ตอนที่แล้วDND.17 - สู้กับราชันย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.19 - วางกับดัก

DND.18 - เหนือทั้งมวล


พิษรุนแรงมาก!

ซือหยูลังเลใจ แต่ไม่ได้กลัว และใช้ช่วงเวลาระหว่างที่เฉินเทียนหนานพลาดโจมตีสวนกลับทันที

“ทลายจักรวาล!”

ซือหยูคว้าโอกาสโจมตีอย่างรวดเร็ว!

หมัดและลูกเตะของเขาพริ้วไหวดั่งวารี แขนและขาไหลตามกันมาไม่หยุดหย่อน เมื่อปล่อยหมัดไปแล้วลูกเตะจะตามมาเสมอ เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งและรุนแรง

เฉินเทียนหนานที่ไม่มีทางเลือกใช้แขนป้องกันหน้าอกจากการโจมตีอันดุดัน

แกร๊ง--

ที่น่าแปลกคือแต่ละครั้งที่ซือหยูโจมตี มันทำให้รู้สึกราวกับว่าโจมตีเหล็กกล้าอยู่ เฉินเทียนหนานถอยร่นไปครึ่งก้าวในแต่ละครั้ง เมื่อถูกโจมตีต่อเนื่องสิบหกครั้งเขาก็ถอยไปแปดเก้าแล้วแต่ยังคงไม่บาดเจ็บ

พลังป้องกันของวานรพิโรธช่างอัศจรรย์

“เปล่าประโยชน์! หิ่งห้อยจะสู้จันทราได้ยังไง?”

เฉินเทียนหนานใช้โอกาสที่ซือหยูโจมตีครั้งสุดท้ายโจมตีใส่อกซือหยู

ซ่า-

ซือหยูหลบได้แต่เสื้อด้านหน้าถูกกร่อนจนละลาย เมื่อโจมตีไม่ได้ผลเขาก็เริ่มเครียด แต่ดวงตายังคงสว่างสดใส

ซือหยูรู้ว่าโจมตีแบบธรรมดาไม่เป็นผลแน่ เขาจึงหาจุดอ่อนในการป้องกันของเฉินเทียนหนาน เมื่อเขาคิดถึงตอนที่เฉินเทียนหนานกำลังจะโจมตีเขาก็พบสิ่งผิดปกติ เมื่อเขาใช้วิญญาณภูติกับวานรพิโรธ จะมีครู่หนึ่งที่เกิดวงกลมเปลี่ยนเป็นสีผิวปกติตรงหน้าอกของเขา

การใช้วิชาร่วมกันต้องใช้พลังมหาศาล เฉินเทียนหนานดูเหมือนจะยังมีจุดบกพร่อง แต่โชคร้ายที่จุดอ่อนของเขาเล็กและโจมตียาก มันจะเปิดจุดนั้นในตอนที่เขาโจมตีเท่านั้นทำให้อันตรายเกินไปที่จะสวนกลับตรงๆ

ซือหยูหลบอย่างต่อเนื่องขณะที่กำลังคิดหาทาง เฉินเทียนหนานกับซืออยูเคลื่อนตัวไปทั่วลานประลอง พวกเขากลายเป็นเงาภาพลางๆ ที่กระพริบไปมาบนลานประลอง

หนึ่งครั้ง สองครั้ง!

สามครั้ง สี่ครั้ง!

เฉินเทินหนานโจมตีพลาดสิบหกครั้ง แม้เขาจะแข็งแกร่งแต่วิชาของซือหยูก็ไม่ธรรมดา

แน่นอนว่าเฉินเทียนหนานได้เปรียบ เขายิ้มอยากเยือกเย็น ซือหยูอาจจะชนะฉวนหลีเฟยได้และแข็งแกร่งที่สู้กับเฉินเทียนหนานได้นาน แต่เขาต้องแพ้แน่นอน

หัวหน้าผู้ตัดสินเจียงซื่อฉีพอใจที่ซือหยูตกที่นั่งลำบาก

“ซือหยู! หากเจ้าเอาแต่หลบแล้วไม่สู้ตลอดสิบครั้ง เฉินเทียนหนานจะเป็นผู้ชนะ!”

เอ๊ะ? ผู้ชมรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ซือหยูยังไม่ได้แพ้ เขาแค่กำลังหาทางสู้อยู่ กฎเช่นนี้เป็นการเพิ่มความกดดันให้เขาชัดๆ

ซือหยูมองเจียงซื่อฉีอย่างเย็นชา ซือหยูชนะเจียงฝานลูกชายของเขาจึงทำให้เขาคิดไม่ซื่อกับซือหยู ซือหยูถูกบังคับให้ใช้พลังพิเศษ!

ซือหยูหลุดหลบและหันไปเผชิญหน้ากับเฉินเทียนหนาน

“เลิกหลบแล้วรึ? วิชาวิญญาณภูติ!”

เฉินเทียนหนานประกาศกร้าว

กรงเล็บสีหยกแหวกอากาศตรงเข้ามา

ดวงตาของซือหยูเปลี่ยนสีเป็นแก้วหม่น เวลาเริ่มไหลช้าลง ทุกท่วงท่าของเฉินเทียนหนานช้าลงสามเท่า จุดอ่อนตรงหน้าอกของเขาเห็นได้อย่างชัดเจน

“ทลายจักรวาล!”

ซือหยูตะโกน ในสายตาคนอื่นเห็นว่าซือหยูเร็วกว่าปกติสามเท่า!

ฟึ่บ-

เขาโจมตีสิบหกครั้งในลมหายใจเดียว!

ตู้ม ตู้ม ตู้ม-

เฉินเทียนหนานกระอักเลือดลอยไปด้านหลัง

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ดีๆซือหยูเริ่มความเร็วไปถึงระดับสี่ได้ล่ะ?”

อาจารย์ใหญ่เย่ตกใจ

เฉินเทียนหนานไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“เป็นไปได้...ยะ...ยังไง….”

แต่ร่างกายของเขาก็ยืนยันว่าถูกโจมตีอย่างเหนือความคาดหมาย

เขากำลังจะแพ้!

“ถึงข้าจะแพ้ -- ก็อย่าหวังว่าเจ้าจะชนะง่ายๆ!”

ฟึ่บ-

แสงทมิฬเล็ดลอดออกมาจากดวงตาเฉินเทียนหนาน มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผู้ชมเห็นเพียงภาพเลือนลางก่อนที่แสงทมิฬจะปกคลุมร่างซือหยู

ซือหยูสั่นไปทั้งตัว เขารู้สึกราวกับถูกสัตว์ประหลาดเจาะเข้าไปในสมองและทำลายจากภายใน

ซือหยูรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น - มันเป็นวิชาวิญญาณในตำนาน! วิญญาณคือส่วนที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์ การโจมตีวิญญาณโดยตรงจะทำให้ตายจากภายใน!

อาจารย์ใหญ่เย่หน้าซีด

“ไม่นะ! เนตรอสูร! จิตใจของเขาจะถูกทำลายถาวร เขาอาจจะวิกลจริตก็ได้!”

ยิ่งอยากจะช่วยแค่ไหน อาจารย์ใหญ่ก็รู้สึกไกลเกินเอื้อม

ความเจ็บปวดรุนแรงทะลุสมองของซือหยู ดวงวิญญาณของเขาสั่นสะเทือน มันกำลังกัดกร่อนภายในสมองของเขา

เมื่อรู้สึกถึงอันตราย หม้อเก้ามังกรภายในซือหยูก็สั่นและมีคลื่นของเหลวปะทุออกมา

ความเจ็บปวดในศีรษะหายไปอย่างรวดเร็ว และพลังของเฉินเทียนหนานที่เข้ามาก็ถูกกำจัดโดยสายลมและเมฆา

ซือหยูฟื้นตัวหลังจากตัวสั่นไม่นาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองเจอกับอะไร

ซือหยูรีบใช้วิชาเงาเมฆาและพุ่งไปหาเฉินเทียนหนานที่ยังคงลอยไปด้านหลัง ซือหยูใช้พลังทั้งหมดรวมไปที่หมัดและต่อยศีรษะเฉินเทียนหนานอย่างแรง

“เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าไม่เป็นอะไร-- อ๊ากกกก”

เฉินเทียนหนานถูกหมัดอย่างจังเข้าใบหน้า

เขาถูกต่อยที่ปาก เลือนกระเด็นออกมาและฟันก็กระจายลงกับพื้น ซือหยูยังไม่หยุด เขาเตะอย่างแรงไปที่เอวเฉินเทียนหนาน ทำให้เกิดเสียงกระดูกหัก

ซือหยูปล่อยหมัดและลูกเตะอย่างต่อเนื่องด้วยความโกรธ เขาหยุดในตอนที่เฉินเทียนหนานลอยออกจากลานประลอง

ตุ้บ-

เขาตกจากลานประลองอย่างแรง เฉินเทียนหนานพ่นเลือดออกมาเต็มพื้นก่อนจะหมดสติไป

ผู้ชมต่างกลั้นหายใจกับสิ่งตรงหน้า

เฉินเทียนหนานไม่ได้แค่กระดูกหักหลายซี่เท่านั้น ใบหน้าเขายังเละอีกด้วย การบาดเจ็บทำให้เขาไม่เหลือสภาพเดิมอีกแล้ว!

เมื่อเฉินเทียนหนานตกสู่พื้น ความโกรธในแววตาซือหยูก็เริ่มหายไป

หากไม่ใช่เพราะหม้อเก้ามังกรเขาคงต้องกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว เฉินเทียนหนานช่างป่าเถื่อน แล้วเขาจะปรานีได้อย่างไรเมื่อเฉินเทียนหนานก็ทำเช่นเดียวกัน?

เจียงซื่อฉีสีหน้าขุ่นมัว

ศิษย์คนที่ท่านดยุคอยากจะ ‘จัดการ’ ในตอนนี้ได้กลายเป็นราชาระดับเงิน ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด!

ไม่นะ! ข้าให้มันกลายเป็นราชาไม่ได้! เจียงซื่อฉีคิด

“กล้าดียังไง!”

เจียงซื่อฉีมองอย่างเย็นชาและยืนขั้น เขากระโดดเพียงครั้งเดียวมาที่ลานประลอง เขาคว้าตัวซือหยูด้วยความโกรธ

“นี่มันแค่การทดสอบ เจ้าป่าเถื่อนเกินไปแล้ว! คุกเข่าซะ!”

คลื่นความโกรธอันรุนแรงส่งผ่านมายังซือหยูอย่างยากจะตอบโต้

เจียงซื่อฉีแข็งแกร่งและมีพลังระดับสี่ขั้นสูง ซือหยูจะทนได้อย่างไร?

เขากำลังแก้แค้นซือหยูต่อหน้าธารกำนัล!

ซือหยูเป็นคนละคนกับเมื่อก่อนแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจอกับศัตรูที่แท้จริง แต่เขาก็ไม่มีทางยอมรับ!

“ทลายจักรวาล!”

ซือหยูไม่ยอมถูกกดขี่อีกต่อไปและตอบโต้

สองครั้ง! สี่ครั้ง! แปดครั้ง! สิบหกครั้ง! ต่อเนื่อง!

“เจ้ากล้าขัดขืนงั้นเรอะ?! โทษมหันต์ของเจ้าจะร้ายแรงขึ้นอีก!”

เจียงซื่อฉีป้องกันซือหยูอย่างง่ายดาย แม้จะโจมตีสิบหกครั้งเขาก็ไม่ขยับถอยแม้แต่น้อย

จากนั้นเขาก็ทุบศีรษะซือหยูอย่างแรง!

นี่ไม่ใช่แค่การจับกุมตัวแล้ว! เจียงซื่อฉีถือโอกาสโจมตีเขาแน่นอน!

ซือหยูดูเหมือนจะเจ็บปวดมาก

ฟึ่บ-

ทันใดนั้นก็มีคลื่นอากาศปล่อยออกมาจากที่นั่งพิเศษ

เจียงซื่อฉีถูกคลื่นอากาศอัดอย่างแรง แม้พลังระดับสี่ขั้นสูงก็ทนการโจมตีเดียวนี้ไม่ได้!

เจียงซื่อฉีกระเด็นลอยไปไกล เขากระอักเลือดออกมา มีแผลฉกรรจ์เป็นรูตรงเอวของเขา

“ช่างน่าอับอาย!”

เสียงดังมาจากที่นั่งพิศษ ผ้าคลุมอาจารย์ใหญ่เย่กระพือไปมา ผมสีดำของเขาลอยขึ้น แววตาเฉยเมย

ศิษย์คนอื่นอาจจะบอกไม่ได้ว่าเฉินเทียนหนานใช้วิชาอันตรายอย่างวิชาลับวิญญาณ แต่เจียงซื่อฉีจะไม่รู้ได้อย่างไร?

เจียงซื่อฉีแค่มองโดยไม่ป้องกันการโจมตีนั้นของเฉินเทียนหนาน และแทนที่เขาจะสอบสวนเฉินเทียนหนาน เขากลับฉวยโอกาสโจมตีซือหยู!

มันช่างน่าอับอายอย่างที่สุด!

เจียงซื่อฉีเจ็บปวด โลหิตไหลออกมาเต็มปาก หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดกลัว แต่เขาก็ไม่ได้ป้องกันตัวเอง เขาไม่อาจให้คนจำนวนมากเห็นภาพเช่นนั้นได้ เขาจะทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงมาก เขาเพียงกัดฟันและจ้องซือหยูก่อนจะหนีออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายจะพาไปได้

ศิษย์หลายคนเห็นว่ามันน่าตลก ซือหยูโจมตีเฉินเทียนหนานอย่างรุนแรงป่าเถื่อน และเจียงซื่อฉีก็มาจับตัวตามหน้าที่ผู้ตัดสิน แล้วเหตุใดเขาจึงถูกลงโทษเช่นนั้น?

อาจารย์ใหญ่ไม่ได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น หากเขาประกาศความอัปยศของเจียงซื่อฉีออกมา มันจะเป็นมลทินต่อสำนัก

“การประลองเพื่อตำแหน่งราชาระดับเงิน ซือหยูเป็นผู้ชนะ!”

อาจารย์ใหญ่เย่เดินมาที่ลานประลองและสวมมงกุฎเงินให้กับซืออยู่ด้วยตัวเอง

“พลังเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ฝึกหนักต่อไป เจ้าควรจะได้เป็นศิษย์ทองคำในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง”

เขาพูดด้วยร้อยยิ้มเล็กน้อย อาจารย์ใหญ่แตะไหล่ของซือหยูก่อนจะหันกลับไป

ซือหยูนับถือเขามาก เขาประสานมือขอบคุณ

“ขอบคุณท่านอาจารย์ใหญ่!”

หากไม่ใช่เพราะความยึดมั่นในคุณธรรมของอาจารย์ใหญ่ ซือหยูอาจจะแหลกเป็นชิ้นๆไปแล้ว

ซือหยูมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังจากการประลอง ตำแหน่งราชาถูกเปลี่ยนมือมาสู่ซือหยู!

ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ป้ายรหัสศิษย์ของซือหยูเปลี่ยนสีไปจนแทบจะเป็นสีทองแล้ว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น!

ห่างไกลออกไป ตัวตนอันงดงามกำลังมองซือหยูจากระยะไกล นางยิ้มอย่างเป็นสุข ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตัวผอมสูงยืนอยู่ข้างนาง เขาหล่อเหลาเสียจนทำให้สตรีต้องลุ่มหลง

เขาหัวเราะ

“ศิษย์พี่เซี่ย ข้าไม่คิดว่าท่านจะสนใจการประลองของพวกระดับเงินด้วย”

ถ้อยคำของเขาบ่งบอกว่าการประเมินนี้ช่างน่าเบื่ออย่างมาก เหตุใดทุกคนถึงอยากจะมาดูกัน?

เพราะว่าชายหนุ่มคนนี้คือราชาทองคำที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์ทองคำ ฟางฉิงโจว! พลังของเขาอยู่ในระดับสี่ขั้นสูง ศิษย์ทองคำคนอื่นเทียบเขาไม่ติดเลย!

ไม่มีใครรอดเงื้อมมือเขาได้เกินสามกระบวนท่า เขาไร้พ่ายเขายังเป็นที่นิยมที่ศิษย์สตรีจำนวนมากหลงใหล

มีข่าวลือไม่ดีขอฟางฉิงโจว เขาเป็นเสือผู้หญิงที่ทิ้งสตรีงดงามมากมายให้โศกเศร้า สตรีบางคนถึงกับเสียสติเพราะเขา

เมื่อสตรีคนไหนเป็นเหยื่อของฟางฉิงโจว เขาก็ไม่เคยถูกทำโทษตรงๆ สำนักจะจัดการเรื่องด้วยตัวเองกับตระกูลของเหยื่อ

ตัวตนอันงดงามเกลียดชังฟางฉิงโจว และตอบง่ายๆ

“ข้าเพียงอยากจะมาดูดาวรุ่งดวงใหม่”

“ไม่ว่าระดับเงินจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็คือขยะที่ต้องกำจัดทิ้ง”

แม้ว่าเขาจะพูดจาโหดร้าย แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ศิษย์ระดับเงินคือพวกไม่ผ่านเกณฑ์ แต่การเรียกพวกเขาว่าขยะนั้นต้องห้ามในสำนัก

“อาจจะไม่จริงซะทีเดียว ข้ามองว่าราชาคนใหม่พัฒนาได้เร็วทีเดียว”

เมื่อพูดจบ นางก็เดินออกไป

เขา? นางหมายถึงซือหยูเรอะ? ฟางฉิงโจวมองแผ่นหลังของซือหยูและส่ายหัว

“นั่นมันจุดสูงสุดของเขาแล้ว เขาจะอยู่ระดับนั้นไปตลอดกาล”

เขาบ่นพึมพำและรีบวิ่งตามเงาอันงดงามของนางด้วยแววตาชั่วร้าย

Banshee

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด