DND.18 - เหนือทั้งมวล
พิษรุนแรงมาก!
ซือหยูลังเลใจ แต่ไม่ได้กลัว และใช้ช่วงเวลาระหว่างที่เฉินเทียนหนานพลาดโจมตีสวนกลับทันที
“ทลายจักรวาล!”
ซือหยูคว้าโอกาสโจมตีอย่างรวดเร็ว!
หมัดและลูกเตะของเขาพริ้วไหวดั่งวารี แขนและขาไหลตามกันมาไม่หยุดหย่อน เมื่อปล่อยหมัดไปแล้วลูกเตะจะตามมาเสมอ เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งและรุนแรง
เฉินเทียนหนานที่ไม่มีทางเลือกใช้แขนป้องกันหน้าอกจากการโจมตีอันดุดัน
แกร๊ง--
ที่น่าแปลกคือแต่ละครั้งที่ซือหยูโจมตี มันทำให้รู้สึกราวกับว่าโจมตีเหล็กกล้าอยู่ เฉินเทียนหนานถอยร่นไปครึ่งก้าวในแต่ละครั้ง เมื่อถูกโจมตีต่อเนื่องสิบหกครั้งเขาก็ถอยไปแปดเก้าแล้วแต่ยังคงไม่บาดเจ็บ
พลังป้องกันของวานรพิโรธช่างอัศจรรย์
“เปล่าประโยชน์! หิ่งห้อยจะสู้จันทราได้ยังไง?”
เฉินเทียนหนานใช้โอกาสที่ซือหยูโจมตีครั้งสุดท้ายโจมตีใส่อกซือหยู
ซ่า-
ซือหยูหลบได้แต่เสื้อด้านหน้าถูกกร่อนจนละลาย เมื่อโจมตีไม่ได้ผลเขาก็เริ่มเครียด แต่ดวงตายังคงสว่างสดใส
ซือหยูรู้ว่าโจมตีแบบธรรมดาไม่เป็นผลแน่ เขาจึงหาจุดอ่อนในการป้องกันของเฉินเทียนหนาน เมื่อเขาคิดถึงตอนที่เฉินเทียนหนานกำลังจะโจมตีเขาก็พบสิ่งผิดปกติ เมื่อเขาใช้วิญญาณภูติกับวานรพิโรธ จะมีครู่หนึ่งที่เกิดวงกลมเปลี่ยนเป็นสีผิวปกติตรงหน้าอกของเขา
การใช้วิชาร่วมกันต้องใช้พลังมหาศาล เฉินเทียนหนานดูเหมือนจะยังมีจุดบกพร่อง แต่โชคร้ายที่จุดอ่อนของเขาเล็กและโจมตียาก มันจะเปิดจุดนั้นในตอนที่เขาโจมตีเท่านั้นทำให้อันตรายเกินไปที่จะสวนกลับตรงๆ
ซือหยูหลบอย่างต่อเนื่องขณะที่กำลังคิดหาทาง เฉินเทียนหนานกับซืออยูเคลื่อนตัวไปทั่วลานประลอง พวกเขากลายเป็นเงาภาพลางๆ ที่กระพริบไปมาบนลานประลอง
หนึ่งครั้ง สองครั้ง!
สามครั้ง สี่ครั้ง!
…
เฉินเทินหนานโจมตีพลาดสิบหกครั้ง แม้เขาจะแข็งแกร่งแต่วิชาของซือหยูก็ไม่ธรรมดา
แน่นอนว่าเฉินเทียนหนานได้เปรียบ เขายิ้มอยากเยือกเย็น ซือหยูอาจจะชนะฉวนหลีเฟยได้และแข็งแกร่งที่สู้กับเฉินเทียนหนานได้นาน แต่เขาต้องแพ้แน่นอน
หัวหน้าผู้ตัดสินเจียงซื่อฉีพอใจที่ซือหยูตกที่นั่งลำบาก
“ซือหยู! หากเจ้าเอาแต่หลบแล้วไม่สู้ตลอดสิบครั้ง เฉินเทียนหนานจะเป็นผู้ชนะ!”
เอ๊ะ? ผู้ชมรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ซือหยูยังไม่ได้แพ้ เขาแค่กำลังหาทางสู้อยู่ กฎเช่นนี้เป็นการเพิ่มความกดดันให้เขาชัดๆ
ซือหยูมองเจียงซื่อฉีอย่างเย็นชา ซือหยูชนะเจียงฝานลูกชายของเขาจึงทำให้เขาคิดไม่ซื่อกับซือหยู ซือหยูถูกบังคับให้ใช้พลังพิเศษ!
ซือหยูหลุดหลบและหันไปเผชิญหน้ากับเฉินเทียนหนาน
“เลิกหลบแล้วรึ? วิชาวิญญาณภูติ!”
เฉินเทียนหนานประกาศกร้าว
กรงเล็บสีหยกแหวกอากาศตรงเข้ามา
ดวงตาของซือหยูเปลี่ยนสีเป็นแก้วหม่น เวลาเริ่มไหลช้าลง ทุกท่วงท่าของเฉินเทียนหนานช้าลงสามเท่า จุดอ่อนตรงหน้าอกของเขาเห็นได้อย่างชัดเจน
“ทลายจักรวาล!”
ซือหยูตะโกน ในสายตาคนอื่นเห็นว่าซือหยูเร็วกว่าปกติสามเท่า!
ฟึ่บ-
เขาโจมตีสิบหกครั้งในลมหายใจเดียว!
ตู้ม ตู้ม ตู้ม-
เฉินเทียนหนานกระอักเลือดลอยไปด้านหลัง
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ดีๆซือหยูเริ่มความเร็วไปถึงระดับสี่ได้ล่ะ?”
อาจารย์ใหญ่เย่ตกใจ
เฉินเทียนหนานไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เป็นไปได้...ยะ...ยังไง….”
แต่ร่างกายของเขาก็ยืนยันว่าถูกโจมตีอย่างเหนือความคาดหมาย
เขากำลังจะแพ้!
“ถึงข้าจะแพ้ -- ก็อย่าหวังว่าเจ้าจะชนะง่ายๆ!”
ฟึ่บ-
แสงทมิฬเล็ดลอดออกมาจากดวงตาเฉินเทียนหนาน มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผู้ชมเห็นเพียงภาพเลือนลางก่อนที่แสงทมิฬจะปกคลุมร่างซือหยู
ซือหยูสั่นไปทั้งตัว เขารู้สึกราวกับถูกสัตว์ประหลาดเจาะเข้าไปในสมองและทำลายจากภายใน
ซือหยูรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น - มันเป็นวิชาวิญญาณในตำนาน! วิญญาณคือส่วนที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์ การโจมตีวิญญาณโดยตรงจะทำให้ตายจากภายใน!
อาจารย์ใหญ่เย่หน้าซีด
“ไม่นะ! เนตรอสูร! จิตใจของเขาจะถูกทำลายถาวร เขาอาจจะวิกลจริตก็ได้!”
ยิ่งอยากจะช่วยแค่ไหน อาจารย์ใหญ่ก็รู้สึกไกลเกินเอื้อม
ความเจ็บปวดรุนแรงทะลุสมองของซือหยู ดวงวิญญาณของเขาสั่นสะเทือน มันกำลังกัดกร่อนภายในสมองของเขา
เมื่อรู้สึกถึงอันตราย หม้อเก้ามังกรภายในซือหยูก็สั่นและมีคลื่นของเหลวปะทุออกมา
ความเจ็บปวดในศีรษะหายไปอย่างรวดเร็ว และพลังของเฉินเทียนหนานที่เข้ามาก็ถูกกำจัดโดยสายลมและเมฆา
ซือหยูฟื้นตัวหลังจากตัวสั่นไม่นาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองเจอกับอะไร
ซือหยูรีบใช้วิชาเงาเมฆาและพุ่งไปหาเฉินเทียนหนานที่ยังคงลอยไปด้านหลัง ซือหยูใช้พลังทั้งหมดรวมไปที่หมัดและต่อยศีรษะเฉินเทียนหนานอย่างแรง
“เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าไม่เป็นอะไร-- อ๊ากกกก”
เฉินเทียนหนานถูกหมัดอย่างจังเข้าใบหน้า
เขาถูกต่อยที่ปาก เลือนกระเด็นออกมาและฟันก็กระจายลงกับพื้น ซือหยูยังไม่หยุด เขาเตะอย่างแรงไปที่เอวเฉินเทียนหนาน ทำให้เกิดเสียงกระดูกหัก
ซือหยูปล่อยหมัดและลูกเตะอย่างต่อเนื่องด้วยความโกรธ เขาหยุดในตอนที่เฉินเทียนหนานลอยออกจากลานประลอง
ตุ้บ-
เขาตกจากลานประลองอย่างแรง เฉินเทียนหนานพ่นเลือดออกมาเต็มพื้นก่อนจะหมดสติไป
ผู้ชมต่างกลั้นหายใจกับสิ่งตรงหน้า
เฉินเทียนหนานไม่ได้แค่กระดูกหักหลายซี่เท่านั้น ใบหน้าเขายังเละอีกด้วย การบาดเจ็บทำให้เขาไม่เหลือสภาพเดิมอีกแล้ว!
เมื่อเฉินเทียนหนานตกสู่พื้น ความโกรธในแววตาซือหยูก็เริ่มหายไป
หากไม่ใช่เพราะหม้อเก้ามังกรเขาคงต้องกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว เฉินเทียนหนานช่างป่าเถื่อน แล้วเขาจะปรานีได้อย่างไรเมื่อเฉินเทียนหนานก็ทำเช่นเดียวกัน?
เจียงซื่อฉีสีหน้าขุ่นมัว
ศิษย์คนที่ท่านดยุคอยากจะ ‘จัดการ’ ในตอนนี้ได้กลายเป็นราชาระดับเงิน ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด!
ไม่นะ! ข้าให้มันกลายเป็นราชาไม่ได้! เจียงซื่อฉีคิด
“กล้าดียังไง!”
เจียงซื่อฉีมองอย่างเย็นชาและยืนขั้น เขากระโดดเพียงครั้งเดียวมาที่ลานประลอง เขาคว้าตัวซือหยูด้วยความโกรธ
“นี่มันแค่การทดสอบ เจ้าป่าเถื่อนเกินไปแล้ว! คุกเข่าซะ!”
คลื่นความโกรธอันรุนแรงส่งผ่านมายังซือหยูอย่างยากจะตอบโต้
เจียงซื่อฉีแข็งแกร่งและมีพลังระดับสี่ขั้นสูง ซือหยูจะทนได้อย่างไร?
เขากำลังแก้แค้นซือหยูต่อหน้าธารกำนัล!
ซือหยูเป็นคนละคนกับเมื่อก่อนแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจอกับศัตรูที่แท้จริง แต่เขาก็ไม่มีทางยอมรับ!
“ทลายจักรวาล!”
ซือหยูไม่ยอมถูกกดขี่อีกต่อไปและตอบโต้
สองครั้ง! สี่ครั้ง! แปดครั้ง! สิบหกครั้ง! ต่อเนื่อง!
“เจ้ากล้าขัดขืนงั้นเรอะ?! โทษมหันต์ของเจ้าจะร้ายแรงขึ้นอีก!”
เจียงซื่อฉีป้องกันซือหยูอย่างง่ายดาย แม้จะโจมตีสิบหกครั้งเขาก็ไม่ขยับถอยแม้แต่น้อย
จากนั้นเขาก็ทุบศีรษะซือหยูอย่างแรง!
นี่ไม่ใช่แค่การจับกุมตัวแล้ว! เจียงซื่อฉีถือโอกาสโจมตีเขาแน่นอน!
ซือหยูดูเหมือนจะเจ็บปวดมาก
ฟึ่บ-
ทันใดนั้นก็มีคลื่นอากาศปล่อยออกมาจากที่นั่งพิเศษ
เจียงซื่อฉีถูกคลื่นอากาศอัดอย่างแรง แม้พลังระดับสี่ขั้นสูงก็ทนการโจมตีเดียวนี้ไม่ได้!
เจียงซื่อฉีกระเด็นลอยไปไกล เขากระอักเลือดออกมา มีแผลฉกรรจ์เป็นรูตรงเอวของเขา
“ช่างน่าอับอาย!”
เสียงดังมาจากที่นั่งพิศษ ผ้าคลุมอาจารย์ใหญ่เย่กระพือไปมา ผมสีดำของเขาลอยขึ้น แววตาเฉยเมย
ศิษย์คนอื่นอาจจะบอกไม่ได้ว่าเฉินเทียนหนานใช้วิชาอันตรายอย่างวิชาลับวิญญาณ แต่เจียงซื่อฉีจะไม่รู้ได้อย่างไร?
เจียงซื่อฉีแค่มองโดยไม่ป้องกันการโจมตีนั้นของเฉินเทียนหนาน และแทนที่เขาจะสอบสวนเฉินเทียนหนาน เขากลับฉวยโอกาสโจมตีซือหยู!
มันช่างน่าอับอายอย่างที่สุด!
เจียงซื่อฉีเจ็บปวด โลหิตไหลออกมาเต็มปาก หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดกลัว แต่เขาก็ไม่ได้ป้องกันตัวเอง เขาไม่อาจให้คนจำนวนมากเห็นภาพเช่นนั้นได้ เขาจะทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงมาก เขาเพียงกัดฟันและจ้องซือหยูก่อนจะหนีออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายจะพาไปได้
ศิษย์หลายคนเห็นว่ามันน่าตลก ซือหยูโจมตีเฉินเทียนหนานอย่างรุนแรงป่าเถื่อน และเจียงซื่อฉีก็มาจับตัวตามหน้าที่ผู้ตัดสิน แล้วเหตุใดเขาจึงถูกลงโทษเช่นนั้น?
อาจารย์ใหญ่ไม่ได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น หากเขาประกาศความอัปยศของเจียงซื่อฉีออกมา มันจะเป็นมลทินต่อสำนัก
“การประลองเพื่อตำแหน่งราชาระดับเงิน ซือหยูเป็นผู้ชนะ!”
อาจารย์ใหญ่เย่เดินมาที่ลานประลองและสวมมงกุฎเงินให้กับซืออยู่ด้วยตัวเอง
“พลังเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ฝึกหนักต่อไป เจ้าควรจะได้เป็นศิษย์ทองคำในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง”
เขาพูดด้วยร้อยยิ้มเล็กน้อย อาจารย์ใหญ่แตะไหล่ของซือหยูก่อนจะหันกลับไป
ซือหยูนับถือเขามาก เขาประสานมือขอบคุณ
“ขอบคุณท่านอาจารย์ใหญ่!”
หากไม่ใช่เพราะความยึดมั่นในคุณธรรมของอาจารย์ใหญ่ ซือหยูอาจจะแหลกเป็นชิ้นๆไปแล้ว
ซือหยูมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังจากการประลอง ตำแหน่งราชาถูกเปลี่ยนมือมาสู่ซือหยู!
ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ป้ายรหัสศิษย์ของซือหยูเปลี่ยนสีไปจนแทบจะเป็นสีทองแล้ว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น!
ห่างไกลออกไป ตัวตนอันงดงามกำลังมองซือหยูจากระยะไกล นางยิ้มอย่างเป็นสุข ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตัวผอมสูงยืนอยู่ข้างนาง เขาหล่อเหลาเสียจนทำให้สตรีต้องลุ่มหลง
เขาหัวเราะ
“ศิษย์พี่เซี่ย ข้าไม่คิดว่าท่านจะสนใจการประลองของพวกระดับเงินด้วย”
ถ้อยคำของเขาบ่งบอกว่าการประเมินนี้ช่างน่าเบื่ออย่างมาก เหตุใดทุกคนถึงอยากจะมาดูกัน?
เพราะว่าชายหนุ่มคนนี้คือราชาทองคำที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์ทองคำ ฟางฉิงโจว! พลังของเขาอยู่ในระดับสี่ขั้นสูง ศิษย์ทองคำคนอื่นเทียบเขาไม่ติดเลย!
ไม่มีใครรอดเงื้อมมือเขาได้เกินสามกระบวนท่า เขาไร้พ่ายเขายังเป็นที่นิยมที่ศิษย์สตรีจำนวนมากหลงใหล
มีข่าวลือไม่ดีขอฟางฉิงโจว เขาเป็นเสือผู้หญิงที่ทิ้งสตรีงดงามมากมายให้โศกเศร้า สตรีบางคนถึงกับเสียสติเพราะเขา
เมื่อสตรีคนไหนเป็นเหยื่อของฟางฉิงโจว เขาก็ไม่เคยถูกทำโทษตรงๆ สำนักจะจัดการเรื่องด้วยตัวเองกับตระกูลของเหยื่อ
ตัวตนอันงดงามเกลียดชังฟางฉิงโจว และตอบง่ายๆ
“ข้าเพียงอยากจะมาดูดาวรุ่งดวงใหม่”
“ไม่ว่าระดับเงินจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็คือขยะที่ต้องกำจัดทิ้ง”
แม้ว่าเขาจะพูดจาโหดร้าย แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ศิษย์ระดับเงินคือพวกไม่ผ่านเกณฑ์ แต่การเรียกพวกเขาว่าขยะนั้นต้องห้ามในสำนัก
“อาจจะไม่จริงซะทีเดียว ข้ามองว่าราชาคนใหม่พัฒนาได้เร็วทีเดียว”
เมื่อพูดจบ นางก็เดินออกไป
เขา? นางหมายถึงซือหยูเรอะ? ฟางฉิงโจวมองแผ่นหลังของซือหยูและส่ายหัว
“นั่นมันจุดสูงสุดของเขาแล้ว เขาจะอยู่ระดับนั้นไปตลอดกาล”
เขาบ่นพึมพำและรีบวิ่งตามเงาอันงดงามของนางด้วยแววตาชั่วร้าย