ตอนที่ 338 หลี่ หลางเลื่อนระดับ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนหอกยาวมันอยู่นอกเหนือการคาดคิดของหลิน ฮวง
เขาค่อนข้างมั่นใจในการป้องกันเขาเพระเขารู้ว่าผลาญโลกาน่ากลัวแค่ไหน โล่ทมิฬสามารถป้องกันการโจมตีที่ทรงพลังกว่าผลาญโลกาได้สิบเท่า ดังนั้น เขาจึงไม่กังวลว่ามันจะพัง
แม้มันจะถูกโจมตีด้วยทักษะพิเศษ มันก็จะไม่พังในเวลาอันสั้น
หลิน ฮวงยิ้ม บนหลังเขา ปีกเลือดทั้งสี่เปลี่ยนเป็นดาบแหลม จากนั้นพวกมันก็ทะลุผ่านโล่ทมิฬและพุ่งใส่อสูรหอกนรก
ดูเหมือนอสูรหอกนรกจะคิดว่าการโจมตีของหลิน ฮวงไม่อาจทำอะไรมันได้ มันเมินการโจมตีเขา ใส่พลังชีวิตมันสุดกำลังเพราะมันต้องการจะแทงทะลุผ่านชั้นป้องกันของหลิน ฮวง
ดาบเลือด4เล่มพุ่งเข้าหาตัวมันหลายครั้งและเสียงโลหะกระทบกันก็ดังขึ้น บนเกราะเงิน ไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วน
“เจ้าพยายามจะเกาข้า?”อสูรหอกนรกล้อเลียน
มันไม่อาจเห็นด้านหลังของโล่ทมิฬได้ว่าหลิน ฮวงกำลังแสยะยิ้ม
ดาบเลือดแหลมที่สร้างจากอณูแวมไพร์เปลี่ยนเป็นเชือกในพริบตา เชือกได้พันรอบแขนและขามันเมื่อมันลดการระวังลง
อสูรหอกนรกหวาดกลัว ขณะที่มันกำลังจะกำจัดเชือก โซ่ไฟหลายเส้นก็พุ่งออกมาจากความมืด
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มันสามารถทำลายเชือกเลือดสองเส้นได้ ข้อเท้ามันก็ถูกจับโดยโซ่ลงทัณฑ์ พลังชีวิตถูกผนึกโดยสมบูรณ์และในไม่ช้า อสูรหอกนรกก็ถูกจับโดยโซ่ลงทัณฑ์ทั้ง9
หลี่ หลาง ผู้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาปรากฏตัวขึ้น เปลี่ยนหอกยาวในมือเขาเป็นงูวิญญาณ จากนั้นมันก็ทะลวงผ่านดวงตาของอสูรหอกนรก
แสงสีแดงในดวงตาข้างหนึ่งของมันหม่นแสงลง....
เมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของอสูรหอกนรกกำลังหายไป หลิน ฮวงก็ลบโล่ทมิฬออกและเรียกวิญญาณกระดูกกลับ เขาล่าถอยออกมา ปล่อยให้หลี่ หลางอยู่กับอสูรหอกนรกเพื่อสกัดประกายไฟ
หลี่ หลางได้กดไปที่หัวอสูรหอกนรก ใส่พลังชีวิตเขาลงไป ในไม่ช้า ประกายไฟในร่างมันก็ตอบสนอง เห็นได้ชัดว่าเขามีความเข้ากันได้กับประกายไฟสูง
เมื่อเห็นกลิ่นอายของหลี่ หลางเริ่มเปลี่ยนไป หลิน ฮวงก็รู้สึกโล่งอกเมื่อรู้ว่าหลี่ หลางประสบความสำเร็จในการสกัดประกายไฟ
จากนั้นหลิน ฮวงก็จ้องมองไปที่อสูรหอกนรก แม้จะรู้สึกผ่อนคลายในระหว่างการต่อสู้ มันก็ไม่ง่ายสำหรับเขา การเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวเช่นอสูรหอกนรก เขาสามารถทำได้เพียงจัดการศัตรูเขาด้วยการทุ่มสุดตัว
“ไม่มีอะไรผิดพลาดด้วยความเร็วและทักษะดาบฉันแต่พลังของฉันอ่อนแอกว่ามันมาก แม้ฉันจะครอบครองพลังเหนือธรรมชาติหรือทักษะอื่นๆ มันก็ยังคงเทียบได้กับมนุษย์ระดับเพลิงขาวเท่านั้น หากฉันปะทะกับมอนสเตอร์ระดับเพลิงแดงซึ่งๆหน้า ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะมีเพียงอย่างเดียว”
“และมันยังมีช่องว่างระหว่างพลังชีวิตเรา พลังชีวิตมันทรงพลังและเข้มข้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลหลักที่ฉันไม่อาจทำลายการป้องกันมันได้ก็เพราะมันใส่พลังชีวิตลงไปในเกราะเงิน มันทำให้ผลของพลังชีวิตฉันลดน้อยลง
“นอกจากนี้ ดาบที่ฉันใช้ก็ไม่ใช่สมบัติระดับสูงเพราะมันเป็นเพียงสมบัติ3ดาว หากมันเป็น4หรือ5ดาว พลังโจมตีของฉันคงจะเพิ่มขึ้นกว่านี้...”
หลิน ฮวงวิเคราะห์ผลลัพธ์ในใจเขา เขาค้นพบจุดอ่อนหลายจุดของเขาจากการต่อสู้และกำลังคิดหาวิธีทางเพื่อปกปิดจุดอ่อนี้
“ก่อนจะเลื่อนเป็นระดับเพลิงสวรรค์ ฉันยังต้องฝึกฝนเพื่อแก้ไขจุดอ่อนอีก ฉันไม่ได้ผ่านการฝึกพลังพิเศษใดๆเลย และพลังชีวิตฉันยังเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่เลื่อนเป็นระดับทองสมบูรณ์ แม้จะไม่อาจเทียบได้กับระดับเพลิงสวรรค์ มันก็ยังเสริมการโจมตีและการป้องกัน ในเรื่องเกี่ยวกับดาบสมบัติ ฉันจะมองหาดาบอื่นหลังจากที่ออกจากมิตินี้ มันคงจะดีสุดหากฉันหาสมบัติ5ดาวได้ เพื่อให้ฉันสามารถใช้มันได้จนกว่าจะไปถึงระดับเพลิงสวรรค์....”
ที่ด้านข้างทะเลสาบลาวา หลี่ หลางใช้เวลากว่า3ชั่วโมงเพื่อจุดประกายไฟและกระบวนการผันเปลี่ยนร่างกายเขา
สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเขาลืมตาขึ้นคือการขอบคุณหลิน ฮวง“ขอบคุณ หากไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงจะไม่มีทางได้รับประกายไฟนี้”
“ฉันยินดี นั่นคือสิ่งที่เพื่อนควรจะทำ”หลิน ฮวงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและมองศพบนพื้น“ศพนี่เป็นของฉัน”
“แน่นอน!”หลี่ หลางยืนยันทันที มันไร้ประโยชน์สำหรับเขาที่จะเอาศพไป อย่างมาก เขาก็เพียงสามารถแลกเป็นเงินได้เท่านั้น นอกจากนี้ หลิน ฮวงควรจะเป็นคนที่ได้ศพไปเพราะหลิน ฮวงเป็นคนที่ทำทุกอย่าง ไม่ใช่เขา
หลังจากที่เก็บศพไป หลิน ฮวงก็อัญเชิญหมึกดำที่อยู่ในสีฟ้าออกมา จากนั้นทั้งคู่ก็ก้าวเข้าไปในข้างใน
พวกเขากลับมายังที่ที่พวกเขาบอกลาหยี่ เยว่หยู่ในตอนเช้า และเธอก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม
เจ้าหน้าที่กำลังยุ่งอยู่กับการย่างขามอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่ยาวกว่า2เมตร หลังจากมันย่างเสร็จ น่องขาก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง ปล่อยกลิ่นหอมน่าลิ้มลองออกมา
หยี่ เยว่หยู่จ้องมองไปที่น่องขาด้วยสายตาเป็นประกาย หลิน ฮวงและหลี่ หลางเองก็หันสายตาไปจับจ้องน่องขาเช่นกันเมื่อพวกเขาเห็น
“พวกนายกลับมาแล้ว!ทำไมถึงนานนัก?”หยี่ เยว่หยู่บ่น เธอรู้ว่าหลี่ หลางได้เลื่อนระดับแล้วและอยู่ในระดับเดียวกับเธอซึ่งก็คือระดับเพลิงขาว อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลย
“เอ่อ ฉันต้องใช้เวลาเพื่อจุดประกายไฟนะ”หลี่ หลางยิ้ม ทันทีที่เขาเลื่อนเป็นระดับเพลิงขาว อารมณ์เขาก็ดีขึ้นทันตาเห็น
“พวกเธอฆ่าอสูรหอกนรกได้จริงๆ?”ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะไม่เชื่อ เขาคิดว่าทั้งคู่ต้องล่ามอนสเตอร์ตัวอื่นมา
“แน่นอน”หลี่ หลางพยักหน้าอย่างมั่นใจ
เจ้าหน้าที่เหลือบมองหลี่ หลาง และคิดว่าเขากำลังโกหก อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและย่างเนื้อต่อ
“เร็วเข้า เอาอสูรหอกนรกมาให้ฉันดูหน่อย!”หยี่ เยว่หยู่ร้องออกมาและบอกหลิน ฮวง
จากนั้นหลิน ฮวงก็หยิบเอาศพออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เจ้าหน้าที่ลอบมองศพและพบว่ามันคืออสูรหอกนรกจริงๆ ขณะที่เขามองมันอย่างจริงจัง เขาก็ยิ่งดูแปลกใจมากขึ้น“นี่คืออสูรหอกนรกระดับเพลิงแดง?!”
“เป็นไปได้ไง?คุณรู้ได้ไงว่ามันคือมอนสเตอร์ระดับเพลิงแดง?”หยี่ เยว่หยู่ถามอย่างอยากรู้
“ดูที่แขนมัน คริสตัลบนแขนทั้งสองข้างเป็นสีแดง”เจ้าหน้าที่อธิบาย“สีของคริสตัลบนแขนมันคือตัวบ่งชี้ว่ามันอยู่ในระดับไหน”
จากนั้นทั้งสามก็สังเกตเห็นคริสตัลสีแดงขนาดเท่านิ้วโป้งบนแขนทั้งสองข้างของอสูรหอกนรกซึ่งติดอยู่บนเกราะเงิน มันดูเหมือนทับทิมสองเม็ดที่ฝังอยู่บนแขน
“นายสามารถฆ่ามอนสเตอร์กลายพันธ์สองครั้งระดับเพลิงแดงได้แล้ว?!”หลังจากที่ยืนยันระดับพลังของมอนสเตอร์ หยี่ เยว่หยู่ก็สับสนและมองหลิน ฮวง เธอรู้สึกว่าหลิน ฮวงเป็นชายที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย
“ฉันแค่โชคดีนะ”หลิน ฮวงยิ้ม เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่กำลังมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง“ดูเหมือนว่าเราจะกลับมาทันมื้อกลางวันนะ!”