Golden Time - ตอนที่ 20 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 20
พวกเขาถึงกับถอยหลังให้หลังจากที่ได้เห็นจิตวิญญาณนักสู้ของดงซู แต่มันแค่เพียงช่วงสั้น ๆเท่านั้น
“นายคิดจะต่อยฉันหรอ? งั้นเอาเลย เอาเลยสิ” ดงฮยอคพูด เขาใช้มือจับที่หน้าราวกับเชื้อเชิญให้ดงซูต่อยที่หน้าเขา
ดงซูได้แต่ยืนมองหมัดตัวเองที่กำแน่นและเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“เฮ้ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าไอพวกคุณชายอย่างพวกนายเนี่ยจะทำยังไงกันถ้าเกิดว่าถูกต่อยขึ้นมา?”
‘แน่นอนพวกเขาควรจะคุกเข่าลงต่อหน้าและร้องไห้ หรือไม่ก็หลบสายตามองพื้นไปโดยไม่ต้องพูดอะไรออกมา’ ใครก็ตามที่คิดจะสู้กับดงซูคงต้องกลายเป็นเช่นนี้
ซูฮยอคคว้ามือของดงซูไว้ขณะที่เขากำลังจะง้างหมัดใส่หน้าของดงฮยอค
“ครั้งนี้ไม่ใช่ธุระของนาย” ซูฮยอคพูด
“ปล่อยฉัน ไอ้เวรนี่พูดพล่อย ๆออกมาถึง ‘บุคคลชั้นต่ำ’ ฉันจะซัดหน้ามัน...” ดงซูพูด
“นายมาที่นี่เพื่อชกต่อยหรอ?” ซูฮยอคถาม และเดินไปตรงหน้าเพื่อหยุดเขา
ถ้าเขาปล่อยให้ดงซูทำตามใจ ก็ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาต่อ
ในกรณีที่แย่ที่สุด เขาอาจถูกไล่ออกจากโรงเรียน
“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับฉัน ดงซู”
ซูฮยอคพูดซ้ำกับเขาอีกครั้งจากนั้นก็พูดกับพวกนั้นว่า “ดูเหมือนความโกรธของพวกนายจะไม่ได้ลงน้อยลงเลยนะ”
“โกรธงั้นหรอ?” อินซูที่เงียบมานานก็พูดขึ้น
“พวกเราเนี่ยนะโกรธนาย?” เขาหัวเราะดังขึ้น
“อย่างที่ฉันพูดไป อย่าเข้าใจผิด นายแสดงท่าทางโกรธกับกลุ่มอื่น ๆแค่ตอนที่พวกเขาอยู่ในจุดเดียวกับนาย นายไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรอ? เราแค่...”
สายตาของอินซูจับจ้องมาที่ซูฮยอค “มันน่าตลกนะว่ามั้ยที่เด็กอย่างนายเข้ามาอยู่ในโรงเรียนนี้ ฉันไม่รู้ว่านายมาอยู่ที่นี่ได้ไง แต่ช่วยอยู่ที่นี่เงียบ ๆแล้วอย่าสร้างปัญหา เพราะไม่งั้นเดี๋ยวที่นี่จะหมองไปทั่ว”
อินซูตอบกลับมาด้วยคำพูดเหล่านี้
ดงฮยอคที่กำลังจ้องมองดงซูอยู่ก็พูดว่า “ระวังตัวให้ดี”
และจากนั้นพวกเขาก็เดินจากไป
“ไปพวกเวรนั่นเป็นใคร?”
ใบหน้าของดงซูแดงก่ำด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามระงับอารมณ์ไว้
“ฉันเคยทำเรื่องแย่ ๆกับพวกนั้นไว้” ซูฮยอคพูด
“ทำเรื่องแย่ ๆกับพวกนั้นน่ะหรอ?” ดงซูถาม
ซูฮยอคพยักหน้าช้า ๆขณะที่กำลังมองพวกนั้นเดินหายไป
เขาคิดว่าเขาได้ขอโทษพวกนั้นด้วยความจริงใจมากเพียงพอแล้ว แต่กลับไม่เลย มันห่างไกลมากนักจากคำขอโทษ สำหรับพวกนั้นคงมองว่าการมีเราอยู่เหมือนกับเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ซึ่งสิ่งที่น่ารังเกียจนี้ต้องคอยมาขอโทษพวกนั้นน่ะหรอ? เพราะเขาทำผิดต่อพวกนั้น เขาคู่ควรที่จะได้รับผลเช่นนี้และไม่ได้สำคัญว่าวิธีที่พวกนั้นปฏิบัติกับเขาจะไม่ดีก็ตาม
ซูฮยอคค่อย ๆคอตก ‘แต่ถ้าพวกนั้นยังคงทำตัวแบบนี้อยู่…’
………...………...………...………...………...………...………...………...………...……
ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ซูฮยอคย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแจมยอง
ในขณะเดียวกันนั้น เขาปรับตัวได้ดี ดงซูก็เช่นกันเขาเรียนหนักเสียจนเลือดตาแทบกระเด็น เขามีคนคอยช่วยเหลือด้วย มันไม่ได้สำคัญว่าเขาจะโง่แค่ไหน มันสำคัญที่เกรดของเขาจะเพิ่มขึ้นด้วยคะแนนช่วยพิเศษนั่น
เวลาสอบปลายภาคก็มาถึง ด้วยสายตาที่จ้องมองอยู่ที่ข้อสอบที่เริ่มแจกมาจากแถวหน้า ดงซูสูดหายใจเข้าลึกมาก
“เห้อออ...ฉันต้องได้อย่างน้อยที่ 10 ในห้อง”
ซูฮยอคที่นั่งอยู่ห่างเล็กน้อยก็พูดให้กำลังใจเขา
“นายต้องได้เกรดดีแน่เพราะนายตั้งใจเรียนอย่างหนัก”
นั่นก็จริง เขาเรียนหนักมากกว่าที่เคย สถานการณ์ที่เป็นอยู่เขาจึงจำเป็นต้องเรียนหนักเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส
เขาจะรู้ผลสอบทันทีหลังจากสอบเสร็จหนึ่งสัปดาห์
ดวงตาของซูฮยอคเป็นประกายหลังจากได้รับกระดาษข้อสอบ
………...………...………...………...………...………...………...………...………...……
ทั้งคู่สอบวันหนึ่ง 3 วิชา ดงซูเดินมาหาซูฮยอคพร้อมกระดาษข้อสอบ
“ช่วยเช็คคำตอบให้หน่อย”
ซูฮยอคพยักหน้า
“ไม่ใช่ข้อ 3” “ไม่ใช่ ต้องข้อ 2 ดูข้อนี้นะ”
“แล้วข้อนี้ล่ะ? ตอบ 1 ถูกมั้ย?” “ไม่ใช่ ตอบ 4”
“โอ้ย...”
ดงซูเกาหัวตัวเองดังมาก มากกว่าครึ่งจากคำตอบของเขา ไม่เหมือนซูฮยอคเลย เพราะซูฮยอคมั่นใจว่าคำตอบของเขาถูกหมด
“โว้ว นายทำฉันแทบบ้า”
ซูฮยอคแตะที่ไหล่ของเขาเพื่อปลอบ
“อย่ากังวลมากไป นายจะทำได้ดีกว่าเดิมในการสอบครั้งหน้า”
………...………...………...………...………...………...………...………...………...……
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปแค่ช่วงพริบตาเดียว และเขาได้ยืนยันผลคะแนน
“ที่สุดท้าย...”
ดงซูกุมหัว เขาพยายามอย่างหนักแต่ก็ยังไม่พอ ได้ที่โหล่ของห้องมา
แต่โชคยังดีที่ไม่ได้ที่สุดท้ายของโรงเรียน มีนักเรียนอีก 50 คนที่ได้ลำดับถัดจากเขา
ยังคงรั้งท้ายของชั้นหมายถึงเขาได้ที่สุดท้ายในห้อง ดงซูมองไปรอบ ๆห้องมองดูเพื่อนร่วมชั้น แต่ละคนมองมาที่เขาเหมือนสัตว์ประหลาดที่หมกมุ่นกับเรื่องเรียนหลังจากกินเสร็จ ซูฮยอครีบดูเล่มรายงานของตัวเองทันที ที่ 2 ในชั้นเรียน ที่ 15 ของโรงเรียน
อย่างไรก็ตามเขายังไม่พอใจเท่าไร เขารู้สึกผิดหวังเล็ก ๆเพราะตั้งเป้าไว้อย่างน้อยที่ 10 ของโรงเรียน
‘ครั้งหน้าต้องดีกว่าเดิม’ ถึงเขาจะเสียใจไปมันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ครั้งหน้าเขาสามารถทำให้ดีกว่าเดิม 2 เท่า
“อย่าตำหนิตัวเองเกินไป”
ซูฮยอคปลอบดงซูที่กำลังเขกหัวตัวเองและกำลังตะโกนบอกว่าเขาเป็นคนโง่จริง ๆแล้วเกรดล่าสุดที่เขาได้สูงมากพอที่เขาจะได้อย่างน้อยก็ที่ 10 ถ้าอยู่ที่โรงเรียนเก่า
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กนักเรียนโรงเรียนแจมยองถึงฉลาดมาก อย่างไรก็ตามดงซูก็เรียกสติและทิ้งความรู้นั้นไปได้รวดเร็ว
“ฉันจะไปถามครูประจำชั้นว่าฉันได้พลาดตรงไหนไป”
เขาตั้งใจจะไปถามครูสอนพิเศษด้วยและทบทวนจุดที่พลาด
ทั้งคู่ออกจากห้องเรียนเพื่อตรงไปบ้านของ คิม ฮยอนอู ขณะที่พวกเขาเดินลงมาจากห้องโถงก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง
“สวัสดี!”
ดงซูหันหน้าไปตามเสียงที่ได้ยินคนแรก อ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น
ความงดงามที่ยืนอยู่ตรงนั้น ผมของเธอตรงยาวลงมาตั้งแต่หัวไหล่เหมือนกับดาราหลุดออกมาจากทีวี ดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ด้วยดวงตาที่เป็นระเรื่อของเธอ
“นายเข้ามาเรียนที่แจมยองตั้งแต่แรกรึเปล่า?”
เธอไม่ได้ถามดงซู เพราะสายตาของเธอจดจ่อไปที่ซูฮยอค
“ก็สักพักหนึ่งแล้วที่เราย้ายมา...”
เธอเป็นใครกัน? มันเป็นใบหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ซูฮยอคไม่มีทางเลือกจึงต้องแสดงสีหน้างุนงงออกไป
ชัดเจนว่าเขาเกิดความจำเสื่อมชั่วขณะ แล้วในขณะเดียวกันเด็กนักเรียนผู้หญิงที่เพิ่งอยู่ตรงหน้าเขาก็หายไป
ระหว่างเธอและเขาเป็นความสัมพันธ์แบบไหนกัน?
ซูฮยอคพยายามนึกป้ายชื่อของเธอและพูดออกมา
“เพราะว่าความจำเสื่อม จึงทำให้ให้ฉันจำใครไม่ค่อยได้”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย มันเป็นการพบกันแค่ครั้งเดียวเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น
ไม่สิ มันอาจจะสั้นกว่านั้นก็ได้ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้ประสบความจำเสื่อมเขาก็คงจะลืมมันได้อย่างง่ายดาย แต่มันจะเป็นใบหน้าที่เขาคงไม่มีวันที่จะลืมเลย
“มันก็ผ่านมานานแล้วนะ ซูฮยอค...”