ตอนที่ 63 บัดซบ ข้าทุบตีผิดคน
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 63 บัดซบ ข้าทุบตีผิดคน
มุมปากของหลิงฮันยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าแน่ใจรึว่าอยากนั่งตรงนี้?”
“หึ แต่เดิมนี่ก็เป็นที่นั่งของข้าอยู่แล้ว!” จิงหวู่จื้อพูดอย่างไม่แยแส
“ก็ดี ในเมื่อเจ้าอยากนั่ง ข้าก็จะยอมให้” หลิงฮันลุกขึ้นอย่างไม่รีรอ
“อึก!”
หลายคนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ท่าทีของหลิงฮันในตอนนี้กับตอนก่อนหน้านั้นต่างกันลิบลับ
เมื่อสักครู่ หลิงฮันยังกล้าที่จะทุบตีศิษย์ของคนที่ถูกเรียกว่าเชี่ยวชาญทั้งวิถีดาบและศาสตร์ปรุงยาต่อหน้าองค์ชายหนึ่ง แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหวาดกลัวงั้นรึ?
แปลก... แปลกมากจริงๆ!
ไม่ใช่แค่พวกมันที่คิดว่าแปลก แม้แต่หลิวอู๋ตงก็ตกอยู่ความสับสน นางรู้ว่าแม้ภายนอกเขาจะแสดงออกอย่างสงบนิ่ง แต่จริงๆแล้วหลิงฮันเป็นคนที่หยิ่งผยองยิ่งกว่าใครๆ
เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะยอมทำตามที่จิงหวู่จื้อสั่ง?
ถ้าต้องปะทะกันจริงๆ แค่นางคนเดียวก็เพียงพอที่จะขัดขวางจิงหวู่จื้อแล้ว ต่อให้ตระกูลจิงเข้ามาแทรกแซง ไม่ใช่ว่าเบื้องหลังหลิงฮันมีตำหนักโอสถสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่คอยสนับสนุนอยู่รึไง? ทั่วทั้งแคว้นพิรุณนี้ กลุ่มอำนาจใดกันที่กล้าต่อต้านตำหนักโอสถสวรรค์
แน่นอนว่าไม่มี เพราะอำนาจของตำหนักโอสถสวรรค์ไม่ได้มีเพียงในแคว้นพิรุณ แต่ยังมีตำหนักสาขาอีกหลายแห่งอยู่ในแคว้นทั้งเก้า ไม่ว่าจะในด้านพลังอำนาจหรือความมั่งคั่ง ตำหนักโอสถสวรรค์ล้วนแต่น่ากลัวกว่าขุมอำนาจใดๆ
จากความเคารพและนับถือที่จูเฮอซินมีต่อหลิงฮัน ถ้าตระกูลจิงกล้าที่จะทำอันตรายต่อหลิงฮัน มันจะต้องใช้อำนาจของตำหนักโอสถสวรรค์สาขาแค้วนพิรุณในการลบล้างตระกูลจิงอย่างแน่นอน!
ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้น ทำไมหลิงฮันยังจะกลัวอีก?
หลิงฮันยื่นแขนออกไปดึงหลิวอู๋ตงให้มากับเขา ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางแดงขึ้นมาทันที ไม่มีความเย็นชาเหลืออยู่บนใบหน้าแม้แต่น้อย
‘บัดซบ!’
เมื่อเห็นแบบนี้เข้า ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความริษยาจนดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง พวกมันไม่ต้องการอะไรนอกจากตัดแขนหลิงฮันที่กำลังกำมือของหลิวอู๋ตงอยู่ทิ้งซะ
สมองของหลิวอู๋ตงกลายเป็นขาวโพลน นางรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่บนเมฆในท้องฟ้า เมื่อนางตามหลิงฮันไปนั่งโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง แม้หลิงฮันจะปล่อยมือออกไปนานแล้ว นางก็ยังไม่สามารถเรียกสติคืนมาได้ หัวใจของนางยังคงเต้นระส่ำระสาย
“รอสักครู่แล้วพวกเราจะได้เห็นการแสดงสนุกๆ” หลิงฮันพูดเบาๆข้างๆหูนาง
หลิวอู๋ตงชะงักแล้วพูด “การแสดงอันใด?”
หลิงฮันพูดตอบ “อย่าลืมว่าเจ้ากว๋ออะไรนั่นได้กลับออกไปเพื่อเรียกกำลังเสริม”
“เจ้าคิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมกับจิงหวู่จื้อ?” ในที่สุดหลิวอู๋ตงก็เข้าใจ
หลิงฮันยิ้มและพูด “ข้าได้ถามมันไปแล้วว่าต้องการที่นั่งตรงนั้นจริงๆหรือ และมันก็เป็นคนยอมรับด้วยตัวเอง เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ?”
หลิวอู๋ตงยิ้มอย่างละเอียดอ่อนอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะขมวดคิ้ว “ตวนมู่ฉางเฟิงคงจะไม่ใจร้อนขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
“ข้ามั่นใจว่ามันต้องเก็บยับยั้งความโกรธเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และเมื่อกว๋ออะไรนั่นกลับไป มันจะต้องเล่าให้ตาแก่นั่นฟังอย่างเกินจริง ดังนั้นความโกรธของตาแก่นั่นต้องปะทุออกมาอย่างมหาศาลแน่นอน ยิ่งกว่านั้นตอนที่ข้าทุบตีเจ้ากว๋ออะไรนั่น ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว จึงมีโอกาสสูงมากที่ตาแก่นั่นจะทำเช่นเดียวกัน”
“เมื่อตวนมู่ฉางเฟิงรู้สึกตัวแล้วว่าแก้แค้นผิดคน มันจะต้องเพ่งเล็งมาที่เจ้าแน่นอน” คิ้วอันงดงามของหลิวอู๋ตงขมวดเข้าหากัน
“ข้าคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้น จูเฮอซินกับจางเหวยชางคงจะมาถึงเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงแม้จะยังมาไม่ถึง ข้าก็มีวิธีของตัวเองที่จะรับมือกับตาแก่นั่น” หลิงฮันยิ้มอย่างมั่นใจ จูเฮอซินเคยบอกเรื่องเกี่ยวตวนมู่ฉางเฟิงให้เขาฟัง ตาแก่นั่นถูกยกย่องว่าเป็นคนที่เชี่ยวชาญทั้งวิถีดาบและศาสตร์ปรุงยา ทักษะดาบที่มันฝึกฝนอยู่คือ ‘เพลงดาบสยบเมฆา’ ที่เป็นทักษะยุทธระดับดำขั้นต่ำ
อย่างไรก็ตาม ตาแก่นั่นสามารถเรียนรู้ได้แค่เพียงเจ็ดกระบวนท่าเท่านั้น โดยที่เพลงดาบสยบเมฆา
นั้นมีทั้งหมดเก้ากระบวนท่า!
สมุดทักษะที่ตาแก่นั่นมีอยู่คงจะได้มาจากโบราณสถานที่ล่มสลาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่สามารถเรียนรู้สองกระบวนท่าสุดท้ายได้
และบังเอิญว่าหลิงฮันนั้นครอบครองทักษะเพลงดาบสยบเมฆาที่สมบูรณ์เอาไว้ ดังนั้นไม่ว่าจะมองจากมุมไหน เขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบในการประจันหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลิงฮันมีอิทธิพลต่อหลิวอู๋ตงมาก นางจึงระงับความรู้สึกคาดหวังที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าไม่ได้
เนื่องจากหลิงฮันสูญเสียความกล้าหาญไป แขกคนอื่นๆจึงรู้สึกว่าจะเป็นความอัปยศอย่างมากหากจะต้องไปเป็นมิตรสหายกับเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครมาคุยกับเขาแม้แต่คนเดียว ในขณะเดียวกัน จิงหวู่เชียงหันหน้ามาแสดงท่าทางท้าทายใส่หลิงฮัน จากสีหน้าของมัน มันเองก็รู้สึกดูถูกหลิงฮันเช่นกัน
มันเคยคิดเอาไว้ว่าหลิงฮันเป็นคนดื้อรั้น และหากหลิงฮันต่อต้าน พี่ชายของมันจะต้องจัดการหลิงฮันจนบาดเจ็บหนักแน่นอน มันไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะเป็นคนประเภทรังแกคนอ่อนแอแต่กลัวคนที่แข็งแกร่ง
‘แต่เจ้าคิดรึว่าจะสามารถหนีไปได้ง่ายๆแบบนั้น?’
จิงหวู่เชียงดูถูกอยู่ในใจ เมื่องานเลี้ยงจบลงและพวกมันออกไปจากที่พักขององค์ชายสี่ จิงหวู่จื้อจะต้องลงมือและสั่งสอนหลิงฮันอย่างรุนแรงแน่นอน
...พวกมันจำเป็นต้องไว้หน้าองค์ชายสี่
การยอมเชื่อฟังแต่โดยดีของหลิงฮัน แม้แต่ฉีฮวงเย่เองก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น มันเริ่มรู้สึกดูถูกหลิงฮันขึ้นมา เพราะงั้นมันจึงไม่คิดจะเสียเวลากับหลิงฮันอีกต่อไป และเริ่มแผนการที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก นั่นคือการชักจูงให้แขกที่มาร่วมงานทุกคนยอมตกลงและสนับสนุนตัวมัน
“ท่านอาจารย์ เจ้าหมอนั่นไง!”
เสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดดังขึ้น กว๋อติงฉวนปรากฎตัวขึ้นที่ทางเข้าห้องโถงอีกครั้ง พร้อมกับชี้นิ้วมายังข้างในห้องโถง
ทุกคนต่างหันไปมองทิศทางนั้น แต่สิ่งที่ตาของพวกมันรู้สึกได้คือร่างที่พุ่งผ่านไปด้วยความเร็วจนพร่ามัว นั่นคือชายชราสวมชุดคลุมสีเทาที่สะพายดาบเอาไว้ที่หลัง ร่างของมันปรากฏขึ้นที่ข้างๆจิงหวู่จื้ออย่างรวดเร็ว และยื่นมือออกไปเพื่อคว้าคอของจิงหวู่จื้อพร้อมกับฟาดลงไป
“ปัง!”
พลังจากการฟาดครั้งนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก โต๊ะที่ถูกกระแทกใส่พังกระจายออกเป็นสองส่วน ตอนนี้อาหารและไวน์ต่างๆได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ใบหน้าของจิงหวู่จื้อจึงเต็มไปด้วยคราบเปรอะเปื้อน
นี่คือการเจ็บตัวโดยที่ตัวเองไม่ได้ก่อเรื่องอย่างแท้จริง
จิงหวู่จื้อจะไปเคยคิดได้อย่างไรว่าจะมีคนกล้ามาโจมตีมัน? ยิ่งกว่านั้นคนที่โจมตียังทรงพลังถึงขนาดที่มันก็ไม่สามารถป้องกันได้ มันจึงต้องเจ็บตัวไปแบบงงๆ
“ฮ่าๆๆๆ ก่อนหน้านี้เจ้าทำตัวอวดดีเอาไว้สินะ ทำไมไม่ลองทำอีกล่ะ?” กว๋อติงฉวนรีบวิ่งเข้ามา และถีบเข้าไปที่หลังของจิงหวู่จื้อหลายที ทั่วใบหน้าของมันบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ ราวกับว่ามันไม่ต้องการอะไรนอกจากลงมือสังหารคนตรงหน้า
จิงหวู่เชียงชะงักเพราะความตกใจ ก่อนที่จะตะโกนออกมา “ทำไมเจ้าถึงทุบตีพี่ข้า?” มันรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมอย่างมาก
นั่นเพราะที่ผ่านมา สองพี่น้องตระกูลจิงได้เป็นฝ่ายที่รังแกคนอื่นมาตลอด แต่วันนี้พี่ชายของมันกลับถูกทุบตีโดยคนสองคนที่พวกมันไม่เคยพบเห็นมาก่อน
กว๋อติงฉวนหันไปมองและรู้สึกไม่คุ้นหน้าจิงหวู่เชียงแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เป็นสาวงามผู้เย็นชาหรอกรึ? แต่ถึงจะอย่างนั้นมันก็ไม่เก็บมาใส่ใจแล้วเริ่มถีบจิงหวู่จื้อด้วยความโกรธต่อไป
ผู้คนโดยรอบได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กว๋อติงฉวนได้พาตวนมู่ฉางเฟิงที่เป็นอาจารย์ของมันมา แถมยังลงมือผิดเป้าหมายอีกด้วย!
จิงหวู่จื้อช่างน่าสงสาร มันถูกทุบตีอย่างเจ็บปวดโดยไร้เหตุผล ตอนนี้มันจะต้องรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากแน่นอน
ไม่แปลกเลยที่หลิงฮันได้มอบที่นั่งให้จิงหวู่จื้อเมื่อสักครู่ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดแผนที่จะวางกับดักเอาไว้แล้ว
ชายหนุ่มคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง!
เมื่อทุกคนมองไปยังจิงหวู่จื้อที่ยังคงถูกทุบตี และจิงหวู่เชียงที่ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว มีหลายคนที่ไม่สามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้ จากนั้นจึงได้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นตามมาเรื่อยๆ จนในที่สุดทุกคนคนต่างก็ต้องกุมท้องเอาไว้และหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย
กว๋อติงฉวนในที่สุดก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ มันพลิกใบหน้าของจิงหวู่จื้อขึ้นมา และเมื่อมันเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยที่เปรอะเปื้อนไปด้วยไวน์และคราบอาหาร มันชะงักอย่างช่วยไม่ได้และพูดออกไป “เจ้าเป็นใครกัน?”
“พรวด!”
จิงหวู่จื้อกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งว่าข้าเป็นใคร แล้วทำไมถึงมาทุบตีข้าอย่างป่าเถื่อนขนาดนั้น?
“ไม่ว่าพวกเจ้าเป็นใคร ข้าจะต้องทำให้พวกเจ้าชดใช้อย่างสาสม!” มันคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*