ตอนที่ 55 แนะนำ
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 55 แนะนำ
จูเฮอซินรู้สึกลำบากใจอย่างมาก แต่เมื่อมันเห็นสีหน้าอันแน่วแน่ของหลิงฮัน มันจึงทำได้เพียงพยักหน้า “ข้าจะทำตามคำพูดของปรมาจารย์... ไม่สิ สหายน้อยหลิง”
สุดท้าย มันก็ทนเรียกหลิงฮันแบบไม่ให้เกียรติไม่ได้ อย่างน้อยการเรียกว่า‘สหายน้อยหลิง’ก็ยังฟังดูสุภาพอยู่บ้าง
“จริงสิ สหายน้อยหลิงมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประลองต้าหยวนรึ?” จูเฮอซินถามออกมา
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “พวกเราโชคไม่ค่อยดีนักที่ตอนนี้ยังหาที่พักไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่มาพักที่ตำหนักโอสถสวรรค์ล่ะ?” แววตาของจูเฮอซินส่องประกายและชักชวนหลิงฮัน
“มันจะดีรึ?” หลิงฮันเดินมาแล้วกว่าครึ่งวัน เขาไม่อยากเดินต่อให้เหนื่อย
“แน่นอน ต้องดีแน่นอนอยู่แล้ว!” จูเฮอซินพูดอย่างรวดเร็ว การที่จะได้อยู่ข้างกายหลิงฮัน มันจะสามารถขอให้ปรมาจารย์อย่างหลิงฮันชี้แนะด้านการปรุงยาได้สะดวกยิ่งขึ้น
“งั้นพวกเราก็รบกวนเจ้าแล้ว” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่รบกวนเลย ไม่รบกวนอะไรทั้งนั้น!” จูเฮอซินเดินนำพวกหลิงฮัน และพาพวกเขาไปยังตำหนักโอสถสวรรค์สาขาเมืองต้าหยวน
ตำหนักโอสถสวรรค์สาขาเมืองต้าหยวนไม่เหมือนกับสาขาเล็กๆในเมืองหมอกเมฆา มันมีการคุ้มกันที่หนาแน่น และมีตำหนักขนาดใหญ่ที่มีนักปรุงยาประมาณหนึ่งร้อยคนพำนักอยู่ทีนี่ นักปรุงยาเหล่านี้มีหน้าที่หลอมเม็ดยาจำนวนมหาศาลในทุกๆวัน ซึ่งจะส่งไปขายยังสถานที่เช่นเมืองหมอกเมฆาและเมืองกำแพงศิลา
หม่าตาจวินที่อยู่ในสาขาเมืองหมอกเมฆาที่หน้าที่ดูแลความเรียบร้อยต่างๆเท่านั้น โดยปกติแล้วมันไม่ต้องหลอมเม็ดยาใดๆ เพราะนักปรุงยาระดับนั้นมีอัตราการหลอมยาสำเร็จที่ต่ำมากๆ หากส่งวัตถุดิบสมุนไพรไปให้หลอม จะเป็นการสิ้นเปลืองวัตถุดิบเสียเปล่า
นักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำมีสถานะที่สูงส่งในพื้นที่นี้เป็นอย่างมาก ทั้งองครักษ์และนักปรุงยาต่างทำการเคารพอย่างสุภาพเมื่อพวกมันเห็นจูเฮอซินเดินมา
หัวหน้าสาขาของตำหนักโอสถสวรรค์ในเมืองนี้มีชื่อว่าจางเหวยชาง มันเองก็เป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำและเป็นสหายกับจูเฮอซินมาหลายปีแล้ว ในอดีต ทั้งสองคนเข้าร่วมกับตำหนักโอสถสวรรค์พร้อมๆกัน และจากการร่วมมือและแข่งขันกันมานานหลายปี ทั้งคู่จึงสามารถกลายเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำได้
“สหายน้อยหลิง ข้ามีคำขอที่เห็นแก่ตัวบางอย่างอยากจะขอ” จูเฮอซินพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อย เพราะต้องมาพูดขอร้องหลังจากที่สัญญากับอีกฝ่ายไปแล้วว่าจะให้พักที่นี่ชั่วคราว
“เจ้าพบปัญหาเรื่องปรุงยารึ?” หลิงฮันถาม
“เหอๆ!” จูเฮอซินอับอายเล็กน้อย ถึงแม้มันจะแก่แล้ว แต่ต่อหน้าหลิงฮัน มันรู้สึกราวกับเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะเรียนรู้ศาสตร์แห่งการปรุงยา
มันกล่าวต่อ “ไม่ใช่ข้าแต่เป็นสหายเก่าของข้า มันได้รับสูตรยาเก่าแก่มา แต่เพราะสูตรยาที่ว่าได้ข้ามผ่านการเวลามานานมากแล้ว ทำให้บางคำที่เขียนเอาไว้ไม่สามารถอ่านได้ ดังนั้นมันจึงพบกับปัญหาเมื่อตอนที่พยายามจะหลอมเม็ดยา”
หลิงฮันเข้าใจทันทีและพูด “เจ้าอยากจะให้ข้าช่วยเขียนสูตรยาที่สมบูรณ์ให้?”
“ข้าหวังว่าสหายน้อยจะช่วยชี้แนะ” จูเฮอซินพูด “ชื่อของสูตรเม็ดยาคือ ‘เม็ดยาหวนคืน’ มันมีประสิทธิภาพในการรักษาบาดแผลที่ยอดเยี่ยมมาก ถ้าสูตรยานี้ได้กลับมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง จะมีหลายชีวิตที่เราสามารถช่วยไว้ได้”
เป็นเม็ดยาหวนคืนนั่นเอง... หรือว่าขนาดเม็ดยาธรรมก็ยังสูญหายไปตามกาลเวลา?
หลิงฮันรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่แปลกมาก ไม่ว่าจะศาสตร์แห่งวรยุทธหรือศาสตร์แห่งการปรุงยา ด้วยการศึกษาค้นคว้าที่สะสมมาหลายหมื่นปี ศาสตร์ทั้งสองควรจะแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ใช่รึไง แต่ทำไมถึงได้มีสูตรยาที่สูญหายไปตามกาลเวลามากมายขนาดนี้?
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “งั้นข้าจะช่วยดูให้”
“เชิญทางนี้เลย ท่านปรมาจารย์!” จูเฮอซินเผลอเปลี่ยนกลับไปเรียกด้วยความเคารพ หลังจากที่พูดออกไป มันเกิดการชะงักและเปลี่ยนคำใช้เรียกในทันที “สหายน้อย เชิญทางนี้เลย”
ทั้งสองคนเดินคู่กันและไม่นานก็มาถึงที่พักภายในสวนของตำหนัก ประตูของที่พักเปิดแง้มเอาไว้ ภายในนั้นมีคนอยู่สามคน สองเป็นชายชราและหนึ่งเป็นหญิงสาว ชายชราทั้งสองกำลังนั่งและดื่มชาอยู่ ในขณะที่หญิงสาวกำลังยืนอยู่ข้างหลังชายชราคนหนึ่ง
จากที่ดูๆแล้วหญิงสาวน่าจะอายุประมาณสิบหกหรือสิบเจ็ดปี นางค่อนข้างสวยและงดงามทีเดียว อย่างไรก็ตาม มุมปากข้างหนึ่งของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย และดวงตาโตสีดำของนางดูมีความเฉลียวฉลาด โดยรวมแล้วทำให้นางดูค่อนข้างเจ้าเล่ห์
เมื่อเห็นจูเฮอซิน ชายชราทั้งสองได้ยืนขึ้นและยิ้มทักทาย
“เฒ่าจู ข้าขอแนะนำคนผู้หนึ่งให้เจ้ารู้จัก!” หนึ่งในชายชรารีบพูดออกมา และชี้นิ้วไปที่ชายชราอีกคนหนึ่ง “นี่คือตวนมู่ฉางเฟิง น้องชายตวนมู่ถูกยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านปรุงยาและวิถีดาบ เพลงดาบสยบเมฆาของเขาถือว่าเป็นสุดยอดของแคว้นพิรุณ เจ้าชื่นชมเขามานานแล้วไม่ใช่รึ?”
เมื่อจูเฮอซินได้ยินแบบนั้น มันจึงไม่สามารถแนะนำหลิงฮันได้ในทันที มันประสานมือไปทางตวนมู่ฉางเฟิงและพูด “น้องชายตวนมู่ เป็นเกียรติมากที่ได้พบกันเสียที”
“ฮ่าๆ พี่ชายจู ข้าได้ยินมาว่าท่านเพิ่งจะพัฒนาเม็ดยาวายุเพลิงได้เมื่อเร็วๆนี้ ข้าอยากจะพบท่านมานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสเสียที” ทางตวนมู่ฉางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“น้องชายตวนมู่ เฒ่าจาง ข้าขอแนะนำคนผู้หนึ่งให้รู้จัก นี่คือ...” จูเฮอซินตั้งใจจะแนะนำหลิงฮันให้กับทั้งสองคน
“เฒ่าจู ตอนนี้ข้าได้เชิญน้องชายตวนมู่มาแล้ว บางทีหากเราร่วมมือกันสามคน พวกเราอาจจะฟื้นฟูสูตรเม็ดยาหวนคืนได้ภายในสามเดือนก็ได้” จางเหวยชางพูดอย่างตื่นเต้น
“ให้ข้าแนะนำ...”
“ฮ่าๆ พี่ชายจาง ท่านก็ยกย่องข้าเกินไป สิ่งที่ข้าถนัดที่สุดคือวิถีแห่งดาบ ข้าศึกษาการปรุงยามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คนที่เป็นหัวใจหลักก็ยังเป็นพวกท่านทั้งสองอยู่ดี ข้าเพียงแค่จะเสนอความคิดเห็นของข้าเท่านั้น” ตวนมู่ฉางเฟิงพูดขัดจูเฮอซินอีกครั้ง
ชายชราทั้งสองต่างก็คิดว่าหลิงฮันเป็นผู้ช่วยของจูเฮอซิน จึงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเขามากนัก
ในตอนนั้นเอง หญิงสาวได้เดินมาหาหลิงฮัน และเดินวนรอบหลิงฮันสองรอบ พร้อมกับพึมพำออกมา ราวกับว่านางกำลังทำการพิจารณาหลิงฮันอยู่
“เจ้าเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสจู?” หญิงสาวถาม
“ไม่ใช่!” หลิงฮันส่ายหน้า
“โอ้ งั้นเจ้าคงยังไม่ผ่านการทดสอบของผู้อาวุโสจูสินะ!” หญิงสาวตบไปที่ไหล่ของหลิงฮัน “ผู้อาวุโสจางเหวยชางได้รับข้าเป็นศิษย์เรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นข้าถือได้ว่าเป็นศิษย์พี่หญิงของเจ้าในอนาคต! ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะคอยดูแลเจ้าเอง! ถ้ามีใครกล้ามารังแกเจ้า เพียงแค่เอ่ยชื่อของข้าออกไปก็พอ!”
หลิงฮันอดที่จะยิ้มไม่ได้ “เอ่ยชื่ออะไรรึ?”
“อะไรกัน เจ้ารู้จักแม้แต่ชื่อของข้า?” หญิงสาวเอามือก่ายหน้าผากและส่ายหัวไปมา “เฮ้อ เจ้ามาจากหมู่บ้านชนบทแห่งใดกัน? ข้าคือฉีซางไต๋ องค์หญิงเจ็ดแห่งราชวงศ์ต้าหยวน!”
หลิงฮันส่งเสียง ‘โอ้’ ออกไป เพียงแค่เจ้าหญิงไม่ใช่คนที่สามารถทำให้เขาสูญเสียความเยือกเย็นได้
“เดี๋ยวสิ ท่าทีแบบนั้นมันอะไรกัน ข้าเป็นศิษย์พี่หญิงของเจ้านะ!” ฉีซางไต๋พูดด้วยความขุ่นเคือง
“พี่น้องทั้งสอง ข้าขอแนะนำอัจฉริยะไร้ที่เปรียบแห่งศาสตร์ปรุงยาให้รู้จัก!” ในที่สุดจูเฮอซินก็สามารถหาโอกาสแนะนำตัวให้หลิงฮันได้ มันเดินไปทางหลิงฮันและพูด “คนคนนี้คือหลิงฮัน สหายน้อยหลิง ถ้าจะให้พูดจริงๆ การที่เม็ดยาวายุเพลิงสำเร็จได้เป็นเพราะการชี้แนะจากสหายน้อยหลิง ถ้าไม่ได้การช่วยเหลือจากเขา คงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าข้าจะสามารถพัฒนาเม็ดยานั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“ว่าไงนะ!” ทั้งจางเหวยชางและตวนมู่ฉางเฟิงต่างก็ตะลึงจนพูดไม่ออก พวกมันมองไปยังหลิงฮันและหันหลับมาทางจูเฮอซิน พวกมันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความจริง
ฉีซางไต๋ปิดปากที่อ้าออกด้วยมือข้างเดียว เมื่อกี้นางเพิ่งพูดไปว่าหลิงฮันเป็นผู้ติดตามของจูเฮอซิน แต่ในพริบตาเดียว เขาดันกลายมาเป็น ‘สหายน้อย’ ของผู้อาวุโสจูเฮอซิน... งั้นก็หมายความว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของนางไม่ใช่รึไงกัน?
“เฒ่าจู เจ้ากำลังล้อเล่นใช่หรือไม่?” จางเหวยชางถามออกไปทันที
สีหน้าของจูเฮอซินกลายเป็นจริงจังและพูด “ข้าจะมาล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร!”
จางเหวยชางและตวนมู่ฉางเฟิงหันกลับไปมองหลิงฮันอีกครั้ง และในครั้งนี้ สายตาของพวกมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*