ตอนที่ 67 ก็แค่ฝูงแกะ
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 67 ก็แค่ฝูงแกะ
“น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!” ด้านนอกลานประลอง จูเซว่อวี่และคนอื่นๆตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เฟิงหลัวจะมั่นใจขนาดนั้น มันได้ติดสินบนจอมยุทธหลายๆคนให้มาคอยช่วยมันเรียบร้อยแล้ว
พวกมันร่วมมือกันเกินกว่าสามสิบคน และเพราะนี่คือกลุ่มที่สี่สิบ ผู้ประลองเมล็ดพันธุ์จึงมีระดับพลังไม่สูงนัก และเพียงสามสิบกว่าคนก็เพียงพอแล้วที่จะกำจัดผู้แข่งขันคนอื่นๆออกไป
พอกำจัดผู้แข่งขันคนอื่นเสร็จ พวกมันทั้งสามสิบกว่าคนก็ออกจากลานประลองไปด้วยตนเอง ดังนั้นเฟิงหลัวที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายก็จะได้รับตำแหน่งห้าสิบอันดับแรกไป แต่แน่นอนว่ามันไม่คิดที่จะติดสิบอันดับแรกและอันดับหนึ่ง เพราะอย่างไรเพียงห้าสิบอันดับแรกก็สามารถยืนยันได้แล้วว่ามันจะได้เข้าร่วมกับสำนักฮูหยาง
“หมอนั่นหน้าด้านเกินไปแล้ว!”
“ไม่ยุติธรรม!”
คนที่อยู่นอกลานประลองเริ่มตะโกนขึ้นมา การกระทำเช่นนั้นถือว่าเป็นการทำลายกฎของการประลองอย่างเปิดเผย
แต่ถึงจะอย่างนั้น ผู้ตัดสินกลับตะโกนขึ้นมา “เงียบซะ!” เพราะอย่างไรกฎของการประลองก็ไม่ได้เจาะจงเอาไว้ว่าห้ามจอมยุทธแต่ละคนร่วมมือกัน เพราะงั้นการกระทำของเฟิงหลัวจึงถือว่าไม่ผิด
จอมยุทธในระดับก่อเกิดธาตุมีพลังและอำนาจขนาดไหน? ทุกคนนอกลานประลองล้วนแต่เงียบสนิทในทันที
“ถึงว่าทำไมมันถึงมั่นใจนัก มันติดสินบนคนในกลุ่มเอาไว้แล้วนี่เอง” จูเซว่อวี่พูดอย่างโกรธเกี้ยว
“การที่รวมกลุ่มกับคนมากมายขนาดนั้น แถมเกินกว่าสิบคนในนั้นยังอยู่ในระดับรวมธาตุแล้วด้วย นับว่าเป็นเรื่องยากอย่างมากที่หลิงฮันจะต้องสู้กับคนมากมายขนาดนั้น!” ลิ่วตงขมวดคิ้ว
“ไม่จำเป็นต้องกังวล!” หลีเฮาส่ายหัวและพูด “พี่ชายหลิงสมควรจะบรรลุถึงระดับรวมธาตุขั้นสี่แล้ว ยิ่งกว่านั้นเขายังสร้างปราณดาบได้ถึงสี่เล่ม ยังมีโอกาสที่เขาจะชนะอยู่!”
“เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน ส่วนเจ้าเฟิงหลัวนั่น มันช่างน่ารังเกียจจริงๆ!” ทั้งห้าคนเริ่มให้กำลังหลิงฮัน
เทียบกับทั้งห้าคนแล้ว หลิวอู๋ตงและหลิงตงซิงนั้นสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ต่อให้แกะจะรวมฝูงกันมากขนาดไหน แกะก็ยังคงเป็นแกะ พวกมันจะมาต่อกรกับราชสีห์ได้อย่างไร?
“ฮ่าๆๆ เหลือเจ้านั่นไว้เป็นคนสุดท้าย ส่วนคนที่เหลือจัดการให้ออกไปจากลานประลองให้หมดซะ!” เฟิงหลัวสั่งให้กลุ่มคนทั้งสามสิบกว่าคนเริ่มทำการกำจัดผู้เข้าแข่งขันคนอื่นออกไป และจากการร่วมมือกัน ทำให้พวกมันกำจัดผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆนอกจากหลิงฮันออกไปได้หมด และมีพวกของมันเจ็ดคนที่ต้องออกจากสนามไปพร้อมกับผู้แข่งขันคนอื่นๆ
ตอนนี้ได้เป็นการต่อสู้แบบยี่สิบเก้าปะทะหนึ่ง และในยี่สิบเก้าคนนั้น มีสิบสี่คนที่อยู่ในระดับรวมธาตุ!
“แย่แล้ว ถึงแม้เจ้าหนูนั่นจะเป็นผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ แต่เขาก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่สี่สิบ นั่นหมายความว่าอย่างมากเขาก็มีพลังเพียงระดับรวมธาตุขั้นสี่”
“ใช่แล้ว มดหลายตัวสามารถโค่นช้างลงได้ แถมอีกฝ่ายยังมีจอมยุทธในระดับรวมธาตุถึงสิบกว่าคน!”
“ข้าทนดูแผนการชั่วร้ายของเจ้าเฟิงหลัวนั่นสำเร็จไม่ไหวแล้ว!”
“จะพูดอะไรก็เบาๆหน่อย ถึงแม้ตระกูลเฟิงจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ แต่พี่ชายของเฟิงหลัวเป็นอัจฉริยะไร้ที่เปรียบของเมืองต้าหยวน ในการประลองต้าหยวนครั้งที่แล้ว เขาสามารถโค่นองค์ชายสี่และได้รับอันดับหนึ่งไป ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้เขาทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุแล้ว!”
“ว่าไงนะ ระดับก่อเกิดธาตุ? เป็นเรื่องจริงรึ?”
“แน่นอนว่าจริง!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าเฟิงหลัวนั่นกล้าที่จะทำตัวหยิ่งยโสแบบนั้น!”
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของคนนอกลานประลอง เฟิงหลัวรู้สึกภาคภูมิใจมาก ถ้ามันจะทำลายกฎแล้วจะทำไมล่ะ?
"อะไร พวกเจ้ายอมรับไม่ได้รึ?" มันพูดท้าทายคนที่อยู่นอกลานประลอง "แน่จริงก็เข้ามาจัดการข้าสิ! พวกเจ้าเองก็ทำอย่างข้าได้หากมีพี่ชายที่ดีเช่นข้า!"
ผู้ชมหลายคนนอกสนามต่างก็กัดฟันแน่นด้วยความแค้น ทุกคนรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่น่ารังเกียจไปจนถึงกระดูกจนทำให้พวกมันทุกคนอยากจะกระโจนขึ้นไปบนลานประลองเพื่อรุมทุบตีมัน
"หลิงฮัน ก่อนหน้านี้เจ้าใช้ประโยชน์จากการมีพวกเยอะกว่าในการรังแกข้า แต่ครั้งนี้ฝ่ายข้ามีจำนวนคนมากกว่า ถ้าเจ้ารู้ว่าอะไรดีต่อตัวเองก็จงคุกเข่าร้องขอความเมตตาจากข้าเดี๋ยวนี้! ข้าอาจจะยอมทุบตีเจ้าให้น้อยลงก็ได้!" เฟิงหลัวพูดพร้อมกับชี้ไปที่หลิงฮัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยรังแกมันเพราะพวกเขามีพวกเยอะกว่า?
ในตอนนั้น คนรับใช้ทุกคนของมันได้ตายไป ในขณะที่ทางฝ่ายของหลิงฮันมีคนอยู่เจ็ดคน นั่นเรียกว่าพวกเขารังแกมันโดยใช้ประโยชน์จากการมีพวกเยอะกว่ารึ? เจ้าหมอนี่ช่างหน้าด้านไปจนถึงระดับที่เกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ
หลิงฮันส่ายหน้าและพูด "ดูเหมือนว่าถ้าข้าไม่รีบโยนเจ้าออกไปจากเวที และยอมให้ตัวโง่งมอย่างเจ้ายืนโอ้อวดอยู่แบบนี้ ความเกรี้ยวกราดของผู้ชมคงจะลุกไหม้มากไปกว่านี้แน่ๆ!"
"ฮ่าๆๆๆ" นอกลานประลองมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาทันที
"เจ้ายังจะกล้าดื้อรั้นอยู่อีก! ข้าจะไม่ปรานีเจ้าอีกต่อไป!" เฟิงหลัวคลั่งไปด้วยความโกรธ มันยื่นนิ้วออกมาและชี้ไปที่หลิงฮัน "จัดการมันซะ จงทำให้มันพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ!"
"รับทราบ!"
คนทั้งยี่สิบกว่าคนพุ่งเข้ามาหาหลิงฮัน พวกมันทุกคนกวัดแกว่งอาวุธอย่างชำนาญ ทำให้เกิดเป็นภาพที่ดูโหดเหี้ยมอย่างมาก
การประลองสามารถใช้อาวุธได้ ไม่เช่นนั้นจอมยุทธแต่ละคนจะไม่สามารถแสดงความพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาได้ อย่างไรก็ตาม การใช้อาวุธจะทำให้การต่อสู้มีความอันตรายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถ้ามีใครกลัวที่จะเสียชีวิต งั้นก็จงรีบกระโดดออกมาจากลานประลองด้วยตัวเองซะ แต่ถ้ายังยืนอยู่บนลานประลองต่อไป ก็จงเตรียมใจไว้ให้ดี
หลิงฮันไม่ต้องเปลืองแรงใช้ดาบ เขาพุ่งเข้าไปโดยใช้แค่หมัด จะรับมือกับคนเหล่านี้ใช้แค่เพลงหมัดเสือดำทะยานเมฆาก็มากเกินพอแล้ว
"ปัง ปัง ปัง ปัง!"
หลิงฮันพุ่งตรงเข้าไป ใครก็ตามที่ยืนขวางทางเขาอยู่ ล้วนแต่ถูกส่งให้ลอยออกไปนอกลานประลองด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว ทุกคนควรจะรู้เอาไว้ว่าถึงแม้เขาจะมีพลังอยู่ระดับรวมธาตุขั้นสี่ แต่ด้วยเมล็ดก่อเกิดห้าธาตุ ทำให้พลังของเขาเทียบได้จอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นแปดทั่วไป ยิ่งกว่านั้นเพลงหมัดเสือดำทะยานเมฆายังเป็นทักษะระดับเหลืองขั้นสูง การจะจัดการกับคนเหล่านี้ แค่เขาเพียงคนเดียวก็มากเกินพอแล้วไม่ใช่รึไง?
เมื่อหลิงฮันมาถึงตัวเฟิงหลัว พรรคพวกของเฟิงหลัวก็ถูกโยนออกไปนอกลานประลองเรียบร้อยแล้ว
ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบสงัด คนคนนี้ไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยรึไง? ในเมื่อเขาเป็นผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ในกลุ่มที่สี่สิบ อย่างมากที่สุดเขาก็ควรจะอยู่แค่ระดับรวมธาตุขั้นห้าไม่ใช่รึ? แต่ดูจากการโจมตีที่ทรงพลังของเขาแล้ว เขาสมควรที่จะอยู่ในระดับรวมธาตุช่วงปลายเลยด้วยซ้ำ!
เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจงใจปกปิดพลังเอาไว้ และแกล้งทำหมูกินเสือ?
อย่างไรก็ตาม มีเหล่าคนรุ่นอาวุโสหลายคนจากหลายๆตระกูลใหญ่ที่มาดูการประลองนี้ อาวุโสเหล่านั้นล้วนแต่มีพลังบ่มเพาะไม่ต่ำกว่าระดับรวมธาตุขั้นห้า หากหลิงฮันซ่อนพลังเอาไว้พวกเขาจะต้องดูออก จึงแสดงให้เห็นเป็นที่แน่นอนแล้วว่าหลิงฮันอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นสี่จริงๆ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหล่าคนดูต่างสับสนเป็นอย่างมาก พวกมันเริ่มพูดพึมพำแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ไม่ เป็นไปไม่ได้!” เฟิงหลัวพูดอย่างสั่นสะท้าน มันแสดงท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
แผนการของมันต้องไม่ใช่แบบนี้!
มันควรจะสามารถเข้าร่วมกับสำนักฮูหยางได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้น ด้วยการช่วยเหลือจากพี่ชายของมัน มันจะต้องทะลวงผ่านระดับรวมธาตุไปได้ และหากมันโชคดีได้รับผลวิญญาณบางอย่างมา มันอาจจะถึงขั้นสามารถทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้เลยก็ได้
แต่แผนการทุกอย่างของมันจะไร้ความหมายถ้ามันไม่สามารถเข้าร่วมสำนักฮูหยางได้
“เจ้าคนอวดดี ไหนลองทำตัวอวดดีต่อไปให้ดูหน่อยสิ!”
“ฮ่าๆๆ ถ้าเจ้ากล้าก็ยืนอยู่บนลานประลองต่อไปสิ!”
ผู้คนรอบๆลานประลองเริ่มพูดจาเหน็บแนม พวกมันไม่พอใจเฟิงหลัวมาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อสักครู่ เป็นเพราะมันมีพรรคพวกอยู่ข้างกายเยอะ ทุกคนเลยไม่กล้าเอะอะอะไรมากนัก แต่ตอนนี้ล่ะ? ใครจะไปคิดว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งขนาดนี้?
“เจ้าจงรีบยอมแพ้แล้วลงจากลานประลองไปซะ! ไม่งั้นข้าจะบอกพี่ชายข้าให้มาจัดการเจ้า!” เมื่อคำพูดเหน็บแนมดังเข้ามาในหูของมัน เฟิงหลัวจึงเริ่มโต้ตอบ มันชี้นิ้วไปที่หลิงฮันและสั่งให้เขายอมแพ้
หลิงฮันส่ายหัวไปมา หมอนี่ถูกตามใจมามากเกินไปจนมันกลายเป็นตัวโง่งมอย่างแท้จริง
“ปัง!”
หลิงฮันถีบไปยังท้องของเฟิงหลัว ‘ฟุบ’ มันลอยกระเด็นออกไปนอกลานประลอง และใช้มือกุมท้องเอาไว้เพราะเจ็บปวด
“กลุ่มที่สี่สิบ หลิงฮันชนะ!” ผู้ตัดสินประกาศออกมา
“ไม่! ตำแหน่งนั่นเป็นของข้า! ของข้า!” เมื่อเฟิงหลัวได้ยินเสียงประกาศ มันกระโดดขึ้นไปและพูดกับผู้ตัดสิน “เปลี่ยนคำตัดสินของเจ้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะให้พี่ชายของข้ามาทุบตีเจ้าจนตาย!”
ทุกคนต่างหัวเราะออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คนที่อยู่ในระดับหลอมกายากล้าที่จะพูดข่มขู่คนที่อยู่ในระดับก่อเกิดธาตุ ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำเสียจริง
“ไสหัวไป!” ผู้ตัดสินคำรามออกมาอย่างเฉยชา เขายื่นมือออกมาพร้อมกับควบแน่นปราณก่อเกิดให้เป็นรูปร่างมือขนาดใหญ่ และจับเฟิงหลัวโยนออกไป
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*