DND.9 - ชักศึกเข้าบ้าน
มังกรไฟพุ่งเป็นเส้นตรงไปทางหญิงสาว
เมื่อรู้สึกถึงวิกฤติ ท่ามกลางความตื่นตระหนักที่ต้องการจะเอามันออกไปให้ไกล นางได้หยิบบอลสีเงินออกมาจากเสื้อ
ตู้ม-
เกิดเสียงดังราวกับฟ้าผ่า
แก้วหูของซือหยูสั่นอยู่บนต้นไม้ กำลังภายในของเขาสั่นสะเทือนจนเกือบตกจากต้นไม้
ทันใดนั้นแรงระเบิดมหาศาลก็ปะทุออกมาทำให้บริเวณรอบๆสั่นอย่างบ้าคลั่ง
มังกรไฟโดยแรงระเบิดและร้องโหยหวนออกมา
หัวของมันโดนระเบิดหายไปครึ่งส่วนเหลืออีกส่วนที่โชกเลือดเอาไว้ เกล็ดใหญ่ตรงส่วนหัวของมันหลุดออกเป็นแผลใหญ่
ความเจ็บปวดทำให้มันโกรธมาก มันบิดตัวไปมาอย่างบ้าคลั่งและพุ่งตรงไปยังหญิงสาว มันอ้าปากกว้างพร้อมที่จะเขมือบนาง
ซือหยูแอบส่ายหัว พลังระเบิดของหญิงสาวน่ากลัวมาก! มันต้องเป็นสมบัติที่ใช้ในยามฉุกเฉินราคาแพงแน่ หากเป็นสถานการณ์ปกติระเบิดนั่นจะต้องฆ่าจอมยุทธระดับสามขั้นสูงได้เลย
แต่หญิงสาวตัวน้อยก็ตื่นตระหนกเกินไป ห่างจากส่วนหัวเจ็ดนิ้วคือหัวใจของอสรพิษ หากเธอเล็งไปตรงนั้นมันคงตายแล้ว
ซือหยูที่เห็นสถานการณ์ย่ำแย่ดึงธนูสีชาดออกมา เขาใช้พลังดวงตาและเล็งไปที่จุดสำคัญ เขาเล็งไปตรงแผลใหญ่ของมันและปล่อยลูกธนูทันที
ฟึ่บ-
ธนูแล่นไปตรงเป้าพอดี! แต่มันก็ไม่ทะลุหัวใจเพราะผิวของมันหนาเกินไป แม้ธนูจะแล่นตรงจุดมันก็เจาะทะลุไปไม่ถึงส่วนหัวใจ
มังกรไฟร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด มันเชิดหัวหาคนที่ยิงธนูใส่มันจากบนต้นไม้ด้วยความโกรธ
“มองอะไรกัน? เจ้าปีศาจ!”
ซือหยูใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเพราะเขาไม่มีวิธีป้องกันตัวเองจากสัตว์อสูรที่มีพลังอยู่ในระดับสาม
ซือหยูยิงธนูอีกดอกทันทีโดยไม่ลังเล ธนูดอกนี้แม่นยำมากและเขายิงใส่ลูกธนูที่ปักอยู่บนตัวมันดอกแรก มันทำให้ธนูดอกแรกฝังลึกลงไปอีกและทะลุหัวใจของมัน
มังกรไฟคำราม มันอ้าปากและพ่นพิษสีดำออกมาเขี้ยวของมันถูกชะโลมด้วยพิษเหลว
ซือหยูรีบย้ายไปหลังต้นไม้อย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างทะลุมาจากต้นไม้ข้างหลังเขาอย่างแรง
เขาหันไปมองและพบมังกรไฟบนพื้นดิ้นด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะตาย เขาเข้าไปหามันตอนที่มันหยุดนิ่ง
สำหรับหญิงสาวคนนั้น ดูเหมือนสตินางยังคงลางเลือนจากแรงระเบิด
ซือหยูโล่งใจและเก็บถุงน้ำดี เขี้ยว และหนังของมันมาโดยไม่ลังเล มันมีค่ามหาศาล หลังจากเสร็จแล้วเขาก็มองมีดที่ถืออยู่ด้วยความประหลาดใจเพราะหนังของมันแข็งกว่าที่เขาคิดไว้
เขาดีใจมาก โชคดีที่ระเบิดนั่นระเบิดหนังของมันออกไปจนพบจุดสำคัญ ไม่เช่นนั้นลูกธนูเพียงอย่างเดียวคงเจาะทะลุหนังหนาๆของมันไม่ได้แน่
เมื่อซือหยูลุกขึ้นและกำลังจะออกไปเขาก็ได้ยินเสียงโอดครวญเบาๆจากข้างหลัง
เมื่อเขามองกลับไปก็พบใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาวที่ใช้ระเบิด นางเหงื่อไหลเต็มหน้าผากและหายใจแรง อกของเธอขยับขึ้นลงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
“แย่ล่ะสิ! นางโดนพิษ!”
ซือหยูไปดูนางและพบชิ้นส่วนเขี้ยวที่เคลือบพิษสีดำเจาะทะลุเสื้อผ้าถูกอกของนาง
ก่อนที่มังกรไฟจะตาย มันได้ปล่อยพิษพร้อมเศษเขี้ยวเพื่อโจมตีสวนกลับ นางถูกเขี้ยวจนติดพิษ
ซือหยูถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวโดยไม่ลังเล เขาตรวจสอบและพบเศษเขี้ยวที่อกด้านขวาของนาง
เนื้อบริเวณแผลนางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม บ่งบอกว่าพิษได้กระจายไปในร่างแล้ว เมื่อพิษเข้าสู่หัวใจ พลังเหนือธรรมชาติใดๆก็ช่วยนางไม่ได้
ในสถานการณ์วิกฤติแบบนี้ การช่วยเหลือคนเจ็บคือสิ่งสำคัญ ซือหยูขยับมือรวดเร็วปานสายฟ้าและใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบเศษเขี้ยวพิษออกมาอย่างระวัง
“โชคดีที่แผลนางใหญ่ ข้าไม่ต้องผ่ามันเพิ่ม ไม่อย่างนั้นนางคงจะได้แผลเป็นขนาดใหญ่แน่”
ซือหยูดูแผลของนางอย่างรวดเร็วและพยักหน้าให้ตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงและเช็ดเลือดที่ปากแผลออก จากนั้นเขาก็ใช้ปากดูดเลือดที่ผสมกับพิษออกมา
หญิงสาวที่ไม่ได้สติดูเหมือนจะเจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา
ซือหยูดูดเลือดพิษและรีบพ่นทิ้งก่อนที่มันจะเข้าเส้นเลือดในปากของเขา หลังจากนั้นเขาก็ก้มหัวและดูดเลือดจากแผลต่อไป
หลังจากดูดเลือดออกมาหกครั้ง เลือดก็กลับมาเป็นสีแดงชาด ซือหยูห้ามเลือดให้นาง และเริ่มรู้สึกว่าปากของเขาชาเล็กน้อง ดูเหมือนพิษจะเข้าสู่เส้นเลือดของเขาไปบ้าง
แต่นี่มันก็คุ้มค่าเพราะนางเริ่มหายใจคงที่และถึงแม้จะหมดสติ ชีวิตของนางก็มิได้ตกอยู่ในอันตรายแล้ว
ซือหยูนั่งลงและนำเสื้อผ้าของนางมาคลุมตัวนางก่อนจะรีบออกไปทันที
เขารู้สึกว่าการช่วยผู้หญิงแบบนี้แทนที่จะได้รับความพอใจ มันน่าจะมีโอกาสมากที่จะถูกเข้าใจผิด ซึ่งจะทำให้ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตราย
เพราะยังไงผู้หญิงเสื้อม่วงนั่นก็สำเร็จระดับสามแล้ว! และเขายังอยู่ในที่รกร้าง หากมีคำสั่ง ผู้หญิงเสื้อม่วงคงจะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าทำอะไรน่ะ?”
เมื่อซือหยูกำลังจะหนีไป องครักษ์ร้อยก็ยืนโงนเงนและพบคนแปลกหน้ากำลังจะลอบออกไป
เขายังเห็นมังกรไฟที่ถูกตัดเอาจุดสำคัญออกไปหมดอีกด้วย! เขาโกรธมาก
“เจ้าเป็นโจรขโมยของของพวกข้างั้นเรอะ!?”
ตอนเขาหมดสติ เขาได้ยินเพียงเสียงดังกึงก้อง ในใจเขาคิดว่าองค์หญิงน้อยได้ใช้ระเบิดฆ่ามังกรไฟไปแล้ว
แต่เขาก็ไม่คิดว่าเมื่อเขาได้สติ เขาจะเห็นองค์หญิงหมดสติและส่วนสำคัญของมังกรไฟถูกขโมยไป!
ซือหยูไม่หันหลังเขา เขายังคงระวังตัวและใช้โอกาสฉีกเศษเสื้อผ้ามาปิดหน้าเขาและหนีไปอย่างไม่ลังเล
เขาไม่คิดว่าพิษน้อยนิดในร่างกายเขาจะเริ่มมีผลทำให้ร่างกายเขาเสียความเร็วและใช้เงาเมฆาได้ไม่เต็มที่
“เจ้าจะไปไหน!?”
เด็กหนุ่มระดับสองขั้นสูงใช้โอกาสนี้ไล่ตามซือหยู
ซือหยูหันมาพูดอย่างเย็นชา
“ฮื่ม! ข้าเป็นคนช่วยพวกเจ้าทั้งหมด! เจ้าไปดูสภาพพรรคพวกเจ้าก่อนเถอะ”
องครักษ์ระเบิดความโกรธ
“ไอ้โจร! เจ้ากล้าดียังไง! เจ้าทำร้ายเจ้านายและขโมยเหยื่อของเราโดยไม่บอกกล่าว แล้วปากเจ้ายังพ่นคำโกหกออกมาอีก! ระดับสองขั้นสูงอย่างเจ้าจะไปฆ่ามังกรได้ยังไง? เจ้าคือคนที่ทำร้ายพวกเราและขโมยเหยื่อของเราไปแน่นอน!”
“รับไปซะ! หมัดพยัคฆ์พิโรธ!”
เขากระโดดสูงราวกับพยัคฆ์ที่กำลังกระโดดลงจากภูเขาเข้าไปหาซือหยู
หมัดพยัคฆ์พิโรธเป็นวิชาบ่มเพาะพลังขั้นกลางที่แข็งแกร่งมาก! มันระดับสูงกว่าทลายจักรวาลของซือหยู
ซื้อหยูเกรี้ยวกราด
“นี่หรือวิธีแสดงความขอบคุณความเอื้อเฟื้อของข้า!”
“ทลายจักรวาล!”
ร่างกายของซือหยูเริ่มเร็วขึ้น เขาเตะและต่อยอย่างต่อเนื่องสวนกลับไป
หมัดและลูกเตะของเขาเคลื่อนไหวเร็วจนเห็นเป็นแค่เงาโจมตีไปที่ส่วนอกของศัตรูพร้อมๆกัน
องครักษ์ที่ถูกหมัดและลูกเตะโจมตีใส่พร้อมๆกันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และวิชาหมัดของเขาก็หยุดลงทันที
แต่ก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบก็มีหมัดชกมาที่จุดเดิมอีกครั้ง
เขาทั้งโกรธและกลัว เขาใช้แขนทั้งสองข้างป้องกันหน้าอกของตัวเอง เมื่อศัตรูหยุดโจมตีเขาจะใช้โอกาสนั้นสวนกลับ
แต่ศัตรูของเขายังคงปล่อยหมัดและเตะอย่างต่อเนื่อง ต่อยและเตะซ้ำๆไปยังจุดเดิม
หมัดและลูกเตะปล่อยออกไปจนถึงการโจมตีสุดท้ายเมื่อซือหยูยกขาขึ้นไปกลางอากาศและเตะใส่แขนทั้งสองข้างขององครักษ์อย่างแรง
อ๊ากก-
เด็กหนุ่มทนไม่ไหวอีก แขนทั้งสองข้างบาดเจ็บอย่างรุนแรงและร่างของเขาก็กระเด็นไปไกลราวห้าเมตรทำให้เขาตกตะลึง ศัตรูของเขาแค่สำเร็จระดับสองขั้นกลางแต่ก็ชนะเขาได้!
วิชาเตะและต่อยที่ผสมกันแบบแปลกๆนี้เป็นวิชาบ่มเพาะพลังพื้นฐานแน่นอน แต่ก็มีพลังเหนือกว่าเขา!
เหตุผลที่ซือหยูชนะเขาได้เพราะว่าองครักษ์ได้ผ่านการต่อสู้อันยากลำบากมาและใช้พลังไปจนหมด ประกอบกับเขาเพิ่งจะได้สติจึงแสดงพลังที่แท้จริงออกมาไม่ได้
หลังจากเตะเขาจนกระเด็นไปแล้ว ซือหยูก็ได้เงาเมฆาหนีทันที ไม่นานเขาก็หายไปในหมู่แมกไม้
เมื่อซือหยูหนีไปหญิงสาวเสื้อม่วงก็ตื่นขึ้นและฟื้นพลังเต็มที่!
“หลีหมิงไห่ เกิดอะไรขึ้น?”
นางถามด้วยความมึนงงและยืนอย่างไม่มั่นคง นางเพียงเห็นเงาคนทำให้หลีหมิงไห่กระเด็นและหนีออกไปอย่างรีบร้อน
เขาอธิบายสถานการณ์กับหญิงสาวอย่างน่าสังเวช
หญิงสาวเสื้อม่วงตกใจ แต่นางก็ไม่ได้ห่วงเรื่องมังกรไฟเพราะนางห่วงเรื่ององค์หญิงมากกว่า
นางไปทางองค์หญิงและตรวจสอบ เมื่อยืนยันได้ว่าชีวิตขององค์หญิงปลอดภัยนางก็เบาใจ แต่นางเป็นคนละเอียดจึงเห็นชุดขององค์หญิงไม่ที่ไม่เรียบร้อยและเห็นคราบเลือดที่อกของนาง! และยังเห็นเลือดสีคล้ำกับเศษเขี้ยวพิษข้างๆองค์หญิง!
ดูเหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างได้ นางหน้าซีดและเค้นเสียงพูด
‘หลีหมิงไห่ เจ้าออกไปก่อน!’
เมื่อเขาไปนางก็ถอดเสื้อผ้าขององค์หญิง นางพบแผลจากเขี้ยวพิษและร่องรอยผิวสีคล้ำที่ถูกพิษ! แต่เลือดที่ผสมพิษได้ถูกเอาออกไปและชีวิตองค์หญิงก็ไม่อยู่ในอันตราย
ทันใดนั้นนางก็เห็นรอยดูดจากแผลเพื่อช่วยชีวิตองค์หญิง นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวและเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิง!
นางหันไปด้วยความโกรธและพูดอย่างเย็นชา
“ผู้อาวุโสฉิน ทำไมท่านไม่หยุดมัน? ร่างกายขององค์หญิงประเมินค่ามิได้ นางจะยอมรับที่ร่างกายถูกชายสัมผัสได้อย่างไร? ชื่อเสียงของนางล่ะ? หากดยุคเซี่ยนหยูรู้เรื่องนี้เข้าเขาจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่”
ฟึ่บ-
เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกับลม ชายแก่ปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า
ชายแก่คนนี้อยู่ที่ต้นไม้อีกต้นตั้งแต่แรก ซือหยูไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ!
ชายแก่คนนี้พลังน่ากลัวจนพูดออกมาไม่ได้ เขาเป็นจอมยุทธชั้นสูงที่แอบปกป้ององค์หญิงอย่างลับๆ
ไม่ว่าดยุคเซี่ยนหยูจะใจร้ายกับลูกสาวยังไง เขาก็ไม่เสี่ยงให้ลูกสาวที่พลังยังอ่อนแอเข้าไปในภูเขาเพียงลำพัง ผู้อาวุโสฉินที่แอบปกป้องนางจะออกมาทันทีเมื่อชีวิตองค์หญิงตกอยู่ในอันตราย