ตอนที่ 146 การตายของหน่ายหย่ง
ตอนที่ 146 การตายของหน่ายหย่ง
หู่เจี่ยวเอ่อหัวเราะอย่างต่อเนื่อง : เจ้ากล่าวเองว่าข้าเป็นสตรี ข้าชนะเจ้าอย่างไร้ความยุติธรรมแล้วจะเป็นเช่นไร ? ในเมื่อเจ้าคิดว่าบุรุษเช่นเจ้าอยู่เหนือกว่าสตรีเช่นข้า แต่เจ้ายังคิดจะเดิมพันกับข้าโดยมีชัยชนะเป็นตัวตัดสิน ความคิดของเจ้าน่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ !
เมื่อคำกล่าวของฟางจือชิถูกคำกล่าวที่ยอกย้อนของหู๋เจี่ยวเอ่อลบล้าง เขานิ่งไปชั่วขณะและถอนหายใจ : ไม่มีบรุษคนใดที่จะสามารถเอาชนะการโต้เถียงจากสตรี !!
ชะตากรรมของสัตว์อสูรถูกตัดสินไปกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักร่วมมือกันโจมตีเพื่อเอาชนะ และการโจมตีอีกครั้งของซู่เหยียนทำลายโอกาสที่จะมีชีวิตรอดของสัตว์อสูรไปจนหมด
สิ้น
สัตว์อสูรในเวลานี้ เผชิญหน้ากับการโจมตีของศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักที่ลงมืออย่างรุนแรง การตายของมันจึงขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มันจะสามารถทดทนต่อความทุกข์ทรมาณเท่านั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดจากจากหมัดแห่งผนึกดาราของหยางไค่ จากหมัดที่โจมตีออกไปเพียงครั้งเดียวของเขา ได้กระตุ้นความต้องการต่อสู้ของศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนัก ซึ่งทำให้พวกเขามีความกล้าหาญที่เอาชนะต่อการต่อสู้ที่ยากลำบากและเอาชนะสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง
หู่เหม่ยเอ่อกำลังช่วยหยางไค่พันแผลแต่เพราะหลอดเลือดแขนขวาแตกกระจายจึงทำให้แขนของเขาสั่นไปมาอย่างไม่หยุด
หยางไค่ไม่เคยคิดว่าอำนาจพลังของผนึกดวงดาราจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มันแข็งแกร่งจนตนเองมิอาจที่จะควบคุม หลังจากที่หมัดแห่งผนึกดวงดาราถูกปลดปล่อยออกไป ร่างกายของเขากลับชาไปทั่วร่างกายเสมือนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาจะยื่นนิ่งโดยไม่เคลื่อนไหวเช่นนี้ได้อย่างไร ? จนถึงตอนนี้ ร่างกายที่ชาเสมือนอัมพาตต่อยๆ บรรเทาลง ซึ่งตามมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณจากอาการบาดเจ็บของร่างกาย
สายตาของเขาจับจ้องไปยังศิษย์สาวกกว่าหลายร้อยคนที่กำลังต่อสู้อย่างไม่ถดถอย ดังนั้นหยางไค่จึงมองไม่เห็นสีหน้าที่น่าเกลียดของเจี่ยหงเฉิน
หลังจากที่หมัดผนึกดวงดาราของหยางไค่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรง เจี่ยหงเฉินลอยนิ่งอยู่กลางเวหา เสมือนว่าเขาได้สูญสิ้นจิตวิญญาณของตนเอง จนกระทั่งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเขาจึงสามารถฟื้นคืนสติที่หลุดลอยออกไปของเขากลับมาได้
เขาทราบอย่างชัดเจนว่าหยางไค่ต้องได้รับมรดกชั้นเลิศจากถ้ำสวรรค์แห่งฟ้าสวรรค์แห่งนี้อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นจากพลังความแข็งแกร่งที่อ่อนด้อยของเขา เขาไม่สามารถที่จะปลดปล่อยหมัดแห่งการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้
มันเป็นหมัดที่สามารถทำให้สัตว์อสูรระดับ 6 ขั้นสูงสุด (เทียบเท่าเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นสูงสุด) ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ !!
ไม่สามารถให้เขามีชีวิตเติบโตก้าวหน้าไปมากกว่านี้ หากยังปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไป ไม่เพียงตัวเขาจะไม่สามารถคว้าซู่เหยียนกลับมา แม้แต่ตัวเขาเองอาจต่อประสบกับภัยอันตรายที่เกิดจากหยางไค่อีกด้วย
เมื่อความคิดนี้ก่อเกิดขึ้นมา ดวงตาของเจี่ยหงเฉินประกายด้วยความต้องการโกรธแค้นและต้องการสะสางความแค้นทั่งปวง เขาพุ่งลงไปด้านล่างและส่งสายตาให้แก่คนคนหนึ่ง
คนคนนั้นคือหน่ายหย่ง !!
หน่ายหย่งอยู่ในภาพเดียวกับหล่างฉู่วเต่ว เขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ ในตอนนี้เขากำลังฟื้นฟูพลังลมปราณอยู่ด้านหลังของหยางไค่ที่ไม่ห่างกันมาก
ในตอนนี้หน่ายหย่งกำลังตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในใจของเขายังมีคำกล่าวที่ไม่สามารถกล่าวออกมาได้ เขาอยู่ร่วมกับหยางไค่เป็นเวลาหลายวัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำดีหรือกล่าววาจาที่ดีต่อหยางไค่ ท้ายที่สุดเขายังเคยนำพากลุ่มคนไล่ฆ่าหยางไค่อีกด้วย
แต่ในตอนนั้นเขาและคนอื่นๆไม่สามารถหาสถานที่หลบซ่อนตัวของหยางไค่ ดังนั้นการไล่ฆ่าของพวกเขาจึงไม่สำเร็จ แต่ว่าการมีชีวิตอยู่ของหยางไค่เสมือนก้างปลาที่ติดอยู่ในลำคอซึ่งคอยทิ่มแทงพวกเขาด้วยความทุกข์ทรมาณ
เขายังจำคำกล่าวสุดท้ายของหยางไค่ก่อนที่เขาจะหนีไปได้อย่างแม่นยำ
ระยะเวลาเพียง 10 วันที่ไม่พบกัน หยางไค่แข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว !! หน่ายหย่งตกตะลึงจนแทบจะสิ้นสติ หากว่าหมัดนั้นของหยางไค่โจมตีมาที่ตัวเขา ร่างกายของตนคงจะแตกสลายเป็นเสี่ยงอย่างแน่นอน
ควรทำอย่างไร ?ควรทำอย่างไรต่อไป ? ในเวลานี้สายตาของทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับสัตว์อสูร ในช่วงเวลาดังกล่าวพวกเขาจึงไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง แต่หลังจากที่สัตว์อสูรถูกฆ่าตาย ตนเองจะเผชิญหน้ากับไฟแห่งความโกรธแค้นของหยางไค่อย่างไร ?
ในขณะที่หน่ายหยงกำลังกังวล ทันใดนั้นหน่ายหย่งมองเห็นสัญญานที่เจี่ยหงเฉินส่งผ่านสายตามาให้แก่เขาอย่างชัดเจน
หน่ายหย่งเข้าใจความหมายของเจี่ยหงเฉิน และตื่นตกใจกับการตัดสินใจของเจี่ยหิงเฉิน
แต่ผ่านไปได้เพียงชั่วครู่ ดวงตาของหน่ายหย่งนิ่งสงบเยือกเย็นลงในทันที ใช่ ถูกต้อง !! หากตนเองอยากมีชีวิตรอด มีเพียงวิธีการเดียวคือฆ่าหยางไค่ให้ตาย !! มิฉะนั้นหยางไค่ต้องหันกลับมาแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน !!นอกจากนั้นศิษย์พี่เจี่ยของเขายังต้องการทำเช่นนั้น แม้ว่าตนเองจะเป็นคนฆ่าหยางไค่ แต่ยังมีการปกป้องคุ้มครองจากศิษย์พี่เฉิน ตนเองต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
หมัดของหยางไค่ที่เต็มไปด้วยอำนาจพลังความแข็งแกร่ง ทำให้หน่ายหย่งไม่สามารถสงบสติอารมณ์ในการคิดไตร่ตรอง มีเพียงการตรึงความหวังทั้งหมดให้แก่เจียหยงเฉิน
หน่ายหย่งค่อยลุกขึ้น ค่อยก้าวเดินไปยังทิศทางของหยางไค่ทีละก้าวทีละก้าว
เมื่อเผชิญหน้ากับภัยอันตรายที่ใหญ่หลวง ใหญ่จึงไม่ไดตะหนักถึงภัยอันตรายที่กำลังเข้าใกล้ เขาจึงยืนนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิมโดยไม่ขยับเคลื่อนไหว
หน่ายหย่งเพิ่มความเร็วในการก้าวไปข้างหน้า ในตอนนี้ข้างกายของหยางไค่มีเพียงหู่เหม่ยเอ่อแห่งนิกายโลหิต เพียงแค่ตนเองลงมือฆ่าหยางไค่อย่างรวดเร็ว หยางไค่ต้องตายโดยมิอาจที่จะหบลหนีอย่างแน่นอน
เหตุการณ์เรื่องราวต่างๆที่จะเกิดขึ้นหลังจากฆ่าหยางไค่ ไม่ได้อยู่ในการพิจารณาไตร่ตรองของหน่ายหย่ง
ในเวลานี้สายตาและความสนใจของศิษย์สาวกทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับสัตว์อสูร ไม่มีใครสั่งเกตุพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของหน่ายหยง ยกเว้นคนคนหนึ่ง
คนคนนั้นคือ หล่างฉู่วเต่ว
ตั้งแต่ตอนที่หยางไค่พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าเพื่อช่วยซู่เหยียน และพุ่งหมัดโจมตีไปยังสัตว์อสูร ฉากเหตุการณ์เหล่านั้นปรากฏอยู่ในหัวใจของนางซ้ำมาซ้ำไปจนหัวใจของหล่างฉู่วเต่วเต็มไปด้วยความเสียใจและรำคาญใจ
นางไม่เคยคิดว่า คนที่เดินตามนางตลอดหลายวันที่ผ่านมา และทำตามทุกสิ่งที่ตนเองกล่าวบอก จะสามารถแสดงพลังความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ หากรู้ก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้
ความรู้สึกนั้นจะเสมือนว่าตนเองได้ครอบครองหยกมรกตที่เลอค่าและงดงาม แต่ตนเองกลับเปรียบเขาเป็นหินไร้ค่าและทิ้งขวางเขาอย่างไม่ใยดี ความรู้สึกที่สูญเสีย ทำให้หล่างฉู่วเต่ววเสียใจอย่างมาก
คนอื่นๆต่างเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างศิษย์ทั้ง 3 สำนัก แต่นางกลับจ้องมองเงาด้านหลังของหยางไค่อย่างไม่วางตา เงาด้านหลังทำให้นางรู้สึกราวดั่งต้องมนต์จนมิอาจที่จะลสายตาไปได้ หากเทียบกับเจี่ยหงเฉิน มันแตกต่างราวฟ้ากับเหว
ภัยพิบัติครั้งนี้เกิดขึ้นจากเจี่ยหงเฉิน แต่สุดท้ายกลับเป็นบุรุษหนุ่มคนนี้ที่ทำลายภัยพิบัติในครั้งนี้
การเคลื่อนไหวของหน่ายหยงดึงดูดความสนใจของหล่างฉู่วเต่วทันที ในตอนแรกนางไม่ได้คิดอะไรมาก นางคิดว่าหน่ายหย่งฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งได้พอสมควรและต้องการที่จะเข้าร่วมกับสัตว์อสูร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นดั่งที่นางคิด เป้าหมายของหน่ายหยงคือหยางไค่ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน ในขณะที่หน่ายหย่งกำลังย่างกรายเข้ามา กลิ่นอายแห่งพลังลมปราณของหน่ายหย่งอย่างผันผวนไปมาอย่างรุนแรง
หล่างฉู่วเต่ว หญิงสาวที่ชาญฉลาด นางเข้าใจในทันทีว่าหน่ายหย่งต้องการจะทำสิ่งใด ในขณะที่นางกำลังจะตะโกนเตือนหยางไค่ แต่ยังมิทันที่เขาจะกล่าวออกไป ทันใดนั้นนางมองเห็นหยางไค่ที่ยืนอยู่ตรงด้านโน่นหันหน้ากลับไปด้วยความความโหดเหี้ยม เขาใช้สายตาเย้ยหยันจ้องมองไปยังหน่ายหย่งที่กำลังย่างกรายเข้ามา
เขากำลังยิ้ม เผยให้เห็นฟันสีขาวของเขา เสมือนรอยยิ้มของปีศาจ
หน่ายหย่งหยุดชะงัก เขาจ้องมองไปที่หยางไค่ด้วยจิตใจที่หวาดกลัว เขาไม่ทราบว่าหยางไค่สัมผัสการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างไร แต่เมื่อถูกฝ่ายตรงข้ามจ้องมองด้วยสายตาที่เย้ยหยัยเช่นนี้ หน่ายหย่งเริ่มรู้สึกหวาดกลัวจนขกลุกซู่
สายตาที่เขาจ้องมองตนเอง เสมือนจ้องมองคนตายคนหนึ่ง
ศิษย์พี่หน่าย !! หยางไค่ค่อยๆหันร่างกายกลับไปอย่างช้าๆ และยังคงรักษารอยยิ้มที่น่าขนลุกนั้นไว้
ศิษย์น้องหยาง !! หน่ายหย่งกลืนน้ำลาย ฝ่าเท้าของเขาค่อยๆขยับถอยหลังอย่างช้าๆ
ศิษย์พี่มาเพื่อฆ่าข้า ?
คำกล่าวนี้เป็นดั่งที่หน่ายหย่งกำลังครุ่นคิด เขาตกใจจนตัวสั่นเทา ก่อนจะโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่แสแสร้ง : ศิษย์น้องหยางกล่าวเช่นนี้ไดอย่างไร ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันล่ะ ?ข้าและเจ้าเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างร ฮึฮึ ..
หน่ายหย่งรู้สึกว่าผิวหน้าของเขากำลังสั่นไปมาอย่างไม่หยุด มันไม่ได้เป็นเพราะคำพูดแสแสร้งที่หลุดออกมาจากปากของเขา แต่เป็นความตื่นตระหนกที่แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่สามารถทำให้สัตว์อสูรที่อยู่ในระดับ 6 ขั้นสูงสุดได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร ? นอกจากนั้นคนคนนี้ยังมีความแค้นแห่งความเป็นความตายกับเขาด้วย
ในระหว่างที่กล่าว หน่ายหย่งค่อยๆก้าวถอยหลังทีละก้าวทีละก้าว และยังยกมือห้ามปรามหัวเราะอย่างงุ่มง่าม เพื่อแสดงว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น
หน่ายหย่ง !! หยางไค่ตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปมาเสมือนปีศาจที่ชั่วร้าย
ในขณะที่หัวใจของหน่ายหยางกำลังหดลงด้วยความหวาดกลัว เขาไม่กล้าที่จะขานรับ ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว เขายังวิ่งออกไปไม่ถึง 10 ก้าว ทันใดนั้นได้มีเสียงตะโกนด้วยความโหยหวนดังมาจากด้านหลังของเขา
ท่ามกลางความรีบร้อน เขาหันหน้ามองกลับไป ราวกับว่าจิตวิญญาณของตนเองกำลังจะหลุดจาก่าง เพราะเขามองเห็นเข็มสีดำขนาดใหญ่ที่มียาวประมาณ 1 คืบพุ่งลอยออกมาจากร่างกายของหยางไค่ เข็มสีดำทะมึนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะโหยหวนที่น่าขนลุก
เสียงหัวเราะนี้ล่องลอยไปมาอย่างน่าประหลาด มันเต็มไปด้วยความกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย ไหลเวียนเข้าสู่จิตใต้สำนึกของหน่ายหย่ง ทำให้หน่ายหย่งรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีด
ระยะห่างประมาณ 10 จ้าง เข็มสีดำทะมึนพุ่งโจมตีออกไป แต่หน่ายหย่งไม่ยอมหยุดนิ่งเพื่อรอความตายที่กำลังถาโถมเข้ามา เขารีบหมุนตัวกลับมาและรับมือกับเข็มสีดำทะมึนนั้น ทันใดนั้นหน่ายหย่งรู้สึกดีใจเพราเขาพบว่าอำนาจพลังของเข็มสีดำไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้ จากความสามารถของเขาเขาสามารถต่อต้านมันได้ เขาคงไม่ไดถูกฆ่าอย่างง่ายดายเช่นนั้น
หน่ายหย่างดีใจมากเกินไป โดยที่ไม่ทราบสถานการณ์ภายในใจของหยางไค่ว่าไม่เป็นดั่งรอยยิ้มและการแสดงออกของเขา เพราะเขาตัดสินใจที่จะจบชีวิตของหน่ายหย่ง !!!
ภายใต้ความดีใจ หน่ายหย่งต่อสู้กับเข็มสีดำทะมึนและถอยหลังกลับไปเรื่อยๆ เพื่อหลบหนีจากการโจมตีของเข้มสี่ดำทะมึน แต่ว่าเข็มสีดำทะมึนกลับไล่ตามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นเสียงหัวเราะที่น่าหวาดกลัวยังไม่เคยหยุดลงอีกด้วย
มันคือสิ่งใดกันแน่ ? แม้ว่ามันจะเป็นสมบัติลึกลับ มันต้องมีคนควบคุมถึงจะสามารถใช้งานมันได้ ? แต่หยางไค่ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน แล้วทำไมเข็มสีดำทะมึนยังคงโจมตีได้อีก ?
ในขณะที่กำลังตื่นตระหนก ด้านหลังของเขามีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างกะทันหัน หน่ายหย่งหันหน้ากลับไป และพบหล่างฉู่วเต่วที่กำลังได้รับบาดเจ็บพุ่งเข้ามา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาและความเด็ดเดี่ยว
หน่ายหย่งตะโกนด้วยความดีใจ: ศิษย์พี่หยาง ช่วยข้าด้วย !!
หล่างฉู่วเต่วจ้องมองเขาอย่างเรียบเฉย สายตาของนางทำให้หัวใจของหน่ายหย่งหวาดกลัว แต่ยังมิทันที่เขาจะทราบเจตนาที่ชัดเจนของหล่างฉู่วเต่ว หล่าวฉู่วเต่วกลับพุ่งฝ่ามือไปยังด้านหลังของเขาอย่างรุนแรง
อ๊าก !! หน่ายหย่งตะโกนโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาพุ่งออกมา ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่ดังมากจากเข็มสีดำทะมึนเริ่มบ้าคลั่งและโหดเหี้ยมขึ้น นอกจากนั้นเสียงเข็มสีดำทะมึนและเสียงหัวเราะนั้นยังพุ่งผ่านเข้าไปยังทรวงอกของหน่ายหยงอีกด้วย
ศิษย์พี่หล่างทำไมท่านจึงทำเช่นนี้ . ร่างกายของหน่ายหย่งสั่นสะท้าน ยังมิทันที่เขาจะกล่าวจบ ตาขาวของเขาเริ่มหายไปอย่างช้าๆ ร่างกายค่อยๆทรุดลง
หล่างฉู่วเต่วหอบหายใจอย่างหนักหน่าวง นางจ้องมองไปที่หน่ายหย่ง และพบว่าทรวงอกของเขาไร้ซึ่งบาดแผล เงาสีดำของเข็มนั้นก็หายไปไม่เห็นแม้แต่ร่อยงรอยของมัน
แต่หลังจากนั้น เข็มสีดำทะมึนได้พุ่งออกมาอีกครั้ง
ทันใดนั้น หล่างฉู่วเต่วได้ยินเสีงโหยหวนของหน่ายหยง ทำให้ใบหน้าของนางชาไปทั่ว จนใบหน้าของนางกลายเป็นสีขาวซีด
เมื่อเงยหน้ามองไปที่หยางไค่ นางพบว่หยางไค่ใช้สายตาที่เย็บเฉียบจ้องมองตนเองอย่างลึกซึ้ง
หัวใจของหล่างฉู่วเต่วสะดุดอย่างกะทันหัน นางเม้มปากไปมาและขบฟันกล่าวถาม : เจ้าจะฆ่าเขา !!
หยางไค่ยังคงเงียบ เขายกฝ่ามือขึ้น ทันใดนั้นเข็มสีดำทะมึนแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำและล่องลอยไปยังปลายนิ้วของเขา ก่อนจะมลายหายไปในทันที
ทั้งสองจ้องตาไปมาเป็นเวลานาน หยางไค่จึงค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางของดวงตา ตั้งแต่แรกที่เขาไม่กล่าวสิ่งใดจนถึงตอนนี้เขายังคงไม่กล่าวสิ่งใด หล่างฉู่วเต่วหัวเราะอย่างเย็นชาร่างกายของนางทรุดลงไปที่พื้นดิน และยังมีกลิ่นกายที่หอมหวานโชยออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !! ภายในร่ากายของหยางไค่ เสียงหัวเราะของมารปฐพีดังแว่วออกมา สุ้มเสียงหัวเราะของมารปฐพีเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและกลิ่นคาวเลือด สิ้นเสียงหัวเราะของเขาราวกับว่าเขากำลังเคี้ยวบางสิ่งบางอย่างอยู่ในปาก
หยางไค่รู้ว่าสิ่งที่มารปฐพีกำลังเคี้ยวคือสิ่งใด มันเป็นจิตวิญญาณของหน่ายหย่ง !!แต่เพราะหยางไค่ไม่คิดว่า เข็มสลายวิญญาณจะมีความสามารถที่ลึกลับและแปลกประหลาดเช่นนี้
ฆ่าหรือไม่ฆ่า จะฆ่าหรือไม่ฆ่า !! มารปฐพีเคี้ยวจิตวิญญาณของหยางไค่และกล่าวตะโกนด้วยความตื่นเต้น : นานมาแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงที่หอมหวานเช่นนี้ นานมาแล้วที่ไม่ได้ลิ้มรสความนุ่มละมุนเช่นนี้ นายน้อย จะฆ่าอีกหรือไม่ !! ข้าสามารถฆ่าคนที่นายน้อยต้องการฆ่าได้ตลอดเวลา !!
ความคิดอ่านทางจิตวิญญาณของหยางไค่เคลื่อนไหว เสียงหัวเราะของมารปฐพีแปรเปลี่ยนเสียงตะโกนด้วยความโหยหวนและร้องขอชีวิต
ผ่านไปชั่วครู่ มารปฐพีจึงฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย เขาไม่กล้าที่จะล่วงเกินนายน้อยเขาอีก เขาสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆและกล่าวถามด้วยความระมัดระวัง : นายน้อย เพราะอะไร ?
ทำไมเจ้าไม่กล่าวบอกพลังอำนาจที่แท้จริงของเข็มสลายวิญญาณ ?
นายน้อยไม่เคยกล่าวถามถึงเรื่องนี้ !! มารปฐพีรู้สึกว่าตนเองถูกสายร้าย ก่อนจะกล่าวตอบ : นอกจากนั้นเข็มสลายวิญญาณนั้นโหดเหี้ยมและชั่วร้ายเกินไป เมื่อนายน้อยทราบข้ากลัวว่านายน้อยจะไม่พอใจ !!
ในเวลานี้ข้าเองก็ไม่พอใจมาก !! หยางไค่กล่าวต่ออ : ไม่พอใจอย่างยิ่ง !!
เมื่อได้ยินดังนี้ ร่างกายของมารปฐพีสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
หลังจากที่รอคอยเป็นเวลานาน ในที่สุดหยางไค่จึงกล่าวอีกครั้ง : แต่ครั้งนี้เจ้าทำได้ไม่เลว จำไว้ มีเพียงครั้งนี้ หากครั้งหน้าเจ้ายังกล้าปิดบังข้า คงรู้ดีว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร !!