ตอนที่ 161 ความวิเศษของเขตแดนลมปราณหมุนเวียน
ตอนที่ 161 ความวิเศษของเขตแดนลมปราณหมุนเวียน
หลังจากที่กล่าวจบ มารปฐพีลังเลสักครู่ก่อนจะกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง : แต่ว่าโสมปีศาจหยินหยางใช้ได้กับหญิงสาวชายหนุ่มเพียง 1 คนและใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่หญิงสาว 2 คนที่นายน้อยมีความสัมพันธัที่ลึกซึ้งกับนายน้อย เมื่อถึงตอนนั้นนายน้อยต้องเลือกพวกนางเพียงคนเดียว คงจะเกิดปัญหาวุ่นวายตามมาอย่างไม่น้อย
2 คน ? สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความสับสน เขาได้ยินมารปฐพีกล่าวว่าพวกนางทั้งสอง เดิมทีหยางไค่คิดว่าเขากล่าวผิด แต่เมื่อคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เขาจึงเข้าใจความคิดของมารปฐพี
มารปฐพีคงคิดว่าหญิงสาวที่เขามีความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งคือสองพี่น้องจากตระกูลหู๋ เพราะในขณะที่เขาผนึกกักขังมารปฐพี ตัวเขากำลังปีนป่ายอยู่ที่บันสีทองกับกับหู่เจี่ยวเอ่อและหู่เหม่ยทั้งสอง
หลังจากที่ผนึกกักขังมารปฐพีไว้ในเข็มสลายวิญญาณ มารปฐพีไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ภายนอก เขาจึงไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตำหนักศักดิ์สิทธิ์อันมหึมา
หยางไค่ไม่ต้องการอธิบายให้ยึดยาว เขาจึงกล่าวออกสั่งต่อมารปฐพี : ในวันข้างหน้าหากข้าอยู่กับหญิงสาวเพียงลำพัง เจ้าจงผนึกจิตวิญญาณในการรับรู้ของเจ้าด้วยตนเอง
หยางไค่กลัวว่าในวันหลังหากเขากำลังมีความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งกับซู่เหยียนแล้วลืมการดำรงอยู่ของมารปฐพี มันคงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดอย่างยิ่ง
เมื่อมารปฐพีได้ยินดังนั้นเขารีบกล่าวด้วยความรวดเร็ว : นายน้อยโปรดวางใจ แม้ชายชราอย่างข้าจะชั่วร้าย แต่ข้าไม่มีทางที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเช่นนั้นอย่างแน่นอน
รู้ก็ดี !!
ข้าจะจำมันไว้อย่างไม่มีวันลืม
หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ มารปฐพีกล่าวขึ้นอีกครั้ง : นายน้อย หากท่านไม่ว่าอะไร ข้าอยากเข้าไปยังสำรวจยังก้นบึ้งเบื้องล่าง
โอ้ว ? เบื้องล่างมีสิ่งใดซ่อนเอาไว้ ? หยางไค่กล่าวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกร แต่ว่าความแข็งแกร่งของตนยังอ่อนแอทำให้ไม่สามารถลงไปสำรวจตรวจสอบได้
ข้าเองก็ไม่ชัดเจนว่ามีสิ่งใดซ่อนตัวอยู่เบื้องล่าง แต่ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งพลังหยางที่รุนแรงและแข็งแกร่ง มันเป็นดาวข่มแห่งจิตวิญญาณเทพสวรรค์ของข้า นอกจากนั้น ยังมีกลิ่นอายแห่งปีศาจที่รุนแรง !! กลิ่นอายทั้ง 2 ประเภทเป็นดาวข่มซึ่งกันและกัน แต่ข้าสงสยและสับสนว่าเหตุใดพวกมันจึงอยู่ร่วมกันในสถานที่แห่งนี้ ข้าไม่ปิดบังนายน้อย ข้าต้องการดูซับกลิ่นอายแห่งปีศาจที่อยู่เบื้องล่างเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญานของข้า เพื่อจะสามารถเป็นแรงสนับสนุแนแลช่วยเหลือในวันข้งหน้า
หยางไค่ขมวดคิ้วไปมา
มารปฐพีกล่าวว่าเบื้องล่างมีกลิ่นอายแห่งปีศาจ หยางไค่เข้าใจกับคำกล่าวของมารปฐพี คุกคุมขังมังกรเกิดขึ้นจากการสังหารปีศาจที่ชั่วร้าย นอกจากนั้นปีศาจที่ชั่วร้ายยังตายอยู่เบื้องล่างของคุกคุมมังกร ดังนั้นการคงอยู่ของกลิ่นอายแห่งปีศาจที่ชั่วร้ายจึงไม่ใช่จึงมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
แต่การที่มารปฐพีต้องการดูดซับกลิ่นอายแห่งปีศาจเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณของตนเอง หยางไค่ค่อนข้างลังเลและไม่มั่นใจในวัตถุประสงค์ของเขา หากในอนาคตหลังจากที่มารปฐพีแข็งแกร่ง ตนเองจะสามารถควบคุมเขาได้อีกหรือไม่ หากว่าไม่สามารถควบคุมเขาได้ เขาจะกลายเป็นศัตรูที่อยู่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด
แต่เมื่อครุ่นคิดไปมา หยางไค่คิดว่าไม่จำเป็นที่เขาจะต้องกังวล เพราะการรับทางจิตวิญญาณของเขาและมารปฐพีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นความตายของเขาอยู่ที่การตัดสินใจของตนเองในพริบตา
ในขณะที่มารปฐพีกำลังรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ หยางไค่พยักหน้าและกล่าวตอบ : ไปซิ !!
หยางไค่ถ่าทอดพลังลมปราณเข้าไปยังเข็มสลายวิญญาณ เพื่อเคลื่อนไหวสมบัติวิเศษเช่นนี้ และปล่อยให้มารปฐพีออกมาจากเข็มสลายวิญญาณ
ขอบคุณนายน้อยอย่างยิ่ง !! มารปฐพีรู้สึกซาบซึ้ง เขาและเข็มสลายวิญญานได้แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นหมอกสีดำทะมึนและพุ่งบินไปยังเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกรทันที
หลังจากที่มารปฐพีออกไป หยางไค่ค่อยนำถุงผ้าขนาดเล็กออกมา
ห่อผ้านี้เป็นห่อผ้าที่ได้รับจากหล่างฉู่วเต่ว ด้านในมีเมล็ดพันธุ์จำนว 2 เม็ด ทันใดนั้นตรงหน้าของเขาประกายด้วยรอยยิ้ของหล่างฉู่วเต่ว หยางไค่จึงขมวดคิ้วด้วยความรำคาญในทันที
หากศิษย์พี่ที่งดงามผู้นั่นมิใช่หญิงสาวที่มีจิตใจแห่งความโลภเช่นนั้น นางคงจะเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นๆอย่างมาก
หยางไค่พบเจอกับนางในสมาคมการค้าใต้ดินวายุทะมึนเป็นครั้งแรก ตนเองต้องสูญเสียเงินตราจำนวนมากในการซื้อเมล็ดพันธุ์จากนาง หลังจากนั้นได้เจอนางในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกสวรรค์อีกครั้ง อาจจะกล่าวได้ว่าพวกเขาทั้งสองมีโชคชะตาซึ่งกันและกัน
พวกเขาทั้งหมดร่วมกันต่อสู้ เพราะเป็นศิษย์ในสำนักเดียวกัน และยังผ่านความทุกข์ยากลำบากมาด้วยกัน มันเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน
หากไม่ใช่เพราะการกระทำของนางที่เย็นชา หยางไค่คงไม่ปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ สุดท้ายนางเข้าข้างหน่ายหย่ง แม้ว่านางจะแสดงเจตนาที่ดีต่อเขา แต่นั่นทำให้หยางไค่มองเห็นตันตนที่ไร้ซึ่งน้ำจของนาง
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่มีประโยชน์ นางจะเข้าข้างคนคนนั้นทันที ก่อนหน้านั้นหน่ายหย่งเข้ามาหาเรื่องสร้างความวุ่นวายให้แก่หยางไค่หลายครั้ง และยังกล่าวว่าจากที่ล่วงเกินนับครั้งไม่ถ้วน หล่างฉู่วเต่ไม่เคยหยุดยั้งหน่ายหย่งและช่วยเหลือครั้งแม้แต่เครั้งเดียว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสถานการณ์ในตอนนั้น หน่ายหยงมีประโยชน์มากกว่าหยางไค่นั่นเอง
หากในเวลานั้น หล่างฉู่วเต่วกล่าวตักเตือนหน่ายหย่งในฐานะศิษย์พี่ของเขา หน่ายหย่งคงไม่กล้าสามหาวเช่นนั้น แต่ว่านางไม่ทำเช่นนั้น มีเพียงตู่ยี่ฉางที่ยืนข้างหยางไค่มาตลอด เมื่อรอจนหน่ายหย่งไร้ซึ่งประโยชน์ต่อนาง นางสามารถทอดทิ้งทุกสิ่งอย่าง และลงมือโจมตีหน่ายหย่ง
หยางไค่ไม่ตำหนินางที่ทำเช่นนั้น ทุกคนมีสิทธ์ในการตัดสินใจชีวิตของตนเอง นางจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ไร้อำนาจ ไม่ว่านางจะเป็นคนที่จริงใจ เป็นคนที่เยือกเย็น เป็นคนที่หลงใหลในอำนาจ แต่นั่นเป็นทางเลือกของนาง มันเป็นนิสัยของนาง !!
เมื่อทราบในจุดนี้ ไม่มีความสัมพันธุ์ที่ใกล้ชิดกับนางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
หยางไค่ค่อยหยิบเมล็ดพันธุ์ออกมาจากถุงผ้า ก่อนจะทิ้งถุงผ้าไปยังเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกร
เมล็ดพันธุ์ทั้ง 2 เม็ดจะปลกไว้ตรงไหนดี ? หยางไค่หันมองไปรอบๆ เขาพบว่าจวนถ้ำของเขาเต็มไปด้วยหินและหน้าผามันไม่เหมาะสมที่จะให้เมล็ดพันธุ์เหล่านี้เติบโต
เมื่อครุ่นคิดไปมา ความคิดหนึ่งได้ปรากฏขึ้น
ด้านบนของจวนถ้ำของเขามีต้นสนโบราณอยู่ที่นั้น ตรงบริเวณแห่งนั้นมีพื้นดินที่อ่อนนุ่ม ต้นสนโบราณสามารถเจริญเติบโตและหยั่งรากลงไปได้ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์นี้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีจิตวิญญาณ ชีวิตของมันต้องแข็งแกร่งกว่าพืชพันธุ์ชนิดอื่นๆ
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หยางไค่ถ่ายทอดหยดน้ำพลังลมปราณหยางไปยังเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้หยางไค่แปลกใจคือเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ไมมีปฏิกิริยาตอบโต้เฉกเช่นต้นสามสุริยัน จนกระทั่งหยางไค่ถ่ายทอดหยดน้ำพลังลมปราณหยางหยดที่ 2 ไปยังพวกมัน พวกมันจึงแปรเปลี่ยนเป็นความอวบอิ่ม
เมล็ดพันธุ์นี้เป็นเมล็ดพันธุ์ของต้นหญ้าจิตวิญญานหยาง มันสามารถดูดซับพลังแห่งฟ้าดิน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะแย่งชิงความสมบูรณ์ของต้นสนโบราณ
มันเป็นเมล็ดพันธุ์ขั้นปฐพีระดับสูง ไม่เช่นนั้นมันคงไม่สามารถดูดซับหยดน้ำพลังลมปราณหยางถึง 2 หยด ! ไม่รู้ว่าหล่างฉู่วเต่วได้รับเมล็ดพันธุ์นี้มาจากแห่งหนใด !!เงิน 1,000 ชั่งคุ้มค่าอย่างมาก
หลังจากที่ปลูกต้นหญ้าจิตวิญญาณหยางทั้ง 2 เม็ด หยางไค่จึงกลับไปยังจวนถ้ำของเขาอีกครั้ง เขานั่งขัดสมาธิหน้าปากถ้ำ หลับตาทั้ง 2 และค่อยเคลื่อนไหวกลยุทธุ์หยาง นี้เป็นครั้งแรกในการฝึกฝนตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่เขตแดนลมปราณหมุนเวียน
ทันใดนั้นพลังลมปราณทั่วร่างกายของหยางไค่แพร่กระจายออกมาอย่างรุนแรง ทำให้เสื้อผ้าและผมของหยางไค่ปลิวไสวสยายไปมาอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของเขาปรากฏร่องรอยแห่งความโหดเหี้ยม ราวกับปีศาจที่โหดร้าย
ที่ผ่านมาสีหน้าและการแสดงออกของเขาเช่นนี้จะปรากฏออกมาเมื่อเขาใช้ความอดทนที่ไร้พ่ายเท่านั้น แต่ในตอนนี้ เขาเพียงแค่เคลื่อนไหวกลยุทธุ์หยางเท่านั้น
ไม่ใช่ปัญหาของหยางไค่ ไม่ใช่ปัญหาของกลยุทธุ์หยาง
แต่เป็นเพราะเขตแดนลมปราณหมุนเวียนของเขา !!
เป็นดั่งที่ซู่เหยียนกล่าวบอกให้แก่เขา เขตแดนลมปราณหมุนเวียน เป็นเขตแดนที่พิเศษสำหรับผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนนี้ทุกคน
ผู้ฝึกยุทธุ์เริ่มต้นที่เขตแดนกายาเริงอารมณ์ เมื่อร่างกายก่อเกิดพลังลมปราณ จะเข้าสู่เขตแดนลมปราณแรกเริ่ม เมื่อก้าวข้ามเขตแดนอีกขั้น พวกเขาจะอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน ในตอนนี้ พลังลมปราณที่สะสมอยู่ภายในร่างกายของผู้ฝึกยุทธุ์ได้ก่อเกิดเป็นพลังลมปราณขนาดที่มากมายมหาศาล มันมากมายมหาศาลจนมิอาจควบคุมได้
เพราะไม่สามารถควบคุม พลังลมปราณจึงระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาโดยทั่วไปที่ไม่เคลื่อนไหวพลังลมปราณ ผู้ฝึกยุทธุ์จะไม่มีความแตกต่างจากคนอื่นๆ แต่เมื่อใดที่เคลื่อนไหวพลังลมปราณ จะเป็นเหมือนหยางไค่ในเวลานี้ มันให้ความรู้สึกที่บ้าคลั่งอย่างโหดเหี้ยมให้แก่เขา
แต่ในความเป็นจริงมันเป็นปรากฏการณ์ที่ปกติอย่างมาก
เพราะมีการดำรงอยู่ของปรากฏการณ์นี้ การฝึกฝนวิชายุทธุ์ของฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน มีเป้าหมายเพียง 2 ประการ
ประการแรกคือการสั่งสมพลังลมปราณของตนเอง ยกระดับเขตแดน เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง เป้าหมายนี้เป็นบรรทัดฐานที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ประการที่ 2 ในขณะที่สั่งสมพลังลมปราณของตนเอง ควบคุมพลังความแข็งแกร่งที่ตนเองได้รับ
ความแข็งแกร่งและความสามารถของผู้ฝึกยุทธุ์แตกต่างกัน การที่ผู้ฝึกยุทธุ์ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนสามารถควบคุมพลังลมปราณของตนเองอย่างสมบูรณ์ต้องใช้เวลาที่ยาวนานอย่างมาก
แต่กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อผู้ฝึกยุทธุ์ฝึกฝนวิชายุทธุ์จนไปยังเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 7-8 ผู้ฝึกยุทธุ์จะสามารถควบคุมพลังลมปราณของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ เหมือนกับหล่างฉู่วเต่วที่หยางไค่เคยพบเจอ ในขณะที่นางหมุนเวียนพลังลมปราณของนาง จะไม่เกิดปรากฏการณ์ที่พลังลมปราณเคลื่อนไหวผกผันอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้
แต่ตู่ยี่ฉาง จ่อวอันและหน่ายหย่งไม่สามารถทำได้ แม้ว่าตู่ยี่ฉางจะอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 6 แต่เมื่อนางลงมือกับใครสักคน นิสัยที่อบอุ่นของนางจะถูกควบคุมโดยพลังลปมปราณที่เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง และกลายเป็นความโหดเหี้ยมที่มิอาจคาดเดาได้
ความพิเศษของเขตแดนลมปราณหมุนเวียน ส่งผลให้ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนนี้ถูกกระตุ้นจากผู้อื่นได้โดยง่าย ทำให้นิสัยของผู้ฝึกยุทธุ์เปลี่ยนแปลงไป โดยมีโอกาสที่จะขัดแย้งกับผู้อื่น ไม่ยอดอ่อนข้อให้แก่ข้า เมื่อมองเห็นคนอื่นๆที่ไม่ชื่นชอบหรือไม่ถูกชะตา ผู้ฝึกยุทธุ์จะลงมือโจมตีซึ่งกันและกัน พวกเขาจะต่อสู้จนกว้าจะถึงแก่ความตายหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส
มันเป็นเขตแดนที่มีผู้ฝึกยุทธุ์ตายจากการต่อสู้มากที่สุด !!
เมื่อพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ฝึกยุทธุ์ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนจำนวนมากมายต่างพยายามหาวิธีการในการรักษาความสงบให้แก่จิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โอสพวิเศษ การสวมใส่สมบัติวิเศษที่บริสุทธิ์ ล้วนสามารถควบคุมจิตใจที่ถูกกระตุ้นอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลานี้ ผู้ฝึกยุทธุ์ที่ฝึกฝนวิชายุทธุ์แห่งความเยือกเย็นจะแสดงความสามารถของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เป็นเพราะเคล็ดวิชาและวิชายุทธ์ของพวกเขา พลังลมปราณในร่างกายของพวกเขาเยือกเย็นดุน้ำแข็ง มันง่ายต่อการควบคุมจิตใจที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสามารถก้าวข้ามเขตแดนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
หยางไค่คิดว่าในขณะที่ซู่เหยียนอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน นางคงไม่ต้องกังวลถึงปัญหาเหล่านี้
จิตใจและความคิดของนางถูกปิดผนึกจากปราณจิตเย็นที่เยือกเย็น พลังลมปราณของนางจะเคลื่นไหวอย่างบ้าคลั่งได้อย่างไร ?
ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน ผู้ฝึกยุทธุ์กำลังยกระดับความแข็งแกร่งของร่างกายและกำลังต่อต้านกับพลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกาย หากสำเร็จ จะสามารถควบคุมพลังลมปราณของตนเอง ไม่ถูกมันครอบงำจิตใจ แต่เมื่อล้มเหลว ผู้ฝึกยุทธุ์จะตกอยู่ในห้วงแห่งความแข็งแกร่งของตนเอง และค่อยๆสูญเสียความเป็นตนเอง
ผู้ฝึกยุทธุ์ส่วนใหญ่จะถูกธาตุไฟเข้าแทรก มันเป็นเช่นนี้มาตลอด พวกเขาลุ่มหลงในอำนาจพลังความแข็งแกร่งของตนเอง เพลิดเพลินกับการต่อสู้ที่นองไปด้วยโลหิต มีความสุขกับการฆ่า และเข้าสู่เส้นทางแห่งมารในที่สุด
เขตแดนที่เหนือกว่าเขตแดนลมปราณหมุนเวียน เป็นเพราะจิตใจของผู้ฝึกยุทธุ์ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน จึงถูกเรียกว่าเขตแดนผสานลมปราณ
แต่ว่าในตอนนี้เขตแดนผสานลมปราณค่อนข้างห่างไกลสำหรับหยางไค่
หยางไค่ในตอนนี้ หลังจากที่เขาเคลื่อนไหวกลยุทธุ์หยาง พลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายส่งสัญญานการต่อต้านออกมาอย่างดุดัน แต่จิตใจที่ถูกได้รับผลกระทบจากพลังลมปราณภายในร่างกายได้สงบลงเหมือนเช่นเคยในชั่วพริบตา
ทรวงอกภายนอกของเขามีความรู้สึกที่เยือกเย็นปรากฏออกมา นั้นเป็นความเยือกเย็นแห่งไขกระดูกที่ซู่เหยียนถ่ายทอดมาให้แก่เขา
มันเป็นผลจากไขกระดูกที่เยือกเย็น ทำให้จิตใจของหยางไค่สงบลงในทันที โดยที่เขาไม่ถูกพลังลมปราณคุกคามจิตใจแม้แต่น้อย
หลังจากที่ใช้เวลาในการทดสอบและทำความค้นเคยอย่างยาวนาน หยางไค่พบว่ามันไม่มีสิ่งใดผิดปกติ มันเป็นดั่งที่เขาต้องการ พลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายเปรียบเสมือนแขนและนิ้วที่สั่งการได้ในทันที มันมีความยืดหยุ่นและคล่องตัว โดยที่ไม่เกิดสถานการณ์ที่มิอาควบคุมออกมา
มันเป็นปรากฏที่น่าประหลาด ในเวลานี้ตนเองอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน พลังลมปราณของเขาเคลื่อนไหวอย่างผกผันบ้าคลั่งและดุดัน แต่ในความเป็นจริงมันแตกต่างกันอย่างมาก
ผู้ฝึกยุทธุ์คนอื่นๆต้องพยายามควบคุมอำนาจพลังที่ตนเองได้รับ แต่หยางไค่ไม่ต้องทำเช่นนั้น เพราะพลังลมปราณอยู่ในการควบคุมด้วยฝ่ามือของเขาตั้งแต่แรก
หยางไค่ครุ่นคิดไปมาเป็นเวลานาน หยางไค่รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความอดทนที่ไร้พ่ายจากระดูกทองคำ ในขณะความอดทนที่ไร้พ่ายแสดงอำนาจพลังของมันออกมา ตนเองจะรู้สึกระหายเลือดและกระหายการต่อสู้ แต่จิตใจกับนิ่งสงบ รับรู้ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด และทำสิ่งใดไปแล้วบ้าง และไม่ถูกความกระหายเลือดและความกระหายการต่อสู้ส่งผลต่อการตัดสินใจของตนเอง
มันเป็นเรื่องที่น่ายินดี ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนมีต้องบรรลุเป้าหมายทั้งหมด 2 ประการ นั่นหมายความว่าหยางไค่บรรลุเป้าหมายไปแล้ว 1 ประการ เหลือเพียงการสั่งสมพลังลมปราณของตนเองเท่านั้น