Chapter 99 - รางวัลที่จะได้รับในเวลากลางคืนเท่านั้น
Chapter 99 - รางวัลที่จะได้รับในเวลากลางคืนเท่านั้น
เกราะโลหิตปีศาจต้องดูดซับจิตสังหารเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกัน.
และความสามารถในการป้องกันอาจถูกพิจารณาได้ว่าผิดเพี้ยน
ความแข็งแรงเพียวๆของฟางเล่ยไม่สามารถทำลายการป้องกันของราชาผีดิบพันปี จากที่ดูเพียงอย่างเดียวเราสามารถรู้ได้เลยว่ามันไม่ธรรมดา.
ตั้งแต่ที่เพราะโลหิตปีศาจได้ระเบิดออกมาจากราชาผีดิบพันปีเป็นของขวัญ ลั่วเทียนก็ยังไม่ได้สวมใส่มันทันทีเพราะว่าเขาจะได้เติมเต็มมันได้ในครั้งแรก
การเปิดใช้งานสายฟ้าหมื่นคำราม ถึงสองครั้งได้ฆ่าสาวกของตระกูลซูนับร้อยคนและเกราะโลหิตปีศาจก็ได้ดูดซึมสำเร็จ
แต่ละคนจะมีจิตสังหารไม่เกิน 100 แต้ม และร้อยคนก็มีประมาณ 10,000 แต้ม นั่นหมายความว่าจนถึงตอนนี้เกราะโลหิตปีศาจได้ดูดซับไม่เกิน 10,000 แต้ม.
นี่...
ค่อนข้างน่าตกใจ!
หลังจากที่เปิดในระบบก็มีการแสดงสถานะของเกราะโลหิตปีศาจ.
ไอเทม: เกราะโลหิตปีศาจ (วิญญาณ)
เกรด: สปิริตอาร์เมอร์ (+5)
รายละเอียดไอเทม: เกราะโลหิตปีศาจเป็นอุปกรณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อดูดซับแก่นโลหิตจากการสังหาร มีกลิ่นอายของสัตว์ปีศาจนับไม่ถ้วนและมีการป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างมาก.
รายละเอียด 2: เมื่อเกราะโลหิตปีศาจถูกเติมเต็มด้วยจิตสังหาร ระดับของมันจะเพิ่ม 5 เลเวล โดยมีแรงค์เป็น สปิริตอาร์เมอร์.
รายละเอียด 3: เมื่อเกราะโลหิตปีศาจถูกเติมด้วยจิตสังหารจนเต็มจะมีความสามารถพิเศษ:สามารถป้องกันการโจมตีหนึ่งครั้งของคนที่มีระดับน้อยกว่าปราณราชันย์ เมื่อมันถูกใช้แล้วเกราะโลหิตปีศาจจะกลับไปสู่รูปลักษณ์เดิมและเริ่มดูดซับจิตสังหารใหม่อีกครั้ง.
“แม่เจ้า!”
“จิตสังหารหมื่นแต้มจะช่วยให้เกราะโลหิตปีศาจเพิ่มระดับไปถึง วิญญาณ ได้ตรงๆ และยังมาพร้อมกับการป้องกันที่แทบจะเป็นอมตะ!” ลั่วเทียนกลัวเรื่องนี้อย่างมาก
ใครจะคิดว่ามันต้านทานการโจมตีทุกอย่างที่อยู่ต่ำกว่าระดับปราณราชันย์?
นั่นหมายความว่าเขาจะมีชีวิตที่สองแม้จะต้องเผชิญกับใครสักคนที่อยู่ในระดับ ปราณสุดยอดเชียวชาญ หรือ ปราณจิตวิญญาณ!
นี่เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมในการป้องกันตัวของเราเอง!
แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวถึงอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณ แต่ทั่งทั้งเมืองภูเขาหยก อาจไม่มีแม้กระทั่งเกรด 4 อย่างนี้จะไม่ให้ลั่วเทียนอดที่จะตื่นเต้นไปกับไอเทมวิญญาณได้อย่างไร มันเป็นโชคลาภใช่มั๊ย?
“มันแข็งแกร่งแค่ไหนนะ?”
“มันเป็นไอเทมขั้นวิญญาณ ดังนั้นมันควรจะแข็งแกร่งอย่างมาก”ลั่วเทียนสงสัยตัวเอง ไอเทมขั้นวิญญาณมันเกินกว่าขั้น 9 แต่ว่ามันมีความแข็งแกร่งแค่ไหน?
ลั่วเทียนไม่มีเงื่อนงำ.
เพื่อจะทำให้เขารู้ว่ามีความป้องกันมากแค่ไหน เขาต้องหาคนมาทดสอบ.
ลั่วเทียนมองไปที่ซูเหยาซงที่สบตามาด้วยความเกลียดชัง จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เฒ่าซู ตั้งแต่ที่พี่ฆ่าคนไปจำนวนมาก เจ้าต้องเกลียดข้าอย่างมากแน่ๆ ใช่ไหม? พี่ชายคนนี้มีความสุขมากๆ ข้าจะช่วยสนองความต้องการของเจ้าโดยการให้เจ้าโจมตีมาที่สัก 10 หมัดและข้าสัญญาว่าจะไม่ตอบโต้ เป็นไง?”
ซูเหยาซงอยู่ในระดับปราณเชี่ยวชาญ ขั้น 9 ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เก่งกาจที่สุดในเมืองภูเขาหยก.
การใช้เขาเพื่อทดสอบพลังป้องกันของเกราะโลหิตปีศาจเป็นทางออกที่ดี.
“ลั่วเทียนเสียสติ?”
“นี่เจ้านาย คุณพูดอะไรไร้สาระ?”
“ไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้คะนองเกินตัว? เขาจงใจหาที่ตายโดยยอมโดยรับ 10 หมัดจากปราณเชี่ยวชาณขั้น 9?”
ปราณเชี่ยวชาญขั้น 6 ยอมรับการโจมตีจากขั้น 9และไม่ตอบโต้? นี่มันบ้าอย่างมาก!
ลั่วเทียนมองไปที่ฝูงชนของสาวกตระกูลลั่วและอดไม่ได้ที่จะถาม“ข้ามีท่าทีคึกคะนองจริงๆ?”
บรรดาสาวกตระกูลลั่วต่างพยักหน้า.
ลั่วเทียนยิ้มอย่างโง่ๆขณะเกาหัวและกล้าวว่า“สายตาของผู้เฝ้ามองสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าข้ามีท่าทางคึกคะนองเกินไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ เฒ่าซูข้าจะลดจำนวนหมัดลงหนึ่งหมัดเพื่อให้เจ้าสามารถชกข้ามา 9 ครั้งและข้าจะไม่ตอบโต้ แบบนี้คงไม่คึกคะนองแล้วใช่หรือไม่?”
“5555…”
ท่าทางคึกคะนอง?
นี่มันค่อนข้างป่าเถื่อน! ลั่วเทียนไม่ได้เห็นซูเหยาซงอยยู่ในสายตาอีกต่อไป ด้วยท่าทางขี้เล่นของเขา ทุกคนไม่พอใจกับท่าทางของลั่วเทียน.
แต่...
งั้นถ้าพวกเขาไม่พอใจหล่ะ? ถ้าพวกเขามีความกล้าก็เข้าไปกัดเขา! แต่มันไม่มีใครกล้าแม้สักคน!
ซูเหยาซงเดินผ่านแอ่งเลือดต่างๆ จากนั้นเขาก็ก้าวไปด้านหน้าด้วยพลังปราณเชี่ยวชาญ ขั้น 9 ที่ระเบิดออกมา มือขวาของเขากำเป็นกำปั้นและตาของเขาก็มีเปลวไฟลุกโชน ขณะที่เขาสถบออกมา“ลั่วเทียนได้สุนัทสารเลว ไปตายซะ!”
ลมจากกำปั้นของเขาเหมือนกับมีดและกำลังพุ่งเข้ามากว่าหมื่นจิน!
หมัดนี้มีพลังอย่างมาก!
เมื่อเห็นหมัดของซูเหยาซงปรี่เข้ามา หัวใจของลั่วเทียนเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็พึมพำกับตัวเอง“ข้าหวังว่ามันจะไม่ล้มเหลว ไม่งั้นมันจะไม่ตลกอีกต่อไป.”
“ถ้าข้าไม่อาจทนแม้กระทั่งหมัดเดียว เรื่องนี้มันก็ไกลเกินกว่าที่จะเป็นเรื่องตลกแล้ว…”
“ถ้าข้าไม่อาจทนมันได้ สิ่งที่แรกที่บิดาจะทำคือการเอาเกราะนี้ไปเผาจนเป็นขี้เถ้า.”
ลั่วเทียยนตะโกนอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็ผ่อนคลายร่างกายและระงับกลิ่นอายที่เขาปล่อยออกมา เหล่าสาวกของเราจะได้เห็นว่าตอนนี้ลั่วเทียนไม่มีการป้องกันอะไรยกเว้นเกราะโลหิตปีศาจ.
“เขาไม่สนใจการโจมตีของซูเหยาซงจริงๆรึ?”
“ลั่วเทียนมันไม่บ้าไปแล้ว? มีคนบ้าแบบนี้อยู่ในโลกด้วยรึ?”
“เขารับปราณเชี่ยวชาญขั้น 9 มันไม่ใช่เรื่องตลก?”
ทุกคนในลานประลองก็ตะลึง.
พวกเขาคิดว่าลั่วเทียนกำลังเล่นตลกในตอนแรกและม่คิดว่าเขาจะยืนอยู่ที่นั่นและไม่ได้เคลื่อนไหว.
เมื่อเห็นซูเหยาซงปล่อยกำปั้นหลายคนรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากระเด้งไปที่ลำคอ.
ดวงตาของหลิงฮานซวงแสดงความประหลาดใจก่อนที่จะพูดเยาะเย้ย“สิ่งที่ชายคนนี้กำลังไปคือการรนหาที่ตายอย่างแน่นอน ข้าไม่เชื่อว่าจะเปรียบเขากับมู่หรงหวันเจี่ย มันช่างเลวร้ายอย่างมาก.”
หลิงฮานซวงเกลียดความยโสของลั่วเทียน.
นี่ไม่ใช่ความยโส แต่มันเป็นการเชื่อมันเกินตัว ความเชื่อมั่นเกินกว่าที่จะหยุดได้.
ในเวลานั้น...
กำปั้นของซูเหยาซงที่เคลือยพลังปราณกระแทกเข้าไปที่อกของลั่วเทียน.
“ตูม~!”
ช่วงเวลาที่สัมผัสอกลั่วเทียนการระเบิดของพลังปราณที่กระจายออกมาราวกับเป็นอัญมณีที่ส่องแสงแยงตา.
ฝูงชนในลานประลองทั้งหมดตกใจกับประสิทธิภาพของระเบิดแสง.
ทันใดนั้น...
ลั่วเทียนค่อยๆลืมตาและเหลือบมองหน้าอกของเขา จากนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดัง: “5555… 55… บิดายังดีอยู่! ไอ้ขยะ เจ้าต้องเพิ่มแรงอีกหน่อย!”
ลั่วเทียนรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายใน “น่ากลัวเชี่ยๆ!เกราะโลหิตปีศาจตัวนี้มันเหลือเกินไปแล้ว!”
การชกด้วยพลังเต็มที่จากปราณเชี่ยวชาญขั้น 9 ได้รับการป้องกันโดยสมบูรณ์และไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย นี่เป็นสมบัติล้ำค่าระดับ วิญญาณ อย่างแท้จริง.
ไอเทมจิตวิญญาณนี่นิ่งใหญ่กว่าที่ลั่วเทียนคิด.
แม้ว่าจะเป็นนิกายขนาดใหญ่เช่น นิกายเมฆคราม ก็ยังไม่อาจได้พบเห็นไอเทมระดับจิตวิญญาณ ดังนั้นสำหรับการป้องกันของปราณเชี่ยวชาณขั้น 9 มันเป็นอะไรที่ง่ายๆ.
แต่ซูเหยาซงได้รับบาดเจ็บ แขนขวาของเขาหลุดออกจากไหล่และผิวหนังที่นิ้วมือทั้งห้าของเขาก็ปรกแตกจนเลือดของเขาไหลออกมาและมองเห็นกระดูกในบากแผล.
หมัดกระทบร่างลั่วเทียน แต่มันเหมือนกับเป็นการตบหน้าหลิงฮานซวง มันร้อนระอุ่มและมีความรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก.
--------------
เขาเพิ่งเห็นผี?
ความโกรธในใจของซูเหยาซงพุ่งไปถึงท้องฟ้าอีกครั้ง.
เวลานี้เขาโจมตีอย่างต่อเนื่อง.
“ปัง~!”
“ปัง~!”
“ปัง~!”
กำปั้นของเขาเหมือนกับฝนที่ตกหนักและโจมตีมากกว่าสิบครั้ง.
นี่เป็นการโจมตีที่เหมือนกับเกาให้กับลั่วเทียน แต่เขาก็ยังไม่พอใจกับสถานการณ์แบบนี้ จากนั้นเขาก็ตะโกน“เฒ่าซู มันควรจะพอเท่านี้ ถูกไหม?”
ซูเหยาซงยังคงไม่หยุดโจมตีลั่วเทียนราวกับคนบ้า.
“แม่งเอ้ย!”
ลั่วเทียนยกมือและตบเข้าไปที่หน้า “ข้าไว้หน้าเจ้า แต่เจ้าไม่เต็มใจที่จะรับมัน!”
“ตูมม~!”
ซูเหยาซงถูกกระแทกพื้นด้วยการตบของลั่วเทียน.
เพราะการตบนี้ทำให้เขาเห็นท้องฟ้า เนื่องจากซูเหยาซงไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมัน เขายังไม่อาจต่อต้านเพราะว่าแขนของเขาหักและเขาก็ยังบังคับตัวเองตลอดเวลา.
การที่เอาชนะคนที่แจนหักนี่? น่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มันเคยเกิดขึ้น.
ซูเหยาซงนอนแผ่หลาอยู่ที่พื้น แต่ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ลั่วเทียนและก่นด่าออกมา“อย่างได้ใจไปลั่วเทียน เจ้าจะตายอย่างเลวร้ายยิ่งกว่าข้า ตระกูลลั่วของเจ้าทุกคนจำตายอย่างน่าสังเวชกว่าข้า กองกำลังจากนิกายเมฆครามจะถึงอีกไม่นาน 555…”
ตาของลั่วเทียนกลายเป็นหนาวเหน็บก่อนที่จะกล่าวว่า“ไม่ว่าข้าจะตายหรือไม่ เจ้าก็ไม่อาจได้เห็ย แต่ไม่ว่าเจ้าจะตายอย่างน่าสังเวชรึไม่นั้น มันเป็นสิ่งที่ข้ากำหนด”
หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้นเขาก็เตะซูเหยาซงลงจากลานประลองและกลิ้งไปใกล้เท้าของซงหยวนหนาน
“พี่อาวุโสซง นี่เป็นของคุณจากน้องชายคนนี้.”ลั่วเทียนยิ้มน้อยๆ
ซงหยวนหนานรู้สึกขอบคุณอย่างมากขณะที่เหยียบอยู่บนหัวซูเหยาซง“ตระกูลซงทุกคนฟัง! ให้เขาตายจากการแล่เนื้อเป็นพันชิ้น…”
หลังจากที่ถูกเฉือน ซูเหยาซงก็เริ่มร้องออกมาเหมือนหูม
จากนั้นลั่วเทียนก็กระโดนไปอยู่ข้างๆหลี่ซูเอ๋อร์ จากนั้นเขาก็พูดอย่างจริงจัง“สาวน้อย เจ้าไม่คิดที่จะให้รางวัลข้าตอนนี้หรอ?”
แก้มของหลี่ซูเอ๋อร์แดงวูบ ขณะที่เธอดึงชุนชุนที่อยู่ใกล้ๆเข้ามา จากนั้นเธอก็หันกลับมาและพูดอย่างมีความสุข“รางวัลมันจะได้แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น.”
“กลางคืน?”
“ดีมากๆ…”
ความคิดของลั่วเทียนเริ่มสกปรกทันที!