ตอนที่ 156 ลมปราณหมุนเวียน
ตอนที่ 156 ลมปราณหมุนเวียน
ซู่เหยียนค่อยๆลืมตา และมองเห็นหยางไค่กำลังยิ้มอย่างทะเล้นให้แก่นาง ซู่เหยียนหลบสายตาของหยางไค่นางก้มศีรษะลงต่ำและกัดไปยังหัวไหล่ของเขา
โอ๊ย หยางไค่สะบัดไหล่ของเขาเบาๆ
ข้าพบว่า ร่งกายของเจ้ามีความลับบางอย่าง ! ซู่เหยียนยิ้มอย่างอ่อนหวาน
มีคนเคยกล่าวบอกเจ้าไหม รอยยิ้มของเจ้า ทำให้สีสันแห่งท้องฟ้าและผืนดินสว่างไสวในทันที? หยางไค่จ้องมองซู่เหยียนด้วยสายตาที่หลงไหล
ใบหน้าของซู่เหยียนแดงก่ำ นางยื่นมือรวบผมที่ยุ่งเหยิงไปไว้ด้านหลังและกล่าวด้วยเสียงที่ต่ำทุ้ม : จากนี้ไป ข้าจะยิ้มให้เจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น
หยางไค่รู้สึกถึงความสุขที่เปี่ยมล้นจิตใจ
ฝึกวิชายุทธุ์ให้เสร็จสิ้น! หยางไค่เก็บความสุขนั้นไว้ในใจและกล่าวด้วยเสียงที่จริงจัง
ซู่เหยียนพยักหน้าอย่างช้าๆ
หยดน้ำพลังลมปราณหยาง 30 หยด ถูกปราณจิตเย็นของซู่เหยียนกลืนกินอย่างรวดเร็ว เมื่อปราณจิตเย็นของซู่เหยียนถ่ายทอดไปยังร่างกายของหยางไค่ มันถูกดูดซับโดยกระดูกทองคำในทันที
การค้นพบนี้ทำให้หยางไค่ปลื้มปริ่มอย่างมาก
หยดน้ำพลังลมปราณหยางสำคัญต่อเขาอย่างมาก แต่กระดูกทองคำก็สำคัญไม่แพ้กัน การหมุนเวียนพลังลมปราณเช่นี้ทำให้หยางไค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
หยางไค่กระทำเหมือนเมื่อสักครู่ เขาระเบิดหยดน้ำพลังลมปราณหยาง 30 หยด ความรู้สึกเจ็บปวดจากเส้นชีพจรลมปราณไม่ปรากฏขึ้น หยางไค่ระเบิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางเพิ่มอีก 5 หยด ความรู้สึกเจ็บปวดจากเส้นชีพจรลมปราณจึงบังเกิดอีกครั้ง
การฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง ทำให้เส้นชีพจรลมปราณของเขาขยายมากขึ้น ไม่เช่นนั้นมันไม่สามารถที่จะทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ได้
หยินหยางรวมเป็นหนึ่ง เคล็ดวิชาคู่ แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง !
หลังจากที่หยดน้ำพลังลมปราณหยางทั้งหมด 35 หยดถูกผสานเข้ากับปราณจิตเย็นของซู่เหยียนมันได้ถูกถ่ายทอดมายังร่างกายของเขา และถูกกระดูกทองคำดูดซับเข้าไปเช่นเดิม หลังจากนั้น ร่างกายของหยางไค่สั่นสะท้าน ภายในตำหนักศักดิสิทธิ์อันมหึมามีพายุที่พุ่งม้วนออกมาอย่างกะทันหัน มันพุ่งม้วนไปยังพื้นดินและมีพลังที่มากมายมหาศาลไร้ซึ่งรูปร่างระเบิดออกมาจากห้วงจิตใจของหยางไค่ ซึ่งสามารถมองเห็นคลื่นพลังเหล่านั้นแพร่กระจายไปออกไปยังทุกทิศทางได้อย่างชัดเจน
เป็นเวลานี้ สถานการณ์ที่น่าอัศจรรย์จึงได้หยุดลง
ก้าวข้ามเขตแดนอีกครั้ง ! เขตแดนลมปราณแรกเริ่มขึ้นที่ 9 ! มีการก้าวข้ามไปยังเขตแดนที่สูงกว่าโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 วัน
ซู่เหยียนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ใบหน้าของนางแสดงออกด้วยความดีใจ
จิตวิญญานของหยางไค่นิ่งสงบ แต่กลับมีความรู้สึกที่คาดหวังบางสิ่งบางอย่าง
เขาไม่รู้ว่าการฝึกฝนเคล็ดวิชาคู่ในครั้งนี้ เขาจะสามารถก้าวข้ามไปยังเขตแดนลมปราณหมุนเวียนได้หรือไม่ ?
เมื่อคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน หยางไค่พบว่าสิ่งที่เขาคาดหวังค่อนข้างที่จะเป็นไปได้ยาก ตนเองสูญเสียหยดน้ำพลังลมปราณหยางกว่า 65 หยดแต่สามารถก้าวข้ามเขตแดนเพียง 1 ขั้น นอกจากนั้นมันยังไ้ดรับการช่วยเหลือจากพลังแห่งปราณจิตเย็นของนาง มันบริสุทธุ์ยิ่งกว่าพลังลมปรารหยางของเขาเสียอีก
แม้ว่าจะใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยางในจุดตันเถียนจนหมด มันก็ไม่แน่นอนกว่าจะสามารถทำให้เขาก้าวข้ามไปยังเขตแดนลมปราณหมุนเวียนที่ตนเองคาดหวังเอาไว้
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ในครั้งนี้เขาต้องทำให้สุดความสามารถแม้ว่าผลลัพทธุ์ที่ตามมาาจะเป็นเช่นไรก็ตาม
หยางไค่ขบฟันแน่น เขาระเบิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางอีก 50 หยด และถ่ายทอดไปยังร่างกายของซู่เหยียน
จิตวิญญานของซู่เหยียนสั่นสะท้าน อย่างรุนแรง
ในครั้งแรกที่หยางไค่ถ่ายทอดพลังลมปราณหยางในครั้งแรก นางตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถึงขีดสุด เมื่อถูกถ่ายทอดพลังลมปราณหยางเป็นครั้งที่ 2 ทั้งให้ร่างกายของนางรู้สึกชาซ่าน แต่เมื่อถูกถ่ายทอดพลังลมปราณหยางเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นพลังลมปราณหยางที่แข็งแกร่ง ทำให้นางไม่สามารถที่หยุดนิ่งได้เหมือนเคย
ภายในร่างกายของเขามีพลังลมปราณหยางที่มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร ? แม้ว่าจิตใจของนางจะมีคำถามที่เกิดขึ้นมากมาย แต่ซู่เหยียนไม่ได้กล่าวถาม มันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกที่ชื่นชมและยินดี
เพราะ ..เขาเป็นชายหนุ่มที่มีความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งต่อนาง หากไม่เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน เขาจะเป็นชายหนุ่มที่นางจะใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไป
เขายิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ซู่เหยียนชื่นชมและยินดีกับหยางไค่
ระยะเวลากว่า 3 วัน หยางไค่และซู่เหยียนประสบความสำเร็จในการฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินหยางผสานรวมเป็นหนึ่ง แตในห้วงจิตใจของพวกเขาทั้งสอง จิตวิญญานเชื่อมผสานซึ่งกันและกัน
หลังจากที่ผ่านมา 3 วัน ทั้งสองค่อยๆตื่นฟื้นคืนสติอย่างชัดเจนอีกครั้ง ซู่เหยียนรู้สึกได้อย่างชัดเจน จากการฝึกฝนเคล็ดวิชาคู่นี้ ทำให้ปราณจิตเย็นของนางบริสุทธุ์มากขึ้น มันมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมากมายมจนมิอาจเทียบกับสิ่งใด
ซึ่งการค้นพบนี้ ทำลายความรู้สึกเสียใจที่นางต้องสูญเสียความบริสุทธุ์แห่งพรหมาจารีย์ให้แก่หยางไค่
เมื่อทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน ใบหน้าของหยางไค่เผยรอยยิ้มที่อบอุ่นห้วงติตใจ ใบหน้าของซู่เหยียนเต็มไปด้วยความเขิลอาย
ในขณะที่อยู่ในการฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง นางยังไม่รู้สึกถึงสิ่งใด แต่ในตอนนี้นางกลับมีความรู้สึกที่ยินยอมอย่างเปี่ยมล้นหัวใจ
ตนเองนั่งอยู่บนร่างกายของหยางไค่ด้วยท่วงท่าที่น่าอับอาย สองมือยังโอบรัดต้นคอของเขาเอาไว้ ร่างกายทั้งสองใกล้ชิดอย่างแนบแน่น โดยไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ปกปิดร่างกาย และผสานรวมเป็นหนึ่งอย่างมั่นคง
ร่างกายส่วนล่างมีความรู้สึกที่ร้อนลุ่มอย่างแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาและเติมเต็มจิตใจของพวกเขาทั้งสอง ซู่เหยียนสามารถสัมผัสได้ถึงการเต้นเป็นจังหวะไปมาของร่างกายส่วนล่างที่แผ่ซ่านออกมา ทุกครั้งที่มันเต้นกระตุกไปมาจิตใจของนางชาซ่านอย่างว้าวุ่น ร่างกายอ่อนระทวย เสมือนว่าถูกสายฟ้าฟาดลงไป ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน
นางไม่เคยคิดว่าต้องอยู่ในท่วงทีเช่นนี้กับชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นเวลากว่า 3 วันโดยไม่ขยับเคลื่อนไหว นางคิดว่านางฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งปราณจิตเย็น ปิดผนึกจิตใจของนาง ในชั่วชีวิตของนางจะใช้ชีวิตเพียงคนเดียวจนแก่เฒ่าและตายจากไป
แต่ในตอนนี้ เพราะมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ ทำให้ต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาคู่ ทำให้ตนเองและชายหนุ่มที่ไม่สนิทสนมต้องมีความสัมพันธุ์ที่มิอาจแยกจากกันได้
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่อาจกล่าวพรรณนาว่ามันเป็นความรู้สึกเช่นไร เพราะมันมีความรู้สึกที่สูญเสียและความรู้สึกแห่งความสุขปะปนกันไปมา
นางจ้องมองไปที่หยางไค่อย่างกล้าหาญ ดวงตาของซู่เหยียนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ซู่เหยียน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความร้อนลุ่มจ้องมองไปยังใบหน้าอันงดงามของซู่เหยียน หลังจากฝึกฝนเคล็ดวิชาคู่จนเสร็จสิ้น พลังแห่งมังกรเพลิงและหงสาเมฆาเยือกเย็นได้มลายหายไป แต่หยางไค่รู้สึกว่ามีพลังบางอย่างที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนจิตใจคอยทำลายสติของเขาตลอดเวลา การพุ่งโจมตีจากคลื่นมหาสมุร ผสานกับความร้อนระอุ กำลังจะกลืนกินจิตใจของเขา
ซู่เหยียนเม้มริมฝากสีแดงระเรื่อ สองมือลูบไล้ใบหน้าของหยางไค่ ศีรษะของพวกเขาทั้งสองค่อยๆเข้าใกล้กัน ทำให้หน้าผากของพวกเขาทั้งสองสัมผัสซึ่งกันและกัน
ยัง ยังไม่ใช่ตอนนี้ !! เสียงของซู่เหยียนค่อนข้างต่อต้านและสั่นระรัว ร่างกายที่ผสานรวมเป็นหนึ่งทำให้นางสามารถรับรู้ความคิดของหยางไค่ในตอนนี้ การปฏิเสธในตอนนี้ เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดของนาง ข้าจะช่วยให้เจ้าก้ามข้ามเขตแดนก่อน !
สิ้นเสียงคำกล่าวของซู่เหยียน คลื่นพลังปราณจิตเย็นถูกถ่ายทอดจากร่างกายของซู่เหยียนไปยังร่างกายภายในของหยางไค่
จิตวิญญาณของหยางไค่สั่นสะท้าน เขาสูดลมหายใจเข้าอย่างรุนแรง และเก็บสายตาที่เต็มไปด้วยความลุ่มร้อนแห่งไฟปราถนาที่บ้าคลั่ง หมุนเวียนเคล็ดวิชาของเขา เพื่อรับพลังปราณจิตเย็นที่ซู่เหยียนถ่ายทอดมาให้แก่เขา
เขามิได้ปฏิเสธ แม้ว่าการทำเช่นนี้จะส่งผลเสียต่อซู่เหยียน ซึ่งอาจทำให้ความแข็งแกร่งของนางลดต่ำลง แต่ที่หยางไค่ไม่ปฏิเสธเพราะหยางไค่รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของนาง
เดิมทีเส้นชีพจรลมปราณของเขาอัดแน่นไปด้วยลพลังลมปราณหยาง เมื่อพลังปราณจิตเย็นของซู่เหยียนพุ่งเข้ามา มันทำให้เส้นชีพจรลมปราณของเขากระตุกไปมาอย่างสนั่นหวั่นไหว ความรู้เจ็บปวดแผ่ซ่านออกมา แต่ซู่เหยียนยังคงถ่ายทอดพลังปราณจิตเย็นให้เขาอย่างไม่หยุด
นางสามารถสัมผัสได้ถึงขีดจำกัดของหยางไค่ นางจึงไม่กระทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวเขา
คลื่นพลังลมปราณแพร่กระจายออกจากร่างกายขอพวกเขาทั้งสองอย่างดุดันและแข็งแกร่าง บริเวณใกล้เคียงของพวกเขาไดก่อเกิดเป็นคลื่นพายุทขนาดใหญ่ที่รุนแรง
ผ่านไปสักครู่ เมื่อถึงขีดจำกัดสูงสุดของหยางไค่ ซู่เหยียนมิกล้าจะถ่ายทอดพลังปราณจิตเย็นให้แก่เขาอีก
อย่าหยุด ทำต่อไป ! หยางไค่หลับตา และกล่าวด้วยเสียงทึ่อึมครึม
แต่ว่า
ทำต่อไป !
ซู่เหยียนขนฟันของตนเองไว้แน่น และทำตามความต้องการของหยางไค่ นางได้ถ่ายทอดพลังปราณจิตเย็นให้แก่หยางไค่อีกครั้ง
ทั้งสองที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง ทำให้พลังลมปราณที่ถ่ายทอดให้แก่กันและกันไม่จางหายไป ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุดของเคล็ดวิชานี้
ผ่านไปอีกชั่วครู่ คลื่นพลังลมปราณที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของหยางไค่รุนแรงยิ่งขึ้น เส้นชีพจรลมปราณของเขาเจ็บปวดอย่างสาหัส แต่หยางไค่กัดฟันฝืนอดทนต่อไป ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไป และเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ โดยที่เขาไม่ส่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดออกมาแม้แต่น้อย
อย่างหยุด! หยางไค่กล่าวตะโกน
ดวงตาที่งดงามของซู่เหยียนสั่นไหวไปมา นางมิกล้าที่จะถ่ายทอดพลังปราณจิตเย็นให้แก่เขาอีก เพราะมันอาจทำให้หยางไค่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางสามารถสัมผัสได้ถึงต้องการอันแรงกล้าของหยางไค่
มันเป็นความประสงค์ที่ต้องการจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง !! เพราะตัวเขาต้องการจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง
หากเป็นช่วงหลายวันก่อน หยางไค่ไม่กล้าที่จะบังคับนาง แต่ในเวลานี้ร่างกายของพวกเขาแนบแน่นอย่างใกล้ชิด ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองยังห่างชั้นราวฟ้ากับดินแล้วหยางไค่จะนิ่งดูดายกับสภาพในปัจจุบันที่อ่อนแอของเขาได้อย่างไร ?
บุรุษต้องเป็นผู้ปกป้องสตรี ในเมื่อตนเองต้องการจะปกป้องซู่เหยียน มีเพียงหนทางเดียวคือต้องแข็งแกร่งกว่านาง !!
ในจุดนี้เป็นความคิดของหยางไค่ แต่หยางไค่สัมผัสและมองเห็นอย่างชัดเจน จึงทำให้จิตใจของหวั่นไหวอย่างมาก
หลังจากที่ลังเลเป็นเวลานาน ในที่สุดซู่เหยียนจึงถ่ายทอดพลังปราณจิตเย็นให้แก่หยางไค่อีกครั้ง
คลื่นพลังลมปราณที่แผ่ซ่านออกมาดุดันยิ่งขึ้นยิ่งมันค่อยๆแปรเปลี่ยนความรุนแรง เสมือนว่าคลื่นพลังลมปราณที่รุนแรงนี้เป็นคนคนหนึ่งที่กระด่างกระเดื่องมันไม่ยอมจำนนต่อหยางไค่ ไม่ยอมรับการเป็นนายจากหยางไค่ มันกำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เพื่อให้หลุดพ้นจากเส้นชีพจรลมปราณของหยางไค่ และได้รับอิสรภาพจากหยางไค่
ซู่เหยียนค่อยๆหยุดการถ่ายทอดพลังปราณจิตเย็น นางทราบดีว่าหยางไค่ได้ก้าวข้ามเขตแดนอีกครั้ง การที่พลังลมปราณของผู้ฝึกยุทธุ์คนหนึ่งเกิดปฏิกิริยาตอบโต้เช่นนี้ เพราะว่ามันกำลังส่งสัญญานว่ามันกำลังจะก้าวข้ามเขตแดนไปยังเขตแดนลมปราณหมุนเวียน
ในเวลานี้ สีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดของหยางไคได้พลันหายไปในทันที แม้แต่ความทุกข์ทรมาณในเส้นชีพจรลมปราณยังพลันหายไปเช่นเดียวกัน พลังลมปราณจำนวนมากมายมหาศาลยังคงไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่มันไม่ได้สร้างความเสียหายหรือสร้างอาการบาดเจ็บให้แก่ตนเอง แต่เส้นชีพจรลมปราณของเขาได้ขยายใหญ่มากขึ้น มันขยายใหญ่ขึ้นจนสามารถรองรับพลังลมปราณที่มากมายเหล่านี้
พลังแห่งฟ้าดินเริ่มเข้าใกล้หยางไค่มากขึ้น พลังแห่งฟ้าดินเหล่านี้คือพลังที่ขัดขวางการก้าวข้ามเขตแดนของหยางไค่ เสมือนการขัดขวางการก้าวข้ามเขตแดนลมปราณแรกเริ่มในครั้งก่อน
เมื่อสามารถทะลายชั้นพลังเหล่านี้ ทำให้หยางไค่ก้าวข้ามไปยังเขตแดนลมปราณหมุนเวียน !!
หยางไค่ค่อยๆสัมผัสมัน แม้แต่จิตวิญญาณของเขายังซึมซาบไปยังความรู้สึกของเขา
หลังจากที่เขาค่อยๆสัมผัสการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา มันทำให้สีหน้าของเขานิ่งสงบ แต่พลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายกลับเคลื่อนไหวผกผันอย่างวุ่นวาย
กระดูกทองคำแผ่ซ่านพลังที่พลุกผล่านออกมา ทำให้ร่างกายของหยางไค่ปรากฏพลังแห่งมารที่ชั่วร้ายอีกครั้ง ซู่เหยียนจ้องมองหยางไค่ด้วยความตกใจ แต่ไม่กล้าที่จะรบกวนการกระทำของหยางไค่
ผ่านไปเป็นเวลานาน พลังแห่งมารที่ชั่วร้ายนี้ถูกดูดซับเขาไป และมลายหายไปทันที
ในเวลานี้ พลังลมปราณของหยางไค่เคลื่อนไหวไปมาด้วยความรุนแรงถึงขีดสุด แต่ยหางไค่กลับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ มุมปากของเผยให้เห็รอยยิ้มที่ดีใจอย่างสุดขีด
เขตแดนลมปราณหมุนเวียน !!
ภายใต้การช่วยเหลือจากซู่เหยียน ในที่สุดหยางไค่ก็สามารถก้ามข้ามเขตแดนอย่างราบรื่น
ปัง .. เสียงสนั่นหวั่นไหว เสมือนสววรรค์ชั้นฟ้ากำลังจะทล่มทลาย ถ้ำแห่งฟ้าสวรรค์ต่าสั่นสะเทือนไปมาอย่างรุนแรง ลมวายุเมฆาแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน พลังแห่งห้วงมิตทั้งปวงแปรเปลี่ยนลมวายุที่พุ่งม้วนเมฆาที่อยู่บนฟากฟ้ามาจากทิศทางของตำหนักศักดิ์สิทธิ์และพุ่งเข้าไปยังร่างกายของหยางไค่
มันคือลาภแห่งโชคชะตา ในนขณะที่ผู้ฝึกยุทธุ์ทุกคนกำลังจะก้าวข้ามเขตแดนขนาดใหญ่พวกเขาล้วนได้รับลาภแห่งโชคชะตา พลังแห่ฟ้าดินจะเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้แ่ก่ร่างกาย เนื้อหนัง โลหิต เส้นเอ็น กระดูก ซึ่งทำให้ร่างกายของผู้ฝึกยุทธุ์แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แล้วผู้ฝึกยุทธุ์จะได้รับผลประโยชน์จากลาภแห่งความโชคดีมากเท่าใด ล้วนขึ้นอยู่กับการพยายามของผู้ฝึกยุทธุ์ตนนั้น
ก่อนหน้าที่ตนเองก้าวข้ามเขตแดนลมปราณแรกเริ่ม หยางไค่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกเช่นนี้ แต่คลื่นพลังพลังแห่งฟ้าดินที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาในครัั้งนี้จะแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยอำนาจที่มากมายมหาศาลเช่นนี้
เมื่อเขาลืมตา กำลังพบเจอกับซู่เหยียนที่แสดงออกด้วยความกังวล
หยางยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน : ข้ามีของบางสิ่งบางอย่างมอบให้แก่เจ้า
ในขณะที่กล่าว เขาค่อยๆถลำเข้าไปยังจิตใต้สำนึกและแบ่งผลึกน้ำแข็งเป็นสองส่วนแล้วถ่ายทอดไปยังร่างกายภายในของซู่เหยียน
ความรู้สึกแห่งความหนาวเย็นแพร่ซ่านออกมา ซู่เหยียนกล่าวด้วยสีหน้าที่ดีใจ : มันคือะไร?
ผลึกน้ำแข็งนพเก้า ได้ยินมาว่ามันมีประโยชน์ต่อผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงเช่นเจ้า ! ในบางครั้งสองมือของหยางไค่ด้ลูบไล้ไปยังหลังสีขาวนวลเนียนของซู่เหยียน โดยยังกล่าวแนะนำให้แห่ซู่เหยียน : เจ้าหลอมละลายและสกัดมันเข้าสู่ร่างกาย ข้าจะฝึกฝนร่างกายของตนเองให้แข็งแกร่งจากพลังแห่งฟ้าดิน
ได้! ซู่เหยียนพยักหน้าตกลง
แม้ว่าจะหลอมละลายผลึกน้ำแข็งนพเก้า มันก็เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ซู่เยหยียนไม่มาก แต่ไม่ว่าอย่างไรมันเป็นถึงสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ มันจะสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของซู่เหยียนเพ่ิมขึ้นไม่มากก็น้อย
ตรบใดที่ผลึกน้ำแข็งนพเก้าสามารถแสดงอำนาจพลังเพียง 2 ส่วน มันเพียงพอที่จะช่วยฟื้นฟูพลังแห่งปราณจิตเย็นที่นางสูญเสยจากการช่วยเหลือหยางไค่