ตอนที่แล้วตอนที่ 162 การตอบสนองของเคล็ดวิชาคู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 164 ทรยศต่อจารีตประเพณี

ตอนที่ 163 ศิษย์พี่ที่ไม่ได้สติ


ตอนที่ 163 ศิษย์พี่ที่ไม่ได้สติ

ข้าทราบแล้ว หยางไค่พยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม

หากว่าเจ้าไม่สามารถปราบปรามความปรารถนาของเจ้า เจ้าสามารถไปหาหญิงสาวคนอื่นๆได้ เปลือกตาและขนตายาวสลวยของซู่เหยียนสั่นเล็กน้อย แต่สีหน้าของนางแสดงออกมาอย่างดุดัน

ไม่จำเป็น ข้าไม่ใช่คนที่กระหายในกาม หยางไค่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

ซู่เหยียนพยักหน้าอย่างช้าๆ : เจ้าไม่เข้าใจ ในขณะที่ความรู้สึกแห่งความปราถนาพุ่งทะยานเข้าสู่ร่างกาย ความทุกข์ทรมาณที่เจ้าไม่อยู่ข้างกายมันหนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง ข้ามาหาเจ้าตั้งแต่ 2 วันก่อน แต่ว่าศิษย์น้องคนนี้อยู่ในบริเวณแห่งนี้ตลอดเวลา ข้าจึงไม่มีหนทางอื่น ข้าจึงต้องลงมือโดยวางยาให้นางสลบไป อ่า หวังว่าตอนที่น่างฟื้นมานางจะไม่โกรธเคืองข้า

ความรู้สึกเช่นนั้นรุนแรงมาก ? หยางไค่ขมวดคิ้วไปมา ซู่เหยียนมีลักษณะนิสัยอย่างไรเขาเข้าใจอย่างชัดเจน เขาสามารถทำให้หญิงสาวที่มีนิสัยเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความสง่างามสลัดศักดิ์ศรีที่สูงส่งของนางเพื่อเดินทางมาหาเขาในการตอบสนองความต้องการของตนเอง นั่นหมายความว่าความรู้สึกที่นางได้รับต้องถึงขีดสุดจนนางจะมิอาจปราบปรามมันได้อีก

รุนแรงมาก รุนแรงจนทำให้ร่างกายและจิตใจของสั่นเทาตลอดเวลา !! ซู่เหยียนกล่าวดวยความจริงจัง : ดังนั้น ข้าจึงไม่คัดค้านให้เจ้าไปหาหญิงสาวคนอื่นเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง

คำพูดของนางทำให้จิตใจของหยางไค่สั่นสะท้าน ทำให้เขาไม่กล้าที่จะตอบรับคำกล่าวของนาง

ซู่เหยียนซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของหยางไค่ ดวงตาของนางมองเม่อออกไปและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน : ตัวอย่างเช่น ศิษย์น้องเซี่ยคนนี้ ข้าเห็นว่านางให้ความสำคัญต่อเจ้าอย่างมาก แม้ว่านางจะปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุมหน้า แต่ข้าเชื่อว่านางเป็นหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูง มีจิตใจงดงาม มีนิสัยที่อ่อนโยน หากเจ้าไม่รำคาญข้าอยากให้เจ้าลองใกล้ชิดกับนางมากกว่านี้ หากว่าเจ้าไม่สามารถอดทนต่อความปรารถนา ข้าเองไมได้อยู่ข้างกายเจ้า ก็ยังมีคนคอยปลอบประโลมเจ้า

โปรดอย่ากล่าวคำพูดเหล่านี้ ผลที่ตามมาอันตรายมากกว่าที่เราคิด ทันทีที่หยางไค่คิดถึงเม้งวู่หยามันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวกับความเกรี้ยวกราดของเขา

พวกเจ้ารู้จักกันได้อย่างไร ?

หยางไค่กล่าวอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเทือกเขาผลึกน้ำแข็งนพเก้าให้แก่ซู่เหยียนทั้งหมด แต่เขาไม่ได้กล่าวถึงการจูบที่หอมหวานนั้น ไมใช่เพราะหยางไค่ต้องการปิดบังซู่เหยียน แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงชื่อเสียงของเซี่ยหนิงแง เขาจะกล่าวพูดอย่างพร่ำเพรื่อได้อย่างไร?

มันเป็นเช่นนี้ ข้าควรจะขอบคุณนาง เมื่อซู่เหยียนกล่าวจบ ทำให้นางประทับใจในตัวของเซี่ยหนิงฉาง ผลึกน้ำแข็งนพเก้าที่หยางไค่มอบให้แก่นาง แบ่งมากจาผลึกน้ำแข็งนพเก้าของเซี่ยหนิงฉาง

เมื่อนางตื่นขึ้นมา ข้าต้องหาเวลาขอโทษต่อการกระทำในครั้งนี้ ศิษย์พี่เซี่ยคงไม่กล่าวโทษเจ้า หยางไค่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่น

อืม ข้าจะทำเช่นนั้น

ค่ำคืนที่แสนสั้นในวันนี้ พวกเขาต่างพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของกันและกัน

หลังจากนั้น ซู่เหยียนลุกขึ้นจากเตียงและสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ของนาง

ข้าต้องไปแล้ว ซู่เหยียนกล่าวอย่างแผ่วเบา สำหรับนางแล้วการทำเช่นนี้ถือเป็นการฝึกในและเป็นบททดสอบของจิตใจ

รอก่อน อย่าเพิ่งไป !! หยางไค่กุมมือของนางและพานางไปยังปากถ้ำ ก่อนจะชี้ไปยังโสมีปีศาจหยิงหยางที่กำลังหยั่งรากของมันในจวนถ้ำของหยางไค่ : ถ่ายทอดพลังลมปราณให้มันสักนิด

มันคือะไร ? ซู่เหยียนค่อยๆก้มตัวลงและจ้องมองโสมีปีศาจหยินหยางด้วยความสงสัย และอดไม่ได้ที่จะกล่าวถา : มันยิ้มให้ข้า มันเป็นสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีจิตวิญญาณหรือเปล่า ?

ใช่ มันเป็นสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่ดูดซับพลังหยินและหยาง ในสถานที่แห่งนี้มีเพียงพลังหยาง มันกำลังรอการเติมเต็มพลังหยินจากเจ้า

ซู่เหยียนไม่รีรอ นางยื่นมือสัมผัสไปถึงโสมปีศาจหยินหยาง พลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายค่อๆถ่ายทอดไปยังร่างกายของโสมปีศาจหยินหยาง มันทำให้โสมปีศาจหยินหยางแสดงออกมาด้วยความสุขที่มากยิ่งขึ้น

หลังจากนั้น ซู่เหยียนค่อยปล่อยมือจากโสมปีศาจหยินหยาง นางลุกขึ้น และส่วมกอดหยางไค่

หลังจากที่โอบกอด ซู่เหยียนหันหลังและเดินจากไป

หยางไค่จ้องมอมเงาด้านหลังของนางด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ยื้อนางไว้อีกต่อไป

แต่ในขณะที่เงาด้านหลังของซู่เหยียนกำลังจะหายไป หยางไค่ฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่ง และกล่าวถามอย่างรวดเร็ว : ใช่แล้ว ศิษย์พี่เซี่ยจะตื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ?

รุ่งอรุณของวันพรุ่งนี้ เสียงของซู่เหยียนดังแว่วเข้ามาด้วยความแผ่วเบา

นางไมได้พาเซี่ยหนิงฉางกลับไปด้วย นางตั้งใจให้เซี่ยหนิงฉางอยู่ที่นี้ต่อไป เพราะนางต้องการให้หยางและนางอยู่ใกล้ชิดกัน ซู่เหยียนไม่ต้องกังวลเรื่องที่นางตื่นขึ้นมาแล้วหยางไค่จะกล่าวอธิบายให้แก่นางอย่างไร จากไหวพริบของหยางไค่ เพียงแค่การพูดปดเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเอาชนะความโกรธเคืองของนางได้

เมื่อออกมาจากจวนถ้ำของหยางไค่ ซู่เหยียนบินขึ้นไปยังเบื้องบนของคุกคุมขังมังกร ซู่เหยียนหันหน้ากลับไปมองอยู่ชั่วครู่ จิตใจภายในเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความอัปยศ นางรู้สึกว่าตนเองเป็นหญิงสาวที่เลวทรามคนหนึ่ง ถูกความปรารถนาเข้าครอบงำ จนต้องเข้ามาหาหยางไค่เพื่อระบายความปราถนาที่ครุกกรุ่นอยู่ภายใน เมื่อได้รับการเติมเต็มอย่างรื่นเริงจากหยางไค่ จึงเดินจากไปเขาไปในทันที

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้น ใบหน้าของซู่เหยียนแดงก่ำด้วยความอับอาย

ซู่เหยียนรู้สึกผิดต่อตนเองอยู่บนเบื้องบนของคุกคุมขังมังกร หยางไค่ยืนอยู่บนปากถ้ำโดยที่จิตใจชาซ่านและว้าวุ่น เมื่อคุร่นคิดไปมาเป็นเวลานาน ร่างกายของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็น

เขาคิดถึงเรื่องทสำคัญที่เขามองข้ามไปอย่างกะทันหัน

จากคำกล่าวของซู่เหยียน นางวางยาสลยจนทำให้เซี่ยหนิงฉางสลบไป แต่ว่า ซู่เหยียนไม่ทราบเลยว่าร่างกายของเซี่ยหนิงฉางเป็นร่างกายเช่นไร !!

ร่างกายจิตวิญญานบริสุทธุ์ !! ร่างกายของนางเป็นเตาหลอมยาแห่งฟ้าดินที่ดีที่สุด จากการฝึกฝนวิชายุทธุ์ของนาง นางสามารถสกัดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกให้กลายเป็นโอสพวิเศษได้

หากเป็นการปรุงยา เซี่ยหนิงฉางเป็นปรมาณจารย์ของทุกสรรพสิ่ง !! เซี่ยหนิงฉางที่มีร่างกายที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้จะถูกวางจนหมดสติไปได้อย่างไร ?

แม้ว่านางจะหมดสติไป นางคงไม่ตื่นขึ้นในรุ่งอรุณของวันนี้ จากร่างกายที่วิเศษของนาง เพียงระยะเวลาสั้นๆ นางคงตื่นจากอาการหมดสิตได้อย่างแน่นอน

เป็นไปไม่ได้

เหงื่อเย็นของหยางไค่ผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง

ร่างกายของหยางไค่แข็งทื่อ เขายันตัวเองภายนอกปากถ้ำ โดยไม่ขยับเขยื้อนกว่า 1 ชั่วยาม โดยหยางไค่มีความคิดที่จะขูดหลุมลึกและฝังตัวอยู่ภายใต้หลุมลึกนั้น

ผ่านไปเป็นเวลานาน หยางไค่ค่อยหันร่างกายกลับมา และเดินไปยังห้องนอนที่มีเตียงหินขนาดใหญ่ของเขา

เตียงหินที่ถูกเจียระไนขัดเกล่าจนเรียบ ยังครุกกรุ่นด้วยกลิ่นหอมแห่งห้วงอารมณ์พิสวาสของพวกเขาทั้งสอง

จากการเข้าใกล้ของหยางไค่ หยางไค่สัมผัสถึงลมหายใจที่หนักหน่วงก่อนเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มันแผ่วเบาอย่างมาก หากไม่สังเกตอย่างถี่ถ้วนก็มิอาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจของยาง แต่ในตอนนี้ความคิดจิตใจและจิตวิญญานของหยางไค่ต่างพุ่งเป้าหมายไปยังเซี่ยหนิงฉางจนหมดสิ้น ทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวของนางจะหลบพ้นจากสายตาของหยางไค่ได้อย่างไร ?

มันน่า อึดอัดใจสิ้นดี

หยางไค่เช็ดเหงื่อที่ผุดอยู่ตรงใบหน้า เขาค่อยๆเดินเข้าไปมาเซี่ยหนิงฉางและนั่งลงข้างนาง

หลังจากที่เขาอุ้มศิษย์พี่ตัวน้อยของเขามายังเตียงหิน ศิษย์พี่ตัวน้อยของเขาหลับใหลอยู่เช่นนี้โดยไม่มีการเคลื่อนไหว หน้าอกของนางกระชับขึ้นลงจากการสูดลมหายใจของนาง ร่างกายที่กะทัดรัดของนางนอนแน่นิ่งอยู่อีกฝั่งของเตียงหิน ขาเรียวยาที่เย้ายวนของนาง เสื้อกระโปรงสีเขียวที่สยายลงบนเตียงหิน ทำให้ดูเหมือนว่าเตียงหินนี้ถูกแต่งแต้มด้วยต้นหญ้าแห่งฤดูใบหม้ผลิที่ประณีตและงดงาม

หยางไค่จ้องมองนางอย่างเงียบเชียบ โดยไม่กระพริบตา

ทันใดนั้นเสียงลมหายใจของเซี่ยหนิงฉางเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เสียงหัวใจที่เต้นอยู่ภายในเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ เปลือกตาของนางสั่นเทาไปมา ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันที

อ๊าย หยางไค่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาค่อยๆโน้มตัวลง และกล่าวเรียกอยู่ข้างหูของเซี่ยหนิงฉางด้วยเสียงที่แผ่วเบา : ศิษย์ตัวน้อย ศิษย์พี่ตัวน้อย ..

เซี่ยหนิงฉางไม่ขยับเคลื่อนไหว ไม่ลืม ราวกับว่านางยังคงไมได้สติ

เมื่อไม่มีทางเลือก หยางไค่จึงกล่าวขึ้นมา : ข้าจะฉีกผ้าคลุมหน้าของเจ้า

ตั้งแต่ที่หยางไค่รู้จักกับเซี่ยหนิงฉาง หยางไค่ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง ทุกครั้งที่เซี่ยหนิงฉางปรากฏตัว นางจะสวมผ้าคลุมหน้าอยู่เสมอ แม้จะเป็นจุมพิตในเทือกเขาผลึกน้ำนพเก้า นางฉีกผ้าคลุมหน้าของนางเพียงเล็กน้อย โดยไม่เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางแม้แต่น้อย

จากการกระทำของนาง สำหรับหยางไค่แล้วเขาค่อนข้างประหลาดใจ แต่คงไม่ไร้สาระจนไปขอร้องอ้อนวอนฝ่ายตรงข้ามเพื่อขอดูใบหน้าที่แท้จริงของนาง

ในเวลานี้ หยางไค่ต้องทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับนาง ในขณะที่กล่าว เขาค่อยๆยื่นมือไปยังผ้าคลุมหน้าของเซี่ยหนิงฉาง

ตั้งแต่ตอนนี้ หยางไค่จ้องมองการเปลี่ยนแปลงของเซี่ยหนิงฉางตลอดเวลา

แต่ในขณะที่เขากำลังจะฉีกผ้าคลุมหน้าของออกจนสำเร็จ เซี่ยหนิงฉางก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้

ช่างมีความอดทนยิ่งนัก !! หยางไค่ชื่นชมนางอย่างยิ่ง

หลังจากทีทดสอบด้วยวิธีการอื่นๆ หยางไค่พบว่านางไม่มีวันตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน หยางไค่จึงปล่อยผ้าคลุมหน้าของนางและหัวเราะด้วยเสียงที่ประหลาด : ศิษย์พี่ตัวน้อย หากว่าเจ้ายังไม่ตื่น ข้าจะ .ฮึอึฮึ

เสียงหัวเราะนี้เต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง และเต็มไปด้วยเสียงแห่งความปรารถนา แม้ว่าเขาไม่กล่าวก็สามารถรับรู้ได้ถึงความหมายของเขา

ระหว่างที่กล่าว หยางไค่กางเล็บทั้ง 10 เสมือนกรงเล็บของพญาอินทรี เขาค่อยๆวาดนิ้วไปยังท้องน้อยของเซี่ยหนิงฉางด้วยความสั่นเทา เมื่อสัมผัสร่างกายของนาง กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อึดอัด

เซี่ยหนิงฉางขยับร่างกายไปมาในทันที มุมปากของนางเผยให้ความเศร้าโศกในทันที

แต่นางยังคงไม่ลืมตา ไม่ว่าจะเป็นการทรมาณด้วยวิธีการต่างๆ นางยังนอนแน่นิ่งหมดสติเช่นเดิม

ก็ได้ เจ้าหมดสติไปจริงๆ เมื่อต่อสู้กับนางเป็นเวลานานในที่สุดหยางไค่จึงยอมรับความพ่ายแพ้ และกล่าวถอนหายใจ : ศิษย์พี่ตัวน้อย เจ้านอนหลับให้สบาย เมื่อถึงรุ่งเช้า ข้าหวังว่าเจ้าจะจำอะไรไม่ได้สักอย่าง .

หลังจากที่กล่าวจบ หยางไค่ลุกขึ้นเดินไปยังปากถ้ำนั่งขัดสมาธิและฝึกฝนวิชายุทธุ์ต่อไป

ในค่ำคืนนี้ไร้ซึ่งสุ้มเสียง จนกระทั่งรุ่งอรุณของวันนี้ หยางไค่เดินไปดูอาการของเซี่ยหนิงฉางอีกครั้ง โดยไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่น้อย

นางต้องตกระกำลำบาก โดยการนอนอยู่ในท่วงท่าเช่นนี้โดยไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลากว่า 1 คืน ไม่รู้ว่าร่างกายของนางจะเมื่อยล้าเพียงใด เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางไค่จึงพลิกตัวของนางให้นางนอนตะแตงในเตียงหินของเขา

หลังจากที่เสร็จสิ้น หยางไค่จึงปีนออกจากถ้ำจากทางเดินที่เขาสร้างเอาไว้ และปีนป่ายขึ้นไปยังเบื้องบนของคุกคุมขังมังกร

สำหรับเซี่ยหนิงฉาง หยางไค่วางใจในตัวนาง ไม่ว่านางจะหมดสติ หรือมีสติ แต่เพราะนิสัยของศิษย์พีท่านนี้เต็มไปด้วยความใสซื้อบริสุทธุ์และยังมีจิตใจที่งดงาม แม้ว่านางจะทราบความลับของเขาและซู่เหยียน นางจะไม่มีทางขู่เข็ญหยางไค่ด้วยเรื่องนี้อย่างแน่นอน

หยางไค่เดินเข้าไปยังภายในของหอประลอยุทธุ์หลิงเซี่ยว เข้าไปยังหอแลกเปลี่ยนวิเศษ เม้งวู่หยากล่าวต้อนรับอย่างอุบอ่นุ : หยางไค่น้อย

สีหน้าของหยางไค่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ราวกับว่าเขาไม่ยิน เขาเร่งฝีเท้าของเขาและหายไปจากสายตาของเม้งวู่หยาอย่างรวดเร็ว

วิ่งทำไม เม้งวู่หยาขมวดคิ้วไปมาเป็นเวลานาน โดยคิดไม่ออกว่าเขาล่วงเกินหยางไค่น้อยตรงไหน

เม้งวู๋หยาจะรู้ได้อย่างไร เป็นเพราะเรื่องของเมื่อคืน จึงทำให้จิตใจของหยางไค่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ทักท่าย เหรัญญิกเม้ง !! ศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวต่างทำความเคารพแก่เม้งวู่หยา

ก่อนหน้าที่งถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์จะปรากฏ ตาเฒ่าเม้งจะได้รับการปรณิบัติเช่นนี้ได้อย่างไร ? พวกเขาทั้งหมดต่างเห็นว่าเขาเป็นเพียงเหรัญญิกคนหนึ่ง

แต่หลังจากวันนั้นการแสดงตัวที่น่าหวาดกลัวและยิ่งใหญ่ของเขา คนคนหนึ่งที่สามารถควบคุนิกายโลหิตได้ หลังจากที่เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป พวกเขาทุกคนต่างทราบว่าเม้งวู่หยาเป็นยอดฝีมือระดับสูงที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยม พวกเขาจะกล้าจะเสียมารยาทต่อหน้าเขาได้อย่างไร ? พวกเขาเรียบร้อยยิ่งกว่ากระต่ายน้อยเสียอีก

เมื่อเห็นว่าตาเฒ่าเม้งไม่ได้ตามมา หยางไค่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ระหว่างที่เขากำลังเดินอยู่นั้น เขามองเห็นหอแห่งการต่อสู้ต่างรายล้อมไปด้วยฝูงชนจำนวนมากมาย มันเต็มไปด้วยความครึกเคร้ง หลังจากที่ยืนอยู่ในระยะไกล หยางไค่เริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากเหตุการณ์การปรากฏตัวของถ้ำสววรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ ศิษย์สาวกจำนวนมากต่างได้รับเคล็ดวิชา วิชายุทธุ์ ทักษะการต่อสู้จากภายในถ้ำอย่างมากมาย สำหรับเคล็ดวิชายเหล่านี้ มันเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการฝึกฝนวิชายุทธ์ของพวกเขาให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

หากว่าศิษย์สาวกในสำนักยินยอมที่จะมอบเคล็ดวิชาและตำราต่างๆที่เขาได้รับมา ผลตอบแทนที่พวกเขาจะได้รับคือแต้มแห่งชัยชนะ แต้มแห่งชัยชนะที่มากมายมหาศาล

ไม่เพียงศิษย์สาวกแห่งสำนักหลิงเซี่ยวที่ทำเช่นนี้ ศิษย์สาวกแห่งนิการโลหิตและหอวายุพิรุณต่างทำเช่นนี้

หยางไค่ได้รับทักษะการต่อสู้จากถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ถึง 2 ชุด ชุดแรกคือหมัดเปลวเพลิงผลาญสุริยัน และ ตราผนึกดวงดารา แต่เขาไม่สนใจที่จะนำทักษะการต่อสู้ของเขาแลกเปลี่ยนกับแต้มแห่งชัยนะ โดยเฉพาะ ตราผนึกดวงดารา มันคือการโจมตีของตนเองที่เปรียบเสมือนการโจมตีด้วยศัตราวุธที่มีพลังอำนาจมากมายมหาศาล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด