Golden Time - ตอนที่ 15 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 15
ข้างนอกหน้าต่างรถ ซูฮยอคนั่งมองเสาไฟข้างทางที่ผ่านรถเขาไปอย่างรวดเร็ว
ซูฮยอคจ้องมองแสงไฟจากข้างทางที่ค่อย ๆจางหายไปทุกครั้งที่รถเคลื่อนผ่าน
มันเป็นเงื่อนไขที่ยากจะปฏิเสธได้จริง ๆสำหรับเขา : เงินมากถึง 600,000 วอนกับการอยู่บ้านชายคนนั้นแค่ 3 ชั่วโมง แถมสอนพิเศษแบบส่วนตัวที่บ้านอีก เขาไม่ได้รับเพียงแค่เงินแต่ยังได้เรียนพิเศษฟรีอีก
‘แล้วงี้มันจะมีปัญหาตามมามั้ยเนี่ย?’
“นายดูกังวลมากไปนะ” คนขับรถพูด
ซูฮยอคเกาหัวกับคำพูดของคนขับรถ
“ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะโอเครึเปล่า” ซูฮยอคพูด
“นายหมายความว่าไง?” คนขับรถถาม
“ผมหมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้านายคุณทำให้ผม”
คนขับรถจับพวงมาลัยและพยักหน้า
จริง ๆแล้วคำพูดของซูฮยอคก็ฟังดูมีเหตุผล เรียนพิเศษฟรีแถมยังได้ค่าจ้างรายชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียอะไรให้ชายคนนั้นเลย
ของขวัญที่เขาได้มอบให้ซูฮยอคก่อนหน้านั้น มันก็คือรางวัลตอบแทนกับสิ่งที่ซูฮยอคทำให้แม่ของเขา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันดูมีบางอย่างที่ต่างออกไป เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญูที่เขามีต่อแม่เช่นกัน
ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาไม่เพียงแต่เสียพ่อไป ยังรวมถึงภรรยาและลูกชายของเขาด้วย มีสมาชิกครอบครั้วเพียงคนเดียวที่รอดมาได้นั่นก็คือ แม่ของเขา
แต่เขาก็ยังพอมีญาติพี่น้องอยู่บ้าง แต่พวกเขามีความคิดที่จ้องจะฮุบสมบัติของเขาทั้งหมด ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากจะนับญาติกับพวกนั้นสักเท่าไร
และตอนนี้ก็มีแค่ผู้หญิงที่เขาเรียกว่า แม่ เป็นเพียงคนเดียวที่เขานั้นทั้งรักและนับถือจากบรรดาสายเลือดเดียวกับเขาทั้งหมด
ปกติแล้วเขาปกป้องแม่ของเขามาก
คนขับรถที่กำลังนึกถึงเจ้านายของเขาอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า
“นายคู่ควรแล้วที่จะได้รับของขวัญเหล่านั้น”
‘เพราะนายเป็นเหมือนดั่งผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตแม่ของเขาไว้ไงล่ะ’ คนขับรถคิดในใจ
ซูฮยอคกำลังมุ่นคิดถึงเรื่องข้อเสนอนั่น เพื่อที่จะได้ตัดสินใจ เขาไม่ควรพลาดโอกาสดี ๆแบบนี้
แล้วรถก็มาถึงหน้าบ้านของซูฮยอค
ซูฮยอคโบกมือลาและพูดว่า “ขับรถดี ๆนะครับ”
“ครับ ไว้เจอกันอีกสัปดาห์ข้างหน้า” คนขับรถตอบกลับ
เขาหมายถึงเขาจะไปรับซูฮยอคที่โรงเรียน
ซูฮยอคพูดว่าเขาควรไปบ้านของชายคนนั้นสัปดาห์หน้า คงเป็นช่วงเดียวกับที่เขาต้องจ่ายค่าเทอมกับรับเงินที่ได้จากการส่งหนังสือพิมพ์
แล้วดงซูล่ะ เขาไม่ได้สัญญาไว้ว่าจะติวให้ใช่มั้ย? แค่เพียงอาทิตย์เดียว
ซูฮยอคคิดราวกับว่าเรื่องสอนพิเศษทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเต็มที มันคงทำให้ดงซูหัวเสียได้ กล่าวคือทางออกที่เร็วที่สุดจากแผนที่เขาจะต้องสอนพิเศษ
………..……..……..……..……..……..……..……..……..……..……..……..……..………
วันต่อมาซูฮยอคไปพบดงซูที่ห้องอ่านหนังสือตามสัญญา
เขาไม่ได้ไปเรียนพิเศษ ถ้าเขาไปเรียนส่วนตัวที่บ้านของชายคนนั้นเขาจะมีความก้าวหน้าเรื่องเรียนโดยตรงแต่อาจจะไม่ได้ที่โรงเรียนสอนพิเศษเลย และอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องอยู่กับดงซู
เขาพร้อมที่จะทุ่มเทพลังและเวลาเท่าที่มีให้กับดงซู มันจะเป็นบทเรียนที่เข้มข้นยิ่งกว่าการซ้อมรบของชาวสปาตัน เมื่อ ซูฮยอคมาถึงห้องอ่านหนังสือ เขาก็พูดบางอย่างที่สำคัญออกมา
“เราเข้าไปกันเลยมั้ย?”
“โทนเสียงนั่นดูหวาดระแวงฉันนิด ๆนะ” ดงซูพูด
ซูฮยอคถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเข้ามาในห้อง
ห้องอ่านหนังสือมีโต๊ะและฉากกั้นมันเงียบมาก แต่ทุกคนต่างดูวอกแวก บางคนแลกเปลี่ยนบทสนทนากันอย่างสนุกสนานเหมือนกับไม่เจอกันมานาน และเหล่าบรรดาพวกที่จองโต๊ะไว้ก็เข้า ๆออก ๆห้องบ่อยจนเหมือนกับว่าพวกเขามาที่นี่เพราะเปลี่ยนที่พักผ่อนหย่อนใจกับเพื่อน ๆไม่ได้มาอ่านหนังสือ
ระบบการจัดการของห้องสมุดนั้นหละหลวมมาก บางทีอาจเป็นเพราะว่ามันไม่เสียค่าเข้าด้วยมั้ง?
ซูฮยอคคิดว่านี่เป็นความผิดของตนที่ไม่ได้ตรวจสอบเงื่อนไขของห้องสมุดก่อนล่วงหน้า
ในขณะนั้น ดงซูที่กำลังเอามือเกาหน้าอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า
“ฉันคิดว่ามันคงหนวกหูไปหน่อยที่จะนั่งเรียนว่ามั้ย?”
ซูฮยอคพยักหน้าแล้วตอบกลับว่า “มีอีกที่หนึ่งใกล้ ๆ เราไปที่นั่นกัน”
เมื่อซูฮยอคกำลังจะเดินไป ดงซูก็คว้าแขนของซูฮยอคไว้
“นายจะไปหาที่อื่นทำไมให้ยุ่งยาก” “เฮ้! ไอพวกงี่เง่า!”
เสียงตะโกนของเขาดังไปทั่วห้องอ่านหนังสือ และสายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องที่เขา
“เป็นเชี่ยไรของแกวะ?”
สายตาดงซูจ้องเขม็งทีละคน และเดินช้า ๆไปที่ตรงกลางห้อง
“ที่นี่เค้าไว้ใช้สังสรรค์กันหรอ? พวกงี่เง่านี่พวกนายไม่รู้หรอว่าที่นี่เขาไว้ใช้เพื่อการเรียน?”
จากนั้นเขาก็ตรงไปหาชายคนหนึ่งที่จ้องมองดงซูราวกับจะง้างหมัดใส่หน้า
ดงซูยิ้มกว้างให้และพูดขู่ว่า “เฮ้ ถ้าไม่อยากตาย ช่วยนั่งเฉย ๆด้วย!”
ต่อมาชายคนนั้นที่ใช้สายตาจ้องสู้กับดงซูก็รีบหนีออกจากห้องไปโดยพลัน
“เงียบขึ้นแล้วใช่มั้ย? เรามาเริ่มเรียนกันเถอะ”
ซูฮยอคถึงกับยืนอึ้งเมื่อได้เห็นสิ่งที่ดงซูทำไปเมื่อครู่
………..……..……..……..……..……..……..……..……..……..……..……..……..………
พวกเรียนนั่งเรียนกัน 2 ชั่วโมงติดโดยไม่มีหยุดพัก ซูฮยอคพยายามที่จะแค่นให้ดงซูจำสูตรคิตศาสตร์ให้ได้ หากเขาไม่เข้าใจ ซูฮยอคจะอธิบายซ้ำไปซ้ำไปมาจนกว่าเขาจะเข้าใจ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ดงซูเข้าใจได้มากขึ้น เขาไม่ให้ดงซูพักเลย จนผ่านไปอีกชั่วโมง
“ให้ฉันไปห้องน้ำหน่อยสิ” ดงซูพูด
“งั้นนายกลับมาเร็ว ๆนะ หัวข้อนี้สำคัญมาก ถ้าแรงผลักดันเรื่องเรียนมันหายไประหว่างทาง มันจะกลับมาทำความเข้าใจยากทันทีเมื่อนายต้องมาทวนหนังสือด้วยตัวเอง”
ดงซูพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป
10 นาทีผ่านไปดงซูก็กลับเข้ามาพร้อมกลิ่นบุหรี่คลุ้ง พูดว่า “ฉันคิดว่าเราค่อยมาต่อกันพรุ่งนี้ วันนี้ฉันไปต่อไม่ไหวแล้ว เพราะฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสมองของฉันมันกำลังจะแยกเป็นส่วน ๆ”
ซูฮยอคพยักหน้าเบา ๆแล้วคิดในใจว่า
‘ดงซูตกเป็นเหยื่อเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาคงล้มเลิกการสอนนี่ในอีก 2 ถึง 3 วันต่อมา บางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะไม่มาก็ได้ พฤติกรรมที่ไม่ทันคาดคิดของเขาคงจะมาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้นะ’
หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และซูฮยอคต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขามาถึงที่โรงเรียนเพราะดงซูโกนผมของเขา
‘เขาคิดดีแล้วหรอเนี่ย?’
ดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกายราว
“นายโกนผมหรอ?”
ดงซูผมลูบหัวที่ผมเหลือแค่เส้นเป็นตอแข็ง ๆเปิดปากพูดขึ้น “ฉันคิดว่า ฉันก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน ก็เลย โกนมันทิ้งให้เอี่ยมไปเลย นี่นายกำลังจะไปห้องอ่านหนังสือใช่มั้ย?”
“อ้อ ใช่ ฉันจะไป”
ซูฮยอครู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป
ซูฮยอคกับดงซูตรงไปที่ห้องอ่านหนังสือหลังจากโรงเรียนเลิก
ระหว่างทางไปห้องอ่านหนังสือ กลุ่มเด็กนักเรียนถึงกับหลีกทางให้เขาทั้งคู่เหมือนกับปฏิหาริย์ของโมเสส* โดยปกติแล้วดงซูก็มีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วจากเรื่องชกต่อยของเขา แถมตอนนี้ยังโกนผมอีกยิ่งเป็นการเพิ่มลุคให้ดูน่าเกรงขามขึ้นเด็กนักเรียนบางคนถึงกับหลบสายตาดงซูอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึง พวกเขาก็เข้าไปในห้องอ่านหนังสือ ห้องเงียบมากแล้วคนก็ดูน้อยลงกว่าเมื่อวานไปหน่อย เห็นได้ชัดว่านั่นคงเป็นเพราะสิ่งที่ดงซูทำลงไปเมื่อวาน
“นายยังไม่ลืมสิ่งที่เรียนไปเมื่อวานใช่มั้ย? งั้นมาทวนกัน”
ดงซูถอนหายใจยาวก่อนจะพูดขึ้น “ฉันว่า ฉันคงลืมไปบ้าง เดี๋ยวลองทวนดูนะ”
ดงซูนั่งลงและเริ่มเรียนอีกครั้ง
ในขณะนั้นเอง ประตูห้องอ่านหนังสือก็ถูกเปิดออกและกลุ่มเด็กนักเรียน 5 คนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยก็เข้ามาในห้อง ในหมู่พวกนั้นมีใบหน้าหนึ่งที่คุ้น ๆอยู่ คนหนึ่งในกลุ่มลุกออกจากที่นั่งกำลังจ้องสายตากับดงซูไม่ละสายตา เขาเปิดปากพูดขึ้นขณะที่จ้องซูฮยอคและดงซูไปด้วย
“ฉันอยากจะคุยกับนายด้วย ไปคุยกันข้างนอกสักครู่ได้มั้ย?”
ดงซูเลื่อนเก้าอี้ออกและลุกขึ้น
ซูฮยอคก็ลุกขึ้นตาม แต่ดงซูยั้งเขาไว้ให้นั่งตามเดิม
“นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน นายอยู่นี่เพื่อเตรียมบทเรียนสำหรับวันนี้เถอะ”
ดงซูออกจากห้องไปพร้อมกับกลุ่มนักเรียนนั่น ซูฮยอครู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็ไม่เห็นพวกเขาแล้ว เขาจะโอเคมั้ย? แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรว่าดงซูจะสู้ได้มั้ยเพราะพวกนั้นมีกันถึง 5 คน ซูฮยอคลุกจากที่นั่ง
จากนั้น ดงซูก็กลับมาทันที กำลังเช็ดริมฝีปากของตัวเองไปด้วย
เขาพูดว่า “ฉันทำให้พวกมันกลับบ้านไปแล้ว เรามาเริ่มเรียนกันเถอะ”
ซูฮยอคพยักหน้าอย่างช้า ๆ เขาเนี่ยนะไล่เตะพวกนั้นจนกลับบ้านไป?
เพิ่มเติม :
*ปาฏิหาริย์โมเสส (Moses Miracle) ทะเลแยกที่เกาะจินโด เกาะจินโด(Jindo Island) ในเกาหลีใต้เป็นสถานที่ที่เกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าทึ่งขึ้น เราเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า Moses Miracle ปรากฎการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น 2 ครั้งต่อปี ในช่วงเวลาที่ระดับน้ำทะเลลดลง จะปรากฎให้เห็นทางเดินเชื่อมระหว่างเกาะโมโดไปยังเกาะจินโด มีความยาวทั้งสิ้น 2.8 กิโลเมตร กว้าง 40 เมตร เป็นเวลานาน 1 ชั่วโมง