GE 4 – 2 : ความลี้ลับของมิติกาลเวลา
GE 4 – 2 : ความลี้ลับของมิติกาลเวลา
ชางลั่วเฉินเอื้อมมือไปหยิบภาพวาดที่ถูกม้วนอยู่และพบว่ามันหนักอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกับว่ามันติดแน่นอยู่กับแท่นหิน ภาพวาดไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าชางลั่วเฉินจะออกแรงขนาดไหนก็ตาม
ในตอนนี้ชางลั่วเฉินไม่สามารถทำอะไรกับภาพวาดได้และเมื่อเขาไม่สามารถหยิบหรือเปิดภาพวาดที่ถูกม้วนได้ดังนั้นเขาจึงเบนความสนใจไปยังตำราสีเงินที่อยู่ข้างๆแทน
“วังวนมิติ ” คือชื่อของมันถูกเขียนบนหน้าปกตำรา
แต่รอบนี้ชางลั่วเฉินได้เตรียมพร้อมอย่างดี เขาโคจรลมปราณในร่างกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากนั้นเขาก็เปิดหน้าแรกของตำราออกมา
“มันเปิดง่ายกว่าที่คิด ?” เขาสามารถพลิกหน้าตำราได้อย่างง่ายดาย
ชางลั่วเฉินส่ายหัวให้กับตัวเองเพราะว่าเขาคิดว่าตำราน่าจะเหมือนกับภาพวาดที่เขาไม่สามารถหยิบออกมาจากที่มันอยู่ได้เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นเขาจึงหยุดใช้พลังลมปราณ
เขาหยิบตำรา "วังวนมิติ" ถืออยู่ในมือและอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ
หน้าแรกของ "วังวนมิติ" ไม่ได้เขียนเคล็ดลับเกี่ยวกับการฝึกฝนแต่เขียนบันทึกของนักพรตซูมี๋ผู้ที่ครอบครองอัญมณีประจักษ์เวลาคนสุดท้ายในยุทธจักร
หลังจากที่อ่านบันทึกของนักพรตซูมี๋ ชางลั่วเฉินก็เข้าใจหมดทุกอย่าง
ตามบันทึกของนักพรตซูมี๋เครื่องรางปวงเทพของชางลั่วเฉินเป็นเครื่องรางปวงเทพแห่งประจักษ์เวลา
แม้ว่ามีผู้คนจำนวนหลายล้านคนบนโลกนี้แต่ทว่าไม่มีใครที่ได้รับเครื่องรางปวงเทพแห่งประจักษ์เวลาเลยเว้นแต่เพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ครอบครองมันและในปัจจุบันเขาเป็นคนที่สาม….
นักพรตซูมี๋เป็นคนที่สองที่ได้รับเครื่องรางปวงเทพแห่งประจักษ์เวลาทว่าตามบันทึกตำรา "วังวนมิติ" เขาตายมาเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ
สถานที่ชางลั่วเฉินอยู่ในตอนนี้คือมิติหวนกลับของอัญมณีประจักษ์เวลา.
เวลาที่ไหลผ่านในมิติหวนกลับแตกต่างกับช่วงเวลาที่ไหลในโลกภายนอกโดยทฤษฎีแล้วเวลาในมิติหวนกลับ 3 วันเท่ากับเวลาในโลกปกติ 1 วัน
ชางลั่วเฉินรู้สึกดีใจอย่างมาก เขากำลังคิดอย่างตื่นเต้นว่า “การฝึกฝนในมิติหวนกลับ 3 วัน เท่ากับ 1 วันในโลกปกติ มันหมายความว่าข้ามีเวลามากกว่าคนอื่น 3 เท่า !!!”
เมื่อชางลั่วเฉินต้องการพลิกไปยังหน้าสองแต่ทว่าเขาไม่สามารถเปิดได้ไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไรก็ตาม
“ข้าไม่สามารถเปิดได้!!!”
ชางลั่วเฉินอยากจะทิ้งตำราลงบนพื้นแต่ทันใดนั้นเองเขาก็ได้สังเกตุเห็นตัวอักษรเล็กๆอยู่ที่บรรทัดสุดท้ายของหน้าแรก
“เมื่อเจ้าบรรลุพลังอำพันจักรสวรรค์ขั้นหยั่งรู้จึงจะสามารถเปิดมันได้ เจ้าจงถ่ายลมปราณลงบนภาพวาดแล้วเจ้าจะเปิดหน้าที่สองได้.....”
ชางลั่วเฉินมองไปยังภาพวาดอีกครั้งและคิดว่า “เคล็ดลับวิธีการฝึกฝนน่าจะถูกบันทึกในนั้นอย่างแน่นอนและนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับวิธีการฝึกพลังประจักษ์เวลา”
“ข้าจะฝึกให้หนักกว่านี้และพยายามบรรลุพลังขั้นหยั่งรู้ให้เร็วที่สุดเพราะว่าข้าต้องการรู้ความลับของภาพวาดนั่น”
ขั้นหยั่งรู้คือขั้นพลังย่อยที่ 4 ส่วนขั้นที่สูงกว่ามันคือขั้นนักปราชญ์ ขั้นนักรบเทวะและขั้นปราชญ์เทวะ
ชางลั่วเฉินรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงออกจากมิติหวนกลับของอัญมณีประจักษ์เวลา
เขาถืออัญมณีประจักษ์เวลาไว้ในมือด้วยความสามารถของมิติเขามีความมั่นใจอย่างมากว่าเขาจะสามารถบรรลุอำพันจักรสวรรค์ขั้นสามัญภายในสามเดือนได้
ชางลั่วเฉิน สนมหลิงและข้ารับใช้หยุนนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน..
บนโตะอาหารมีแค่ข้าว ขนมปังอบไอน้ำและไม่มีอะไรที่เป็นเนื้อสัตว์เลย
นักรบต้องใช้พลังงานมากกว่าคนทั่วไปฉะนั้นอาหารประจำวันจึงสำคัญเป็นอย่างมาก
องค์ชายและองค์หญิงที่ได้รับเครื่องรางปวงเทพได้หยุดกินอาหารรูปแบบปกติและเลือกที่จะกินยาเม็ดอสูรโลหิตเป็นยาที่กลั่นมาจากเลือดของสัตว์อสูรร้ายในทวีปแห่งนี้
ยาเม็ดอสูรโลหิตหนึ่งเม็ดสามารถทดแทนพลังงานที่ใช้ได้ทั้งวัน แม้ว่าจะทำการฝึกฝนทักษะหมัดและทักษะกระบี่ทั้งวัน ผู้กินจะไม่รู้สึกหิวแม้แต่น้อย
นอกจากนั้นยาเม็ดอสูรโลหิตยังมีความสามารถในการพัฒนาหมุนเวียนเลือดเพื่อเสริมสร้างร่างกายของผู้ฝึกวรยุทธและเพิ่มความแข็งแกร่ง
ถึงแม้ว่าชางลั่วเฉินกินอาหาร 8 มื้อต่อวันแต่ถ้ากินแต่ข้าวกับขนมปังอบไอน้ำ มันก็คงไม่เพียงพอกับพลังงานต่อวันที่เขาควรได้รับ
“เฉินเอ๋อ ตอนนี้เจ้าก็ได้รับเครื่องรางปวงเทพแล้ว เจ้าไม่ควรจะกินอาหารจำพวกนี้รับนี่ไปยาเม็ดอสูรโลหิตจำนวน 10 เม็ดเดี๋ยวข้าจะหาวิธีหามาเพิ่มถ้าเจ้าต้องการ” นางสนมหลิงนำขวดหยกออกมาและนำไปให้ชางลั่วเฉิน
ชางลั่วเฉินไม่คาดคิดว่านางสนมหลิงจะมียาเม็ดอสูรโลหิต10 เม็ด เขาจึงถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ ยาเม็ดอสูรโลหิตหนึ่งเม็ดมีราคา 5 เหรียญเงิน 10 เม็ดมีค่า 50 เหรียญเงิน ท่านไปหาเงินจำนวนมากขนาดนี้จากไหน?”
นางสนมหลิงยิ้มและกล่าวว่า “ข้ามีลู่ทางหาเงินให้เจ้าเสมอ!”
ข้ารับใช้หยุนผู้ที่ยื่นอยู่ข้างหลังนางสนมหลิงได้กล่าวขึ้นมา “นายหญิงแลกปิ่นปักผมทองที่ท่านรักกับยาเม็ดอสูรโลหิตจำนวน 10 เม็ดที่ตลาดโอสถ!”
นางสนมหลิงหันไปมองข้ารับใช้หยุนอย่างตำหนิที่นางปากสว่างและนางก็กล่าวขึ้นมา “เฉินเอ๋อ เจ้าอย่าคิดมากเลยถ้ามันทำให้เจ้าได้เป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่ง ข้าก็จะยอมทำทุกวิธีทางเพื่อสนับสนุนเจ้าแม้ว่าข้าจะต้องขายสิ่งล้ำค่าทั้งหมดที่ข้ามี ”
ชางลั่วเฉินซึ้งใจเป็นอย่างมาก เขากำขวดหยกอย่างแน่นและเม้มริมฝีปากตัวเองเพราะเขาต้องการบอกสนมหลิงว่าเขาเป็นนักรบแล้ว
ไม่ เขาไม่สามารถบอกนางตอนนี้ได้
เขาใช้เวลาหนึ่งวันเพื่อเปิดบ่อลมปราณและบรรลุการขัดเกลากระดูกดำพร้อมกับการทลายเส้นลมปราณทำให้เขามีความก้าวหน้าที่เร็วมากซึ่งถ้าหากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปองค์ชายและจักรพรรดินีต้องหาทางใส่ร้ายเขาอย่างแน่นอน
สถานะในปัจจุบันของเขาอ่อนแอและต้องการเพิ่มพลังในร่างกายของเขาให้มากกว่านี้
ติดตามตอนต่อไป............