ตอนที่ 159 หวนกลับ
ตอนที่ 159 หวนกลับ
ร่างของพวกเขาหายไปจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์อันมหึมาพร้อมกัน ทันใดนั้นถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเสมือนเสียงของกระจกที่ตกลงไปที่พื้นดินและแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
จากนั้นในเวลาเดียวกัน บนท้องฟ้าแห่งถ้ำสรรค์ได้เกิดรอยร้าวแผ่กระจายไปทั่ว ศิษย์สาวกที่ยังคงอยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสาวรรค์ต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในขณะที่พวกเขามือไม้สั่นเท่าจากความหวากลัว คลื่นพลังที่พวกเขาไม่เคยสัมผัสปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน มันปกคลุมพวกเขาไว้และค่อยๆลอบขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในเหมืองแร่ของนิกายโลหิต ตั้งแต่วันแรกที่ถ้ำสวรรค์ถูกเปิดออก ยอดฝีมือของ 3 สำนักต่างเฝ้าปกป้องและรอคอยการกลับมาของพวกเขาอย่างวิตกกังวล
ระยะเวลาผ่านไปกว่า 1 เดือน ในช่วงเวลา 1 เดือนมีศิษย์สาวกจำนวนไม่น้อยที่ค่อยๆเออกมาจากถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ ศิษย์สาวกล้วนเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถฝืนอนต่อไป หรือ เหนื่อยจนอ่อนล้าและไม่ต้องการที่จะค้นหาสมบัติวิเศษอีกต่อไป
จากการบอกเล่าของพวกเขา ยอดฝีมือของทั้ง 3 สำนักเริ่มเข้าใจสถานการณ์ภายในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์
โดยเฉพาะเมื่อหลายวันก่อนศิษย์สาวกที่ออกมาจากถ้ำสวรรค์ทำให้ยอดฝีมือของทั้ง 3 สำนักต่างแสดงออกด้วยความกังวลจนแทบจะหมดความอดทนในการอคอย เพราะพวกเขาได้รับสารจากเหล่าศิษย์สาวก นั่นคือมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ได้ปรากฏตัวออกมา และไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ที่ได้ครอบครองมรดกแห่งฟ้สวรรค์
แต่ละสำนักต่างคาดหวังกับศิษย์รุ่นเยาว์ผู้แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา ทำให้พวกเขาต่างคาดหวังและไปต่างๆนาๆ อย่างวุ่นวาย
ซู่เหยียนและเจี่ยหงเฉินจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว หล่งจ้วนและหู่เหม่ยเอ่อจากนิกายโลหิต ฟางจือชิจากหอวายุพิรุณ พวกเขาต่างเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด
และยังมีศิษย์ของชายชราที่บ้าคลั่ง เซี่ยหนิงฉางจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว มีโอกาสที่นางจะได้ครอบครองมรดกแห่งฟ้าสวรรค์
แต่ดูเหมือนว่าชายชราที่บ้าคลั่งจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก หลังจากที่เขานั่งรอศิษย์ของเขาเป็นเวลาหลายวันในถ้ำสวรรค์แห่งนี้ ศิษย์ของเขาก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา เขาจึงเดินออกไปเพียงคนเดียวและยังไม่ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้
อาจารย์ที่ขาดความรับผิดชอบ !! ยอดฝีมือของทั้ง 3 สำนักต่างวิพากษ์วิจารณ์เม้งวู่หยาอย่างรุนแรง
เพราะการดำรงอยู่ของมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ จึงทำให้ยอดฝีของทั้ง 3 สำนักต่างปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน และกลิ่นอายแห่งการแย่งชิงที่รุนแรง โดยเฉพาะคนแห่งนิกายโลหิต
พวกเขาต่างมองว่าการกระทำของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวและหอวายุพิรุณเป็นการเป็นการกระทำของโจรที่ขโมยสิ่งล้ำค่าของพวกเขาไป พวกเขาต่างสาปแช่งความไร้ซึ่งเหตุผลของเม้งวู่หยา ! หากว่าในวันนั้นเขาไม่เข้ามายังนิกายโลหิตและต่อสู้กับยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิต ถ้ำสวรรคืแห่งมรดกฟ้าสวรรค์คงไม่ปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน
ถ้ำสวรรค์แห่งมรดฟ้าสวรรค์เป็นความโชคดีของนิกายโลหิต !!แต่กลับถูกสองสำนักที่เหลือแทรงแซงเข้ามาและแยกของล้ำค่าจากพวกเขาไป แม้มันจะมีการชดเชยให้พวกเขา แต่การชดเชยเพียงแค่นั้นจะเทียบกับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่ล้ำค่าได้อย่างไร ?
หู่หมั่นสบทด่าจนริมฝีปากของเขากลายเป็นตุ่มเลือด เขาไม่กล้าสบทด่าเม้งวู่หยา แต่สบทด่าหล่งไจ้เทียนและหล่งฮุยด้วยความโกรธ
หากไม่เป็นเพราะสัตว์เดรฉานตัวน้อยของเขาสร้างความขุ่นเคืองให้แก่เม้งวู่หยา ในเวลานี้คงไม่มีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ตาย ตายไปแล้วก็ดี !!หากไม่เป็นเพราะเจ้าตายไปก่อนหน้านี้ ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นหมื่นชิ้นๆ ตระกูลหล่ง ตระกูลหล่งที่บ้าบอสิ้นดี !!
ไม่เพียงหู่หมั่นที่โกรธแค้นตระกูลหล่ง ยอดฝีมือคนอื่นๆแห่งนิกายโลหิตต่างโกรธแค้นตระกูลหล่งที่เป็นต้นตอของเรื่องราวที่วุ่นวายนี้ หล่งไจ้เทียนรับรู้ถึงความผิดและความสุญเสียของตนเอง 1 เดือนก่อน เขาถูกเม้งวู่หยาโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเขาจึงไม่กล้าที่ปรากฏตัวในเหมืองแร่ แต่รักษาอาการบาดเจ็บในจวนแห่งนิกายโลหิต
แต่ การตายของหลานชาย ความแค้นในครั้งนี้จะทำลายให้มันหมดไปได้อย่างไร ?
ไม่ช้าหรือเร็ว ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยโลหิต !! หล่งไจ้เทียนแอบสบทอยู่ในใจด้วยความโกรธแค้น
ในขณะที่ยอดฝีมือของทั้ง 3 สำนักกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นคลื่นแสงสีทองแห่งถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์สั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง เสมือนก้อนหินที่ถูกโยนไปยังผิวน้ำของทะเลสาปที่หนิ่งสงบ ก่อเกิดเป็นระลอกคลื่นแสงสีทองไปมาอย่างรุนแรง
หลังจากนั้น คลื่นแสงนี้ได้แตกสลายและยุบตัวลง มันมลายหายไปในทันที ซึ่งปรากฏหุบเหวขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องล่าง
แล้วคนล่ะ ? หู่หมั่นวิตกกังวลวอย่างยิ่ง ทางเข้าของถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์พลันหายไป แต่ศิษย์สาวกของทั้ง 3 สำนักยังไม่ปรากฏตัวแม้แต่คนเดียว บุตรีของตนเองยังอยู่ภายในถ้ำสวรรคื พวกนางทั้งสองไปอยู่แห่งหนใดกันแน่ ?
ไม่เพียงแต่หู่หมั่นคนเดียวที่วิตกกังวล ยอดฝีมืคนอื่นๆต่างวิตกกังวลเช่นเดียวกัน ศิษย์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งของสำนักต่างเข้าไปยังถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ แต่ในเวลานี้พวกเขายังไม่ออกมากจากถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์แม้แต่คนเดียว
ในขณะที่พวกเขากำลังวิตกกังวลและจินตนาการถึงความเป็นไปได้ต่างๆนาๆ จากบริเวณที่ไม่ไกกลับมีเสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชใจดังขึ้น
สีหน้าของผู้อาวุโสคนหนึ่งของหอวายุพิรุณรีบเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขาประกายตัวและไปยังทิศทางของต้นกำเนิดแห่งเสียงในทันที
เมื่อผู้อาวุโสท่านนี้กลับมา มีศิษย์สาวกแห่งหอวายุพิรุณคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บติดตามเขากลับมาได้วย ภายใต้การกล่าวถามของเซี่ยวน่อวฮันและยอดฝีมือแห่งหอวายุพิรุณ ศิษย์ผู้นี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ให้แก่พวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตและหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวได้ค้นพบศิษย์สาวกของแต่ละสำนักซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงด้วย ศิษย์ทั้ง 3 คนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พวกเขาพบว่าศิษย์สาวกที่เข้าไปยังถ้ำสวรรค์ต่างถูกส่งตัวออกมาจนหมด แต่ว่าพวกเขาถูกกระจายตัวไปยังตำแหน่งต่างของเทือกเขาวายุทะมึน
แม้ว่ายอดฝีมือของทั้ง 3 สำนักจะงุนงนกับสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ทราบเหตุผลที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่พวกเขาต่างรู้สึกว่ามันเป็นการปกป้องผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกแห่งฟ้าสวรรค์จากเจ้าของที่แท้จริงของมัน !!
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่มีใครทราบว่าผู้ใดเป็นผู้ที่ได้ครอบครองมรดกแห่งฟ้าสวรรค์
ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักต่างกระตือรือร้นในทันที พวกเขาเดินทางเข้าสู่เทือกเขาวายุทะมึนเพื่อค้นหาศิษย์สาวกคนอื่นๆ เพื่อนำพาพวกเขากลับมาได้อย่างปลอดภัย เหล่ายอดฝีมือต่างใส่ใจกับการกระทำของศิษย์สาวกเหล่านี้ ทำให้พวกเขาสนิทสนมกับศิษย์สาวกในสำนักของตนเองมากกว่าครั้งก่อน
เพราะพวกเขาทั้งหลายไม่มีใครทราบว่า ศิษย์สาวกที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มเหล่านี้ หลังจากนี้ในอนาคตอันยาวไกลพวกเขาจะเติบโตกลายเป็นยอดฝีมือที่มีแต่ผู้คนชื่นชมและเคารพ
แม้แต่ผู้นำที่โหเหี้ยมเช่นหู่หมั่นแห่งนิกายโลหิต ยังต้อนรับการกลับมาของศิษย์สาวกด้วยรอยยิ้มและดูแลศิษย์สาวกทุกคนอย่างใกล้ชิด เขากล่าวชื่นชมและยินดีในการกระทำที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา หลังจากวันนี้พวกเขาจะกลายเป็นผู้ช่วยเหลือนิกายโลหิตให้กลับมาแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ศิษย์สาวกแห่งนิกายโลหิตเกือบจะทรุดตัวลงจากการกระทำของประมุขหู่หมั่น พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประมุขของพวกเขา แต่ก็มีศิษย์สาวกจำนวนไม่น้อยที่ซาบซึ้งต่อการกระทำของเขา พวกเขาต่างกล่าวปฏิญานต่อหู่หมั่นด้วยความจงรักภักภิ์ดี ชั่วชีวิตของพวกเขาจะช่วยเหลือประมุขแห่งนิกายโลหิตเพียงผู้เดียว
หู่หมั่นหัวเราะอย่างมีความสุข
สำหรับเขา แม้ว่าศิษย์สาวกเหล่านี้ไม่ได้รับมรดกแห่งฟ้าสวรรคือันยิ่งใหญ่ แต่มันมีค่าพอที่จะดึงจิตใจที่ภักดิ์ของพวกเขาเข้าสู่นิกายโลหิต เพราะพวกเขาทุกคน ต่างได้รับสิ่งวิเศษไม่มาก็น้อยในถ้ำสวรรค์แห่งนี้
ยอดฝีมือแห่งหอวายุพิรุณและหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวต่างเข้าใจในประเด็นนี้อย่างชัดเจน พวกเขาต่างชิงชังการกระทำที่แสแสร้งของหู่หมั่น และปั้นหน้ากล่าวถามศิษย์สาวกของพวกเขาอย่างด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
พวกเขาใช้เวลากว่าครึ่งวันในการค้นหาและรวบรวมศิษย์สากของตนเอง และมีศิษย์สาวกจำนวนมากที่เดินทางกลับไปยังสำนักของตนเอง โดยไม่ถูกค้นพบจากผู้อาวุโส เรื่องนี้ทำให้สถานกาณณ์ภายนอกของหยางไค่และซู่เหยียนปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
แน่นอน ซู่เหยียนถูกลิขิตไว้แล้ว ว่านางจะเป็นผู้ที่ถูกสงสัยในการได้ครอบครองมรดกแห่งฟ้าสวรรคื เพราะนางเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด
หยางไค่และซู่เหยียนในเวลานี้ กำลังยืนอยู่บนยอดเขาของเทือกเขาวายุทะมึนสักแห่งหนหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาก้าวเข้าสู่คลื่นแสงสีทอง คลื่นแสงสีทองได้ส่งพวกเขามายังสถานที่แห่งนี้ ซู่เหยียนไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ แต่หยางไค่ทราบถึงสภาพแวดล้อมเส้นทางของเทือกเขาวายุทะมึนอย่างดี เพราะเขาได้เข้าสู่เทือกเขาวายุทะมึนหลายครั้ง
หลังจากค้นหาเส้นทางเป็นเวลานาน ในที่สุดพวกเขาจึงพบเจอเส้นทางที่สามารถนำพาพวกเขากลับไปได้อย่างปลอดภัย
ระยะทางประมาณ 50 ลี้จากที่นี้ พวกเราจะพบกับหมู่บ้านวู่เหม่ย หยางไค่ยืนอยู่บนยอดเขาเล็กๆ และกล่าวชี้ทิศทางให้แก่ซู่เหยียน
พวกเราต้องแยกกัน ไม่สามารถกลับไปพร้อมๆกัน ซู่เหยียนกล่าวด้วยความลังเล ในเมื่อตนเองเป็นผู้ที่ถูกสงสัยจากศิษย์สาวกคนอื่นๆ ยิ่งไม่ควรลากหยางไค่เข้าไปเกี่ยวข้อง
อืม หยางไค่พยักหน้า : เจ้ากลับไปก่อน ในตอนนี้คงมีผู้คนหลายคนกำลังค้นหาร่องรอยของเจ้า หากเจ้าล่าช้า จะเป็นการเพิ่มความสงสัยให้แก่คนอื่นๆโดยไม่จำเป็น จำไว้ ไม่ว่าใครก็ตามกล่าวถามเจ้า เจ้าห้ามยอมรับว่าเจ้าเป็นผู้ที่ได้รับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์
ข้าทราบแล้ว เจ้าต้องระมัดระวังด้วย และกลับไปยังหอประลองยุทธุ์ให้เร็วที่สุด ซู่เหยียนกล่าวตักเตือน และกำลังหันหลังเดินออกไป แต่ทันใดนั้นนางถูกดึงกลับโดยหยางไค่
เป็นอะไร ? ทันทีที่กล่าวจบ กลิ่นอายแห่งความเร่าร้อนพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน หยางไค่กอดนางไว้อย่างแน่หนา และทาบริมฝีปากประกบไปยังริมฝีปากของซู่เหยียน
เสียงครางเบาๆดังขึ้น ร่างกายของซู่เหยียนอ่อนระทวยในทันที
ผ่านไปเป็นเวลานาน หยางไค่จึงปล่อยนางด้วยรอยยิ้ม
จำคำสัญญาของเจ้าด้วย มาหาข้าเดือนละ 1 ครั้ง!
ซู่เหยียนพยักหน้าอย่างอ่อนโยน
พวกเขาทั้งสองต่างกล่าวล่ำลาด้วยความอาลัย แม้จะรู้ว่าพวกเขาอยู่ในสำนักเดียวกัน แต่กลับมีความรู้สึกที่ไม่เต็มใจจะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินจากไป
หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานาน ซู่เหยียนจึงกระทืบเท้าไปมา นางขบฟันแน่นและกล่าว : ข้าไปแล้วน่ะ
สิ้นเสียงคำกล่าวของนาง นางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงเงาด้านลังที่ขาวบริสุทธุ์
สายตาที่อาลัยในการเดินจากไปของนางพลันหายไปในทันที หยางไค่ส่ายหัวไปมาและยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะก้าวเดินออกไปยังทิศทางของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว
มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ หยางไค่รู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ที่ได้รับสิ่งวิเศษจากถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์มากกว่าคนอื่นๆ ไม่เพียงได้รับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ ยังได้ครอบครองซู่เหยียน !
หลายชั่วยามผ่านไป หยางไค่จึงเดินทางมาถึงหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ในเวลานี้ศิษย์สาวกและยอดฝีมือต่างเดินทางกลับมายังหอประลองยุทธุ์ แต่ก็ยังมีศิษย์สาวกที่กระจายตัวไปยังตำแหน่งที่ห่างไกลกำลังเดินทางกลับมา โดยหยางไค่ไม่เป็นที่ดึงดูดสนใจของใครแม้แต่น้อย
แต่ว่าเขาสังเกตเห็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาด เมื่อตนเองเดินอยู่ภายในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ศิษย์พี่และศิษย์น้องที่ตนเองไม่รู้จักต่างปฏิบัติต่อเขาอย่งเกรงใจ แม้นพวกเขาเหล่านั้นไม่เดินเข้ามาทักทาย แต่กุมมือและยิ้มทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
แม้แต่ผู้ดูแลหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวยังกล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน หยางไค่เข้าใจเหตุผลที่พวกเขาทำเช่นนั้นในทันที ผู้ที่สามารถมีชีวิตรอดออกมาจากถ้ำสวรรค์ไม่แน่ว่าอนาคตอันใกล้ของพวกเขาจะมีการเติบโตที่ไร้ซึ่งขีดจำกัด พวกเขาจะกล้าดูหมิ่นเขาเหมือนเช่นเคยได้อย่างไร ? ในเวลานี้กล่าวทักทาย ในวันนี้พวกเขาจะกลายเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน
หลังจากที่กลับมาถึงกระท่อมไม้ของหขา ยังมิทันที่เขาจะเก็บกวาดทำความสะอาด ด้านนอกของกระท่อมมีเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาด้วยความเร่งรีบ
ในขณะที่กำลังสงสัยว่าใครกำลังเดินเข้ามา ทันใดนั้นใบหน้าของซู่มู่ได้ปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน
เมื่อมองเห็นหยางไค่ ซู่มู่จึงคลายกังวลใจลง : ศิษย์พี่หยางไค่ ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน
หัวใจของหยางไค่เต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ เขาลุกขึ้นและกล่าว : ศิษย์น้องซู่ เข้ามาก่อนสิ !!
ไม่เป็นไร ข้ามาดูว่าท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่เท่านั้น ในขณะที่กล่าว ใบหน้าของซู่มู่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่สดใส : ข้าจะรีบกลับไปฝึกฝนวิชายุทธุ์ของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า !!
ซู่มู่หัวเราะเสียงดัง และหายตัวไปจากประตูกระท่อมของเขา
หยางไค่อึ้งไปชั่วขณะ บริเวณทางเข้าสู่บันไดสีทองเขามองไม่เห็นแม้แต่เงาของซู่มู่ ในเวลานั้นซู่มู่ไปอยู่ที่ไหน ? สัตว์อสูรอาละวาดและสร้างความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงเช่นนั้น ไม่มีทางที่เขาจะมองไม่เห็นซู่มู่
เหตุผลเดียวคือเวลานั้นเขามีสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำกว่า !!
เมื่อเห็นท่าทีของซู่มู่ หยางไค่จึงยิ้มออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ
ดูเหมือนว่า คนที่ได้รับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียว ยังมีเด็กน้อยซู่มู่ ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเขา
เมื่อซู่มู่เดินจากไป ยังมิทันที่หยางไค่จะนั่งลง ด้านนอกกระท่อมมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น แต่ฝีเท้านี้ค่อนข้างเบาเสมือนฝีเท้าของหญิงสาว
หัวใจของหยางไค่เต้นไปมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กำลังสงสัย หน้าประตูกระท่อมมีแสงสีเขียวประกายเข้ามา
ศิษย์พี่ตัวน้อย ? เมื่อหยางไค่มองเห็นรูปลักษณ์ผู้ที่มาเยือน ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดีใจ
ในวันนี้กระท่อมของเขาค่อนข้างมีชีวิตชีวา ซู่มู่เข้ามาเยื่ยม เซี่ยหนิงฉางก็เข้ามา นอกจากนั้นหยางไค่ยังไม่เคยเห็นนางในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์
ตั้งแต่พวกเขาทั้งสองกลับมาจากเทือกเขาผลึกน้ำแข็งนพเก้า นางไม่เคยมาหาเขาอีกเลย
ศิษย์น้อง !! เมื่อเซี่ยหนิงฉางมองเห็นหยางไค่ นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นซู่มู่ นางเดินเข้ามาในกระท่อมโดยไม่เกรงใจ และพุ่งเข้ามาหาเขาในทันที : เจ้ากลับมาแล้ว ?
อืม ข้าเพิ่งกลับมา หยางไค่พยักหน้าตอบรับ
ข้าได้ยินว่าเจ้าเข้าสู่ถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ ..แต่ข้าหาตัวเจ้าไม่พบ เซี่ยหนิงฉางยังคงเขิลอายเช่นเดียวกัน นางกล่าวได้เพียงประโยคสองประโยค ใบหน้าของนางแดงก่ำจนไปถึงใบหูของนาง
ในวันนั้น ข้าเห็นเจ้าเข้าไป เม้งวู่หยาช่างมีอำนาจยิ่งนัก หยางไค่นึกถึงความบ้าอำนาจและการอาละวาดที่รุนแรงของเม้งวู่หยา และรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าแปลก
อืม ท่านอาจารย์ให้ข้าเข้าไป ใช่แล้ว ข้าพบก้อนหินพลังหยางจำนวนไม่น้อยและสกัดมันเป็นโอสพให้แก่เจ้าด้วย เซี่ยหนิงฉางดึงขวดยาออกมาและยื่นให้แก่หยางไค่ : วิชายุทธุ์ที่เจ้าฝึกฝนต้องจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้ใช่ไหม ?
หยางไค่ยื่นมือรับมันและกล่าวด้วยรอยยิ้ม : ขอบคุณ !!
เซี่ยหนิงฉางส่ายหัวไปมา : ไม่ต้องเกรงใจ !!
เจ้าจะนั่งลงเพื่อพักผ่อนก่อนไหม ?
ไม่ ข้าแวะมาดูเจ้าเท่านั้น เซี่ยหนิงฉางรีบโบกมือปฏิเสธ ชายโสดหญิงโสด นางไม่กล้าที่จะอยู่กระท่อมกับเขาเพียงลำพัง : ข้าไปก่อน เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่น่ะ
อืม หยางไค่ไม่ยื้อนางไว้ : เจ้าก็พักผ่อนเช่นเดียวกัน อย่าโหมฝึกยุทธุ์จนเหนื่อยล้าล่ะ
มุมปากของเซี่ยหนิงฉางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ดวงตาของนางประกายด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง
นางหันหลังเดินออกไป แต่ในขณะที่เดินไปถึงหน้าประตูกระท่อม นางได้หยุดฝีเท้าของนาง ราวกับว่ามีคำถามบางอย่างที่อยากจะกล่าวถาม แต่หลังจากที่ลังเลเป็นเวลานาน ดูเหมือนว่านางไม่มีความกล้าหาญพอ จึงเดินออกไปในที่สุด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเทือกเขาผลึกน้ำแข็งนพเก้า นางยังจดจำจนถึงตอนนี้
ความรู้สึกนั้นค่อนข้างลึกซึ้ง จูบนั้นที่หอมหวาน มักทำให้เซี่ยหนิงฉางฝันถึงมันอย่างบ่อยครั้ง ทำให้นางนึกถึงมันอยู่ทุกครั้ง และทุกครั้งที่นึกถึง มันทำให้หัวใจของนางสั่นระรัวด้วยความวุ่นวาย เป็นเวลานานกว่าที่มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันยากที่จะต่อต้าน อยากที่จะลืมเลือน
และเป็นเพราะจูบนั้น ทำให้ห้วงจิตใจของนางมีเงาร่างที่ชโลมไปด้วยโลหิตของหยางไค่ ความรู้สึกที่นางมีต่อหยางไค่อ่อนหวานและอ่อนนุ่มมากเกินกว่าจะพรรณนา แต่นางก็มิกล้าที่จะแสดงความรู้สึกของตนเองออกมา
หลังจากที่ส่งเซี่ยหนิงฉางกลับไป หยางไค่กำขวดยาไว้แน่น จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความอบุอ่นและความรู้สึกที่ซาบซึ้งต่อเซี่ยหนิงฉาง
ค่ำคืนนั้นแสนเงียบกริบ คำคืนแรกที่หยางไค่กลับมาถึงหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เขาไมได้ทำสิ่งอื่นใด แต่นอนหลับพักผ่อนอย่างสงบ
วันรุ่งขึ้น หยางไค่ออกไปยังสมาคมการค้าใต้ดินวายุทะมึนเพื่อซื้อหญ้าสลายวิญญาณและดอกสามใบเถาที่เขาต้องการในคราวก่อน แต่สุดท้ายแผนการของเขาถูกทำลายจากการปรากฏตัวของถ้ำสวรรคืแห่งมรดกฟ้าสวรรค์
หลังจากที่ถ้ำสวรรคืแห่งมรดกฟ้าสวรรค์ปรากฏออกมา สมาคมการค้าใต้ดินวายุทะมึนไม่ได้เงียบเหงาเหมือนเช่นเคย แต่มันเต็มไปด้วยความครึกครื่นความมีสันสันและชีวิตชีวา ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักต่างแบ่งปันเรื่อ่งราวที่พบเจอกับสมบัติวิเศษ โชคชะตา การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร 9 ตนและเหตุการณ์ในบันสีทองนั้นอย่างครึงคัก
คนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ได้เข้าไปยังถ้ำสวรรค์แห่งฟ้าสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจฟังด้วยความสนใจอย่างยิ่ง
ซู่เหยียนไม่ได้อยู่ในสมาคมการค้าใต้ดินวายุทะมึน ในเวลานี้นางตกอยู่ในความไม่ปลอดภัย ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมที่จะออกจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว สายตาของผู้คนทั้ง 3 สำนักต่างเพ่งเล็งไปที่นาง โดยพวกเขาเหล่านั้นต่างต้องการทราบว่านางได้รับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์หรือไม่
หยางไค่รวบรวมสิ่งที่เขาต้องการและเดินออกจากสมาคมใต้ดินวายุทะมึน
หลังจากที่กลับมาถึงหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว หยางไค่ได้เดินทางไปยังคุกคุมขังมังกรทันที
ในวันธรรมดาทั่วไป ตนเองจะนั่งฝึกฝนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ต้นสามสุริยันยังคงต้อนรับสายลมที่พัดผ่านมา ไม่ว่าจะผ่านกี่ปี มันจะคงยังผลิผลให้แก่เขา แต่ว่าความคิดนี้คงเป็นเรื่องที่แสนไกลอย่างยิ่ง
หยางไค่ถูมือของตนเองไปมา เขาพยายามจะทำบางสิ่งบางอย่างที่เขาอยากจะทำ ในเวลานั้นเพราะความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับต่ำและมีร่างกายที่อ่อนแอ จึงไม่เหมาะสมที่จะทดสอบ แต่ในเวลานี้เขาอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน มีคุณสมบัติเพียงพอที่เขาจะทำในสิ่งที่ต้องการ
เขาค้นหาก้อนหินขนาดเล็กจำนวน 2 ก้อน จากนั้นเขาจึงนำเชือกที่ซื้อกลับมา มัดต่อกันเรื่อยๆ หลังจากนั้นจึงค่อยๆหย่อนก้อนหินลงไปยังหน้าผาเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกร
ไม่รู้ว่าเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกรมีสมบัติล้ำค่าสิ่งใดซุกซ่อนอยู่ แม้ว่าหยางไค่จะนั่งอยู่ตรงหน้าของคุกคุมขังมังกรเขายังสามารถดูดซับพลังหยางในการฝึกยุทธุ์ ได้อย่างเต็มอิ่ม แต่ไม่ว่ามันจะเป็นสมบัติล้ำค่าชนิดใด ยิ่งลึกๆลงไป พลังหยางยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ความกระหายของหยางไค่ไม่ใหญ่มาก เขาไม่ต้องการค้นหาสมบัติล้ำค่าแห่งคุกคุมขังมังกร เพราะตอนนั้นผู้อาวุโสที่ 11 เคยกล่าวตักเตือนเขาไว้ ว่าห้ามเข้าใกล้คุกคุมขังมังกร เพราะยิ่งเขาเข้าใกล้มากขึ้นเท่าไหร่มันจะยิ่งสร้างความอันตรายให้แก่เขา
ผู้อาวุโสที่ 11 ที่ลึกลับ เขาต้องเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงอันตราย อันตรายที่อาจทำลายร่างกายของหยางไค่จนร่างกายแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุรี