่าวสิ่งใดมาก เขานั่งเคียงข้างชายชราวู่อย่างเงียบงำ และรอให้ไปถึงเมืองที่อยู่ใกล้ๆ แล้วแยกตัวจากพวกเขาไปในที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด