ตอนที่ 66 เริ่มต้นการประลอง
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 66 เริ่มต้นการประลอง
“อ่าา จบสิ้นแล้ว ข้าจับฉลากได้อยู่กลุ่มเจ็ด ได้ยินว่าผู้เข้าประลองเมล็ดพันธุ์ในกลุ่มนี้คือชือหม่าเวินตง เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์ของตระกูลชือหม่าแห่งเมืองต้าหยวน ตอนนี้เขาบรรลุถึงระดับรวมธาตุขั้นเจ็ดแล้ว” ลิ่วตงถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว
“ข้าสิแย่กว่า ข้าอยู่ในกลุ่มแรก และผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ในกลุ่มของข้าคือองค์ชายสี่ ตอนนี้ข้าไม่มีความหวังเหลือแล้ว!” จูเซว่อวี่ถอนหายใจเช่นกัน แต่ไม่นานนางก็กลับกลายมาเป็นตื่นเต้นและพูด “แต่ยังมีหวังที่หลีเฮาอาจจะชนะและได้รับตำแหน่งในการเข้าร่วมสำนักฮูหยาง!”
หลิงฮันชำเลืองไปยังหลีเฮา ภายในเวลาเดือนกว่าๆ มันสามารถบรรลุไปถึงรวมธาตุขั้นสามระดับปลาย แน่นอนว่านี่เป็นผลลัพธ์ของเม็ดยาทะลวงกำเนิดสามเม็ดที่มันกินเข้าไป
ด้วยระดับพลังประมาณนี้รวมเข้ากับปราณกระบี่ ความเป็นไปได้ที่หลีเฮาจะได้รับชัยชนะได้กลุ่มตนเองนั้นมีสูงมาก เพราะอย่างไรมันก็จับฉลากได้อยู่ในกลุ่มที่สี่สิบกว่าๆ ซึ่งผู้ประลองเมล็ดพันธุ์มีพลังเพียงระดับรวมธาตุขั้นสี่ ถึงแม้คนที่มีพลังในขั้นสี่จะได้เปรียบคนที่อยู่ในขั้นสามอย่างมาก แต่หลีเฮามีปราณกระบี่ ซึ่งเพียงพอที่จะทดแทนระยะห่างของพลังระหว่างตัวมันกับคู่ต่อสู้
ยิ่งกว่านั้น ผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ต้องเผชิญกับอันตรายจากการเป็นเป้าหมายของคนอื่น ตราบใดที่หลีเฮายังคงทำตัวไม่โดดเด่นและปกปิดพลังเอาไว้เพื่อไปใช้ในตอนสุดท้าย มีโอกาสสูงมากที่มันจะได้เป็นคนสุดท้ายที่สามารถหัวเราะออกมา
ลิ่วตงและคนอื่นๆอิจฉาเป็นอย่างมาก พวกมันเคยขอให้หลีเฮาชี้แนะเกี่ยวกับปราณกระบี่ให้ แต่ไม่ว่าพวกมันจะพยายามขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถสร้างปราณขึ้นมาได้เสียที
“เฮ้อ ตอนที่อยู่เมืองกำแพงศิลา พวกเราคิดว่าพวกเราแข็งแกร่งที่สุด พวกเราเพิ่งจะมารู้สึกตัวก็เมื่อตอนที่มาถึงเมืองต้าหยวนแห่งนี้ กลุ่มอำนาจอย่างตระกูลจิงและตระกูลลิ่วสามารถสร้างผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ได้สิบกว่าคนอย่างง่ายดาย” เชินเพิงจวีส่ายหัว ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความท้อแท้
มันและโจวฉางสามารถทะลวงผ่านระดับรวมธาตุได้ด้วยการช่วยเหลือของผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้มีจอมยุทธที่แข็งแกร่งมารวมตัวกันในการประลองต้าหยวนมากเกินไป! อย่างน้อยผู้เข้าร่วมจำเป็นต้องมีพลังในระดับรวมธาตุขั้นสี่ หรือไม่งั้นก็ต้องเป็นอย่างหลีเฮาที่สามารถสร้างปราณกระบี่ขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีหวังในการติดห้าสิบอันดับแรกอย่างแน่นอน
“พี่ชายหลิง ท่านล่ะเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านจับฉลากได้อยู่กลุ่มไหนรึ?” ทั้งห้าคนมองไปยังหลิงฮันด้วยความสงสัย
พวกมันรู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ตราบใดที่เขาจับฉลากได้กลุ่มที่ดี โอกาสที่เขาจะติดอยู่ในห้าสิบอันดับแรกนั้นมีสูงมาก
หลิงฮันยิ้ม “ข้าเป็นผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ของกลุ่มที่สี่สิบ”
“อึก!”
ลิ่วตงและคนอื่นๆสำลักออกมา พวกมันมองไปยังหลิงฮันราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลิงฮังยังอยู่ในระดับหลอมกายาเช่นเดียวกันพวกมัน แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นผู้ประลองเมล็ดพันธุ์แล้ว? จะไม่ให้พวกมันตกตะลึงได้อย่างไร? ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยไม่เชื่อ
“เจ้าอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นสี่แล้วจริงๆรึ?” หลีเฮาแกล้งชกหมัดไปที่หน้าอกหลิงฮัน เมื่อมันนึกออกว่าหลิงฮันได้มอบเม็ดยาทะลวงกำเนิดให้มันสามเม็ด และเขายังบอกอีกว่ายังมีเหลืออยู่อีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่หลิงฮันจะสามารถก้าวไปยังระดับรวมธาตุขั้นสี่ได้ภายในระยะเวลาเพียงเท่านั้น
“ถ้าเขาเป็นผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ งั้นเขาก็จะสามารถหลีกเลี่ยงที่จะพบกับจอมยุทธหัวกะทิคนอื่นได้ ยิ่งกว่านั้นพี่ชายหลิงยังมีปราณดาบอีก ดังนั้นเขาจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!” ลิ่วตงพูดออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา
จูเซว่อวี่และคนอื่นๆต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ถ้าสามารถติดห้าสิบอันดับแรกได้ จะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมกับสำนักฮูหยางซึ่งเป็นความฝันของจอมยุทธทุกๆคนในแคว้นพิรุณ
…ถ้าพวกลิ่วตงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พวกมันอาจจะตกใจจนลูกตาหลุดออกมาเบ้าเลยก็ได้ หลิงฮันสามารถทำให้นักปรุงยาระดับดำสามคนมาติดตามอยู่เบื้องหลังของเขา
“ฮ่าๆๆๆ เจ้าอยากจะชนะ? ไม่มีทาง!” เสียงอันยิ่งยโสดังขึ้น ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ปรากฏตัวออกมา
มันคือเฟิงหลัว ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่พวกเขาสามารถสังหารมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดได้ มันเป็นคนที่คิดจะขโมยผลประโยชน์ของพวกเขาไป จนสุดท้าย เหล่าลูกน้องของมันก็ถูกการโจมตีสุดท้ายของมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดสังหารทิ้งจนหมด ในขณะที่ตัวมันเองก็ถูกหลิงฮันทุบตีอย่างรุนแรง แต่ยังโชคดีที่หนีรอดไปได้
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะกลับมาให้เห็นหน้าอีกเร็วขนาดนี้ แถมยังมาทำท่าทางอวดดีต่อหน้าพวกเขาอีกด้วย พลังบ่มเพาะของมันไม่เพิ่มแม้แต่น้อย มันยังอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเก้า
“พี่ชายหลิงคือผู้เข้าประลองเมล็ดพันธุ์ ทำไมเขาจะไม่ชนะ?” จูเซว่อวี่พูดถามเฟิงหลัว
“เพราะว่าข้าก็อยู่ในกลุ่มที่สีสิบยังไงล่ะ!” เฟิงหลัวประกาศออกมาอย่างมั่นใจ
“ฮ่าๆๆ!” ลิ่วตงและคนอื่นๆหัวเราะลั่นออกมา ฝ่ายหนึ่งอยู่ในระดับรวมธาตุ ในขณะที่อีกฝ่ายยังอยู่ในระดับหลอมกายา ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็เหมือนกับสวรรค์และปฐพี ไม่ว่าจะมองยังไง เฟิงหลัวก็ไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
“เชิญหัวเราะไปเถอะ แล้วเจ้าจะมาร้องให้ทีหลัง!” เฟิงหลัวพูดอย่างเย็นชา
ลิ่วตงและคนอื่นๆตกอยู่ในความสงสัย เฟิงหลัวมีไพ่ลับอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ทำให้มันมั่นใจขนาดนั้น?
“ฮ่าๆๆๆๆ” เฟิงหลัวหัวเราะเสียงดังพร้อมกับเดินจากไปอย่างอวดดี
“ไม่ต้องไปสนใจ มันก็แค่พวกน่ารังเกียจเท่านั้น!” หลิงฮันพูดและยิ้ม
ทั้งห้าคนพยักหน้าเห็นด้วย
การจับฉลากจบลงก่อนเที่ยง พวกเขาต้องประลองกันในช่วงบ่ายเพื่อคัดเลือกจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดห้าสิบคน หลังจากนั้นจะมีการประลองในวันถัดไปเพื่อตัดสินสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุด รวมไปถึงอันดับที่หนึ่งด้วย
หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จ ทุกคนได้เดินมาถึงสนามประลองในเมือง ปกติที่นี่จะมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับวรยุทธหลายๆอย่าง แต่เพราะวันนี้เป็นการประลองต้าหยวน กิจกรรมต่างๆจึงต้องหยุดระงับเอาไว้ก่อน ตรงกลางบริเวณพื้นทรายขนาดกว้างใหญ่มีสนามประลองทั้งสิบเรียงเอาไว้อยู่ พอการประลองเริ่มขึ้น ทั้งสิบกลุ่มจะต้องเริ่มการประลองพร้อมกัน และการการประลองจะครบห้าสิบกลุ่มภายในสิบรอบ
หลิงฮันเป็นผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ของกลุ่มที่สี่สิบ เขาจึงต้องรอจนกว่าจะถึงการประลองรอบที่สี่
ลิ่วตงและจูเซว่อวี่อยู่ในรอบแรก คนหนึ่งอยู่ในลานประที่หนึ่ง ส่วนอีกคนอยู่ในลานประลองที่เจ็ด
หนึ่งกลุ่มมีคนอยู่ประมาณเจ็บสิบคน การประลองในรอบแรกไม่มีอะไรตื่นเต้น ทุกๆลานประลองผู้ที่ชนะคือผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ พวกมันก็เหมือนกับองค์ชายสี่ พวกมันอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า ต่อให้ผู้ประลองคนอื่นๆในสนามร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางที่จะชนะได้ ยิ่งกว่านั้น สำหรับในด้านขององค์ชายสี่ ใครกันจะไปกล้าล่วงเกินคนที่อาจจะกลายเป็นราชาต้าหยวนในอนาคต? เป็นธรรมดาที่พวกมันจะไม่กล้าร่วมมือกันไปรุมองค์ชายสี่
ยิ่งกว่านั้น จอมยุทธเมล็ดพันธุ์ในรอบแรกทั้งสิบคนคือเหล่าคนที่แข็งแกร่งที่สุด พวกมันเคยติดสิบอันดับแรกของการประลองต้าหยวนครั้งที่แล้วเหมือนกับองค์ชายสี่ จิงหวู่จื้อ และหลีตงเย่
ในการประลองรอบที่สองและสาม มีบางครั้งที่จอมยุทธไร้นามได้รับชัยชนะ แต่นั่นก็ไม่ใช่เชินเพิงจวีและโจวฉาง ทั้งสองคนถูกจัดการออกการประลองอย่างไรความปรานี โชคยังดีที่พวกมันยังมีโอกาสอีกครั้งในอีกสามปีข้างหน้า เมื่อถึงตอนนั้น เป็นไปได้สูงที่พวกมันจะบรรลุถึงระดับรวมธาตุช่วงกลางแล้ว และทั้งสองจะได้กลายเป็นจอมยุทธ์เมล็ดพันธุ์
“ฮันเอ๋อร์ ลุยเลย!” หลิงตงซิงตบเบาๆที่ไหล่ของหลิงฮันและยิ้มอย่างอารมณ์ดี การประลองรอบที่สี่กำลังจะเริ่มขึ้น เมื่อครึ่งปีก่อน มันไม่เคยวาดฝันมาก่อนเลยว่าบุตรของมันจะมีโอกาสได้เป็นผู้ประลองเมล็ดพันธุ์
หลิวอู๋ตงพยักหน้าให้หลิงฮัน นางไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าหลิงฮันจะแพ้
ในฐานะของผู้ประลองเมล็ดพันธุ์ หลิงฮันเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปยังลานประลอง ในขณะที่ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆในกลุ่มของเขาเดินตามมาข้างหลัง กลุ่มของเขามีประมาณเจ็บสิบคน เฟิงหลัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เริ่มได้!” จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุเป็นผู้ประการเริ่มการประลอง มันได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ตัดสินโดยราชวงศ์ต้าหยวน
“ฮ่าๆๆ จัดการคนรอบๆซะ!” เฟิงหลัวตะโกนขึ้นมาอย่างอวดดี มีคนประมาณสามสิบคนชักอาวุธออกมาพร้อมกันและรวมตัวคอยปกป้องเฟิงหลัวที่อยู่ตรงกลาง จากนั้น พวกมันได้เริ่มพลักดันผู้เข้าประลองคนอื่นออกไป
ผู้ชมที่อยู่นอกลานประลองถึงกับพูดไม่ออก แบบนี้ก็ได้รึ?
จะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*