ตอนที่ 149 ทดสอบ
ตอนที่ 149 ทดสอบ
หู่เหม่ยเอ่อยังกล่าวไม่จบ แต่ถูกยับยั้งจากหู่เจี่ยวเอ่อ : เป็นเพราะเหตุผลนี้ที่พวกเราทั้งสองเข้ามาใกช้ชิดเจ้าแล้วจะทำไม ?
นางไม่คุ้นชินที่หยางไค่คิดมองพวกเขาเป็นคนไม่ดีเช่นนั้น พวกนางทั้งสองมีจิตใจเช่นนั้นหรือไง ? เขาช่างไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกนางทั้งสองเอาซะเลย
หยางไค่รู้สึกว่านางกำลังเคืองโกรธ หยางไค่จึงไม่กล่าวอะไรออกไปอีก
หู่เจียวเอ่อกล่าวต่อ : เมื่อบันไดสีทองนั้นสยายลงมาถึงพื้นดินด้านล่าง พวกเราจะติดตามเจ้า เพราะเจ้ารู้เรื่องราวต่างๆมากกว่าพวกเรา เจ้ากล่าวบอกสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นให้แก่พวกเรา พวกเราทั้งสองจะรับผิดชอบปกป้องความปลอดภัยของเจ้า การแลกเปลี่ยนเช่นนี้เป็นอย่างไร ?
ปกป้องข้า ? หยางไค่จ้องมองพวกเขาด้วยความสงสัย
การแสดงของเจ้าช่าง หรือว่าเจ้าไม่ต้องการการปกป้องจากพวกเราทั้งสอง ? การบ่มเพาะพลังและเขตแดนของเจ้าอยู่ในระดับต่ำ หากว่าเจ้าพบเจอกับภัยอันตรายเจ้าจะเผชิญหน้ากับมันได้อย่างไร ? หู่เจี่ยวเอ่อหัวเราะเบาๆ : อย่าบอกน่ะ ว่าซู่เหยียนแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวจะปกป้องเจ้า หลายวันที่ผ่านมานางไม่มองหน้าเจ้าแม้แต่ครั้งเดียว ดูเหมือนว่าการช่วยชีวิตนางในวันนั้นจะสูญเปล่า
แล้วแต่พวกเจ้า !! หยางไค่ไม่ต้องการกล่วาอะไรไปมากกว่านี้ เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนต่างต้องเข้าไปพร้อมกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาทั้งหลายอาจต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ฮึ ! หู่เจี่ยวเอ่อสบทด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ก่อนจะดึงมือน้องสาวให้ห่างจากหยางไค่
หลังจากที่ผ่านไปอีกหนึ่งวัน สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นเมฆได้ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน มันสยายลงมาที่พื้นดินด้านล่าง ฝูงชนทั้งหมดต่างลุกขึ้นจ้องมองไปยังสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่อยู่ห่างจากพวกเขาถึง 10 ลี้
มันเป็นหอคอยขนาดมหึมาที่ตั้งสู่งเด่นตระหง่าน แต่สิ่งที่สะดุดสายตาของฝูงชนทุกคนคืองบันไดสีทองที่มีขั้นบันไดจำนวนมากายที่มิอาจนับได้
จุดสูงสุดของชั้นเมฆ เสมือนมีเงาร่างของตำหนักสวรรค์ดำรงอยู่บน
สถานที่ดำรงอยู่ของมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ ? หยางไค่สูลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ
ในขณะเดียวกัน ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าพวกเขาไม่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าหยางไค่ แต่พวกเขายังพอมีความรู้ พวกเขารู้ว่าภายในหอคอยอันมหึมาต้องมีสมบัติวิเศษซุกซ่อนอยู่ภายในอย่างแน่นอน ในเวลานี้ทุกคนต่างรอคอยให้มันสยายลงมาถึงพื้นล่างและแย่งชิงในการปีนป่ายขึ้นไป
ภายใต้การอคอยของทุกคน หอคอยอันใหญ่มหึมาค่อยๆเข้าใกล้เรื่อยๆ บันได้สีทองกำลังจะสัมผัสกับพื้นดิน
ตามาด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินสั่นสะเทือนไปมา ทันใดนั้นน้ำวนที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าค่อยแปรเปลี่ยนไปและหายไปในที่สุด
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเป็นเวลานานนาน ในที่สุดทุกอย่างก็สัมผัสกับพื้นดินอย่างมั่นคง
หอคอยอันใหญ่มหึมาลอยลงมากระทบกับพื้นดินและยืนหยัดอย่างเด่นตะรหง่านได้อย่างสมบูรณ์
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของศิษย์สาวกทั้ง 3 นิกายดังขึ้นอย่างกะทันหัน ฝูงชนกว่าหลายร้อยคนรีบวิ่งไปยังทิศทางนั้นทันที
หยางไค่เริ่มก้าวเดินไปยังทิศทางนั้นเช่นเดียวกัน แต่เขาไม่รีบร้อนเหมือนคนอื่นๆ จากคำกล่าวของมารปฐพี มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ขึ้นอยู่กับโชคชะตาไม่ใช่ความเร็วในการวิ่งเพื่อแย่งชิง
ตรงหน้าของเขาเสมือนมีเงาร่างสีขาวบริสุทธุ์ผ่านไป เขาเงยหน้ามอง และพบว่าเป็นแขนเสื้อของซู่เหยียน นางไม่รีบร้อนเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่เชื่องช้า เสมือนกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน มันเต็มไปด้วยความงดงามและสง่างาม
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องของหยางไค่ นางหันหน้ากลับไป ขนตาที่ยาวสลวยสั่นไหวไปมา แต่มันนิ่งสงบลงในทันที โดยที่ไม่มีคำพูดใดๆกล่าวออกมาจากนางแม้แต่คำเดียว
เพียงพริบตา สายตาของทั้งสองถูกปิดกั้นจากเงาร่างของศิษย์สาวกจำนวนมากมาย
กลิ่นหอมหวานโชยมา บุพผาแห่งนิกายโลหิตทั้ง 2 เคียงข้างซ้ายขวาของหยางไค่ คนหนึ่งยิ้มอย่างไร้อารมณ์ อีกคนยิ้มอย่างมีเสน่ห์
หู่เจียวเอ่อกล่าว : ข้าบอกแล้วว่าจะปกป้องเจ้า ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าวางใจ พวกเราทั้งสองได้รับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์แล้ว หากครั้งนี้มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ปรากฏต่อหน้าเจ้า พวกเราทั้งสองเจ้าไม่แย่งชิงจากเจ้าอย่างแน่นอน
หยางไค่เงยหน้าอีกครั้ง และมองไม่เห็นเงาร่างของซู่เหยียนอีกเลย
เจ้าเด็กบ้า !!ข้ากำลังพูดกับเจ้า หู่เจียวเอ่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับของหยางไค่ นางจึงโกรธเคืองอย่างมาก
ข้าได้ยินแล้ว หยางไค่กล่าวตอบอย่างเรียบเฉย
โอ้ว ไม่รู้ว่าเจ้ามีดีตรงไหนกันแน่ หู่เจียวเอ่อกล่าวด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบา แต่หยางไค่ไม่ได้ยินในสิ่งที่นางกล่าว
ระยะทาง 10 ลี้ ฝูงชนจำนวนมากมายได้มาถึงด้านหน้าของบันได้สีทองอร่ามที่ประกายด้วยแสงสีทองแพรวพราวที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
ด้านหน้าของบันได้แห่งตำงหอคอยอันใหญ่มหึมา มีม่านแสงสีทองสลัวปราฏขึ้นมา ภายในม่านแสงสีทอง มีประตูทางเข้าที่แตกต่างกันจำนวนมากมาย
ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักมีบางคนที่แยกตัวอย่างโดดเดี่ยว บางคนเลือกที่จะรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน และเดินเข้าไปยังม่านแสงที่ตนเองต้องการ ทำให้จำนวนของศิษย์สาวกลดลงเรื่อยๆ
ฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฉากที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เมื่อยืนตรงด้านหน้าของม่านแสงสีทองสามารถมองเห็นบันไดสีทองอย่างชัดเจน แต่ร่องรอยของศิษย์สาวกที่เดินเข้าไปหายไปในพริบตา เสมือนว่าพวกเขาถูกกลืนกินจากพลังอำนาจบางอย่างที่ไร้ซึ่งรูปร่างจนหมดสิ้น
เมื่อมองเห็นฉากเหตุการณ์นี้ สองพี่น้องต่างถอนหายใจออกมาด้วยความกังวล
หยางไค่ พวกเขาหายไปไหน ? หู่เจี่ยวเอ่อกล่าวถามด้วยความกังวล
ข้าไม่รู้ หยางไค่ส่ายหัวไปมา
เขาเดินไปยังประตูขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครเดินเข้าไป ก่อนจะยื่นมือออกไปไปยังภายในประตูนั้น ซึ่งมองเห็นเพียงม่านแสงที่เคลื่อนไหวไปมา แต่มองไม่เห็นสถานการณ์ที่อยู่ภายใน
พวกเราจะเข้าไปหรือไม่ ? หู่เหม่ยเอ่อค่อนข้างหวาดกลัว ในเวลานี้ร่างกายของนางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
หยางไค่เงยหน้ามองไปยังจุดสูงสุดของชั้นเมฆ และตัดสินใจก้าวเดินไปยังประตูที่ตนเองเลือก
เมื่อมองเห็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของหยางไค่ หู่เจี่ยวเอ่อขบฟันแน่น นางดึงมือของน้องสาวและกล่าว : เข้าไป !!
เมื่อเดินเข้ามาในม่านแสงสีทอง มันช่างประหลาดยิ่งนัก เพราะสภาพภายในของมันเหมือนกับสภาพภายนอกไม่ผิดเพี้ยน ภายในของมันก็คือบันไดสีทองที่มีจำนวนขั้นที่มากมายนับไม่ถ้วน หยางไค่ที่ก้าวผ่านม่านแสงก้าวเข้ามายังประตูนี้ กำลังยืนอยู่ครุ่นคิดอยู่ตรงหน้าของบันไดขึ้นสู่ท้องฟ้าขั้นที่ 1
หยางไค่มองไปรอบๆ และมั่นใจว่าไม่มีใครสะกดรอยเดินตามพวกเขาเข้ามา
ดูเหมือนว่าประตูที่ก้าวผ่านม่านแสงสีทองจะนำไปสู่ห้วงมิติที่แตกต่างกัน มีเพียงคนที่เดินเข้ามาในประตูเดียวกัน จึงจะได้อยู่ร่วมกัน
เมื่อหันหน้ากลับไป หยางไค่แตะสัมผัสไปยังประตูทันใดนั้นระลอกแสงสีทองเคลื่อนไหวไปมา ม่านแสงสีทองสลัวต่างหายไปในพริบตา
เส้นทางด้านหลังถูกตัดขาด หยางไค่สูดลมหายใจเข้า ก่อนจะก้าวเท้าวางไปยังบันได้ขั้นที่ 1 หลังจากที่วางเท้าไปยังบันไดขั้นที่ 1 คิ้วของหยางไค่ขมวดไปมา ร่างกายของเขาหยุดนิ่งเช่นนั้น
เกิดอะไรขึ้น ? หู่เจี่ยวเอ่อกล่าวถามด้วยความสงสัย
พวกเจ้าลองมาทดสอบด้วยตนเองดูซิ หยางไค่กล่าวบอกแก่หู่เจียวเอ่อและหู่เหม่ยเอ่อ
พวกนางทั้งสองก้าวเดินเข้ามายังไม่ลังเล หลังจากที่พวกเขายืนเคียงข้างหยางไค่ ร่างกายของพวกนางทั้งสองเคลื่อนไหวออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
รู้สึกอย่างไร ? หยางไค่กล่าวถาม
มีพลังบางอย่างพุ่งเข้ามาที่ฝ่าเท้าของข้า หู่เจียวเอ่อกล่าวตอบ
มันเป็นพลังที่ร้อนระอุอย่างยิ่ง !! หู่เหม่ยเอ่อกล่าวต่อ
อืม มันน่าจะเป็นบททดสอบ หยางไค่ยิ้มจางด้วยความดีใจ ซึ่งแตกต่างจากการแสดงออกของสองพี่น้องนั้น เขาพบว่าพลังที่พุ่งเข้ามา เป็นพลังงานหยาง !
กลยุทธุ์หยางเคลื่อนไหวไปมา พลังงานหยางที่พุ่งเข้าสู่ฝ่าเท้าของเขาไม่เพียงไม่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่ยังเป็นการฟื้นฟูพลังลมปราณหยางที่อยู่ภายในร่างกายของเขา
แต่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสำหรับหู่เหม่ยเอ่อและหู่เจี่ยวเอ่อ พวกนางต้องเคลื่อนไหวพลังลมปราณไปยังฝ่าเท้าของพวกนางเพื่อทำลายพลังหยางที่พุ่งเข้าสู่ฝ่าเท้าของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง พวกเขามีแต่การสูญเสีย เมื่อเทียบกับหยางไค่มันแตกต่างราวฟ้ากับเหว
แต่ว่าพลังที่่พุ่งดันเข้ามาค่อนข้างอ่อนแอ หากว่าบททดสอบง่ายดายเพียงนี้ มันคงทำอะไรพวกเราไม่ได้ หู่เหม่ยเอ่อกล่าวด้วยความดีใจ พลังลมปราณของเขาอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 2 มันง่ายดายที่จะต่อต้านพลังที่ร้อนระอุนี้
อย่าประมาทไป หู่เจียวเอ่อจ้องมองไปยังหู่เหม่ยเอ่อ : บันได้สีทองนี้มีกี่ขั้น หากว่าเรายิ่งปีนป่ายขึ้นไป พลังของมันจะแข็งแกร่งและรุนแรงยิ่งขึ้น สุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นพวกเราที่ไม่สามารถต่อต้านพลังความแข็งแกร่งของมันได้
ใช่หรือไม่ เมื่อทดสอบแล้วจะรู้ผลของมันเอง หยางไค่ค่อยๆปีนป่ายขึ้นไปยังขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 ขั้นที่ 4 ..