ตอนที่ 62 กลับไปด้วยความโกรธ
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 62 กลับไปด้วยความโกรธ
“ไสหัวไป!” ด้วยการสะบัดมืออย่างไม่แย่แส ร่างของกว๋อติงฉวนถูกหลิงฮันโยนกระเด็นออกไปชนกำแพงอย่างง่ายดาย
“บัดซบ!” กว๋อติงฉวนพยุงตัวขึ้นและตะโกนด้วยความโกรธ ตัวมันที่เป็นนักปรุงยาที่ได้รับความเคารพและนับถือจากทุกคน กลับต้องมาถูกกดลงบนโต๊ะ โดนไวน์กระเด็นเปื้อนหน้าเต็มไปหมด แถมยังถูกจับเหวี่ยงใส่กำแพงอีกด้วย
โชคดีที่อาหารในค่ำคืนนี้ยังไม่ถูกนำมาวาง ไม่เช่นนั้น ใบหน้าของมันคงจะเปรอะเปื้อนไปด้วยอาหารนับไม่ถ้วน
“เจ้าอยากจะลองอีกครั้ง?” หลิงฮันถามอย่างเย็นชา นี่ไม่ใช่นักปรุงยาคนแรกที่โดนเขาตุบที และไม่ใช่คนสุดท้ายแน่นอน
“เจ้าจะต้องตาย!” กว๋อติงฉวนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “ตุบๆๆ” มันพุ่งเข้าหาหลิงฮันอีกครั้งด้วยฝีเท้าที่หนักหน่วง ในฐานะนักปรุงยา มันไม่เคยได้รับความอับอายแบบนี้มาก่อน ถ้ามันไม่สามารถแก้แค้นหลิงฮัน มันคงจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปไม่ได้
หลิงฮันลงมือ กว๋อติงฉวนได้ถูกเขาจับคอเอาไว้และฟาดลงที่โต๊ะอีกครั้ง แต่ที่ต่างจากเดิมคือครั้งนี้หลิงฮันใส่แรงเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งทำให้โต๊ะหักออกเป็นสองส่วน
“อ้ากก!” ใบหน้าของกว๋อติงฉวนเต็มไปด้วยเส้นเลือดเพราะความโกรธ แววตาของมันราวกับจะปล่อยเพลิงแค้นออกมา
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้พุ่งเข้าใส่หลิงฮันอีกครั้ง เพราะมันรู้ตัวแล้วว่าความแตกต่างระหว่างหลิงฮันกับตัวมันมีมากมายขนาดไหน... บัดซบ จากกลิ่นอายที่สัมผัสได้ หลิงฮันน่าจะมีพลังบ่มเพาะระดับเดียวกันมัน ซึ่งอย่างมากทั้งคู่ก็อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นสี่ แต่ทำไมหลิงฮันถึงได้แข็งแกร่งนัก?
มันหันไปมองยังองค์ชายหนึ่งที่กำลังเผชิญหน้ากับหลิวอู๋ตงอยู่ จึงไม่สามารถมาช่วยมันได้ ดังนั้นมันจึงเค้นเสียงและตะโกนออกไป “ใครก็ตามที่ช่วยข้าทุบตีเจ้าหมอนี่ ข้าจะมอบเม็ดยากักเก็บปราณให้สิบเม็ด!”
“ว่าไงนะ เม็ดยากักเก็บปราณ!?”
“สำหรับคนที่มีพลังต่ำกว่ารวมธาตุขั้นเก้า สิ่งนี้นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างมาก มันสามารถช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการสร้างเมล็ดก่อเกิดได้มากขึ้นประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์!”
“การที่จะมอบมันให้คนอื่นทีเดียวสิบเม็ดเช่นนี้ ช่างมั่งคั่งจริงๆ!”
ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น แต่มีคนไม่มากนักที่สนใจข้อเสนอของกว๋อติงฉวน นั่นเพราะทุกคนที่นี่ต่างถูกชวนมาเพราะว่าเป็นอัจฉริยะไม่ใช่รึไง? สำหรับอัจฉริยะแล้ว หากต้องพึ่งพาเม็ดยาเพียงเพื่อสร้างเมล็ดก่อเกิดขึ้นมา พวกมันยังจะเรียกว่าอัจฉริยะอีกรึ?
เมื่อกว๋อติงฉวนเห็นแบบนี้ มันจึงกัดฟันและประกาศออกมา “เม็ดยาเพลิงปฐพี!”
“บัดซบ เม็ดยาเพลิงปฐพี!” ในครั้งนี้ ทุกคนต่างไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆกับที่ได้ แม้แต่ฉีฮวงเย่กับองค์ชายหนึ่งเองก็ดูเหมือนจะถูกล่อลวงโดยข้อเสนอใหม่นี้
เม็ดยาเพลิงปฐพีมีคุณสมบัติคล้ายกับเม็ดยาก่อเกิดธาตุ มันสามารถช่วยให้ทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้ง่ายขึ้น แต่ผลลัพธ์นั้นด้อยกว่าเม็ดยาก่อเกิดธาตุมาก อย่างมากที่สุดก็ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จได้ประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเม็ดยาที่หายากและลำค่าอย่างมาก
ต่อให้เป็นอัจฉริยะอย่างฉีฮวงเย่ก็ยังต้องติดอยู่ในรวมธาตุขั้นเก้าระดับสูงสุดมามากกว่าครึ่งปี โดยปกติถ้ามีใครสามารถทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้ภายในเวลาสามถึงห้าปี ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องที่คู่ควรให้ยกย่องแล้ว
ในขณะเดียวกัน องค์ชายหนึ่งนั้นได้บรรลุมาถึงรวมธาตุขั้นเก้าระดับสูงสุดตั้งแต่เจ็ดปีก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพลังบ่มเพาะของมันก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการจะทะลวงไปยังระดับก่อเกิดธาตุนั้นยากลำบากแค่ไหน
เม็ดยาเพลิงปฐพีสามารถช่วยย่นเวลาให้กับอัจฉริยะได้หลายปี ถึงแม้สมุนไพรที่ใช้จะไม่มีค่าเท่าเม็ดยาก่อเกิดธาตุ แต่มันก็ยังหายากและเป็นที่ต้องการของหลายๆคน เพียงแต่ด้วยสภาพการเงินของราชวงศ์ต้าหยวน พวกเขาสามารถสรรหามันมาได้เพียงไม่มากเท่านั้น
ด้วยคำพูดของกว๋อติงฉวน สายตาของทุกๆคนจึงจ้องมาที่หลิงฮันอย่างเอาเป็นเอาตายทันที
“ช่างอวดดียิ่งนัก เจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน?” ฉีฮวงเย่พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา กว๋อติงฉวนอยู่ฝ่ายเดียวกับองค์ชายหนึ่ง แน่นอนว่ามันจะไม่ช่วยเหลืองกว๋อติงฉวนเด็ดขาด ยิ่งกว่านั้น หลิงฮันยังมีความสัมพันธ์ที่ลึกลับกับหลิวอู๋ตง สถานะของเขาจึงชัดเจนอยู่แล้ว
มันจะช่วยหลิงฮัน!
ด้วยคำประกาศขององค์ชายสี่ ทุกคนจึงกลับมาสงบอีกครั้ง ที่นี่คือที่พักขององค์ชายสี่ และหากพวกมันกล้าที่จะลงมือ ก็ไม่ต่างอะไรกับการกบฏ
กว๋อติงฉวนหายใจอย่างรุนแรง และจ้องไปที่ฉีฮวงเย่อย่างกินเลือดกินเนื้อก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป
ไม่มีทางที่มันจะยอมทนกลืนความอัปยศนี้ลงไปได้ มันจะไปพาอาจารย์ของมันมา และจะไม่มีใครกล้าล่วงเกินนักปรุงยาอีก!
“น้องชายกว๋อ! น้องชายกว๋อ!” องค์ชายหนึ่งตะโกนเรียก พร้อมกับเดินตามกว๋อติงฉวนไป
ทั้งสองคนมาไวไปไว ความเงียบสงบได้กลับมาสู่ห้องโถงอีกครั้ง แขกบางคนรู้สึกเสียดายที่พลาดโอกาสที่จะได้รับเม็ดยาเพลิงปฐพี ในขณะที่บางคนรู้สึกสนใจว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
“เอาโต๊ะมาเปลี่ยน!” ฉีฮวงเย่ทำการเปลี่ยนบรรยากาศ ทำให้งานเลี้ยงเริ่มกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
ทุกคนต่างก็สนใจในตัวหลิงฮัน การจะจัดการกับกว๋อติงฉวนไม่ใช่เรื่องอยากเท่าไหร่ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของคนในที่แห่งนี้สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ไม่มีใครกล้าทำ... บางทีคงมีเพียงหลิงฮันเท่านั้นที่มีความกล้าขนาดนั้น
“น้องชายหลิง ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้ามาจากที่แห่งใด?” ในที่สุดก็มีคนเข้ามาถาม
“เมืองหมอกเมฆา” หลิงฮันไม่มีความคิดที่จะปกปิด เพราะอย่างไรการที่เขาจะเข้าร่วมการประลองต้าหยวน ก็ไม่สามารถปลอมแปลงตัวตนได้อยู่แล้ว
“เมืองหมอกเมฆา” ทุกอย่างรู้สึกประหลาดใจ ไม่ใช่ที่นั่นคือสถานที่เล็กๆที่อยู่ภายใต้อำนาจของเมืองต้าหยวนหรอกรึ? ถ้าเช่นนั้นแล้วหลิงฮันไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนกัน? ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่แสดงความกล้าออกมา สตรีข้างกายเขาเองก็เช่นกัน นางถึงขนาดลงมือปะทะกับองค์ชายหนึ่ง
ฉีฮวงเย่ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีก หลิงฮันมาจากเมืองหมอกเมฆา? แล้วเขามีความสัมพันธ์เช่นนี้กับหลิวอู๋ตงได้อย่างไร?
ถึงแม้ตัวมันจะมีสถานะสูงส่ง แต่เมื่อนำไปเทียบกับหลิวอู๋ตง ก็ยังความต่างระหว่างพวกมันอยู่ เพราะอย่างไรมันก็นับได้ว่าเป็นเพียงตระกูลสาขาของตระกูลจักรพรรดิ และจากที่ยุคสมัยผ่านไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์กับตระกูลจักรพรรดิจึงไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าไหร่
ถ้ามันไม่ขึ้นครองตำแหน่งราชา มันเองก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะแต่งงานกับหลิวอู๋ตง แต่หลิงฮันกลับสามารถทำให้หลิวอู๋ตงติดตามอย่างใกล้ชิด ชายหนุ่มจากเมืองหมอกเมฆาเล็กๆจะมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร?
เมื่ออาหารหลากหลายจานถูกนำมาวาง ทุกคนต่างก็รู้สึกหิวและเริ่มลงมือกิน จอมยุทธจำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล ดังนั้นจึงหิวง่ายกว่าคนธรรมดา
“ฮ่าๆๆๆ ขออภัยด้วยองค์ชายสี่ ข้ามาสายซะได้” เสียงหัวเราะดังขึ้น ชายรูปหนุ่มรูปร่างสูงได้เดินเข้ามา มันดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบปีและมีกลิ่นอายที่ทรงพลังอยู่รอบๆตัว
บุตรคนที่สามของตระกูลจิง จิงหวู่จื้อ
จิงหวู่เชียงเดินตามหลังพี่ชายมันมานอบน้อม ท่าทางของมันเหมือนกับหนูที่เห็นแมว ไม่มีความยิ่งหยองเหมือนก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
“น้องชายจิง ทำไมเจ้าถึงมาสายขนาดนี้?” ฉีฮวงเย่ยืนขึ้นและถามด้วยรอยยิ้ม
“ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการนิดหน่อย!” จิงหวู่จื้อพูดในขณะที่เดินตรงมาเรื่อยๆ
“ท่านพี่! ตรงนั้น! เจ้านั่นไง!” เมื่อทั้งสองเดินมาถึงที่นั่งแถวแรก จิงหวู่เชียงได้พูดขึ้นมาและชี้ไปทางหลิงฮันในทันที
ดวงตาของจิงหวู่จื้อกวาดผ่านที่นั่งแถวแรก และอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกใจ “หือ ศิษย์น้องหลิว เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” มันเองก็เป็นศิษย์ของสำนักฮูหยาง เป็นธรรมดาที่จะรู้จักเจ้าหญิงตระกูลหลิว
หลิวอู๋ตงพยักหน้าตอบอย่างสงบนิ่ง และเลิกสนใจจิงหวู่จื้อ
จิงหวู่จื้อรู้จักนิสัยของนาง มันจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แววตาของมันหันไปทางหลิงฮัน และประกายความเย็นชาได้ปรากฏขึ้นมา มันมาถึงช้าเพียงไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อมันมาถึงที่ประตูทางเข้า น้องชายของมันกลับต้องประสบกับความอับอายเช่นนั้น มันจึงได้สั่งให้คนไปสืบเรื่องของหลิงฮันทันที
การสืบประวัติไม่ใช่เรื่องยาก เพราะหลิงฮันได้ลงทะเบียนการประลองเรียบร้อยแล้ว จึงมีประชัติของเขาบันทึกเอาไว้อยู่
เพียงเด็กหนุ่มจากตระกูลเล็กๆในเมืองหมอกเมฆา แต่กล้าจะมาต่อต้านตระกูลจิง?
มันไม่คิดแน่นอนว่าหลิวอู๋ตงจะยอมลดตัวลงมาอยู่กับหลิงฮันจริงๆ หรือต่อให้นางทำแบบนั้น ตระกูลหลิวก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด เพราะนี่นับว่าเป็นการทำให้ตระกูลหลิวเสียเกียรติอย่างแท้จริง! เพราะงั้นมันถึงได้ไม่กลัวว่าหลิวอู๋ตงจะคุ้มครองหลิงฮัน และยิ่งกว่านั้น พลังของมันยังเหนือกว่าหลิวอู๋ตงอีกด้วย
“ออกไปจากที่นั่งของข้าซะ!” มันพูดอย่างเย็นชา
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*