ตอนที่ 64 ควบคุมสถานการณ์โดยไม่ต้องเปลืองแรง
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 64 ควบคุมสถานการณ์โดยไม่ต้องเปลืองแรง
“นี่ไม่ใช่คนที่ทำร้ายเจ้า?” ตวนมู่ฉางเฟิงตกใจ มันรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ในเมื่อไม่ใช่เจ้าหมอนี่ แล้วเจ้าจะชี้มาที่มันทำไมตั้งแต่แรก?
“ไม่ใช่!” กว๋อติงฉวนเองก็ไม่สบอารมณ์เช่นกัน ในเมื่อเจ้าไม่ใช่หลิงฮัน แล้วเจ้าจะมานั่งทำไมตรงนี้? มันมองไปที่จิงหวู่จื้อแล้วถาม “คนที่นั่งตรงนี้ก่อนหน้าเจ้าไปอยู่ไหนแล้ว?”
จิงหวู่จื้อไม่ใช่คนโง่ มันรู้ตัวทันทีว่าตกหลุมพรางของหลิงฮันเข้าแล้ว
เจ้าบัดซบนั่นไปล่วงเกินคนสองคนที่เพิ่งเข้ามา และมันดันบังเอิญไปสั่งให้หลิงฮันยกที่นั่งตรงนี้ให้กับมัน หลิงฮันเลยใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในการวางกับดักและสร้างความอัปยศให้มัน!
เจ้าเดรัจฉานบัดซบนั่น!
“หลิงฮัน!” มันคำรามขึ้นมา “โผล่หัวมาซะ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
หลิงฮัน?
เมื่อตวนมู่ฉางเฟิงได้ยินชื่อนี้ หัวใจของมันได้เกิดเจตนาอยากสังหารขึ้นมาทันที นี่คือชื่อของรุ่นเยาว์ที่ทำให้มันต้องอับอายเสียหน้า!
“ฟุบ” สายของของทุกคนมองไปยังหลิงฮัน
หลิงฮันนั่งอย่างน่าเกรงขาม แม้จะมีสายตามากมายจ้องไปยังเขา เขาก็ไม่รู้สึกประหม่าแม้แต่น้อย เขายกไวน์ขึ้นมาจิบและอดนึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้ไม่ได้ ไวน์ทุกชนิดที่เขาเคยกินล้วนแต่มีคุณภาพสูงทั้งนั้น มันไม่ใช่อะไรที่ ‘สุดยอดไวน์’ ที่เขากำลังกินอยู่ตอนนี้จะเทียบได้
ในตอนนี้ จิงหวู่จื้อยังไม่คิดที่จะแก้แค้นกว๋อติงฉวน เพราะอย่างไหร่ตวนมู่ฉางเฟิงก็ยังอยู่ที่นี่ ซึ่งอีกฝ่ายคือจอมยุทธที่ทรงพลังในระดับก่อเกิดธาตุซึ่งแข็งแกร่งกว่าตัวมันตั้งไม่รู้กี่เท่า
มันมองไปยังหลิงฮันและกำหมัดแน่น เลือดของมันไหลออกมาจากบาดแผลที่เกิดจากการกระแทกกับโต๊ะ ร่างของมันกระตุกสั่นไหวอย่างโหดเหี้ยมจนสามารถทำให้เด็กร้องให้ได้
“เจ้าหลอกพวกข้า!” จิงหวู่เชียงพูดและชี้ไปที่หลิงฮัน ในที่สุดมันก็รู้ความจริงเสียที
“ฮ่าๆๆ” มีหลายคนที่ไม่สามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้ เป็นดั่งที่เขาว่ากันว่ามังกรที่มีลูกเก้าตัว ลูกแต่ละตัวต่างก็แตกต่างกันออกไป จิงหวู่เชียงผู้นี้ช่างงี่เง่ายิ่งนัก มันดูไม่เหมือนกับว่ามีบิดามารดาคนเดียวกับจิงหวู่จื้อแม้แต่น้อย
“เจ้านี่ช่างใจกล้าจริงๆ!” ตวนมู่ฉางเฟิงพูดอย่างโหดเหี้ยม หลิงฮันกล้าแม้แต่ที่จะล้อเล่นกับมัน ดูเหมือนว่าผู้เยาว์คนนี้เบื่อที่จะมีชีวิตแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นตวนมู่ฉางเฟิงพูดขึ้นมา จิงหวู่จื้อจึงได้เงียบไปในทันที เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความบาดหมางบางอย่างกับหลิงฮัน ชายคนนี้อยู่ในระดับก่อเกิดธาตุ และยังมีสถานะที่สูงกว่าตัวมันอีกด้วย ต่อให้มันอยากจะแก้แค้นขนาดไหน... มันก็จำเป็นต้องรอไปก่อน
ตวนมู่ฉางเฟิงเดินเข้าไปหาหลิงฮัน มันตัดสินแล้วว่าต่อให้จูเฮอซินกับจางเหวยชางมาที่นี่ มันก็จะไม่ปล่อยเจ้าเด็กอวดดีนี่ไปเด็ดขาด
กว๋อติงฉวนเดินตามไปอย่างใกล้ชิด ปากของมันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แสนเย็นชา หลิงฮันกล้าถึงขนาดวางแผนหลอกอาจารย์ของมัน คราวนี้หลิงฮันจะต้องตายจริงๆแน่
ตวนมู่ฉางเฟิงไม่ได้เดินเร็วมากนัก แต่ทุกๆก้าวของมันทำให้ห้องโถงเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าตอนนี้มันกำลังโกรธขนาดไหน ตอนนี้แม้แต่ฉีฮวงเย่เองก็ไม่กล้าที่จะพูดเพื่อปกป้องหลิงฮัน
คราวนี้หลิงฮันจะทำอย่างไร?
แผนการเมื่อครู่ของเขาแน่นอนว่ายอดเยี่ยมมากที่สามารถหลอกศัตรูทั้งสองฝ่ายของเขาได้พร้อมกัน แต่ทั้งตวนมู่ฉางเฟิงและตระกูลจิง ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ไม่สามารถหนีผลที่ตามมาจากการไปล่วงเกินพวกมันได้
หลิงฮันดูไม่เหมือนกับคนโง่ ทุกคนล้วนแต่สงสัยว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป
หลิวอู๋ตงยืนขึ้นมาทันที และทำท่าทางปกป้องหลิงฮัน
อย่างไรก็ตาม นางถูกหลิงฮันดันออกไปเบาๆ จากนั้นเขาได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “วายุทั้งสี่ล่องลอยสู่สภา เมฆาบนสรวงสวรรค์ถูกพัดกระจายจนไร้ระเบียบ พยัคฆ์และกระเรียนปรากฏตัวขึ้นจนก่อเกิดเป็นนิรันดร์!”
“ฟุบ!”
ฝีเท้าของตวนมู่ฉางเฟิงหยุดชะงักราวกับถูกฟ้าฝ่า สีหน้าที่แสดงออกมาราวกับเห็นภูตผี แต่หลังจากนั้นไม่นาน ท่าทางของมันได้เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นจนถึงขนาดที่ร่างกายสั่นสะท้าน
นี่คือบทคำพูดของกระบวนท่าที่แปดจากทักษะเพลงดาบสยบเมฆา
เพลงดาบสยบเมฆาเป็นทักษะระดับดำขั้นกลาง เขาเรียนรู้มันมาจากคัมภีร์ลับที่ได้มาจากโบราณสถาน แต่โชคร้ายที่คัมภีร์นั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรมเนื่องจากกาลเวลาที่ผ่านพ้นมานาน บทคำพูดและภาพวาดที่เหลืออยู่มีเพียงแปดกระบวนท่า ส่วนกระบวนท่าที่เก้านั้นไม่มีร่องรอยเหลือทิ้งไว้แม้แต่น้อย
เหตุผลที่มันสามารถเมินเฉยต่อจูเฮอซินและจางเหวยชางได้เป็นเพราะมันครอบครองทักษะเพลงดาบสยบเมฆา!
ทั้งสามคนอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้นสาม แต่ด้วยทักษะเพลงดาบสยบเมฆา ต่อให้จูเฮอซินและจางเหวยชางร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน นั่นเพราะทักษะเพลงดาบที่มันมีอยู่นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะงั้นแม้แต่ในความฝันมันก็ปรารถนาที่จะได้รับสองกระบวนท่าสุดท้ายนี้มา
และเมื่อตอนที่หลิงฮันท่องบทคำพูดของเพลงดาบสยบเมฆาออกมา จะไม่ให้มันตื่นเต้นได้อย่างไร?
“เจ้า... เจ้ารู้จักมัน?” ตวนมู่ฉางเฟิงพูดออกไปอย่างตะกุกตะกัก
“แน่นอน!” หลิงฮันพยักหน้า
“เจ้าจะสอนข้าได้หรือไม่?” สีหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หลิงฮันยิ้มและพูด “นั่นก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติตัวของเจ้า!”
ตวนมู่ฉางเฟิงไม่ใช้เวลาคิดแม้แต่น้อย และพูดกลับไป “ไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไร ขอเพียงพูดออกมา! ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาหรือทรัพยากรบ่มเพาะ ข้าสามารถมอบให้เจ้าได้!”
“อึก!”
ทุกคนรอบข้างรู้สึกเหมือนกับจะเสียสติ เมื่อสักครู่ ตวนมู่ฉางเฟิงยังดูราวกับว่าจะไม่ว่าจะยังไงก็ต้องสังหารหลิงฮันให้ได้ เป็นไปได้อย่างไรที่ท่าทีของมันจะเปลี่ยนไปขนาดนี้? นี่เป็นการใช้มนต์อาคมหรือไงกัน?
“อาจารย์...” กว๋อติงฉวนกลายเป็นกระวนกระวาย เจ้าหมอนี่ใช้มนต์ดําแบบไหนกัน?
หลิงฮันชี้ไปที่จิงหวู่จื้อและน้องของมัน จากนั้นได้หันไปชี้ที่กว๋อติงฉวนและพูดออกมา “เจ้าสามคนนี้ช่างเกะกะลูกตาของข้ายิ่งนัก!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” คนที่มีประสบการณ์มามากมายอย่างตวนมู่ฉางเฟิง แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของหลิงฮันในทันที มันไม่พูดอะไรแม้แต่น้อยพร้อมกับยกตัวของกว๋อติงฉวนขึ้นมา จากนั้นประกายแสงได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของพี่น้องจิง มือซ้ายของตวนมู่ฉางเฟิงได้พลักออกไปอย่างรุนแรง พลังที่ไม่อาจต้านทานได้ทำให้สองพี่น้องจิงล้มลงไปที่พื้น
“ปัง ปัง ตุบ ตุบ” ตวนมู่ฉางเฟิงเตะและต่อยทั้งสามคนอย่างบ้าคลั่งตามที่มันต้องการ
คนอื่นๆล้วนแต่ตกตะลึง หลิงฮันเพียงแค่ท่องอะไรสักอย่างที่เหมือนบทพูดออกมา จากนั้นตวนมู่ฉางเฟิงก็ได้กลายเป็นลูกน้องที่เชื่อฟังทุกคำสั่งของเขา?
ความยกย่องที่มีต่อหลิงฮันของพวกมันได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะกว๋อติงฉวน พี่น้องตระกูลจิง หรือแม้แต่ตวนมู่ฉางเฟิงต่างก็อยู่ในการควบคุมของเขา
พี่น้องตระกูลจิงรู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก
พวกมันมีความเกลียดชังหรือความบาดหมางอะไรกับตวนมู่ฉางเฟิง? ก่อหน้านี้มันถูกทุบตีโดยชายชราคนนี้อย่างไร้เหตุผล แต่นั่นก็สามารถอธิบายได้ว่าเป็นเพราะหลิงฮันวางแผนหลอกล่อพวกมันทั้งสองฝ่าย... แล้วครั้งนี้ล่ะ?
แต่ในเมื่อจอมยุทธทรงพลังในระดับก่อเกิดธาตุเป็นคนลงมือ พวกมันจะทำอะไรได้นอกจากยอมรับการทุบตีแต่โดยดีโดยที่ไม่บ่นอะไร?
ใบหน้าของฉีฮวงเย่กระตุกไปมา ตั้งแต่ตอนที่มันเห็นว่าหลิงฮันมีหลิวอู๋ตงคอยติดตามมาด้วย มันก็พอจะรู้แล้วว่าหลิงฮันต้องไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่นึกว่าจะขนาดนี้
ตวนมู่ฉางเฟิงไม่ใช่เพียงจอมยุทธในระดับก่อเกิดธาตุ แต่ยังเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำที่พอจะมีชื่อเสียงในแค้วนพิรุณแห่งนี้ ต่อให้เป็นจอมยุทธในระดับห้วงจิตวิญญาณมาพบตวนมู่ฉางเฟิง อีกฝ่ายก็ยังต้องให้ความเคารพและสุภาพอย่างมาก
อย่างไรก็ตามหากมันสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงฮันเอาไว้ได้ นั่นก็หมายความว่ามันจะสามารถนำตวนมู่ฉางเฟิงเข้ามาอยู่ฝ่ายเดียวกับมันได้?
องค์ชายหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นเพียงเพราะสามารถเป็นสหายกับกว๋อติงฉวน... แต่ถ้ามันสามารถดึงดูดตวนมู่ฉางเฟิงให้มาอยู่ฝ่ายมันได้... ตำแหน่งของมันจะต้องมั่นคงอย่างมาก และจะไม่มีใครกล้าขัดขวางมันจากการขึ้นครองบัลลังก์!
จากนั้นไม่นาน เมื่อจูเฮอซินและจางเหวยชางมาถึง ภาพที่พวกมันเห็นคือ ตวนมู่ฉางเฟิงกำลังทุบตีศิษย์ของตัวเองและพี่น้องตระกูลเจียงราวกับเป็นคนบ้า ในขณะที่หลิงฮันที่พวกมันสมควรจะต้องมาช่วย กำลังนั่งกินอาหารและดื่มไวน์อยู่อย่างสบายใจ
พวกนั้นกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่?
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*