ตอนที่แล้วตอนที่ 205 ตัวแปร (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 207 ไร้เงา (FREE)

ตอนที่ 206 อับอาย (FREE)


สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ มีมากที่สุดคือความอดทน

โลกแห่งเซียนได้สูญเสียการควบคุม ทุกคนนั้นรู้ดี  ผู้คนเองที่อยู่ในโรงเรียนหลวงเองก็เช่นกันย่อมรู้ดี

ดังนั้น ยิ่ง ฟาง เจิ้งจือ ถ่วงเวลาได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งมีประโยชน์มากเท่านั้น

"ท่านจะรู้สึกยังไง ถ้าข้าใช้หอกฉีหลินนี่เป็นข้อแลกเปลี่ยน?" รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏที่ขอบปากของ ฟาง เจิ้งจือ  เขาโบกหอกฉีหลินในมือไปมา พร้อมกับแสดงใบหน้าอันจริงใจ

"ใช้ หอกฉีหลินเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้างั้นหรือ?" หยิง ซาน ผงะไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตกใจอย่างรุนแรง

เขาไม่เคยรู้จัก ฟาง เจิ้งจือ มาก่อน ในความเป็นจริงนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน อย่างไรก็ตามเขาไม่เชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ นั้นโง่

คนที่เป็นผู้ชนะการทดสอบด้านปัญญาจะโง่งมได้ยังไงกัน?

แน่นอนว่า ไม่!

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าอยู่ดีๆ ฟาง เจิ้งจือ จะโง่ขึ้นมา

ความตั้งใจของ ฟาง เจิ้งจือ คืออะไรกันแน่?

หยิง ซาน ไม่เข้าใจ

ผู้ทดสอบคนอื่นๆก็ไม่สามารถเข้าใจได้ เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาต่างตกตะลึง เบื้องหลังความสับสนวุ่นวาย พวกเขากลับรู้สึกกังวลและหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

พวกเขากังวลว่า ฟาง เจิ้งจือ จะมอบหอกให้ หยิง ซาน

สำหรับทุกคนนั้น ฟาง เจิ้งจือ นั้นจะตัดสินด้วยความคิดธรรมดาไม่ได้

ถ้าหอกฉีหลินถูกส่งให้ หยิง ซาน จริงๆละก็ โอกาสสุดท้ายของพวกเขาก็จะหายไปจริงๆ

ความตกใจบนใบหน้า ปิง หยาง ไม่สามารถปกปิดได้

ถ้ามีคนหนึ่งที่เงียบสงบกว่าปกติ ก็คือ เหยียน ซิว

เหยียน ซิว ไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องการทำอะไร อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพูดจริงหรือไม่ แต่เขาเชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ มีเหตุผล

"ฟาง เจิ้งจือ หอกนั่นเป็นของข้า!" ปิง หยาง คิดว่าควรจะเตือน ฟาง เจิ้งจือ ถึงเรื่องนี้สักหน่อย

"แต่ตอนนี้มันอยู่ในมือข้า?" ฟาง เจิ้งจือ เตือน ปิง หยาง กลับ พร้อมชูหอกในมือขึ้น

"ถ้า ... เจ้าทำให้หอกฉีหลิน ตกอยู่ในมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจละก็ ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าเด็ดขาด" เห็นได้ชัดว่า หยาง ปิง ไม่ได้คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพูดเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ ออกมา

"ระหว่างชีวิตของเจ้ากับหอก เจ้าจะเลือกอะไร?"

"ข้าต้องการทั้ง 2!"

"เจ้าไร้เดียงสาเกินไปไหม เจ้าต้องเสียสละสิ่งหนึ่ง เพื่อให้ได้อีกสิ่งหนึ่งมา ข้าเลือกชีวิต ดังนั้นข้าจะยอมเสียหอกฉีหลินไป " ฟาง เจิ้งจือ พูดอย่างอดทน

"ฮึ่ม!" นางไม่สามารถเอาชนะได้ ปิง หยาง จึงไม่สนใจที่จะโต้เถียงอีกต่อไป

เมื่อ หยิง ซาน ได้ยินการสนทนาระหว่าง ปิง หยาง และ ฟาง เจิ้งจือ ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ แต่มันก็ยังพอมีความเป็นไปได้ ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ยอมทิ้งหอกฉีหลินจริงๆละก็ ปัญหาของเขาก็จะลดลงเป็นอย่างมาก

"เจ้าเต็มใจยกหอกนั่นให้ข้าจริงๆงั้นหรือ?" หยิง ซาน คิดสักครู่ ก่อนจะตัดสินใจอดทนต่ออีกเล็กน้อย

"แน่นอน" ฟาง เจิ้งจือ พูดอย่างมั่นใจ

"เอาล่ะตราบใดที่เจ้ามอบหอกนั่นให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!" รอยยิ้มอันลึกลับปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของ หยิง ซาน

"ให้สาบานสิ"

"คำสาบาน? แน่นอน! ข้า, หยิง ซาน, สาบานกับพระเจ้าปีศาจว่าตราบเท่าที่ ฟาง เจิ้งจือ มอบหอกฉีหลินให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตของ ฟาง เจิ้งจือ " หยิง ซาน ลังเล อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสาบานออกมา

อย่างไรก็ตามเขาเพียงสาบานแค่ว่าจะไม่ฆ่า ฟาง เจิ้งจือ  เขาไม่ได้สัญญาว่าจะไม่ทำร้าย ฟาง เจิ้งจือ  ตัวอย่างเช่น ถ้าเขาทำให้ ฟาง เจิ้งจือ พิการไปตลอดชีวิต?

"คำสาบานนี้ก็ดูไม่แย่ แต่สิ่งที่ข้าต้องการคือไม่ได้ให้ไว้ชีวิตข้า... ข้าคิดว่าการสาบานนี้ไร้ประโยชน์ " ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า อย่างจริงจัง

"เจ้า ... " หยิง ซาน หน้าเสียทันที รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง เขารู้สึกราวกับถูกหลอก

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นถึงรองหัวหน้า 1 ใน 10 ดินแดนปีศาจ แต่ถูกเด็กหลอกต่อหน้าคนอื่นๆ?

เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เรื่องที่เจ้าคุยกับ ปิง หยาง ก่อนหน้านี้คืออะไร? ทำไมยังขอให้ข้าสาบานอีก?

นี่คือความอับอาย, ความอัปยศที่แท้จริง!

ผู้เข้าสอบคนอื่นๆมองกันไปมา ไม่รู้จะหัวเราะ หรือร้องไห้ออกมาดี

บอกว่า ฟาง เจิ้งจือ โง่?

แต่ดูเหมือน เหยียน ซิว จะหลวงกล และถูก ฟาง เจิ้งจือ ปั่นหัว

จะบอกว่า ฟาง เจิ้งจือ ฉลาด?

คนฉลาดแบบไหนที่จะนำ หอกฉีหลิน ที่เป็นสิ่งช่วยปกป้องชีวิตของตัวเองเพียงชิ้นเดียวไปแลกเปลี่ยน?

ปิง หยาง มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ  นางอยากจะตะโกนออกมาว่า เยี่ยม! อย่างไรก็ตาม นางกลับกลืนคำพูดนั้นกลับไป เพราะ ฟาง เจิ้งจือ กำลังใช้หอกฉีหลินของนางในการเดิมพัน

" หึ ข้าพึ่งรู้ว่าเจ้าพูดจาได้ฉะฉานขนาดนี้!" ปิง หยาง พึมพัมเบาๆ

กลับกัน เหยียน ซิว ยังคงนิ่งเฉย เหมือนว่าเขาเดาทุกอย่างไว้อยู่แล้ว

คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ หนานกง มู่ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสถานะทางอารมณ์ของ หยิง ซาน นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก

แรงกดดันจากเขตแดนของ หยิง ซาน ลดลงเล็กน้อย

ภายในระยะเวลาไม่กี่ประโยค ฟาง เจิ้งจือ สามารถทำให้ หยิง ซาน เกือบสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเขาได้ถึงสองครั้ง ทำให้ หนานกง มู่ นั้นมีเวลามากยิ่งขึ้น ฟาง เจิ้งจือ ทำมันได้ยังไง? หนานกง มู่ ไม่เข้าใจจริงๆ

หน้าของ ซิง ฉิงซุย นั้นซีดเซียว แต่เขายังคงลืมตาอยู่ เขารู้สึกโกรธตัวเองมากที่นำ หยิง ซาน เข้ามาในโลกใบนี้ ยิ่งกว่านั้นเขาก็เกลียดตัวเองเพราะไม่ได้เฝ้าระวัง หยิง ซาน เลยแม้แต่น้อย

ไม่อย่างนั้นการโจมตีของ หยิง ซาน คงไม่ประสบความสำเร็จ?

ตอนนี้สิ่งที่เขาปรารถนาคือใช้ชีวิตเพื่อแลกกับความผิดพลาดทั้งหมดที่เขาทำ อย่างไรก็ตามเขาได้สูญเสียคุณสมบัติของเขาไปแล้ว คนเดียวที่มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนี้คือ ฟาง เจิ้งจือ

"เจ้าต้องการอะไร? ข้าจะให้โอกาสเจ้าแค่อีกครั้งเท่านั้น! " หยิง ซาน ไม่มีทางพูดคุยกับ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความสุขได้อีกต่อไป เพราะเขารู้สึกว่าเขาคงตายด้วยความโกรธแน่นอน ถ้ายังพูดคุยกับ ฟาง เจิ้งจือ ต่อไป

"ข้อเสนอของข้าง่ายมาก ข้าต้องการใช้หอกฉีหลิน เพื่อแลกกับจุดอ่อนของเจ้า! " ฟาง เจิ้งจือ เองก็สัมผัสถึงความโกรธของ หยิง ซาน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะล้อเล่นอีก มันเป็นเรื่องดีที่จะลองเล่นกับไฟ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้มันไหม้ตัวเองไปด้วย

"จุดอ่อน?" หยิง ซาน ตกใจมาก เขาไม่ได้คาดหวังจริงๆว่า ฟาง เจิ้งจือ จะถามเรื่องนี้

ผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิด

การแลกเปลี่ยนนี้ไม่มีทางสำเร็จ หยิง ซาน จะโง่พอบอกจุดอ่อนของตัวเองให้ ฟาง เจิ้งจือ ? เป็นไปไม่ได้  ความตั้งใจจริงๆของ ฟาง เจิ้งจือ คืออะไร?

"หอกฉีหลินคือสิ่งที่เอาไว้ปกป้องชีวิตข้องข้า จุดอ่อนคือสิ่งที่ท่านใช้ปกป้องชีวิตตัวเอง  มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรม ไม่คิดอย่างนั้นหรือ? " ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ หยิน ซาน อย่างใจเย็น

"ฮ่าๆ สิ่งที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล" เมื่อ หยิง ซาน ได้ยินเช่นนี้เขาก็หัวเราะออกมา "แล้วเจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าจุดอ่อนที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง?"

"แค่สาบานกับเทพปีศาจ หรือจะลองให้ข้าแทงจุดอ่อนท่านดูสักครั้งหนึ่ง? "ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ หยิง ซาน

เจตนาจริงๆของเขา แน่นอนว่าไม่ใช่การแลกเปลี่ยน

แม้กระทั่งคนในโลกก่อนหน้าของเขา ก็ไม่โง่พอที่จะแลกเปลี่ยนกับคนแปลกหน้า ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันยิ่งเป็นไปไม่ได้ เหตุผลที่เขาต้องการแลกเปลี่ยนกับจุดอ่อนของ หยิง ซาน เป็นเพราะจุดอ่อนนั้นคลุมเครือเกินไปและยากที่จะแลกเปลี่ยน

แน่นอนว่า ถ้า หยิง ซาน พูดออกมาจริงๆเขาก็ไม่คิดมาก ก็แค่ฟังๆไป

อย่างไรก็ตาม เขาจะโง่อย่างนั้นหรือไง? ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้หวังแบบนั้น  เป้าหมายของเขาคือการถ่วงเวลา สิ่งที่เข้าทำก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

การแลกเปลี่ยนที่คลุมเครือและซับซ้อนมากเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการถ่วงเวลา

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ...

ฟาง เจิ้งจือ กำลังทดสอบ

ว่า หยิง ซาน กลัวหอกฉีหลินหรือไม่

จากการสนทนาของพวกเขา ฟาง เจิ้งจือ สามารถยืนยันได้ว่า หยิง ซาน นั้นรู้ดีถึงพลังของหอกฉีหลิน ดังนั้นถ้า หยิง ซาน บอกจุดอ่อนออกมาจริงๆและตกลงที่จะแลกเปลี่ยน นี้ก็หมายความว่าเขากลัวหอกฉีหลิน ดังนั้นถ้า ฟาง เจิ้งจือ พยายามฝืนสู้ เขาก็มีโอกาสชนะครึ่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามหาก หยิง ซาน เลือกไม่บอกออกมา

นั่นหมายความว่า หอกฉีหลิน ทำได้เพียงแค่ให้ หยิง ซาน บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นกรณีนี้โอกาสของเขานั้นมีไม่ถึง 1 ใน 10

"ฮ่าฮ่า ... จริงๆแล้วเจ้าต้องการเพียงจะเอาหอกฉีหลินแลกกับจุดอ่อนของข้า? แต่น่าเสียดายที่ข้าจะต้องทำให้เจ้าผิดหวัง " หยิง ซาน ไม่สนใจจะพูดคุยกับ ฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไป โบกกระบี่ในมือ และเดินไปข้างหน้า

เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เห็นอย่างนี้ก็เข้าใจ หอกฉีหลินคงไม่ได้มีผลกับ หยิง ซาน มาก

อย่างไรก็ตามเขาก็พยายามที่จะถ่วงเวลาต่ออีกเล็กน้อย เขาจึงพูดออกมาอีก

"ใจเย็นๆ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เราเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้... "

"หยุดพูดไร้สาระ เตรียมตัวตาย!"

คราวนี้ หยิง ซาน รู้สึกโกรธมาก

ถึงแม้ว่า หอกฉีหลินจะเป็นภัยคุกคามต่อเขา เขาก็พร้อมที่จะสู้จนตัวตาย เขาไม่ได้คิดจะเดินออกจากเมืองเหยียน แบบมีชีวิตอยู่แม้แต่น้อย ดังนั้นตราบเท่าที่ภัยคุกคามนี้ไม่ทำให้เขาตาย เขาก็ไม่ถือว่ามันเป็นภับคุกคาม

ก้าวออกไป, หยิง ซาน เลิกความคิดที่จะโจมตี หนานกง มู่ หันหน้ามาอีกด้านและพุ่งไปหา ฟาง เจิ้งจือ แทน

ตาของ ฟาง เจิ้งจือ สว่างไสวขึ้น แผนของเขาเปลี่ยนไปทันที

เขาไม่คิดว่าตัวเขาจะได้เผชิญหน้ากับ หยิง ซาน เร็วขนาดนี้

ดังนั้นเมื่อ หยิง ซาน เคลื่อนไหว เขาตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว

"วิ่ง...เร็ว!"

จากนั้นไม่มีโอกาสให้ ปิง หยาง และ เหยียน ซิว พูด แม้แต่น้อย เขาถึงทั้งคู่และวิ่งทันที การกระทำดังกล่าวปราศจากความลังเล

ผู้เข้าสอบที่เตรียมพร้อมจะเฝ้าดูการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ ต่างตกตะลึงทันที

ถ้านี่คือการทดสอบการต่อสู้ การวิ่งหนีแบบนี้ คือการยอมรับความพ่ายแพ้?

เขาอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือ?

ไม่ว่ายังไง เขาก็ถือหอกฉีหลิน 1 ใน 10 สมบัติอันยิ่งใหญ่ ถ้าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้ แล้วเป็นตอนไหนละ? อย่างน้อยก็ลองใช้มันสักรอบแล้วค่อยวิ่งตอนดูท่าไม่ดี ดีกว่าไหม?

วิ่งหนีไปเลยแบบนี้ ไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ?

ฟาง เจิ้งจือ สนใจและเจ็บปวดกับความคิดคนอื่นหรือไม่?

แน่นอนว่าไม่

การรักษาชีวิตของเขานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

"เราแค่ทำการแลกเปลี่ยน ท่านช่วยแสดงความเมตตาออกมาหน่อยได้หรือไม่? หากท่านไม่ยอมรับเงื่อนไข พวกเราสามารถถกเถียงกันต่อได้ เราเสนอข้อเสนอใหม่กันได้เรื่อยๆ! การต่อสู้และการฆ่าฟันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดี ... "ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ วิ่ง เขาไม่ลืมที่จะตะโกนออกมา

"เอาล่ะ! งั้นมานั่งคุยกันดีๆ!" สายตาของ หยิง ซาน นั้นแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ความรู้สึกอับเอาของเขานั้นซึมซานไปถึงขั้วหัวใจ

"ข้าคิดว่าดีกว่า ถ้าพวกเรารักษาระยะห่างเล็กน้อย ถ้าท่านหยุด ข้าก็จะยุด" ฟาง เจิ้งจือ ไม่หลงกล หยิง ซาน เด็ดขาด

"ฮึ่ม!" หยิง ซาน สบถอย่างเย็นชา เขาไม่คิดจะตอบ ฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไป ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นทันที ก่อนที่จะกลายเป็นเงาควัน...

ความเร็วของ หยิง ซาน ทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ตกใจมาก

ไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือ?

โชคดีที่ข้าเรียนรู้วิชาเงาสายลมจาก เหยียน ซิว มาก่อน

คนหนึ่งไล่ ขณะที่อีกคนวิ่งหนี

เขตแดนของ หยิง ซาน เลื่อนไปตามทิศทางที่ ฟาง เจิ้งจือ วิ่งอยู่

หนานกง มู่ ที่ตอนแรกถูกขังอยู่ในเขตแดนของ หยิง ซาน ได้อิสระกลับคืนมา ความกดดันบนร่างกายของเขาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนที่เขตแดนแสงสีฟ้าและเขียวจะขยายตัวขึ้น

แม้ว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจความต้องการของ ฟาง เจิ้งจือ แต่ไม่ใช่สำหรับ หนานกง มู่

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ตั้งใจจะทำอะไรต่อไป

โดยไม่กังวลและลังเล หนานกง มู่ กระโจนไปยังทิศทางของหินทันที ดาบคู่ของเขาฟันใส่โซ่สีดำที่พันธนาการดาบเอาไว้

ด้ามดาบทองถูกห่อไว้โดยมังกรทองที่ส่องแสงออกมาจางๆ

โซ่ที่สามารถผนึกดาบได้ แน่นอนว่าไม่ใช่โซ่ธรรมดา อย่างไรก็ตามดาบบนมือของ หนานกง มู่ ก็ไม่ใช่อาวุธธรรมดาเช่นกัน

พวกมันเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนของตระกูลหนานกง ดาบคู่ฟ้าเขียว

นอกจากเป็นอาวุธสำคัญในการใช้วิชาลับฟ้าเขียวแล้วนั้น มันยังมีความคมเป็นอย่างมาก ในรายชื่ออาวุธชั้นยอดของอาณาจักร มันก็ถูกจัดให้อยู่ใน 30 อันดับแรก

"แกร้ง!" เสียงอันคมชัดดังขึ้น

มีรอยตัดขนาดใหญ่บนโซ่สีดำ

ร่างกายของ หนานกง มู่ สั่นสะท้าน เลือดสดๆไหลออกมาจากบาดแผลบนหน้าอกของเขา ย้อมสีชุดของเขาให้กลายเป็นสีแดง

การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่สามารถหลีกเลี่ยงหูของ หยิง ซาน ได้

ร่างที่วิ่งไล ฟาง เจิ้งจือ ลดความเร็วลง หันกลับไป เห็น หนานกง มู่ ยกดาบขึ้น เตรียมฟันไปที่โซ่อีกครั้ง มันถูกฟันลงไปด้วยความรวดเร็่วดังสายฟ้า

"ข้าเข้าใจแล้ว!" ในฐานะรองหัวหน้า 1 ใน 10 ดินแดนปีศาจ เขามีประสบการณ์ต่อสู้และรู้กลยุทธ์สงครามเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเพราะ ฟาง เจิ้งจือ ทำให้ความโกรธครอบคลุมจิตใจของเขา

มันทำลายความภูมิใจของเขา

ฟาง เจิ้งจือ ต้องตาย!

อย่างไรก็ตามปัญหาเร่งด่วนคือการหยุด หนานกง มู่ จากการดึงดาบออก

หยิง ซาน ตัดสินใจได้ทันที พุ่งไปหา หนานกง มู่ ที่ยืนอยู่บนก้อนหิน เขาก็ไม่สนใจ ฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไป

ฟาง เจิ้งจือ ท่องสำนวนหนึ่งอยู่ในจิตใจ

ถ้าศัตรูไม่ขยับ ข้าก็ไม่ขยับ ถ้าศัตรูขยับ ... ข้าเองก็จะเคลื่อนไหว!

ตอนนี้ หยิง ซาน พุ่งไปหา หนานกง มู่ แล้ว ซึ่ง ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางให้เขาถึงตัว หนานกง มู่ ง่ายๆ

"ระวังอาวุธลับของข้า!"

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด