ตอนที่แล้วตอนที่ 163 ศิษย์พี่ที่ไม่ได้สติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 165 ออกเดินทาง

ตอนที่ 164 ทรยศต่อจารีตประเพณี


ตอนที่ 164 ทรยศต่อจารีตประเพณี

หากว่ามีศิษย์สาวกที่ต้องการแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์กับเขา เขาจะแลกเปลี่ยนด้วยหมัดเปลวเพลิงผลาญอัคคี แต่น่าเสียดายที่สำนักไม่อนุญาตให้ศิษย์สาวกแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ซึ่งกันและกัน มันทำให้พวกเขารู้สึกสึกเสียดายยิ่งนัก

หยางไค่หันหน้าไปยังทิศทางของเสียงตะโกน และขมวดคิ้วไปมาด้วยความหยาบกร้าน

ผู้ที่กล่าวตะโกนเรียกเป็นชายวัยกลางอายุประมาณ 26 -27 ชายคนนี้หยางไค่รู้จักเขา เขาคือเฉาเจิ้งเหวินแห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ เขาคือคนที่สั่งการให้ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์จับตัวเขาและหลีหยุนเทียนไปยังคุกคุมขังในป่าลึก

เฉาเจิ้งเหวินเอามือไขว้หลัง เดินมาหาหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความราบเฉย

ศิษย์พี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?

เฉาเจิ้งเหวินสบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา โดยไม่กล่าวพูดจา แต่เขายื่นมือออกและดูเหมือนว่ากำลังปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างไปยังทิศทางตำแหน่งของหยางไค่

หยางไค่ยื่นนิ้วสองนิ้วออกมา และหนีบสิ่งที่เฉาเจิ้งเหวินปลดปล่อยออกมาไว้ในนิ้วมือโดยแสดงท่าทีที่เฉยชาต่อเฉาเจิ้งเวหิน ซึ่งทำให้ใบหน้าของเฉาเจิ้งเหวินกระตุกไปมา เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหยางไค่จะสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างง่าย

มันคืออะไร ? หยางไค่จ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือ มันคือสารฉบับหนึ่ง โดยที่เขายังไม่เปิดอ่าน

คำสั่งแห่งการเลื่อนขั้น !! เฉาเจิ้งเหวินกล่าอธิบายด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด : คำสั่งจากหอชุมนุมผู้อาวุโส ศิษย์ฝึกหัดหยางไค่ก้าวสู่เขตแดนลมปราณแรกเริ่ม เลื่อนขั้นจากศิษย์ฝึกหัดเป็นศิษย์สามัญแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว

หยางไค่ขมวดคิ้วความสงสัย : เลื่อนขั้น ?

ถูกต้อง !! เฉาเจิ้งเหวินพยักหน้า : เจ้าเข้าสู่สำนักเป็นเวลากว่า 3 ปี เจ้าอยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์เสมอมา ดังนั้นเจ้าจึงลดขั้นเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัด แต่จากการฝึกฝนวิชายุทธุ์อย่างพากเพียรของเข้า ในที่สุดเจ้าสามารถก้าวข้ามเขตแดนกายาเริงอารมณ์และอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเร่ม จากการหารือของเหล่าผู้อาวุโส พวกเขาตัดสินใจให้โอกาสในการเลื่อนขั้นแก่เจ้า!!

โอกาส ? หยางไค่เข้าใจความหมายในคำกล่าของเขาทันที

เฉาเจิ้งเหวินกล่าวอธิบาย : เพียงแค่เจ้าผ่านบทดสอบจากเหล่าผู้อาวุโส เจ้าจะได้รับการเลื่อนขั้นป็นศิษย์สามัญ !! จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของสำนัก ศิษย์ฝึกหัดที่ได้รับโอกาสในการเลื่อนขั้นมีเจ้าเพียงคนเดียว โอกาสไม่ได้รับมาง่ายๆ ศิษย์น้องหยางเจ้าต้องรักษาโอกาสนี้ให้ดี มิฉะนั้นเจ้าคงไม่มีโอกาสพลิกผันโชคชะตาของตนเอง ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าในครั้งนี้

ข้าไม่สนใจ !! หยางไค่โบกมือปฏิเสธก่อนจะโยนสารแห่งการเลื่อนขั้นให้แก่เฉาเจิ้งเหวิน

สีหน้าของเฉาเจิ้งเหวินเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขารีบยื่นมือออกไปคว้าสารแห่งการเลื่อนขั้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน : หยางไค่ นี้เป็นคำสั่งจากการตัดสินใจของเหล่าผู้อาวุโส ! เจ้ากล้าปฏิเสธ ?

การหาตัดสินใจของเหล่าผู้อาวุโสแล้วจะทำไม ? หยางไค่รู้สึกรำคาญใจ : ข้าไม่เคยร้องขอสิ่งเหล่านั้นและไม่เคยแย่งชิงจากใคร ข้าอยู่ในฐานะศิษย์ฝึกหัดด้วยความพึงพอใจ พวกเขายังต้องการบีบบังคับให้ข้าเลื่อนขั้น ?

แม้ว่าหยางไค่ไม่ทราบว่าบทสอบที่เหล่าผู้อาวุโสให้เขาทำมันให้สำเร็จจะเป็นบททดสอบใด แต่เขามั่นใจว่ามันไม่ใช่บททดสอบที่ง่ายดาย และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเป็นบทดสอบที่เต็มไปด้วยอันตรายจนถึงแก่ชีวิต

ที่แท้เจ้าเป็นคนที่สมถะ พึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองมี เฉาเจิ้งเหวินกล่าวถากถามด้วยน้ำเสียงที่ดูหิม่น

หากกล่าวอีกนัยหนึ่ง สารแห่งการเลื่อนขั้นฉบับนี้เขาควรจะได้รับตั้งแต่ที่ซู่หยียนช่วยเขาออกมาจากคุกคุมขังในป่าลึก แต่หลังจากนั้นหยางไค่ได้ออกไปยังเทือกเขาผลึกน้ำแข็งหิมะกับเซี่ยหนิงฉาง หลังจากที่กลับมาได้ไม่นาน ถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ได้ปรากฏ สารฉบับนี้จึงเพิ่งมาถึงมือของหยางไค่

ข้าไม่ได้สมถะ สิ่งที่เจ้ากล่าวไม่ถูกต้อง หยางไค่กล่าวด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย ก่อนจะเดินผ่านเฉาเจิ้งเหวิน

หยางไค่ !! เฉาเจิ้งเหวินกล่าวตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธ จนดึงดูดความสนใจของศิษย์สาวกคนอื่นๆ : เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าได้รับโอกาสที่วิเศษในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์แล้วไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของเจ้า ผู้คนที่พบความอัศจรรย์ไม่ได้มีเพียงเจ้าคนเดียว !! เจ้ากล้าขัดคำสั่งของเหล่าผู้อาวุโส เจ้ารู้ถึงผลลัพธุ์ที่ตามมาหรือเปล่า !!

ไปซะ !! หยางไค่หันหน้ากลับมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย เขากล่าวคำรามต่อเฉาเจิ้งเหวิน ทำให้ศิษย์พี่อย่างเฉาเจิ้งเหวินตกใจจนไม่ได้สติ หลังจากที่เขาสามารถตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขามองไม่เห็นแม้แต่เงาของหยางไค่

ตรงหน้าหอแห่การต่อสู้ เต็มไปด้วยความเงียบงัน หัวใจของศิษย์สาวกจำนวนมากมายมองเห็นฉากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด

หยางไค่ปฏิเสธสารแห่งการเลื่อนขั้นของเหล่าผู้อาวุโส!!มัน เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ สำหรับพวกเขาแล้ว เหล่าผู้อาวุโสเปรียบดั่งทองและหยกที่ล้ำค่าและสูงส่ง เมื่อคำสั่งมาถึง แม้จะเป็นเทือกเขาแห่งดาบ ทะเลเปลวเพลิง พวกเขาต้องปฏิบัติตามโดยไม่ปฏิเสธพวกเขาไม่มีความคิดแม้แต่จะต่อต้านหรือปฏิเสธคำสั่งของเหล่าผู้อาวุโส ? แต่ในตอนนี้ ตรงหน้าของพวกเขา มีศิษย์ฝึกหัดคนหนึ่งปฏิเสธคำสั่งจากเหล่าผู้อาวุโส !!

นี่ไม่ใช่การทรยศต่อจารีตประเพณีของสำนัก ? เขายังเคารพนับถือเหล่าผู้อาวุโสอยู่หรือไม่ ? ศิษย์สาวกจำนวนไม่น้อยต่างชื่นชมเขาและประฌานการกระทำของเขาเวลาเดียวกัน แต่ศิษย์สาวกส่วนใหญ่ต่างคิดว่าหยางไค่เป็นคนที่สมถะ พึงพอใจกับสิ่งที่ตนเอง ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธสาร

สีหน้าของเฉาเจิ้งเหวินเขียวคล้ำ สารแห่งการเลื่อนขั้นที่อยู่ในมือของเขาถูกขยี้จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม จิตใจเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความเกรี้ยวโกรธและความไม่เข้าใจ

ผู้อาวุโสที่หนึ่งกล่าวกำชับแก่เขาด้วยตนเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้หยางไค่รับสารแห่งการเลื่อนขั้นนี้ และให้เขาทำบทสอบที่อยู่สารแห่งการเลื่อนขึ้นให้สำเร็จ

บททดสอบนั้นคืออะไร เฉาเจิ้งเหวินเองได้แอบดูมันไปแล้ว

เดินทางไปยังดินแดนปีศาจเมฆาคราม และฆ่าผู้ฝึกวิชายุทธุ์แห่งมารปีศาจที่มีความแข็งแกร่งไม่ต่ำกว่าตนเอง 1 ตน!!

บทสอบนี้ หากกล่าวว่ามันง่ายมันก็เป็นเรื่องง่าย หากกล่วาว่ามันเป็นเรื่องยากมันก็เป็นเรื่องยาก ดินแดนปีศาจเมฆาคราม เป็นดินแดนที่รวมตัวของผู้ฝึกยุทธุ์แห่งมารปีศาจ หากพบเจอกับผู้ฝึกยุทธ์แห่งปีศาจที่อ่อนแอ บททดสอบนี้จะสำเร็จโดยง่าย แต่หากโชคไม่เข้าข้าง พบเจอกับผู้ฝึกยุทธุ์แห่งปีศาจที่แข็งแกร่ง แม้จะเป็นเหล่าผู้อาวุโสก็มิอาจที่จะช่วยเหลือเขาได้

เฉาเจิ้งเหวินคิดว่าหยางไค่จะยอมรับสารแห่งการเลื่อนขั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าหาญถึงขั้นนี้ เขาปฏิเสธสารแห่งการเลื่อนขั้นของเหล่าผู้อาวุโสต่อหน้าศิษย์สาวกจำนวนมากมาย

ข้า ..จะกล่าวรายงานต่อผู้อาวุโสที่หนึ่งอย่างไร ? เฉาเจิ้งเหวินยื่นนิ่งอยู่ในตำแหน่งเดิมเป็นเวลานาน ก่อนจะขนฟันของตนเองอย่างรุนแรง และหันหน้าเดินออกไป

หยางไค่ถูกเฉาเจิ้งเหวินทำให้หงุดหงินใจตั้งแต่เช้า จึงทำให้สีหน้าของเขาอึมครึมอย่างมาก

เมื่อสารปีก่อนหากไม่ใช่เพราะคนคนนั้นสั่งให้เขาเข้ามายังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เขาคงไม่เดินทางจากสถานที่แสนไกลมายังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวแห่งนี้ แต่ ทำไมเขาถึงให้ตนเองมายังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ? สถานที่แห่งนี้มีความเกี่ยวพันธุ์กับเขาอย่างไร ?

เข้าสู่สำนักเป็นเวลากว่า 3 ปี ลิ้มรสความสัมพันธุ์ที่ผันแปรของมนุษย์ สัมผัสถึงความเป็นอบอุ่นและเย็นชาของผู้คน สำหรับหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว หยางไค่ไม่ความรู้สึกที่รักหรือเคารพแม้แต่น้อย

หากมีสิ่งที่ทำให้เขาคิดถึง ก็มีเพียงซู่เหยียนเท่านั้น

และความรู้สึกเหล่านี้ เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ใช่แล้ว ยังมีเซี่ยหนิงฉาง ในขณะที่อยู่กับศิษย์พี่ตัวน้อย มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเช่นเดียวกัน

ในขณะที่กำลังก้าวเดิน ด้านหลังมีคนคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตามเขามาด้วยความรีบเร่ง จากกลิ่นอายที่โชยแตะเข้าสู่จมูก นางได้กล่าวตะโกนอย่างรวดเร็ว : ศิษย์น้องหยาง

หยางไค่ชะงักฝีเท้า หันหน้ากลับไป และพบว่าคนที่วิ่งตามาคือหล่างฉู่วเต่ว

แม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในถ้ำแห่งฟ้าสวรรค์จะไม่สูดี แต่พวกเขาเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน นอกจากนั้นนางยังไม่เคยล่วงเกินหรือทำให้เขาเคียงโกรธ หยางไค่จะกล่าวทักทายด้วยเสียงที่ราบเฉย : ศิษย์พี่หล่าง !!

หล่างฉู่วเต่วยิ้มด้วยความดีใจ เป็นเพราะนางกำลังหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย จึงทำให้ทรวงอกขนาดมหึมาของนางกระชับจึ้นลงอย่างเย้ายวนใจ ราวกันว่านางลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในถ้ำสวรรค์จนหมดสิ้น นางจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เป็นธรรมชาติและกล่าว : ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่สนใจข้าอีกต่อไป

ไม่มีอะไร ศิษย์พี่คิดมากไปเอง หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบา

หล่างฉู่วเต่จ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่เป็นประกายและกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน : ในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์เป็นความผิดของข้า ข้าทำไม่ถูกต้อง ข้าหวังว่าศิษย์น้องจะไม่ตัดความสัมพันธุ์กับข้าเพราะเรื่องนี้

นางเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาด นางเข้าใจถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในถ้ำสวรรค์ และวิ่งมาขอโทษหยางไค่ด้วยความจริงจัง เพื่อแสดงความจริงใจให้แก่หยางไค่

อาจะเป็นเพราะหยางไค่ไม่ใช่คนใจแคบ แม้ว่าตนเองจะมีความจะขุ่นเคืองใจต่อนาง แต่ในเวลานี้มันได้หายไปจนหมดสิ้น

หยางไค่ยิ้มอย่างจางๆ และส่ายหัวไปมา : ศิษย์พี่ให้ความสำคัญกับข้ามากเกินไป มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

ศิษย์น้องกล่าวเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกสบายใจ สองมือของหล่างฉู่วเต่วางไว้บนหน้าอกของนาง สีหน้าของนางแสดงออกอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะกล่าวถามด้วยความสงสัย : แต่ว่าในวันนี้ศิษย์น้องค่อนข้างแข็งกร้าวเกินไป ทำไมเจ้าต้องปฏิเสธสารแห่งการเลื่อนขั้นของเหล่าผู้อาวุโส ? ต้องมีปัญหาใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน

เฉาเจิ้งเหวินกล่าวไปแล้วนี้ ว่าข้าเป็นเพียงคนสมถะที่พึงพอใจกับสิ่งตนเองมี ในเมื่อข้าพึงพอใจ ไม่จำเป็นที่ข้าจะเลื่อนขั้นหรือฐานะของตนเอง ข้าในฐานะศิษย์ฝึกหัดจะเป็นอะไรไป ?

เมื่อเห็นว่าหล่างฉู่วเต่วกำลังจะกล่าวตอบ หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่นและกล่าว : วันนี้ข้าไม่อยากพูดคุยกับใคร โปรดเข้าใจข้าด้วย ขอลา

หล่างฉู่วเต่อึ้งไปชั่วขณะแต่ก็พยักหน้ายอมรับด้วยรอยยิ้ม

นางเข้าใจในการกระทำของหยางไค่ แม้ว่าสุ้มเสียงที่คุยกับตนเองจะอ่อนโยน แต่มันยังเต็มไปด้วยความเย็นชา หากในเวลานี้ตนเองยังคงไล่ตามเขาไปอย่างไม่หยุด มันเพียงจะสร้างความรำคาญและความเบื่อหน่ายให้แก่เขา

หลังจากที่กล่าวลาหล่างฉู่วเต่ว หยางไค่กลับไปยังจวนถ้ำของตนเอง โดยไม่เห็นแม้แต่เหงาของเซี่ยหนิงฉาง นางน่าจะออกไปแล้ว แต่ไม่เพียงเท่านี้ หยางไค่พบว่าจวนถ้ำของตนเองมีต้นบอนไซเพิ่มขึ้นมา 2 ต้น เขาครุ่นคิดอยู่นั้น จึงคิดได้ว่าต้นบอนไซทั้งสองต้นเป็นต้นบอนไซที่อยู่ภายในของหอแลกเปลี่ยนวิเศษ

แต่ในตอนนี้มันถูกเซี่ยหนิงฉางย้ายมาไว้ในจวนถ้ำของเขา

ภายในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว จากการปฏิเสธของหยางไค่ในครั้งนี้ จึงก่อให้เกิดความวุ่นวายที่ใหญ่มหันต์

ในจวนของผู้อาวุโสที่หนึ่ง เฉาเจิ้งเหวินกล่าวรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนเช้าอย่างละเอียด หลังจากที่เฉาเจิ้งเหวินกล่าวจบ น้ำชาที่เขากำลังดื่มได้พุ่งออกมาจากปากของเขา

หยางไค่ปฏิเสธ ผู้อาวุโสที่หนึ่งคิดถึงความเป็นไปได้ที่หยางไค่จะตอบรับมัน แต่เขาไม่คิดว่าหยางไค่จะกล้าปฏิเสธถึงเพียงนี้

ใช่ เฉาเจิ้งเหวินกล่าวด้วยความโกรธที่ยังครุกกรุ่น : ไม่เพียงปฏิเสธ มันยังหักหน้าของเหล่าผู้อาวุโสต่อหน้าศิษย์สาวกจำนวนมาก ผู้อาวุโสที่ 1 หลังจากที่หยางไค่แสดงอำนาจพลังในการโจมตี ณ ถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ มันก็ไม่เห็นความสำคัญของใครอีกเลย อาจเป็นเพราะเช่นนี้ ทำให้มันหยิ่งยโส คิดว่าตนเองเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ จึงไม่ยำเกรงเหล่าผู้อาวุโส เราต้องลงโทษมัน ด้วยความอวดดีของมัน มิฉะนั้นมันคงไม่ยอมจำนนอย่างแน่นอน ในวันข้างหน้าหากว่าเหล่าผู้อาวุโสออกคำสั่งมา ศิษย์สาวกทุกคนจะกล่าวปฏิเสธโดยเอาเยี่ยงอย่างมากจากหยางไค่ หากเป็นเช่นนั้น ..

หุบปากของเจ้าเดี่ยวนี้! เหว่ยซิตงทุบโต๊ะอย่างรุนแรง เขาจ้องมองเหว่ยซิตงด้วยความเกรี้ยวโกรธ : มันปฏิเสธ ทำไมเจ้าไม่ยัดเหยียดสารแห่งการเลื่อนขั้นให้มัน ให้มันยอมรับบททดสอบนี้

ความคิดของเฉาเจิ้งเหวินวุ่นวายวายอย่างยิ่ง เขาคิดอยู่ภายในว่าหยางไค่ปฏิเสธไปแล้ว ทำไมตนเองต้องทำเรื่องที่น่าอับอายเช่นนั้นด้วย

ในเมื่อหยางไค่ปฏิเสธก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี สามารถใช้โอกาสในครั้งนี้สั่งสอนบทเรียนให้แก่หยางไค่ แล้วทำไมผู้อาวุโสที่หนึ่งจึงมีปฏิกิริยาตอบโต้เช่นนี้ ?

แต่สีหน้าของผู้อาวุโสที่หนึ่งเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธอย่างน่าหวาดกลัว เฉาเจิ้งเหวินจึงไม่กล้ากล่าวถาม

ไป ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีการใด แม้ว่าเจ้าต้องคุกเข่าขอร้องมัน เจ้าก็ต้องทำ เพื่อให้มันยอมรับบทสอบนี้ ! เหว่ยซิต่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม

อ่า .. เฉาเจิ้งเหวินตื่นตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

คุกเข่าขอร้องหยางไค่ ?

ยังไม่รีบไปอีก ผู้อาวุโสที่หนึ่งทุบโต๊ะจนกลายเป็นปุยผง

ขอรับ เฉาเจิ้งเหวินไม่กล้าอยู่ที่นี้อีกต่อไป เขารีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ในจวนของผู้อาวุโสที่สอง ซู่ซวนวู่กำลังนั่งขัดสมาธิ ตรงหน้าของเขาคือตารางหมากรุก เป็นการวางหมากสีดำที่ตัดสลับกับสีขาว หมากสีดำล้อมหมากสีขาวไว้อย่างแน่นหนาโ่ดยไม่ฆ่ามัน มันจึงกลายเป็นสถานการณ์แห่งความเป็นความตายที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม

ศิษย์คนหนึ่งกำลังกล่าวรายงานแก่เขา หลังจากที่ฟังจบ สีหน้าของซู่ซวนวู่แสดงออกด้วยความประหลาใจ : ปฏิเสธ ?

ศิษย์ผู้นั่้นกล่าวอธิบาย : ขอรับ เขากล่าวปฏิเสธอย่างไม่แยแส ต่อหน้าศิษย์สาวกจำนวนมากมาย

สีหน้าของซู่ซวนวู่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาด้วยความสุข : ปฏิเสธได้ดี ปฏิเสธได้อย่างยอดเยี่ยม !! ศิษย์พี่ใหญ่อ่า ศิษย์พี่ใหญ่ โง่เง่าหาความอับอายให้แก่ตนเอง รสชาติของมันคงไม่เลวสินะ

Share this:

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด