ตอนที่ 207 ไร้เงา (FREE)
ฟาง เจิ้งจือ ร้องตะโกนออกมาเหมือนกับกลัวว่า หยิง ซาน จะยังไม่รู้
"อาวุธลับรึ?" หยิง ซาน ไม่รู้สึกว่าการซ่อนอาวุธที่จะใช้ไว้ด้านหลังนั้นเป็นเรื่องไร้ยางอาย เพราะตลอดเวลที่ผ่านมาเขาเองก็ทำแบบนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ชะลอการเคลื่อนไหวลง เพราะว่าเป้าหมายเขาคือ หนานกง มู่
ในทางตรงข้ามการกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้ มันสร้างความรำคาญที่ด้านหลังของเขาอย่างมาก
ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่มากมายของ หยิง ซาน เขาไม่คิดจะใส่ใจกับ ฟาง เจิ้งจือ ที่คอยก่อกวนอยู่ข้างหลัง
ฟาง เจิ้งจือ อยู่แค่ในระดับสะท้อนสวรรค์เท่านั้น แม้ว่าเขาจะมีอาวุธลับอีก 2-3 อย่าง แต่เขาจะทำอะไรได้?
ในทางกลับกัน หนานกง มู่ ได้ฟันดาบลงอีกครั้ง และดูเหมือนโซ่ใกล้จะขาดเต็มที
เวลาคือทุกสิ่งทุกอย่าง
ดังนั้น หยิง ซาน จึงพุ่งต่อไปข้างหน้า
ไม่รู้เลยว่า ฟาง เจิ้งจือ ซ่อนอาวุธอะไรเอาไว้ เขาจึงตวัดกระบี่ปล่อยบาเรียสีดำขวางกั้น ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้
แค่นั่นก็เพียงพอแล้ว
แต่ทว่า…
อาวุธลับของเขานั้นดูเหมือนจะทรงพลังกว่าที่เขาคาดคิด
"ตูมมม!" เสียงระเบิดดังขึ้น
เขตแดนแห่งความมืดบาเรียสีดำด้านหลังของ หยิง ซาน ถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย พลังของระเบิดภูเขาไฟพุ่งมาที่เขาอย่างรวดเร็ว และกระแทกที่แผ่นหลังของ หยิง ซาน อย่างจัง
หยิง ซาน ไม่ทันได้ระวังตัว และทรุดลงไปหน้าเกือบจะกระแทกพื้น
"พรวด!" เลือดพุ่งออกจากปากของ หยิง ซาน ขึ้นไปในอากาศ และมันกลายเป็นไอน้ำอย่างรวดเร็ว การเผาไหม้จากความร้อนสูงและความเจ็บปวดจากบาดแผลที่หลัง
แม้ไม่ได้มองก็ตาม เขาก็รู้ได้ว่า กระดูกหักและกล้ามเนื้อก็ฉีก
หยิง ซาน สั่นสะท้าน
เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าอะไรคืออาวุธลับ ทำไมมันทรงพลังได้ขนาดนี้?
เขาหันหลังกลับไปมอง และเห็นหอกสีแดงเข้มปักอยู่ที่พื้น แสงสว่างสีทองจางๆปล่อยออกมาจากปลายหอกลงไปที่พื้นดิน
ในทางตรงกันข้าม ฟาง เจิ้งจือ ก็พุ่งไปหาหอกนั้นราวกับสายฟ้าแลบและหยิบมันขึ้น
"ข้าเตือนแล้ว แต่ท่านกลับไม่สนใจ? ท่านคงจะผิดคาดไม่น้อยเลยทีเดียว ... " ฟาง เจิ้งจือ จับหอกฉีหลินไว้แล้วมองไปที่ หยิง ซาน ด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา
"หอกฉีหลิน?! เจ้า... เจ้าใช้หอกฉีหลินรึ ...มันคืออาวุธลับงั้นรึ? " แววตาของ หยิง ซาน เบิกกว้าง
เขาไม่คาดคิดเลยว่า ฟาง เจิ้งจือ จะกล้าใช้หอกฉีหลินปาใส่เขาจริงๆ
ในสถานการณ์เช่นนี้ การเข้าใกล้ หนานกง มู่ คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆแล้ว หรือก็คือเขาต้องคอยระวังหอกฉีหลินจากอีกด้าน
การขว้างหอกมานั้น ช่างเป็นการกระทำที่บ้าบิ่น
ไม่เพียแค่ หยิง ซาน เท่านั้น คนอื่นๆต่างก็เบิกตากว้างตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่มีใครคิดเลยว่า "อาวุธลับ" ของ ฟาง เจิ้งจือ จะเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างหอกฉีหลิน มันไม่เกินไปหน่อยงั้นรึ?
"เขาขว้างหอกฉีหลินงั้นรึ"
"ไม่อยากจะเชื่อ นั่นมันหอกฉีหลินนะ? เขาไม่เกรงกลัวเลยรึยังไง ... "
"นี่มันช่างบ้าบอสิ้นดี!"
ผู้ทดสอบต่างมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ อย่างมึนงง
ใบหน้าของ ปิง หยาง ขาวซีดด้วยความกลัว
นางยืนอยู่ที่ด้านหลังของ ฟาง เจิ้งจือ
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนออกไปว่า "ระวังอาวุธลับของข้า" เขาก็ยกหอกขึ้น มันปล่อยแสงสีทองออกมาจางๆ
ตอนนั้นเอง หัวใจของนางแทบหลุดออกจากอก
ที่สำคัญเลยคือ ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนว่า "ระวัง... อาวุธลับของข้า!"
ประเด็นคือคำว่า "ระวัง..."
ชายคนนี้กำลังพยายามทำอะไร? เจ้าไม่ให้ความสำคัญกับสมบัติของคนอื่นเลยหรือ? ปิง หยาง สลดใจกับการให้เขายืมหอกฉีหลิน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางพูดไม่ออกคือ อยากได้หอกนั้นคืนจาก ฟาง เจิ้งจือ เพราะสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำลงไปนั้นมันทำให้ หยิง ซาน ถึงกับกระอักเลือดได้?
นี่มันไม่น่าเชื่อเลย
เหยียน ซิว เองก็ได้เห็นการกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ว่าเขาจะไว้ใจ ฟาง เจิ้งจือ มากขนาดไหน เขาก็ยังตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม โชคยังดีที่ หยิง ซาน ไม่ได้หันมองไปรอบๆ
เขาสร้างบาเรียสีดำขึ้นมาป้องกันหอกฉีหลิน สมบัติที่เขาว่าน่ารังเกียจที่สุดใน 10 สมบัติของอาณาจักร
แต่หอกกลับทะลายเขตแดนของเขาไปได้
ไม่มีใครคาดคิว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ อย่างไรก็ตาม เพราะความจริง หยิง ซาน ไม่ได้ใช้พลังในการป้องกันอย่างเต็มที่
แค่กระบวนท่าเดียวมันพอที่จะทำให้ หยิง ซาน ได้รับบาดเจ็บเลยงั้นหรือ?
ในกลุ่มคนทั้งหมด แม้แต่วิชาลับฟ้าเขียวของ หนานกง มู่ ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย แต่กลับกัน ฟาง เจิ้งจือ เคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้ หยิง ซาน ถึงกับกระอักเลือด?
เห็นได้ชัดเลยว่าใครเหนือกว่า
"แกร้ง!"
ในขณะนี้เสียงอันคมชัดทำให้ผู้คนหยุดความคิด
ดาบของ หนานกง มู่ ฟัน 1 ใน 4 โซ่ที่ปิดผนึกดาบไว้ขาดแล้ว ซึ่งมันส่งผลให้แผลที่หน้าอกของเขาเปิดออกและเลือดไหลออกมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามทีเขาไม่คิดจะหยุด
เขายังคงตัดโซ่ที่เหลือต่อไป
หนานกง มู่ ไม่วอกแวกไปกับการต่อสู้ของ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่า ฟาง เจิ้งจือ จะสามารถหยุด หยิง ซาน เอาไว้ได้
บางทีอาจจะเป็นเพราะ ฟาง เจิ้งจือ ทำให้อารมณ์ของ หยิง ซาน แปรปรวนได้เพียงแค่ไม่กี่ประโยค
หรืออาจเป็นเพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
หลังจากที่คิดถี่ถ้วนดีแล้วเขาก็ตัดสินใจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ควรจะทำ ที่เหลือปล่อยให้ ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนจัดการ
หนานกง มู่ ก็แค่คาดหวัง
หลังจาก ฟาง เจิ้งจือ ระเบิดพลัง หยิง ซาน ก็ถูกหยุดเอาไว้ แววตาของเขาค่อยๆพร่ามัว เป็นครั้งที่ 2 ที่เขารู้สึกอับอาย และครั้งนี้มันเกิดขึ้นกับประสบการณ์ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขา
อาวุธลับ ...
จะมีใครในโลกนี้ใช้หอกฉีหลินเป็นอาวุธลับอีกบ้าง?
เขาอยากจะหันไปรอบๆ และจับ ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้เพื่อตะโกนถามว่า 'ทำไมเจ้าถึงขว้างหอกฉีหลินมากันหา?'
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำได้ เพราะเขาต้องหยุด หนานกง มู่
เมื่อดาบถูกดึงออกมา
โลกแห่งเซียนจะถูกควบคุมโดยโรงเรียนหลวงอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้น แผนการทั้งหมดของเขาจะต้องพังทลายลง ดังนั้นเขาไม่มีเวลามากนัก
ได้รับบาดเจ็บ?
มันเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม การอยู่ในระดับอภินิหารเขาจะต้องกลัวบาดแผลไปทำไมกัน?เลือดและผิวหนังด้านหลังที่ถูกแผดเผาเริ่มฟื้นตัวกลับมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ระดับอภินิหาร
แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะต้องใช้เวลารักษาอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่รอช้า เขากระทืบเท้าแล้วกระโจนเข้าไปหา หนานกง มู่ อีกครั้ง
"ระวังอาวุธลับของข้า!" เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ราวกับหญิงสาวดังขึ้นข้างหู หยิง ซาน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชะลอตัวลงเล็กน้อย
หยิง ซาน ได้รับบาดเจ็บแล้ว ถ้าเขาถูกหอกนั้นเข้าอีกครั้งล่ะก็ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงในการฟื้นตัว
1 ชั่วโมง...
หลายอย่างอาจจะเกิดขึ้นได้ในเวลานั้น เช่นดาบถูกดึงออก หรือเขาอาจจะถูกฆ่าโดยคนเหล่านี้
ระดับอภินิหารที่ทรงพลัง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นอมตะ
ในความเป็นจริง มนุษย์ทุกคนมีจุดอ่อนเหมือนกัน นั่นคือมิติพิเศษ
มิติพิเศษนั้นเป็นแหล่งพลัง หัวใจแห่งเต๋านั้นเติบโตจากหัวใจ การเข้าถึงเต๋าก็เกิดขึ้นผ่านหัวใจ ดังนั้นพลังของมิติพิเศษ นั้นขึ้นอยู่กับหัวใจของมนุษย์
ในทางกลับกันอำนาจของเผ่าพันธุ์ปีศาจขึ้นอยู่กับดวงตาปีศาจ พวกเขารับพลังและควบคุมผ่านดวงตานั้น ถ้าดวงตาปีศาจได้รับบาดเจ็บ นั่นหมายความว่าพลังทั้งหมดของพวกเขาจะหายไป
แน่นอนว่า หยิง ซาน ไม่มีทางยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่ๆ ดังนั้นในครั้งนี้เขาจึงไม่กล้าดูถูกคู่ต่อสู้ของตัวเอง
เขาหันหัวไป
อย่างไรก็ตาม ...
หอกที่เขาคาดว่าจะพุ่งมา กลับไม่มีอยู่
สิ่งที่เกิดขึ้นคือแสงสีเงินที่เต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้า มันเหมือนกับดวงดาวที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า เสียงของอากาศที่ถูกตัดขาดได้ยินบ้างเล็กน้อย
แน่นอนว่ามันคือวิชา "คมดาบดอกท้อเบ่งบาน" ซึ่ง ฟาง เจิ้งจือ มักใช้มันอยู่เป็นประจำ
ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้นของระดับสะท้อนสวรรค์ เข็มสีเงินปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ด้วยการโจมตีนี้ จะกำจัดใครสักคนที่อยู่ในระดับผนวกดาราไม่ใช่เรื่องยากเลย
หยิง ซาน มองไปยังฉากที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ คิดจะเล่นอะไรอีก และอะไรคือสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ เขวี้ยงมาทางเขา
แต่หลังจากบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากครั้งแรก เขาจะไม่ประมาทอีก
ร่างของ หยิง ซาน ปะทุพลังออกมา
เขตแดนสีดำราวกับน้ำหมึกปรากฎขึ้นอีกครั้ง เพื่อป้องกันการโจมตีจากเข็มเงิน
"แกร้ง, แกร้ง, แกร้ง ... "
เสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เข็มเหล่านั้นปะทะเข้ากับเขตแดน จากนั้นก็ตกลงสุ่พื้นทีละอันทีละอัน...
นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
"แค่นี้?" หยิง ซาน จ้องมองไปยังเข็มที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นด้วยความสับสน
ปิง หยาง เองก็สับสน
เมื่อนางเห็น ฟาง เจิ้งจือ ล้มเลิกที่จะใช้หอกฉีหลินเป็นครั้งที่ 2 และหยิบเข็มเปล่าขึ้นมาแทน นางเต็มไปด้วยความหวัง นางคาดหวังว่า ฟาง เจิ้งจือ จะสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง
แต่ตอนนี้…
ความคาดหวังของนางกลับพังทลาย
ผู้เข้าสอบคนอื่นๆก็จ้องมองด้วยตาที่เบิกกว้าง เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ทำให้ หยิง ซาน บาดเจ็บด้วยกระบวนท่าเดียว พวกเขานั้นต่างฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ ฟาง เจิ้งจือ แล้ว
ดั่งสุภาสิตของทหาร รุกไล่ศัตรูเมื่อได้เปรียบ เมื่อเห็นศัตรูเสียเปรียบจึงควรโจมตีซ้ำและควรที่จะรุนแรงกว่าเดิม
แล้วความหมายของเข็มเงินเหล่านั้นคืออะไรกัน มันราวกับหยาดฝนเล็กๆที่กระทบโดนร่ม
เขาไม่สามารถแสดงอะไรที่ดีกว่านี้ออกมาได้หรือ?
ในทางกลับกัน เหยียน ซิว ไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย
เขารู้ดีว่าเข็มเงินนั้นก็เป็นแค่ของธรรมดาๆ มันไม่ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ พัฒนาอะไร จะทำให้ หยิง ซาน ตกอยู่ในอันตรายได้ยังไง?
"เป็นยังไงละ คมดาบดอกท้อข้องข้า?" ฟาง เจิ้งจือ คว้าเข็มขึ้นมาอีก 1 กำมือ และเขวี้ยงใส่ หยิง ซาน
"..." หยิง ซาน ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาจริงๆ
ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ความสนใจใดๆกับ ฟาง เจิ้งจือ อีก และพุ่งไปที่ก้อนหินแทน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากความล่าช้าก่อนหน้านี้
ดาบของ หนานกง มู่ ฟันลงบนโซ่สีดำอีกครั้ง ดูเหมือนครั้งนี้การโจมตีจะรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ เขาสามารถตัดโซ่ไปได้เกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
"จะหนีไปไหน ระวังอาวุธลับของข้าให้ดี!" ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็น หยิง ซาน จากไป
คราวนี้ หยิง ซาน ไม่ได้หันหน้ามาในทันที ความเร็วของเขาราวกับสายฟ้า ร่างกลายเป็นเงาควัน ทันใดนั้นเขาก็ไปถึงข้างๆหิน
เขาเร็วเกินไป จนคนธรรมดาไม่สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีอาวุธลับใดที่จะเร็วไปกว่า หยิง ซาน
ทุกคนกลั้นหายใจ เพราะตราบที่ หยิง ซาน ได้ขึ้นไปบนก้อนหิน หนานกง มู่ จะไม่สามารถตัดโซ่ได้อีก จากนั้นเรื่องที่น่าสยดสยองคงเกิดขึ้น
การแสดงออกของ หนานกง มู่ ยังคงนิ่งสงบ ด้วยระดับความสามารถของเขาย่อมรู้ว่า หยิง ซาน ได้มาถึงใต้หินแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หลีกหนี ดาบในมือของเขาฟันลงด้วยความมุ่งมั่นและพลังอันเต็มเปี่ยม
ราวกับเขาไม่รับรู้สิ่งอื่นๆที่เกิดขึ้น
มือของ หยิง ซาน แตะลงไปที่พื้น หนานกง มู่ ต้องการจะหยุด หยิง ซาน อย่างไรก็ตามเขาได้เสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก
ช่วงเวลานี้ดูเหมือนจะเป็นจุดที่สำคัญที่สุด
ทุกคนสามารถคาดเดาเจตนารมณ์ของ หยิง ซาน ได้ ไม่ว่า ฟาง เจิ้งจือ พยายามที่จะก่อกวน หยิง ซาน มากเท่าไร ตราบใดที่เขาไม่กล้าสู้ตรงๆก็ไม่มีประโยชน์
ทุกคนสามารถคาดการณ์ได้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ หยิง ซาน คือ พุ่งขึ้นไปบนภูเขา
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น หยิง ซาน ก็หันหลังกลับมา
ชี้กระบี่ไปที่จุดจุดหนึ่ง
และฟันออกไปอย่างรุนแรง
ในฐานะรองหัวหน้าของดินแดนหยิง 1 ใน 10 ดินแดนปีศาจ เขามีความภูมิใจมาก ตลอดมาเขาได้รับการยกย่องในพรสวรรค์ที่โดดเด่นของเขา
แต่ครั้งนี้เขากลับถูก ฟาง เจิ้งจือ ก่อกวน อยู่หลายครั้ง
เขาสามารถพุ่งขึ้นไปบนหินได้ทันที อย่างไรก็ตามถ้าเขาทำเช่นนี้เขาจะไม่สามารถทนมีชีวิตอยู่ต่อได้ มันไม่เกี่ยวกับงานที่เขาได้รับมอบหมาย เขาต้องการที่จะเอาชนะด้านสติปัญญาเหนือทุกคน
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตาม
ถ้าเขาทำมันไม่สำเร็จ เขาคงไม่สามารถหาความสงบให้จิตใจได้ ซึ่งถ้าหากจิตใจเขาไม่สงบ จะเข้าถึงจุดสูงสุดของพลังได้ยังไง?
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะตอบโต้ด้วยการโจมตี
ใช้เล่ห์เหลี่ยม เอาชนะเล่ห์เหลี่ยมอีกทีหนึ่ง
เขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนทิศทางของกระบี่อย่างฉับพลัน ฟาง เจิ้งจือ ต้องไล่ตามเขามาแน่นอน และเขาจะสามารถจัดการแมลงวันที่น่ารำคาญได้ในกระบวนท่าเดียว
กระบี่ยังคงเป็นกระบี่เดิม เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเลือด
อย่างไรก็ตามภายใต้เงาแห่งความมืด กระบี่ที่สดใสกลายเป็นกระบี่ที่ดำสนิทราวกับตกถังหมึกมา ภายใต้เขตแดนแห่งความมืด แม้แต่แสงเล็กน้อยก็ไม่มีเล็ดรอดออกมา
นี่เป็นวิชาที่ทรงพลังที่สุดของ หยิง ซาน วิชาที่ทำให้ทั้งดินแดนปีศาจต้องสั่นสะเทือน
วิชาดาบเงา
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ไร้เงา
ภายใต้อิทธิพลของเขตแดนแห่งความมืด จะไม่มีใครจับทางและเห็นกระบี่ของเขาได้
เพราะด้วยวิชากระบี่นี้ เมื่อ หยิง ซาน ปรากฎตัวขึ้นมา เขาจึงได้รับฉายา นั่นคือ ดาบเงาผี
ต่อให้เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ แต่เขาก็สามารถฆ่าคนให้ตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
เพจหลัก : Double gate TH