ตอนที่แล้วตอนที่ 207 ไร้เงา (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 209 ทำลาย (FREE)

ตอนที่ 208 เผชิญหน้า (FREE)


การพุ่งไปที่ด้านหน้าแล้วจู่ๆก็หันหลังกลับมานั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก  อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของ หยิง ซาน นั้นช่างคล่องแคล่วพลิ้วไหวราวกับก้อนเมฆและสายน้ำ ราวกับว่าเขาวางแผนจะหันกลับมาจู่โจมเช่นนี้แต่แรก

ความมืดปกคลุมทั่วพื้นดิน กระบี่ในมือของ หยิง ซาน ก็หายไป

นั่นคือวิชาไร้เงา

อย่างไรก็ตาม ...

กระบี่ของ หยิง ซาน พุ่งตรงไปทาง ฟาง เจิ้งจือ เช่นเดียวกันกับ เหยียน ซิว และ ปิง หยาง ก็ยืนอยู่ทางนั้น

นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อ หยิง ซาน ตวัดกระบี่เพื่อจะโจมตี ฟาง เจิ้งจือ ก็หายตัวไป  หรืออาจจะพูดได้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้อยู่ด้านหลังของ หยิง ซาน มาตั้งแต่แรกแล้ว

ท่าทีที่มั่นใจของ หยิง ซาน นั้นกลายเป็นแข็งค้างทันที

เขาไม่เข้าใจ ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่ไหน? ทำไม ฟาง เจิ้งจือ จึงหายตัวไป?

"ท่านกำลังมองหาข้าอยู่รึ?" เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้นที่ด้านหลังของ หยิง ซาน

หยิง ซาน หันกลับมาแล้วรู้สึกตกใจอย่างมากที่เห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ ยืนอยู่ข้างๆก้อนหิน กับหอกฉีหลินในมือของเขา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ

แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ หยิง ซาน จะหันกลับไป

เขาตั้งใจจะตาม หยิง ซาน ไปด้านหลังเพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ หยิง ซาน ไปถึงก้อนหิน

เขาได้ติดตามมาอย่างใกล้ชิดอยู่ที่ด้านหลัง หรืออาจพูดได้ว่าเขารักษาระยะห่างกับ หยิง ซาน มาตลอด นี่ไม่ใช่เพราะเขาสามารถเดาได้ว่า หยิง ซาน จะทำอะไร

แต่มันเป็นนิสัย

สำหรับคนที่เชี่ยวชาญการซุ่มโจมตี เป็นเรื่องปกติที่เขาจะเลี่ยงความเป็นไปได้ในการถูกโจมตี

เรื่องนี้ก็คล้ายกับรื่องทั่วๆไปในสนาบรบ ตัดเสบียงของประชาชน  เพื่อปกป้องกองกำลังหลักในสนามรบ

ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนเช่นนั้น เขาเคยชินกับการโจมตีแบบกระทันหัน และการถูกโต้กลับ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมตามหลังศัตรูอย่างชิดใกล้ซะจนถูกต้อนจนมุมเสียเองอย่างเด็ดขาด

การโต้กลับของ หยิง ซาน งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ

อย่างไรก็ตามข้อผิดพลาดที่ใหญ่หลวงทีุ่ดของการโจมตีนี้ นั่นคือก่อนที่จะตวัดกระบี่ เขาไม่ได้หันไปมองให้มั่นใจเสียก่อน

มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ หยิง ซาน จะรู้ตำแหน่งของ ฟาง เจิ้งจือ ได้

ดังนั้นการโต้กลับของ หยิง ซาน...กลับไม่โดนอะไรสักอย่าง

ในทางกลับกัน ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ถูกโต้กลับแต่อย่างใด เขากลับไปอยู่ที่ด้านหน้าของ หยิง ซาน แทน ตอนทั้งสองอยู่ในจุดบอดของกันและกัน นี่ถือเป็นโอกาสทอง

ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ล่ะก็เขาจะสามารถสร้างความเสียหายต่อ หยิง ซาน ได้อย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางรู้เลยว่า หยิง ซาน จะหันไปรอบๆหรือไม่ ดังนั้นเขาต้องพึ่งความเร็วของเขาและพุ่งไปข้างหน้า

นี่เป็นเรื่องที่สับสนที่ทำให้หลายคนพูดไม่ออก

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้จิตใจของ หยิง ซาน ไม่สงบอีกครั้ง แผนการที่สมบูรณ์แบบนี้ถูกทำลายลง?

ทำไมเขาถึงไม่เข้ามา?

ข้อสงสัยมากมายเกิดขึ้นในหัวของ หยิง ซาน

คำถามก็เกิดขึ้นในหัวของเหล่าผู้ทดสอบเช่นกันพวกเขาไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าทำไม หยิง ซาน หันกลับมา

ตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถเข้าใจถึงเหตุผลนั้นได้

ฉากที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

เห็นได้ชัดเลยว่า หยิง ซาน ปล่อยจิตสังหารออกมา พลังของกระบี่เปรียบได้ดั่งภูเขาสูง

อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ตามหลัง หยิง ซาน มา

นั่นเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน

แล้ว หยิง ซาน พยายามโจมตีไปที่อะไรกัน? อากาศ? หรือเพื่อระบายความโกรธของเขา?

ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ อย่างไรก็ตามมีจุดหนึ่งที่พวกเขาเข้าใจได้เป็นอย่างดี

ฟาง เจิ้งจือ ได้ขวางกั้นเส้นทางระหว่าง หนานกง มู่ และ หยิง ซาน เอาไว้เป็นที่เรียบร้อย เหยียน ซิว และ ปิง หยาง เองก็ยืนอยู่ใกล้กัน

ยืนอยู่ที่ใต้หิน

กระบี่ของ หยิง ซาน เป็นสีดำหมึกอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม กระบี่สีดำเหมือนจะดูหนักๆ วิชากระบี่ไร้เงา ใช้ตอนที่ศัตรูเผลอนั้นจะได้ผลดีที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่เขาถูกส่งไปทำงานนี้

แต่ตอนนี้เพราะการติดตามของ ฟาง เจิ้งจือ ทำให้วิชาของเขามีพลังลดลงกว่า 7 ใน 10

"เจ้า... เจ้ารู้ได้ยังไงกัน?!" หยิง ซาน ต้องรู้ให้ได้ สิ่งนี้เป็นความภาคภูมิใจของตัวเขาเอง

ฟาง เจิ้งจือ รู้ดีว่า หยิง ซาน ถามถึงอะไร

คำตอบกับความจริงนั้น..?

นั่นเป็นเพราะว่าโชคของเขาดีนิดหน่อย ...

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้โง่ ถ้าเขาเอาชนะไม่ได้ด้วยความสามารถ เขาก็ต้องเอาชนะด้วยอารมณ์อย่างน้อยก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกถึงความกลัว

"เพราะการเคลื่อนไหวของเจ้า  หรืออาจพูดได้ว่าทุกๆคนก็มีจุดอ่อน และนั่นมันคือจุดอ่อนของเจ้า นี่คือนิสัย เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้  และนี่คือนิสัยที่ทำให้ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร " ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นขึงขัง เหมือนกับผู้เฒ่าที่เห็นความผิดพลาดของคนหนุ่มสาว

หยิง ซาน ขุ่นเคืองเล็กน้อย ทุกคนมีจุดอ่อน เขาไม่ใช่ข้อยกเว้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังพูดถึงจุดอ่อนเดียวกันกับที่เขาคิดหรือไม่

เขารู้สึกว่าเขากำลังจะเชื่อคำพูดที่ไร้สาระของ ฟาง เจิ้งจือ

อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว กับเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยการกระทำของเขา การกระทำของเขาแต่ละครั้งนั้นราวกับว่าเขาคาดการณ์เอาไว้หมด นั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายและน่ากลัวเอามากๆ

ความสามารถในการมองเห็นจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม ด้วยการมองเพียงแค่ครั้งเดียว?

ฟาง เจิ้งจือ มีความสามารถระดับนี้เลยหรือ?

"เขาเห็นการเคลื่อนไหวของ หยิง ซาน จริงๆเหรอ?"

"ไม่ ... ไม่มีทาง"

"ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ หยิง ซาน จะต้องการฆ่า ฟาง เจิ้งจือ จริงๆนี่? แต่ ฟาง เจิ้งจือ สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ทำให้เขาหลบมันได้หรือ? ไม่ต้องสงสัยเลย ... "

เมื่อผู้ทดสอบได้ยินการสนทนาระหว่าง หยิง ซาน กับ ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาก็เริ่มครุ่นคิด

"แกร้ง!" เสียงที่คมกริบทำให้ หยิง ซาน และเหล่าผู้ทดสอบหยุดคิด

โซ่ตรวนเส้นที่ 2 ถูกตัดขาดแล้ว ดาบสีทองร่ำร้องออกมา ราวกับว่าจะแตกออกจากหินได้ทุกเมื่อ

ในตอนนี้ความสำเร็จได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ที่ ฟาง เจิ้งจือ ออกมาจนกระทั่งตอนนี้ เขายังไม่ได้ต่อสู้กับ หยิง ซาน เลยสักครั้งได้แต่หลอกล่อกันไปมา อย่างไรก็ตาม เขาทำให้ หยิง ซาน ได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่หลัง และคอยถ่วงเวลาเอาไว้

ที่สำคัญที่สุดเลยคือ หยิง ซาน ยังไม่ได้แม้แต่ไปเหยียบบนก้อนหิน

ไม่มีคำอื่นที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้อีกนอกจากคำว่า ปาฏิหาริย์

เช่นเดียวกับที่ ฟาง เจิ้งจือ สามารถทำข้อสอบเสร็จทั้ง 6 ชุดได้ในเวลา 4 ชั่วโมง ในการทดสอบด้านปัญญา จนกลายเป็นผู้ชนะการทดสอบด้านปัญญาด้วยคะแนนเต็ม

ไม่มีใครคิดว่าจะมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น

แต่มันคือความจริง ความจริงที่ไม่สามารถเถียงได้

"แม้ว่าเจ้าจะมองเห็นถึงวิชาของข้า แล้วเจ้าจะหยุดข้าได้ไหม?" หยิง ซาน ไม่เร่งรีบไปที่ก้อนหินอีกแล้ว เพราะเขามองว่า ฟาง เจิ้งจือ คือศัตรูที่แท้จริง

อย่างน้อยก็เป็นศัตรูที่ทำให้เขาต้องเอาจริง

"มีคำสอนหนึ่งที่ข้าเคยได้ยิน เมื่อพบกับปัญหา จงเผชิญหน้ากับมัน!" ฟาง เจิ้งจือ ยืนถือหอกด้วยความภูมิใจ แต่ไม่แสดงออกมาทางสีหน้า

อย่างไรก็ตามออร่าเกิดขึ้นมาจากร่างของ ฟาง เจิ้งจือ

ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำ มันทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ค่อยดี

หยิง ซาน ก็เช่นกัน

เผชิญหน้า?

แล้วเจ้าทำอะไรได้? ลอบโจมตีข้าจากข้างหลัง ด้วยความเก่งกาจ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้าล่ะ?

ผู้ทดสอบรอบๆต่างก็มีความคิดนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขายืนอยู่ข้างเดียวกับ ฟาง เจิ้งจือ  ดังนั้นพวกเขาควรจะคุ้นเคยกับ ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้ แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

ทันใดนั้น เหยียน ซิว ได้กางพัดขึ้นมา เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ เขาเลือกที่จะยืนเคียงข้าง ฟาง เจิ้งจือ ในเมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เลือกที่จะต่อสู้

ปิง หยาง เองก็อยู่เคียงข้าง ฟาง เจิ้งจือ เช่นกัน ที่จริง ปิง หยาง ควรจะล่าถอยออกไป เพราะนางไม่มีกำลังมากพอ นอกจากนี้ นางได้มอบหอกฉีหลินให้กับ ฟาง เจิ้งจือ   แล้วนางจะสู้ หยิง ซาน ที่อยู่ในระดับอภินิหารได้ยังไง?

อย่างไรก็ตาม ปิง หยาง ไม่ได้เดินออกไป

นางยืนอยู่ข้างๆ ฟาง เจิ้งจือ และโบกมือไปมาเป็นสัญญานเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

"เจ้าไปพักข้างๆไม่ดีกว่างั้นหรือ?" คำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ ได้ทำลายความมั่นใจของ ปิง หยาง ลงจงหมด

ปากเล็กๆของ ปิง หยาง ยื่นออกมา ดูเหมือนนางจะโกรธมาก ในฐานะองค์หญิง นางมีความภูมิใจและเชื่อมั่นในตนเองมาก นอกจากนี้ นางยังมีอีก 1 เหตุผล นั้นเกี่ยวกับชาติกำเนิดของนาง

มันเป็นเรื่องที่คนในเมืองเหยียนรู้ดี

นางไม่เชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไม่รู้เรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟาง เจิ้งจือ ทำราวกับไม่รู้หรือไม่สนใจ

"ข้าแข็งแรงมาก!" ปิง หยาง ยืนยัน

"แข็งแรง? เจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ไหม? " ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ปิง หยาง ด้วยความดูถูก

"ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้!" สายตาของนางมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ อย่างจริงจัง ปากยกขึ้นเล็กน้อยด้วยความหยิ่งยโส

"เจ้าจะตายงั้นหรือ ... ถ้าไม่ได้อวด?" ฟาง เจิ้งจือ ชูนิ้วกลางใส่ ปิง หยาง ทันที

หน้าของ ปิง หยาง แดงทันที นางมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความเกลียดชัง และมองไปที่ หยิง ซาน ก่อนจะกัดฟันพูดออกมา

"เจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!"

"ข้าไม่เป็นไร!" ฟาง เจิ้งจือ ตอบคำพูดของ ปิง หยาง ตรงๆ

จากนั้นเขาก็มองไปทาง หยิง ซาน มีบางอย่างที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตลอดไป เมื่อเผชิญกับ หยิง ซาน เขาอาจจะถ่วงเวลาได้บ้างจากสมองของเขา อย่างไรก็ตามความแตกต่างเรื่องระดับพลังนั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถทำอันตรายอีกฝั่งได้แม้แต่น้อย

ระดับอภินิหาร...

มันเป็นระดับของพลังที่แท้จริง

ตาของ หยิง ซาน หรี่ลง เขาไม่ได้คาดหวังว่า ฟาง เจิ้งจือ จะมาต่อสู้ตรงๆกับเขา อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ถือหอกฉีหลิน และยืนตรงหน้าเขา เขาจึงมีทางเลือกเดียวคือต้องเชื่อ

"แสดงให้ข้าเห็นพลังที่แท้จริงของเจ้า!" ไม่มีแม้แต่แสงสะท้อนบนกระบี่ของ หยิง ซาน มันราวกับเงาที่อยู่ในความมืด แต่ปลายกระบี่นั้นชี้ไปที่ ฟาง เจิ้งจือ อย่างแน่นอน

และแน่นอน หอกฉีหลินของ ฟาง เจิ้งจือ ก็ต้องชี้ไปที่ หยิง ซาน หอกไฟลุกโชติช่วง ที่ปลายหอกมีแสงสีทองส่องออกมาเล็กน้อย มันคือเลือดที่แท้จริงของหอกแห่งเปลวเพลิง

เขารู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตามเขาก็พบปัญหา

ดูเหมือนข้าจะไม่รู้วิชาหอกเลย?

ข้าควรทำยังไงดี?

ดูเหมือนจะเป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้มีเวลามากที่จะมาคิดเรื่องนี้ เพราะกระบี่ของ หยิง ซาน นั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

ในความมืด กระบี่ของ หยิง ซาน พุ่งเข้าหาเขาทันที

พร้อมกัน หยิง เซียน ก็เคลื่อนไหว เขาพลิกพัดในมือทันที

"กลับโลกและสวรรค์!"

การที่เป็น 1 ใน 5 สมบัติของตระกูลเหยียน แน่นอนว่าพัดนี้ก็ไม่ธรรมดา ในระดับพลังผนวกดารา สามารถสร้างเขตแดนแม่น้ำและภูเขาออกมาได้ แต่ตอนนี้เหยียน ซิว อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์

พลังของเขตแดนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มันสามารถฉีเขตแดนแห่งความมืดที่ไม่มีสิ้นสุดได้ เทือกเขาใหญ่สูงตระหง่านไปถึงท้องฟ้า ราวกับภูเขาลูกเดียวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืด

แรงกดดันแห่งความเศร้ากดทับ หยิง ซาน ทันที

ร่างของ หยิง ซาน ชะลอลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เริ่มเร่งความเร็วอีกครั้ง อย่างไรก็ตามรอยเท้าที่ทิ่งอยู่บนโคลน เห็นได้ชัดว่าออกแรงมากกว่าแต่ก่อน

"ดวงอาทิตย์แห่งทิศตะวันออกจงลุกโชติช่วง!"

เหยียน ซิว พูดออกมาเบาๆ ทันใดนั้นดวงอาทิตย์สีแดงอันสดใสก็ปรากฎขึ้นก่อนที่คลื่นพลังสีแดงจะถูกฟันไปทาง หยิง ซาน

แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางปล่อยให้ เหยียน ซิว เผชิญหน้ากับ หยิง ซาน คนเดียว

เมื่อเขตแดนภูเขาและแม่น้ำปรากฎตัว ฟาง เจิ้งจือ ก็เคลื่อนไหวทันที แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นชินกับวิชาหอกก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

ใครบอกว่าหอกใช้เหมือนดาบไม่ได้กัน?

ตัวอย่างเช่น

"วิชาดาบภูเขาและน้ำตก!"

ในขณะที่ เหยียน ซิว ยืมพลังจากเทพอาซูร่าอยู่นั้น ฟาง เจิ้งจือ ก็พุ่งไปข้างหน้า ใช้ปลายหอกราวกับปลายดาบ

ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าพลังของหอกนั้นมากขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่า การใช้ดาบแทงและหอกแทงนั้นมีพลังที่แตกต่างกัน ซึ่งการใช้วิชาภูเขาและน้ำตกนะจะช่วยส่งเสริมการโจมตีด้วยดาบ

"ข้าจะแทงให้ตายเลย!" ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้กังวลว่าวิชาดาบจะใช้กับวิชาหอกไม่ได้ เขาสนใจอยู่เรื่องเดียวว่ามันจะฆ่าคนได้หรือไม่

หยิง ซาน สัมผัสได้ถึงแรงกดดันบนร่าง

ตอนที่เขาเหลือบไปมองยังเจตนาฆ่าจากดาบของ เหยียน ซิว ท่าทีของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ กระโจนขึ้นไปบนอากาศและนำปลายหอกพุ่งมาทางเขา มันทำให้เขาตกใจมากกับวิชาแปลกๆ

หอก

ราชาของอาวุธทั้งมวล

ในบรรดาอาวุธกว่า 18 ชนิด หอกนั้นยากที่จะใช้ อย่างไรก็ตามถ้าเชี่ยวชาญละก็ ราวกับได้ชีวิตมาอีก 1ชีวิต หอกนั้นราวกับมังกรในน้ำ

โดยปกติแล้วมีพื้นฐานการใช้หอกอยู่ 3 แบบ

แต่ไม่ว่า หยิง ซาน จะพยายามเค้นความรู้จากสมองมากเท่าไร เขาก็นึกไม่ออกว่ามีใครเอาหอกทิ่มลงมาจากฟ้าบ้าง

"เขาไม่รู้วิธีการใช้หอกงั้นหรือ?" ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในหัวของ หยิง ซาน ทันที อย่างไรก็ตามหลังจากที่ความคิดนี้โผล่ขึ้นมา อีกความคิดหนึ่งก็ตามมาทันที

"มันเป็นกลอุบาย!"

คนที่เป็นผู้ชนะการทดสอบทั้งมณฑลและเมืองหลวงจะใช้หอกไม่เป็นได้ยังไง? ความน่าจะเป็นนั้นต่ำมาก แม้ว่าเขาจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยก็ควรมีพื้นฐานมาบ้าง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ กำลังถือหอกราวกับถือไม่กางเขน

เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะใช้วิชาบางอย่าง

หยิง ซาน มองกลอุบายนี้ไม่ออก ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจ เขาโบกกระบี่ในมือเบาๆ กลายเป็นมีกระบี่อีกอันหนึ่งโผล่ขึ้นมา อันหนึ่งของจริง อีกอันคือถาพลวง ภาพลวงตาโจมตีก่อน จากนั้นของจริงค่อยโจมตีตาม มันเเกิดจากประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขา ใช้ภาพลวงเพื่อทดสอบพลังที่แท้จริง

อย่างไรก็ตามการแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน หมายความว่ากระบี่นั้นไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่

ผู้เข้าสอบรอบๆต่างสับสน

เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ กระโดดขึ้นไปบนอากาศ และแทงหอกลงมา หัวใจของพวกเขาเหมือนโดนน้ำแข็งเกาะทันที เพราะในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีใครใช้หอกฉีหลินแบบนี้มาก่อน

สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากยิ่งขึ้นคือเมื่อ ฟาง เจิ้งจือ พุ่งลงมา หยิง ซาน นั้นไม่ใช้โอกาสที่จะโจมตี แต่กลับถอยหลังมาและใช้กระบี่เพื่อทดสอบพลัง

หยิง ซาน นั้นไม่มีประสบการณ์ต่อสู้มากพอ? เขาไม่สามารถมองเห็นจุดอ่อนของ ฟาง เจิ้งจือ ได้?

มันเป็นสิ่งที่ดูเป็นไปไม่ค่อยได้

หรือความจริงคือ วิชาหอกที่ ฟาง เจิ้งจือ ใช้นั้นมีความลับบางอย่างที่ทุกคนยังไม่รู้? แต่จะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ในการทิ่มหอกลงมากัน....?

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด