ตอนที่ 59 เข้าร่วมงานเลี้ยง
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 59 เข้าร่วมงานเลี้ยง
เนื่องจากใช้เวลาในการลงทะเบียนไปนาน หลิงตงซิงกับหลิงฮันจึงกินข้าวเที่ยงก่อนที่จะกลับไปยังตำหนักโอสถสวรรค์ และหลังจากพักผ่อนไปสักพักก็เกือบถึงยามราตรีแล้ว
หลิงฮันกับหลิวอู๋ตงเตรียมตัวเล็กๆน้อยๆ และออกจากตำหนักโอสถสวรรค์เพื่อไปยังที่พักขององค์ชายสี่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้
ที่พักขององค์ชายสี่อยู่ห่างจากปราสาทของราชาต้าหยวนไม่ไกลมากนัก อย่างไรก็ตาม ในหมู่บุตรและธิดาของราชาต้าหยวน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษในการมีที่พักเป็นของตนเอง
นั่นคือองค์ชายหนึ่งและองค์ชายสี่
องค์ชายหนึ่งฉีฮวงเชิง ได้แสดงพรสวรรค์อันโดดเด่นมาตั้งแต่เกิด รวมถึงเรื่องที่มันเป็นบุตรคนโตจากภรรยาคนแรกของราชาต้าหยวน ทำให้โอกาสในการเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งราชาของมันมั่นคงอย่างมาก แต่ด้วยการที่จู่ๆองค์สี่ก็แสดงศักยภาพอันทรงพลังออกมา ทำให้ตอนนี้มันอยู่ภายใต้แรงคุกคามอย่างมาก ตำแหน่งทายาทที่มันรักษาเอาไว้เป็นเวลานานกำลังสั่นคลอน
การแข่งขันระหว่างองค์ชายทั้งสองรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และทำให้เกิดความลำบากต่อหลายๆขั้วอำนาจเนื่องจากพวกมันไม่รู้ว่าจะสนับสนุนองค์ชายคนไหนดี ถ้าองค์ชายที่พวกมันสนับสนุนได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็ดีไป เพราะสถานะของพวกมันก็จะสูงขึ้นเช่นกัน
แต่ถ้าองค์ชายที่พวกมันเลือกไม่ได้ขึ้นเป็นทายาทล่ะ?
เมื่อราชาคนใหม่ถูกแต่งตั้งขึ้น เขาจะสามารถขับไล่ใครก็ตามที่เขาไม่ชอบหน้าได้ และราชาคนใหม่จะต้องล้างแค้นพวกมันอย่างแน่นอน
หลิงฮันและหลิวอู๋ตงไม่ได้เดินทางโดยรถม้า แต่เดินไปยังที่พักขององค์ชายสี่แทน ที่ประตูของที่พัก มีองครักษ์มากมายยืนเฝ้าอยู่เพื่อคอยต้อนรับแขกที่มาร่วมงานเลี้ยง
“ขอประทานอภัย ได้โปรดแสดงบัตรเชิญของท่านทั้งสองด้วย” เมื่อองครักษ์เห็นทั้งสองคนกำลังเดินใกล้เข้าไป มันได้เดินมาเพื่อขวางทางพวกเขาไม่ให้ไปต่อ
“บัตรเชิญ?” หลิงฮันชะงักเล็กน้อย เขาไม่มีของแบบนั้นเนื่องจากฉีซางไต๋เป็นคนชวนเขาแบบปากเปล่า “ข้าคือหลิงฮัน ชื่อของข้าน่าจะอยู่ในรายชื่อของแขกที่จะมาแล้ว”
“ต้องขออภัยด้วย คนที่ไม่มีบัตรเชิฐไม่สามารถเข้าไปได้!” องครักษ์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
สาวน้อยฉีซางไต๋วางแผนเจ้าเล่ห์อะไรกับเขารึไงกัน? หลิงฮันคิดแบบนั้นอย่างช่วยไม่ได้
“ฮ่าๆๆ เจ้ากล้ามาที่นี่โดยไม่มีบัตรเชิญเนี่ยนะ!” คำพูดเหน็บแนมดังขึ้น และชายหนุ่มคนหนึ่งได้ลงมาจากรถม้า มันสวมชุดพิธีการที่หรูหรา ทำให้ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
มันคือจิงหวู่เชียงที่มีเรื่องขัดแย้งกับหลิงฮันเมื่อตอนกลางวัน
“เจ้าคนบ้านนอก นี่คือพี่พักขององค์ชายสี่ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะเข้าไปได้ตามใจชอบ!” จิงหวู่เชียงหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นได้หยิบบัตรเชิญสีทองออกมาจากเสื้อของมันพร้อมกับแกว่งไปมากอย่างภาคภูมิใจ “ดูให้เต็มตาซะ นี่คือบัตรเชิญเข้างาน! แต่ตัวตนกระจ้อยร่อยเช่นเจ้าทั้งชีวิตก็คงจะไม่มีทางได้รับเด็ดขาด!”
มันรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อตอนกลางวัน เป็นเพราะความรู้สึกกลัวที่มีต่อหัวหน้าพ่อบ้าน ทำให้มันทำได้เพียงวิ่งหนีหางจุดตูดออกไป แต่การที่มันได้พบกับหลิงฮันในตอนนี้ อาจจะเป็นลิขิตของสวรรค์ที่อยากจะให้มันได้แก้แค้นหลิงฮันแน่ๆ!
ฮ่าๆ ก่อนที่จะสังหารทิ้งก็ต้องทำให้ขายขี้หน้าเสียก่อน!
หลิงฮันส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เจ้าหมอนี่มีพลังเพียงหลอมกายาขั้นเก้า มันไปเอาความรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหนกัน? หากมันยังหาเรื่องให้ตระกูลตัวเองต่อไปเรื่อยๆ และวันหนึ่งไปเจอเข้ากับจอมยุทธที่ทรงพลัง นั่นจะเป็นการนำปัญหายุ่งยากไปสู่ตระกูลอย่างไม่ต้องสงสัย
“เจ้าจะยังยืนอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร? เจ้าคิดว่าถ้ายืนต่อไปเรื่อยๆจะมีคนสงสารและยอมให้เจ้าเข้าไปรึไง...” จิงหวู่เชียงพูดจาเยาะเย้ยดูถูกต่อไปไม่หยุด แต่เมื่อดวงตาของมันเลื่อนผ่านไปเห็นหลิวอู๋ตง มันก็ไม่อาจจะละสายตาออกไปจากเรือนร่างของนางได้เลย
เมื่อเพิ่งจะรู้ถึงการมีอยู่ของหลิวอู๋ตง และหลงเสน่ห์สาวงามผู้เย็นชานางนี้เข้าอย่างจัง มันรู้สึกได้ถึงหัวใจของมันที่กำลังเต้นแรงขึ้น รวมถึงเลือดของมันที่กำลังสูบฉีดอย่างเร่าร้อนในเส้นเลือด
“นี่เจ้า...”
“ตูม!”
เมื่อจิงหวู่เชียงกำลังจะเปิดปากพูด หลิงฮันได้ออกแรงชกเข้าที่ใบหน้าของมัน ทำให้ทั้งร่างของมันกระเด็นออกไป
...กับคนแบบนี้ไม่มีความจำเป็นต้องพูดดีด้วย ดังนั้นหลิงฮันจึงโจมตีออกไปเพื่อที่จะได้ไม่ต้องได้ยินเรื่องไร้สาระ
“เจ้าชกข้าอีกแล้ว?” จิงหวู่เชียงคลานลุกขึ้นมาจากพื้น มันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ภายในหนึ่งวัน มันถูกหลิงฮันชกถึงสองครั้ง! เมื่อใดกันที่นายน้อยหกของตระกูลจิงอย่างมันต้องถูกปฏิบัติด้วยแบบนี้
“ถ้าไม่อยากถูกชกเป็นครั้งที่สามก็ไสหัวไปซะ!” หลิงฮันสะบัดมือไล่
“เจ้ากล้าดีอย่างไร? คงเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วสินะ!” ดวงตาของจิงหวู่เชียงเกิดประกายไฟแห่งความโกรธ และหันไปพูดกับองครักษ์ที่อยู่รอบๆ “พวกเจ้าเห็นแล้วสินะ? เจ้าหมอนี่กล้าที่จะทำร้ายแขกรับเชิญขององค์ชายสี่ พวกเจ้าจะไม่ไปจับกุมตัวมันรึไง?”
มันไม่ใช่คนโง่และรู้วิธีที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในตอนนี้
“คุณชายหลิง โปรดให้ความร่วมมือด้วย!” หนึ่งในองครักษ์เดินออกมา “ท่านต้องมากับพวกเรา!”
ถึงแม้องครักษ์ทุกคนจะรู้ว่าองค์ชายหกของตระกูลจิงเป็นคนที่ไม่โดดเด่นและทำตัวสุรุ่ยสุร่าย รวมถึงในเมืองนี้มีคนที่เกลียดเขามีมากกว่าคนที่ชอบเขาเป็นร้อยเท่า แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็ยังเป็นที่พักขององค์ชายสี่ พวกมันคงจะยอมให้ใครมาทำตัวหยาบคายที่นี่ไม่ได้
จิงหวู่เชียงอดที่จะภูมิใจในตัวมันเองไม่ได้ มันรู้สึกว่าตัวเองฉลาดเป็นอย่างมาก ใครบอกกันว่ามันจะทำอะไรไม่ได้หากไม่พึ่งตระกูล?
“เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นที่นี่?” หญิงสาวที่สวมชุดทางการเดินออกมา นางกุมมือไว้ข้างหลังและแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์
หญิงสาวที่เดินออกมาคือฉีซางไต๋
“คารวะองค์หญิงเจ็ด!” องครักษ์ทุกนายก้มคำนับอย่างรีบร้อน
“เงยหน้าขึ้นได้!” หญิงสาวยกมือและกล่าวอย่างชำนาญ เมื่อนางมองไปยังหลิงฮัน นางจงใจแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา “หืม ทำไมเจ้ายังอยู่ข้างนอกกัน?”
หลิงฮันเข้าใจในทันที สตรีนางนี้จงใจไม่มอบบัตรเชิญให้กับเขาเพราะอย่างดูการแสดงสนุกๆ ดังนั้นเมื่อสักครู่นางจะต้องมารอเขาอยู่ตรงประตู และคอยแอบมองความบาดหมางระหว่างหลิงฮันกับจิงหวู่เชียง
นางสามารถเผยตัวออกมาเพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ แต่นางกลับเลือกที่จะเผยตัวออกมาตอนนี้ แสดงให้เห็นว่าสตรีนางนี้เป็นคนประเภทที่ปรารถนาอยากเห็นโลกนี้ตกอยู่ในความโกลาหล
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง องครักษ์ทุกคนต่างก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงฮันเป็นหนึ่งในแขกของงานเลี้ยงคืนนี้จริงๆ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่ว่าทำไมเขาไม่มีบัตรเชิญ และในเมื่อองค์หญิงเป็นคนพูดออกมาเอง พวกมันจึงไม่อาจคิดที่จะเข้าไปจับกุมหลิงฮันได้
“คุณชายหลิง โปรดอภัยให้กับความไร้มารยาทของพวกเราด้วย” องครักษ์ทุกคนพูดกับหลิงฮันอย่างพร้อมเพรียง
หลิงฮันมองไปที่ฉีซางไต๋อย่างดุร้าย แต่หญิงสาวกลับไปรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย นางแลบลิ้นใส่เขาและรีบวิ่งไปทางหลิวอู๋ตง “ว้าว พี่สาวนี่ช่างงดงามจริงๆ!”
ในขณะเดียวกัน จิงหวู่เชียงรู้สึกโกรธจนแทบจะบ้าตาย มันเหมือนกับว่าเป็นตัวมันเองที่แส่หาความอัปยศใส่ตัว! ตาของมันจ้องไปที่หลิงฮัน และคิดไปเองว่าหลิงฮันเกาะติดฉีซางไต๋เพราะต้องการอำนาจและอิทธิพลของนาง และเมื่อมันคิดถึงเรื่องที่หลิงฮันยังมีสาวงามอีกคนคอยอยู่ข้างกาย ทำให้มันรู้ในทันทีว่าหลิงฮันเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตกหญิง และชำนาญในการเกาะผู้หญิงกิน
เมื่อมันคิดแบบนี้ ทำให้มันดูถูกหลิงฮันยิ่งขึ้นไปอีก ความคิดมากมายไหลเข้ามาในหัวของมันว่าจะสังหารหลิงฮันเพื่อแก้แค้นอย่างไรดี
ขณะที่มันกำลังคิดแผนการชั่วร้ายอยู่ มันเห็นหลิงฮันเดินมาทางมัน ทำให้มันวางท่ายืดอกออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าอยากจะสงบศึกกับข้ารึ? มันสายไปแล้ว! ข้าจะต้อง...”
“เพี๊ยะ!”
มันถูกฝ่ามือตบใส่อย่างรุนแรง ทำให้ตัวมันตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
มันที่เป็นถึงนายน้อยหกแห่งตระกูลจิง กลับถูกตบในที่สาธารณะแบบนี้... ช่างเป็นความอัปยศและความอับอายอะไรขนาดนี้!
ผู้คนที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นฉีซางไต๋ องครักษ์ หรือแขกที่เพิ่งมาถึงล้วนแต่อ้าปากค้างกับภาพที่พวกมันเห็น
หากเกิดความบาดหมางระหว่างรุ่นเยาว์ เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลคงจะไม่เคลื่อนไหวอะไร เพราะถือว่านั่นเป็นเรื่องธรรมดา และถึงแม้ว่าจะทุบตีอีกฝ่ายจนบาดเจ็บ แต่ก็ห้ามเล็งไปที่ใบหน้าเด็ดขาด เพราะนั่นไม่ใช่เพียงการสร้างความอับอายให้จิงหวู่เชียง แต่เป็นตระกูลจิงที่อยู่เบื้องหลังมันด้วย!
ถ้าจิงหวู่เชียงไม่ได้ทำอะไรที่โง่เขลาลงไป ต่อให้เป็นองค์ชายหนึ่งหรือองค์ชายสี่ก็จะไม่ตบหน้าจิงหวู่เชียงอย่างวู่วามเด็ดขาด
ใครจะไปคิดกัน ว่าหลิงฮันจะกล้าทำแบบนั้น?
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*