ตอนที่3 พระเจ้ามันเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่3 พระเจ้ามันเกิดอะไรขึ้น!
วันที่ 26 เดือน 7 ปี ดราโกเนียที่ 1544
ประเทศ เวอร์มิลเลียนเอลล์ (vermillon aile)
(Tl. แปลว่า ประเทศ ปีกสีชาดน่ะครับ)
ในคฤหาสน์ของตระกูล อินากามิ (Inagami)
“อุแว้ อุแว้ อุแว้ อุแว้ อุแว้ อุแว้ อุแว้ อุแว้”
มีเสียงเด็กทารกแรกเกิดร้องออกมาจากห้อง ห้องหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็มีชายแต่งตัวเหมือนขุนนางอายุราวๆ20-30ปี รีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“ปั่ง” (เสียงเปิดประตู)
“หมอ ลูกของผมกับยูริเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทั้งลูกและแม่ปลอดภัยดี ยินดีด้วยน่ะคะที่ได้ลูกเป็นเพศชาย”
หลังจากที่หมอกล่าวจบ ชายคนนั้นก็โลงอกและเดินเข้าไปหาผู้หญิงที่อายุราวๆ รุ่นเดียวกันกับผู้ชายคนนั้น
“ซิกซ์ คุณดูนี้สิ ลูกของเรา เราควรจะตั้งชื่อเข้าว่าอะไรดี”
“อืม วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสงั้นตั้งชื่อว่า เซียล์ล่ะกัน (ciel)”
“งั้นต่อจากนี้ไปเจ้าชื่อว่าเซียล์ อินากามิ น่ะลูกรัก”
(Tl. Ciel แปลว่า ท้องฟ้า)
1 ปีต่อมา (วันที่ 26 เดือน 7 ปี ดราโกเนียที่ 1545)
คฤหาสน์ของตระกูล อินากามิ
คาร์ลเอลก็รู้สึกตัวขึ้น
“อืม เราพอจะจำได้ รู้สึกว่าเราจะชื่อว่าเซียล์สินะ”
หลักจากนั้นคาร์ลเอลก็มองไปรอบๆ “เหมือนเราจะอยู่ในเปลแฮะ”
หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงผมยาวสลวยสีชมพู พร้อมกับดวงตาสีม่วงอ่อนอันงดงาม
เดินมาที่เปลอุ้มเซียล์ขึ้นมา แล้วก็พูดว่า “เซียล์สุขสันต์วันเกิดครบ1ปีน่ะ วันนี้มีงานฉลองวันเกิด ของลูกด้วยน่ะเอาหละ ไปหา คุณพ่อ คุณปู่ คุณตา คุณย่า คุณยาย กันดีกว่าน่ะ”
“อืมงั้นนี้คงเป็นแม่ของเราสินะรู้สึกจะชื่อยูริมั้ง” คาร์ลเอลคิดในใจ
หลังจากนั้นเธอก็อุ้มเซียล์ ออกจากเปล และเดินไปตามโถงทางเดินของคฤหาสน์ จนมาถึงห้องกินข้าว และ เธอก็เปิดประตู
“ฮ่าๆๆ หลานเซียล์ สุขสันต์วันเกิดน่ะ มาให้ปู่อุ้มหน่อยซิ”
“คุณพ่อครับ อย่าส่งเสียงดังมาสิครับ เดี๋ยวเซียล์น้อยก็ร้องไห้หรอก”
“เจ้าซิกซ์ นิดๆหน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า หลานเซียล์ยังไม่ร้องซักแอะเลยเห็นมั้ย”
“นี้แซค(sack) พอแล้วมาให้คุณย่าอุ้มหลานบ้างสิ”
“มาเรียหยุดเลยน่ะ เอาเซียล์มาให้ยายอุ้มก่อนสินานๆจะได้มาเยี่ยมหลานซักที”
หลังจากนั้นแต่ละคนก็ผลัดกันอุ้มผมแล้วหลังจากงานเลี้ยงจบผมก็กลับไปห้องนอนของ คุณพ่อกับคุณแม่ แล้วก็นอนลงที่เปล เพราะว่ายังเป็นเด็ก1ขวบอยู่ก็เลยยังพูดไม่ได้อ่ะน่ะถึงจะลองพยายามดูแล้ว แล้วก็จากที่ฟังเหมือนกับว่าจะใช้ภาษาเดียวกันกับโลกก่อน ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเรียนภาษาใหม่
จากที่ฟังดูในงานเลี้ยงรู้สึก ว่าเราจะเกิดในตระกูลอินากามิ พ่อชื่อซิกซ์ แม่ชื่อยูริ ปู่ชื่อแซค ย่าชื่อ มาเรีย ก็ประมาณนี้มั้ง.............
แต่ที่ผมสงสัยอย่างหนึ่งคือ....
.
.
.
.
ทำไมผมถึงเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดา!!!!!
พระเจ้ามันเกิดอะไรขึ้นนนนนนนนนนน
หลังจากนั้นคาร์เอลก็นึงถึงยันต์ที่พระเจ้าให้ไว้ แต่มันอยู่ที่ไหนหว่า
จากนั้นคลาร์เอลจึงตั้งสติ และ ก็เห็นยันต์ที่พระเจ้าให้ไว้ภายในจิตใจจากนั้น
ก็มีเสียงเข้ามาภายในหัว
“สวัสดีคาร์ลเอล สบายดีไหมหรือจะให้เรียกว่าเซียล์ดี”
คาร์ลเอลได้คิดแล้วตอบไปว่า “ในเมื่อคาร์ลเอล ได้ตายไปแล้วงั้น เรียกผมว่าเซียล์ไปเลยก็ได้ครับเพื่อความเคยชิน” คาร์ลเอลตอบ
“ได้ งั้นเซียล์เจ้าติดต่อหาข้ามามีเรื่องอะไรรึ” พระเจ้าถาม
“ทำไมผมถึงเกิดเป็นมนุษย์หละครับ”
“อ๋อเพราะว่า ร่างครึ่งมังกรของเจ้านั้นข้าใส่เป็นจิตวิญญาณเหมือนๆกับธรรมชาติของโลกใบนี้ ซึ่งเมื่อเจ้าโตขึ้นเจ้าจะรู้วิธีใช้มันเอง แต่พรที่ข้อให้เจ้าไว้3ข้อยังคงทำงานอยู่แม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ ไปก่อนหละ บาย”
หลังจากนั้นเซียล์ก็สตั๊นไป 10 วินาที
“เฮออออ เราคงต้องรอจนกว่าจะโตสินะ เมื่อไหร่จะใช้ได้น้อ ร่างครึ่งมังกรของเรา”
.
.
.
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ10ปี (วันที่ 10 เดือน 9 ปี ดราโกเนียที่ 1555)
สวนหลังบ้านตระกูลอินากามิ เวลาประมาณเที่ยง
มี ผู้ชายผมสีแดงตาข้างซ้ายสีฟ้าตาข้างขวาสีม่วงอ่อนกำลัง นอนอยู่บนพื้นหญ้าและกำลังอ่านหนังสืออยู่
“เซียล์ได้เวลากินข้าวแล้วลูก”
“ครับแม่” เซียล์ตอบ
หลังจากนั้น เซียล์ก็เดินเข้าไปในห้องอาหาร และ รับประทานอาหารกับครอบครัว อาหารเป็น สเต็กปลาแซลมอนพร้อมกับสลัดผัก ซึ่งเป็นของโปรดของเซียล์
ขณะที่กำลังทานอาหารอยู่ ผู้ชายผมสีแดง ตาสีฟ้า อายุราวๆ30ปี ใช้แล้วเขาคือ ซิกซ์ อินากามิ พ่อของเซียล์ก็ได้พูดขึ้นว่า
“เซียล์ลูกอีก2ปีจะอายุครบ12ปีแล้วนะลูก ใกล้ถึงพิธีปลุกจิตวิญญาณแล้วเตรียมตัวให้พร้อมหละ”
“ครับพ่อ”เซียล์ตอบ
ระหว่าง10ปีที่ผ่านมานอกจากเวลาฝึกซ้อมการใช้อาวุธและการเรียนปกติ ในเวลาว่าง เซียล์ได้ ศึกษาเกี่ยวกับโลกใบนี้ตลอดเวลาจนได้ข้อสรุปว่า ในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า จิตวิญญาณอยู่ซึ่งในจิตวิญญาณนี้จะสามารถมีได้ในทุกสิ่งมีชีวิต ส่วนจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นจะตื่นขึ้นตอนราวๆ อายุ12ปี
ซึ่งจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของมัน และ ผู้ที่มีจิตวิญญาณสามารถที่จะบ่มเพาะสิ่งที่เรียกว่า พลังวิญญาณได้ โดยที่พลังวิญญาณจะสามารถบ่มเพาะได้ในระดับไหนและเร็วเท่าไหร่ก็ล้วนขึ้นอยู่กับ ระดับของจิตวิญญาณหรือถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือยิ่งระดับของจิตวิญญาณสูงเท่าไหร่ยิ่งมีขีดจำกัดและการพัฒนาที่สูงขึ้น
โดยที่ จิตวิญญาณนั้นจะมีอยู่หลายประเภท แต่แบ่งได้เป็นหลักๆคือ
ธาตุ กายภาพ สนับสนุน รักษา เอนชานท์ และยังมีจิตวิญญาณพิเศษที่จะคุณสมบัติพร้อมกันหลายๆประเภทอีกด้วย
ส่วน ระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณคือ
เลว ทั่วไป หายาก โบราณ ราชัน จักรพรรดิ ศักดิ์สิทธิ กึ่งเทพ และ เทพ
ส่วนระดับของพลังวิญญาณคือ
รวบรวมวิญญาณ ก่อตั้งวิญญาณ วิญญาณปฐพี วิญญาณฟ้า
จอมพลวิญญาณ ราชันวิญญาณ จักรพรรดิวิญญาณ วิญญาณศักดิ์สิทธิ วิญญาณภูต และ วิญญาณเทพ
โดยแต่ละขั้นจะมี 6 ขั้นย่อย
แล้วก็โลกใบนี้ก็มีระบบยศขุนนางเหมือนกันได้แก่
บารอน ไวส์เคานท์ เอิร์ล มาร์ควิส และ ดยุค
โดยที่ทั้งตำแหน่งและอำนาจก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ ฉะนั้นทางราชวงศ์และพวกขุนนางจึงจัดพิธีปลุกจิตวิญญาณขึ้นเพื่อดูศักยภาพของเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลต่างๆ ในอนาคต รวมทั้ง แนวโน้มทางด้านพลังอำนาจของตระกูลนั้นๆด้วย
สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถถ่ายทอดกันได้ด้วยสายเลือด บางที ทั้งพ่อและแม่ ต่างมีจิตวิญญาณระดับโบราณ อาจมีลูกที่มีจิตวิญญาณระดับเลวก็ได้ หรือ พ่อแม่มีจิตวิญญาณระดับเลวทั้งคู่แต่มีลูกที่มีจิตวิญญาณระดับหายากก็มี
โดยยุคที่เป็นระบบปลาใหญ่กินปลาเล็กแบบนี้ ทุกตระกูลจึงคาดหวังกับรุ่นเยาว์ของพวกเขามาก และ แน่นอนว่าหลายๆตระกูลก็เลือกวิธีการปั้มลูก
(Tl. Nani?) ออกมาเยอะๆเพื่อหารุ่นเยาว์ที่มีจิตวิญญาณระดับสูง เพื่อสืบทอดผู้นำตระกูลต่อไป
และแน่นอนว่าถึงพ่อกับแม่จะไม่ได้บอกผมตรงๆ เพราะกลัวว่าจะกดดันผม แต่ก็คาดหวังในตัวผมมาก เพราะผมเป็นลูกคนเดียว เพราะแม่ของผม
มีบุตรยากส่วนพ่อก็รักแม่มาก เลยไม่ยอมมีอนุภรรยา(เมียน้อย)เพิ่ม
ไม่เหมือนกันขุนนางหลายๆตระกูลที่มี ภรรยากันหลายๆคน เอาจริงๆผมรู้สึกภูมิใจมาก ที่มีพ่อแบบนี้
หลังจากทานอาหารกลางวันกับครอบครัวเสร็จ เซียล์ก็ได้อ่านหนังสือในห้องสมุดยันค่ำ
“เฮ้ออออ หมดไปอีกวัน ไปนอนดีกว่า”
แต่ในระหว่างที่กลับเซียล์ก็ได้เจอหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งตกลงมาจากชั้นหนังสือ
“เอ๊ะ หนังสืออะไรอ่ะ” แล้วเซียล์ก็ได้เก็บหนังสือขึ้นมาดู และปกหนังสือก็
เขียนทั่วๆไปแต่มีกลิ่นอายแปลกๆออกมา โดยมีหัวเรื่องว่า
“ประเภทจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ต่างๆ”