DND.14 - ทลายสมบูรณ์
จากนั้นเว่ยเถาก็เข้ามายังลานประลอง เขากระโดดขึ้นมาแต่ดูเหมือนวิชารองที่ใช้เคลื่อนที่จะไม่คล่องแคล่วนัก เว่ยเถาอายุ 15 ปีแต่รูปร่างค่อนข้างท้วม และใบหน้าของเขาทำให้ดูเหมือนคนอายุ 20 ปี
ร่างกายของเขาแข็งแรง กล้ามเนื้อในแขน อก และขาดูเหมือนเป็นลูกโป่งที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลา ทำให้คนรู้มองรู้สึกได้ถึงพลัง ซือหยูเดาะลิ้นเบาๆ เขาที่ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในสิบของศิษย์ระดับเงินจะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
“ได้ยินมาว่าอาทิตย์ก่อนเว่ยเถาประลองกับฟานหลีที่อยู่อันดับห้าและเกือบจะชนะเขาได้ พลังของเขาตอนนี้พร้อมจะไต่ถึงอันดับหกแล้ว!”
“ใช่ๆ ข้าได้ยินมาเหมือนกัน เจียงฝานชนะเขาไม่ได้ง่ายๆแน่”
อาจารย์เจียงยักคิ้วเบาๆ
“เริ่มการประลองได้!”
เจียงฝานพยักหน้าเบาๆ
“ข้าจะต่อให้เจ้าหนึ่งกระบวนท่า เข้ามา!”
เมื่อได้เจียงฝานคนดูก็อ้าปากค้าง
“เจียงฝานบ้าไปแล้วรึไง? ไปดูถูกเขาเช่นนั้น”
เว่ยเถารู้สึกอับอายมาก
“เจียงฝาน...หยุดดูถูกคนซักที! ฟานหลียังเกือบแพ้ข้ามาแล้ว เจ้าจะแข็งแกร่งซักเท่าไหร่กัน?”
เจียงฝานยืนกอดอก เขามองคนอื่นอ่อนแอเหมือนกันหมด สายตาของเขาเห็นเพียงเฉินเทียนหนาน!
หยาบคายอะไรเช่นนี้! คนดูโกรธจนตัวสั่น มันคือการที่ถูกมองข้ามโดยสมบูรณ์ เว่ยเถาก็โกรธมากเช่นกัน
“ราชันย์ราชสีห์!”
เว่ยเถาพุ่งไปที่เจียงฝาน
“เร็วมาก!”
เจียงฝานดูเหมือนจะมั่นใจเกินไป เขาจะต้องแพ้แน่
เมื่อเว่ยเถากำลังจะพุ่งชนเขา เจียงฝานยกเท้าและกระโดดลอยสูงสองเมตรทำให้หลบการกระแทกอย่างง่ายดาย เขาแสยะยิ้มอย่างดูถูก
“ข้าต่อให้แล้วนะ!”
เสียงอันเยือกเย็นทำให้ใบหน้าเว่ยเถาซีดเผือด เขารู้สึกกลัวจนถึงขีดสุด!
“กรงเล็บปักษา!”
เท้าของเจียงฝานกลายที่ลอยอยู่ตอนนี้ราวกับกรงเล็บของวิหคที่กำลังจะฟาดไปยังคอของเว่ยเถา
ตู้ม!
พลังรุนแรงบนต้นคอทำให้ร่างที่มีแต่กล้ามเนื้อของเว่ยเถาต้องคุกเข่า! เจียงฝานหมุนเท้าเตะไปที่เหนือศีรษะอีกครั้งโดยไม่รอให้เว่ยเถาได้ตั้งตัว
อ๊าก--
เว่ยเถากรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนจะหมดสติไปจากแรงเตะ บริเวณศีรษะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์ การถูกเตะจนสลบแบบนั้นไม่ใช่การบาดเจ็บเล็กน้อย!
เจียงฝานไร้ซึ่งความปรานี! ซือหยูรู้สึกถึงความเลือดเย็นในตัวเขา!
เจียงฝานมองเว่ยเถาอย่างดูถูก เขาที่ชนะเว่ยเถาอย่างง่ายดายพูดอย่างเย็นชา
“โจมตีให้โดนยังทำไม่ได้เลย!”
“อย่าให้ข้าสอนเจ้าเลย ฟานหลียังทำอะไรวิชานี้ไม่ได้ แล้วเจ้าที่แค่เกือบชนะเขาจะมีค่าอะไร?”
อาจารย์เจียงประกาศด้วยรอยยิ้ม
“เจียงฝานชนะ!”
จากนั้นเจียงฝานก็ขึ้นลานประลองอีกหลายครั้งและชนะศัตรูในกระบวนท่าเดียว!
แน่นอนว่าซือหยูก็เช่นกัน เขาชนะศัตรูด้วยลูกเตะหยกเพียงกระบวนท่าเดียว!
ครึ่งวันผ่านไป…
“เจียงฝานแข็งแกร่งจริงๆ เขาชนะต่อเนื่องมาสิบแปดครั้งแล้ว!”
“ซือหยูก็น่าตกใจเหมือนกัน เขาชนะสิบแปดครั้งต่อเนื่องไม่ต่างกันเลย”
ซือหยูเป็นม้ามืดในการประเมินนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“เอาเลยซือหยู! ข้าดูเจ้าอยู่นะ!”
ผู้หญิงบางคนที่รู้สึกสงสารกับเรื่องในอดีตของซือหยูเริ่มให้กำลังใจเขา
ศิษย์ระดับเงินหลายคนที่ระดับพลังไม่พัฒนามานานมองซือหยูเป็นเป้าหมายและให้กำลังเขาเช่นกัน
ในจำนวนศิษย์ 3,000 ที่ได้อยู่ในสำนักต่อ มีประมาณ 500 คนที่หวังจะให้ซือหยูชนะ เสียงคนตะโกน ‘ซือหยู’ ในตอนนี้ดังไปทั่วทั้งลานประลอง
ในที่นั่งพิเศษ เจ้าประมุขเย่มองตามเสียงให้กำลังใจของซือหยู ตอนนั้นเองเจียงซื่อฉีก็แสดงสีเศร้าหมอง
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
หากเขาไม่ได้เห็นกับตา เจียงซื่อฉิงคงลืมเขาไปแล้ว!
ดยุคฉินบอกเขาหลายครั้งให้หาทางเอาซือหยูออกจากทำนักให้ได้
เจียงซื่อฉีไม่ได้คิดถึงมันเลย ด้วยพลังของซือหยูตอนนั้นพร้อมจะถูกขับออกจากสำนักตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขามาถึงรอบจัดอันดับได้ยังไงกัน?
มันเกินจริงสำหรับเจียงซื่อฉี ซือหยูที่เขาเห็นตอนนี้คือซือหยูตัวจริงหรือ? เขาจะถูกดยุคฉินลงโทษไหมนะ?
แต่เจ้าสำนักอยู่ที่นี่ด้วย เขาไม่อาจจะจัดการเรื่องส่วนตัวภายใต้สายตาของเจ้าสำนักได้ แต่เมื่อพบว่าลูกชายของเขาชนะต่อเนื่องเขาก็เบาใจ ไม่มีใครหยุดลูกชายเขาในตอนนี้ได้แล้ว
ที่ลานประลอง…
อาจารย์เจียงจ้องซือหยูอย่างแฝงความไม่พอใจ
เขาประทับใจซือหยู เขาเก่งธนูและได้รับการนับถือจากเซี่ย นางยังให้ธนูกิเลนเป็นของขวัญกับเขาอีก เขาไม่คิดว่านอกจากธนูแล้วพลังของเขาเองยังแข็งแกร่งมากจนชนะ 18 ครั้งติดต่อกันด้วยวิชาขาธรรมดาอันไร้ที่ติ ทั้งเขาและเจียงฝากจะต้องสู้กันเพื่อแย่งชัยชนะครั้งที่ 19 นี้!
“รอบต่อไป เจียงฝาน ประลองกับ ซือหยู!”
เจียงฝานขึ้นลานประลองอย่างสง่าผ่าเผยเช่นเคย ซือหยูเพียงขึ้นมาอย่างธรรมดา
“ข้าจะให้เจ้าเริ่มก่อนก้าวนึง”
เจียงฝานที่เงยหน้าและมองคนผ่านจมูกยังคงไม่เห็นหัวซือหยู
หลายคนเริ่มกังวลกับซือหยูเพราะเจียงฝานแข็งแกร่งมากจนทุกคนหวาดวิตก เสียงของเขาทำให้ทุกคนแข็งทื่อ
“เอ้ จมูกเจ้าเชิดขึ้นนะ ไม่กลัวนกขี้ใส่รึไงกัน?”
ซือหยูเม้มปาก
คนที่จิบชาอยู่ถึงกับสำลักออกมา
หลายคนที่ดูอยู่ก็ปิดปากหัวเราะเช่นกัน ซือหยูช่างปากร้ายเสียจริง แววตาของเจียงฝานเริ่มเยือกเย็น
“เฮ๊อะ! เจ้าขยะที่ถูกแย่งสตรีไปเช่นเจ้ากล้ามาหัวเราะเยาะใบหน้าข้างั้นรึ?”
“ดี ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักความตายเดี๋ยวนี้ อย่าโทษที่ข้าไม่ออมมือแล้วกัน!”
เจียงฝานกระโดดขึ้น
มันเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อเขาอยู่ห่างกันสามเมตร เขาลอยอยู่บนอากาศราวกับวิหคยักษ์ จากนั้นเขาก็หมุนตัวลงมาด้วยเท้าที่ราวกับกรงเล็บวิหค เล็งไปที่ศีรษะซือหยู!
ดูจากการโจมตีนี้ เขาไม่กลัวเลยว่าซือหยูจะบาดเจ็บ ทุกคนเห็นเป็นอย่างเดียวกัน
ซือหยูยังคงใจเย็น เขาไปในพื้นที่ของการเร่งเวลาซึ่งไร้การรบกวนจากภายนอก และหาจุดอ่อนจากตำแหน่งเจียงฝานอย่างแม่นยำ จากนั้นขาขวาของเขาก็ฟาดออกไปราวกับแส้!
เจียงฝานหมุนขาซ้ายเพื่อป้องกันลูกเตะนั้น
จากนั้นเจียงฝานก็ใช้ขาขวาโจมตี เขายิ้มอย่างเย็นชา
“วิชาธรรมดาไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็เทียบกับวิชาขั้นกลางไม่ได้หรอก!”
“แพ้ไปซะ!”
ขาขวาของเจียงฝานหมุนไปมาโดยไม่ถูกขัดขวาง
ซือหยูมองเยาะเย้ย จากนั้นเขาก็เปลี่ยนท่าทันที!
“ทลายจักรวาล!”
หมัดและลูกเตะถูกปล่อยออกมาตามลำดับอย่างต่อเนื่องไหลลื่นโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
ก่อนที่หมัดของเขาจะปล่อยสุด เขาก็เตะทันที! จากนั้นเมื่อลูกเตะหยุดก็มีหมัดมาอีก! ความเร็วของหมัดและลูกเตะที่ปล่อยออกมาไม่ต่างกันเลย
เจียงฝานตัวแข็งทื่อ เขาที่ลอยในอากาศไม่มีทางเลือก เขาต้องใช้ขาในการป้องกัน แต่ไม่ว่าเขาจะมีพลังแค่ไหน ความเร็วของเขาจะเทียบเท่ากับการโจมตีอันรุนแรงอย่างต่อเนื่องได้ยังไง?
ตู้ม-
ทันใดนั้นซือหยูก็เตะอย่างแรงไปโดยง่ามขาของเจียงฝาน! เจียงฝานหน้าซีดอ้าปากค้างอยู่กลางอากาศ หลังจากที่เขาตกพื้นเขาก็เอามือมาปิดตรงระหว่างขา เหงื่อไหลเต็มใบหน้าของเขา เขาขยับไม่ได้เลย ไม่ว่าจะขยับตัวยังไงมันก็เจ็บไปหมด!
“นี่เจ้า! กล้าดียังไง? เจ้าระ..ระวังตัว...”
เจียงฝานพูดอย่างโกรธเกรี้ยวและจ้องซือหยู
ซือหยูไม่ปรานี เขายังคงไม่หยุดทลายจักรวาล เขาปล่อยหมัดไปยังศีรษะของเจียงฝานทำให้เขากระเด็นออกจากลานประลอง
ความเจ็บปวดอย่างสาหัสจากทั้งง่ามขาและศีรษะทำให้เจียงฝานสลบเหมือด คนดูข้างล่างอ้าปากค้าง! พวกเขารู้อยู่แล้วว่าซือหยูคือม้ามืดที่ทรงพลังที่สุด แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้!
แม้เจียงฝานที่ครองอันดับสี่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา! ทุกคนต่างหันมามองซือหยู!
ความพ่ายแพ้ของเจียงฝานทำให้อันดับสามปรากฏตัวขึ้นแล้ว!
อาจารย์ใหญ่เย่ที่ชมการต่อสู้มาโดยตลอดยิ้มออกมา
“ทลายจักรวาลนั่นดูเหมือนจะฝึกจนถึงระดับสองชั้นสูงแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เจียงฝานจะแพ้”
เจียงซื่อฉีที่เป็นหัวหน้าผู้ตัดสินกับอาจารย์เจียงหน้าซีดไปตามๆกัน และรีบพุ่งลงไปดูอาการบาดเจ็บของเจียงฝาน เมื่อพบว่าเขาเพียงหมดสติชั่วคราวพวกเขาก็โล่งใจ
อาจารย์เจียงมองอย่างโกรธเกรี้ยว
“ซือหยู! นี่มันแค่การฝึกฝน เจ้าไม่ทำรุนแรงเกินไปหน่อยรึ?”
ซือหยูตอบอย่างไม่คิดอะไร
“เจียงฝานรุนแรงตลอดทุกครั้งไป เขากล้าเตะจุดสำคัญของเว่ยเถา ท่านอาจารย์เจียงก็เห็นแต่ไม่หยุดเขา ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ข้าที่ป้องกันตัวเท่านั้นกลับป่าเถื่อนได้ยังไงกัน?”
“เจียงฝานที่ป่าเถื่อนกลับถูกมองข้าม แต่ข้าที่เป็นเพียงศิษย์ที่ไม่มีใครหนุนหลังกลับถูกเตือนด้วยความผิดเพียงครั้งเดียว หากข้ารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ข้าคงยืนรอให้เจียงฝานฆ่าข้าเสีย”
ใบหน้าของซื้อหยูเต็มไปด้วยความน้อยใจ
ทันใดทั้นเหล่าคนดูก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง
อาจารย์ใหญ่เย่ที่ดูอยู่พูดอย่างเย็นชา
“ถึงจะปกป้องคนในตระกูล เจ้าก็ต้องทำตามหน้าที่ด้วย!”
เจียงซื่อฉีที่รู้ว่าน้องชายกำลังแย่มองอย่างเกรี้ยวกราด เจ้าไม่มีสมองหรือ? อคติเช่นนั้นจะทำให้เจ้ามีปัญหา เจ้าไม่รู้รึไง?
จากนั้นเขาก็ประกาศ
“ได้รับการยืนยันแล้ว ซือหยูไม่ได้โกง ซือหยูชนะ!”
เอ๋? พวกเขากำลังหาเหตุผลให้ซือหยูเป็นคนโกงงั้นหรือ? นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
ซือหยูถูกบันทึกว่าชนะสิบเก้าครั้งติดต่อกันและกลายเป็นที่หนึ่งของกลุ่ม! ตอนนั้นป้ายรหัสศิษย์ของเขาเปล่งประกาย มันเป็นสีเงินเงางามสะท้อนแสงสีขาวเตะตาทุกคนที่มอง!
เมื่อได้เห็นม้ามืดไร้พ่ายอย่างซือหยู ทุกคนก็แสดงออกหลายรูปแบบ
เฉินเฟิงจิกเล็บทะลุฝ่ามือและพูดอย่างข่มขื่น
“แค่ไม่กี่วัน เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”
เฉินเทียนหนานลูบไหล่เฉินเฟิง
“เจียงฝานไม่กล้ามองหน้าข้าด้วยซ้ำ ซือหยูที่ชนะเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกเฟิงเอ๋อ”
ความเดียวดายจากความไร้พ่ายของเฉินเทียนหนานทำให้เขารอเวลานี้มาอย่างยาวแน่ เขาเยียวยาความเดียวดายนี้ด้วยการต่อสู้กับศิษย์ทองคำ
ได้ยินเช่นนั้น เฉินเฟิงก็ผ่อนคลายลงด้วยความสบายใจ