ตอนที่ 68 การต่อสู้รอบที่สอง
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 68 การต่อสู้รอบที่สอง
การที่ทำให้ปราณก่อเกิดเปลี่ยนรูปร่างได้ นั่นคือสัญลักษณ์ของจอมยุทธในระดับก่อเกิดธาตุ
เฟิงหลัวรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะและคำพูดเยาะเย้ยจากทั่วทุกด้าน ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายของมัน เฟิงหยางเป็นอัจฉริยะไร้ที่เปรียบ ผู้ตัดสินที่มีพลังระดับก่อเกิดธาตุคงจะสังหารมันทิ้งไปแล้ว
“พี่ชายหลิง ยินดีด้วย!”
“ยินดีกับพี่ชายหลิงด้วยที่มีบุตรยอดเยี่ยมเช่นนี้”
“พี่ชายหลิง ท่านจะต้องเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในครั้งนี้”
หลังจากมองไปยังลานประลอง บุคคลสำคัญจากหลายๆตระกูลของเมืองหมอกเมฆาต่างก็มาแสดงความยินดีกับหลิงตงซิง
หลิงตงซิงหัวเราะลั่นออกมา มันรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้มันก็เคยวาดฝันเอาไว้ว่าสักวันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่มันก็ได้แต่ฝัน ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งฝันนั้นจะกลายเป็นเรื่องจริง
“ฮ่าๆๆ บุตรของข้าก็แค่โชคดีที่ได้รับตำแหน่งในการเข้าร่วมสำนักฮูหยางมา คงไม่มีโอกาสที่เขาจะได้อันดับสูงไปมากกว่านี้แล้ว” หลิงตงซิงส่ายหน้าอย่างถ่อมตัว
แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็มองเห็นว่าหลิงตงซิงกำลังยิ้มกว้างจนปากราวกับว่าจะแยกออกจากกัน เห็นได้ชัดว่ามันมีความสุขมากขนาดไหน
เป็นธรรมดาที่ไม่ว่าใครก็ต้องยิ้มภูมิใจที่บุตรของตนเองมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมกับสำนักฮูหยาง
“พี่ชายหลิง ท่านไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก สำหรับคนที่มาจากเมืองหมอกเมฆาอย่างเรา การที่ติดห้าสิบอันดับแรกได้ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้ว! ยิ่งกว่านั้น บุตรของท่านยังมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี อีกสามปีและหกปีข้างหน้าบุตรของท่านก็ยังสามารถเข้าร่วมการประลองต้าหยวนได้อีก ใครจะรู้ไปล่ะ ในการประลองครั้งต่อไป เขาอาจจะติดสิบอันดับแรกก็เป็นได้ และครั้งถัดไปอีกเขาอาจจะได้อันดับหนึ่ง” ใครบางคนพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ
ถึงแม้ครั้งนี้หลิงฮันจะต่อสู้ได้อย่างงดงาม แต่คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ก็ยังอ่อนแอเกินไป ไม่มีใครคิดว่าตัวเขาที่มีพลังเพียงระดับรวมธาตุขั้นสี่จะสามารถติดสิบอันดับแรกได้ ไม่ต้องพูดเรื่องที่จะโค่นเหล่าคนที่อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้าอย่างองค์ชายสี่ได้เลย
หลิงตงซิงหัวเราะออกมา แน่นอนว่ามันไม่สามารถพูดออกไปได้ว่าบุตรของมันเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และเล็งอันดับหนึ่งเอาไว้
พูดตรงๆแล้ว ตัวมันเองก็ไม่กล้าที่จะเชื่อบุตรของมันเช่นกัน เพราะอย่างไรความแตกต่างของระดับพลังบ่มเพาะนั้นมีมากเกินไป
หลิงฮันเดินลงมาจากลานประลอง ทุกๆคนเดินไปข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดี เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถเข้าร่วมสำนักฮูหยางได้ อนาคตย่อมสดใสแน่นอน ใครจะไปรู้ ในอนาคตเขาอาจจะกลายเป็นบุคคลที่มีพลังและอำนาจอันยิ่งใหญ่ของแคว้นพิรุณก็ได้
ดังนั้นทุกคนจึงพูดคำยกย่องชมเชยออกมามากมาย เพราะอย่างไรพวกมันก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้วไม่ใช่รึไง? และถ้าในอนาคตหลิงฮันประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ พวกมันก็จะมีสถานะเพิ่มขึ้นไปด้วยจากเป็นที่เป็นมิตรสหายกับเขา
หลิงตงซิง หลิงฮัน และหลิวอู๋ตง กลับไปยังตำหนักโอสถสวรรค์ หลังจากที่พวกเขาพักผ่อนหนึ่งคืน การประลองรอบสอง ที่จะตัดสินสิบอันดับแรกจากผู้ประลองห้าสิบคนจะเริ่มขึ้น
คนที่ติดสิบอันดับแรกจะได้รับรางวัลทุกคน แน่นอนว่ายิ่งอันดับสูงเท่าไหร่ รางวัลก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก
ในอีกด้านหนึ่ง หลีเฮาเองก็สามารถติดห้าสิบอันดับแรกได้เช่นกัน รวมทั้งมันยังแสดงพรสวรรค์อันน่าตกตะลึงออกมาด้วยการใช้ปราณกระบี่ ทำให้มีหลายคนมองว่าหลีเฮาจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่ เพราะในรุ่นเยาว์ของเมืองต้าหยวน มีไม่เกินสิบคนที่สามารถสร้างปราณขึ้นมาได้
วันต่อมา หลิงฮันและหลิวอู๋ตงมายังสนามประลองอีกครั้ง ในขณะเดียวกันจูเฮอซินและจางเหวยชางกำลังอยู่ในช่วงทำการหลอมเม็ดยาหวนคืน ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้มาดูการประลองของหลิงฮัน
“พี่ชายหลิง!” หลีเฮาเดินมายืนอยู่ข้างกายเขา จากนั้นสายตาของมันได้มองไปยังองค์ชายสี่ หลีตงเย่ และคนอื่นๆ คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนที่มันชื่นชมและคอยแหงนมองมาตลอด มันไม่เคยคิดเลยว่าตอนนี้มันจะมีโอกาสได้ประลองกับคนเหล่านั้น ทำให้ตอนนี้มันรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
“อย่ามองตัวเองต่ำไป เจ้าสร้างปราณกระบี่ขึ้นมาได้แล้ว ความสำเร็จในอนาคตของเจ้าจะต้องเหนือกว่าคนเหล่านั้นแน่นอน!” หลิงฮันพูดพร้อมกับตบไปที่ไหล่ของหลีเฮา
“อืม!” หลีเฮาพยักหน้าอย่างจริงจัง ความแตกต่างระหว่างมันกับองค์ชายสี่และคนอื่นๆคือระดับพลังบ่มเพาะ แต่ในเมื่อตอนนี้มันสร้างปราณกระบี่ขึ้นมาได้แล้ว ในอนาคตมันจะกลายเป็นราชาของเหล่าคนที่มีระดับพลังเท่ากัน
“น้องชายหลิง!” เมื่อพวกมันเห็นหลิงฮันเดินเข้าไป องค์ชายสี่และคนอื่นๆได้ประสานมืออย่างสุภาพและทักทายหลิงฮันในทันที
หลีเฮาตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ หลิงฮันช่างเป็นคนที่โดดเด่นจริงๆ ราวกับว่าเขาเป็นดวงจันทร์ที่มีดวงดาวโคจรล้อมรอบ ขนาดองค์ชายสี่ยังไม่โดดเด่นเช่นเขา!
นึถือว่าเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้มีนักปรุงยาระดับดำถึงสามคนอยู่เบื้องหลังเขา ในบางแง่มุม หลิงฮันมีอิทธิพลยิ่งกว่าราชาต้าหยวนเสียอีก
“การประลองตัดสินสิบอันดับแรกกำลังจะเริ่มแล้ว!” หัวหน้าพ่อบ้านปรากฏตัว เสียงของมันดังก้องกังวานไปทั่วทั้งลานประลอง
“กฎนั้นง่ายมาก ลานประลองมีทั้งหมดสิบลาน พวกเจ้าจงเลือกมาหนึ่งลานและเดินขึ้นไป ถ้าไม่มีใครอยู่บนนั้น เจ้าจะกลายเป็นเจ้าของลาน แต่ถ้ามีคนอยู่ก่อนหน้าแล้ว เจ้าจะต้องท้าสู้กับเจ้าของลาน”
“ทุกคนจะมีโอกาสท้าสู้เจ้าของลานเพียงครั้งเดียว”
“เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน สิบคนที่ยืนอยู่บนลานประลองจะเข้าไปอยู่ในสิบอันดับแรก”
นี่นับว่าเป็นกฎที่ง่ายมาก พวกเขาเพียงแค่ต้องสู้จนเหลือคนสุดท้ายเท่านั้น
หัวหน้าพ่อบ้านพูดจบ ผู้เข้าประลองส่วนใหญ่ต่างก็มองไปที่องค์ชายสี่ หลีตงเย่ และคนอื่นๆ พวกคนเหล่านี้ล้วนแต่ทรงพลัง เพราะงั้นถ้าหากมีใครอยากจะติดสิบอันดับ พวกมันจะต้องหลีกเลี่ยงที่จะประจันหน้ากับคนเหล่านี้
องค์ชายสี่หัวเราะดังและปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งราชาออกมา มันกระโดดไปยังลานประลองที่หนึ่ง พร้อมกับยืนเอามือไขว้หลังเพื่อรอให้คนมาท้าประลอง
หลีตงเย่กระโดดไปยังลานประลองที่สอง
จิงหวู่จื้อ ไป๋ลี่เถิงหยุน เซี่ยจงกวังและคนอื่นๆเองก็กระโดดไปครอบครองลานประลองตามลำดับ และในพริบตา ลานประลองทั้งเจ็ดได้มีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว คนเหล่านี้ล้วนแต่มีความมั่นใจและไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าจะเหนื่อยที่จะต้องสู้กับคนที่จะมาท้าเรื่อยๆ
หลิงฮันก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว และเตรียมที่จะขึ้นไปบนลานประลองที่ยังเหลืออยู่
“พี่ชายหลิง พวกเรารอจนถึงตอนบ่ายเถอะ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะมีโอกาสชนะเพิ่มขึ้นอีกมาก” หลีเฮารีบพูดแนะนำ
“ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วง มีผู้ประลองไม่มากหรอกที่สู้กับข้าได้” หลิงฮันสะบัดมืออย่างไมแยแส และกระโดดไปยังลานประลองที่แปด
หลังจากนั้นไม่นาน ลานประลองที่เก้าและสิบก็ถูกครอบครองไปเช่นกัน และเมื่อเจ้าของลานประลองที่สิบปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้ก็ถึงเวลารอชมแล้วว่าใครจะเป็นคนขึ้นไปท้าทายคนเหล่านั้น
“ข้าไปเอง!” มีคนกระโดดขึ้นไปยังลานประลองที่สิบ และการประลองคู่แรกก็ได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากนั้นไม่นานก็มีอีกคนกระโดดขึ้นไปยังลานประลองที่เก้า แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชมประหลาดใจคือทำไมไม่มีใครขึ้นไปท้าประลองหลิงฮัน
มีผู้ชมอยู่ไม่น้อยที่อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า ดังนั้นพวกมันจึงมองออกว่าหลิงฮันมีพลังเพียงรวมธาตุขั้นสี่เท่านั้น ซึ่งพลังบ่มเพาะนี้คือพลังบ่มเพาะที่น้อยที่สุดในหมู่เจ้าของลานทั้งสิบคน แต่ทำไมถึงไม่มีใครขึ้นไปท้าประลองกับเขาเลย?
พวกมันไม่เข้าใจเอาเสียเลย คนส่วนใหญ่ที่ติดห้าสิบอันดับต่างก็ไปร่วมงานเลี้ยงขององค์ชายเมื่อไม่กี่วันก่อนมาทั้งนั้น และแน่นอนว่าพวกมันรู้ว่าหลิงฮันมีนักปรุงยาระดับดำถึงสามคนคอยสนับสนุนอยู่ แล้วใครล่ะจะไปกล้าท้าประลองเขา?
เจ้าไม่คิดจะไว้หน้านักปรุงยาทั้งสามคนที่อยู่เบื้องหลังหลิงฮันรึไง?
ดังนั้นแล้ว นอกจากองค์ชายสี่ หลีตงเย่ และคนอื่นๆที่ทรงพลัง จึงเหลือเจ้าของลานเพียงสองหรือสามคนเท่านั้นที่ไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ดังนั้นพวกมันจึงไม่จำเป็นต้องไปล่วงเกินหลิงฮัน
แต่แน่นอนว่าย่อมต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
“ข้าจะท้าประลองเจ้าเอง!” ชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปยังลานประลองของหลิงฮัน มันคือม้ามืดที่เพิ่งจะปรากฏตัวในการประลองต้าหยวนครั้งนี้ ดังนั้นมันเลยไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงขององค์ชายสี่เมื่อไม่กี่วันก่อน จึงเป็นธรรมดาที่มันจะไม่รู้เบื้องหลังของหลิงฮัน
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*