Golden Time - ตอนที่ 8 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 8
ซูฮยอครีบวิ่งไปหาชายคนนั้นทันที ซูฮยอคสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้เขาเสียหลักล้มแต่เอามือคว้าเสาโทรศัพท์ไว้ได้ทัน และตอนนั้นเองความทรงจำก็มีความทรงจำหนึ่งวิ่งผ่านเข้ามาในหัวของเขา
มีเสียงที่ฟังดูแหบแห้ง จากวิทยุดังมาจากรถแท็กซี่ที่กำลังขับไปบนทางหลวง (อากาศวันนี้ : คลื่นความเย็นกลับมาหลังจาก 10 ปี... ) โครม! รถตู้บนทางหลวงเสียการควบคุมข้ามเส้นแบ่งเลนและชนเข้ากับรถแท็กซี่ ไม่มีเวลาที่คนขับรถแท็กซี่จะทันตั้งตัวเลยทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากแรงจากการชนทำให้รถแท็กซี่ลอยขึ้นไปในอากาศก่อนที่มันจะพลิกกลับคว่ำ ซูฮยอคมองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน เหมือนกับวิดีโอสโลว์โมชั่น เศษชิ้นส่วนกระจกแตกกระจาย นัยตาของเขาเองก็มองเห็นภาพเศษกระจกแตกทีละชิ้น ๆเหมือนกับการดูฉากหนึ่งในวิดีโอสโลว์โมชั่นเช่นกัน แต่หลังจากนั้นไม่นานเศษชิ้นส่วนรถแท็กซี่ก็แตกกระจายไปทั่วบริเวณที่เกิดเหตุ
ความทรงจำของซูฮยอคก็สิ้นสุดลงตรงนั้น เมื่อฉากและเงื่อนไขที่คุ้นเคยมันเริ่มที่จะเชื่อมโยงกันชิ้นส่วนของความทรงจำของเขาที่หลับไหลอยู่คงใกล้ที่จะตื่นฟื้นคืนกลับมาแล้ว อย่างไรก็ตามนั่นยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสำหรับตอนนี้ ซูฮยอคสลัดหัวเพื่อปลุกตัวเองแล้ววิ่งเข้าไปหาเหยื่อจากอุบัติเหตุ เป็นชายที่อายุราว 20 ต้น ๆกับผมสีเหลืองของเขา
“คุณเป็นอะไรมากไหม?” ซูฮยอคถาม
“ช่วยเอาฉันออกไปที...” เหยื่อพูด
เพื่อจะขอความช่วยเหลือ ซูฮยอคก็โทรไปที่ 119 จากนั้นเขาก็รีบวางสายและมองไปรอบ ๆ เริ่มต้นจากหัวดับเพลิงที่กลิ้งอยู่บนพื้น เลือดของเหยื่อไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากรถจักรยานยนต์ชนกับหัวดับเพลิง
“เฮ้! นักเรียน ได้โปรดช่วยฉันด้วย” เหยื่อพูด
“อย่าขยับนะครับ...”
เลือดของเขาไหลออกมาจากช่วงล่างของตัวถูกบังไว้ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่ทับตัวเหยื่ออยู่ กองเลือดขนาดใหญ่เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่าบาดแผลของเขาลึกแค่ไหน
‘หลอดเลือดแดงของเขาขาดรึเปล่า?’
จากการตรวจสอบเลือดที่ไหลไม่ได้มาจากหลอดเลือดดำ โชคดีที่รถจักรยานยนต์กดทับบนบาดแผลของเขาพอดี เป็นข้อสันนิษฐาน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหลอดเลือดแดงของเหยื่อฉีกขาด? ถ้ารถจักรยานยนต์ถูกยกออกเลือดอาจพุ่งออกมาจากแผลจากการสูบฉีดเลือดของหัวใจ
“คุณพระช่วย! คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
ผู้ชายสองคนที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์เข้ามาหา พวกเขาเริ่มช่วยกันยกรถจักรยานยนต์ออกจากตัวเหยื่อทันที
“เดี๋ยวก่อน!” ซูฮยอคตะโกน แต่รถจักรยานยนต์ก็ถูกยกออกจากร่างของเหยื่อไปไว้อีกข้างหนึ่ง
เหยื่อร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดแล้วก็เห็นแผลที่ต้นขาของเขาอย่างชัดเจน บาดแผลของเขาลึกมาก
เพื่อความแม่นยำ มันเป็นเรื่องที่รุนแรงมากจนต้นขาของเขาเป็นแผลเหวอะ เลือดพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ แม้แต่กระดูกสีขาวที่ต้นขาของเขาจมอยู่ข้างใต้เลือด
“เรียกรถพยาบาลที!”
เมื่อตระหนักถึงสถานการณ์ฉุกเฉินชายคนหนึ่งดึงโทรศัพท์มือถือออกมาและอีกคนใช้ 2 มือห้ามเลือดที่ต้นขาของเหยื่อ
ซูฮยอคถอดเสื้อไหมพรมและเสื้อยืดออกแล้วกดที่แผลไว้ หากมียาฆ่าเชื้อโรคก็คงจะดีกว่านี้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์เช่นนี้ซูฮยอคต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับเหยื่อไปก่อน
ร่างกายของเหยื่อสั่นแล้วสั่นอีก อากาศหนาวมากเพราะดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นได้ไม่นาน เหยื่อมีเลือดออกมาก เขากำลังประสบกับสิ่งที่เรียกว่า adventitious hypothemia
คือเมื่อกล้ามเนื้อแข็งตัว ร่างกายจะทำปฏิกิริยาก่อนเพื่อรักษาอุณหภูมิไว้ อุณหภูมิแกนหลักของมนุษย์คือ 35 องศาเซลเซียส หากมีการสูญเสียอุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ การหายใจ การไหลเวียนของโลหิตและต่อมาระบบประสาทจะชะลอตัวลง ทำให้เกิดสภาวะเลวร้ายลง และซูฮยอคก็ไม่ลังเลที่จะเอาเสื้อไหมพรมห่มให้เหยื่อ
“อดทนอยู่กับผมก่อนนะ ผมโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว คุณเห็นนี่ไหม?”
ซูฮยอคขยับนิ้วไปทางซ้ายทีแล้วก็ไปทางขวาที
“นายกำลังทำอะไร?”
นัยตาของเขาตอนนี้สั่นระรัว ตามองตามนิ้วมือของซูฮยอค มันเป็นสัญญาณที่ดี การตอบสนองของเขายังดีอยู่และริมฝีปากของเขายังไม่ซีด
แต่ซูฮยอคไม่สามารถโล่งใจได้ เขาปฐมพยาบาลไปเท่าที่ทำได้ แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะห้ามเลือดได้ รถพยาบาลมาถึง เจ้าหน้าที่ยกตัวเหยื่อขึ้นบนเปลหามอย่างรวดเร็ว
“เธอเป็นอะไรไหม เด็กน้อย?”
เจ้าหน้าที่หญิงจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจเพราะซูฮยอคสวมเพียงเสื้อแขนสั้น ในขณะนั้นซูฮยอคเอามือถูแขนที่ขนลุกเพราะความเย็นของอากาศ
“ผมคิดว่าเขาตกอยู่ในสภาวะความเป็นความตาย เลือดออกเยอะมาก...”
“คุณต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้นะ รีบกลับไปขึ้นรถเร็ว!”
ซูฮยอคไม่พูดพร่ำทำเพลง เขากระโดดขึ้นรถพยาบาลไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ
รถพยาบาลขับรถเร็วมาก ซูฮยอคได้เสื้อไหมพรมคืน อยู่ในจุดที่ทำอะไรไม่ถูกและพูดอะไรไม่ออก เจ้าหน้าที่ต่างพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะยื้อชีวิตของเหยื่อไว้ให้ได้นานที่สุด
‘เราต้องไปโรงเรียน...’ เมื่อซูฮยอคกำลังคิดถึงเรื่องนั้นรถพยาบาลก็มาถึงโรงพยาบาล
ซูฮยอคได้แต่ยืนดูหลังจากที่เขาลงจากรถพยาบาล เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งรีบพาเหยื่อเข้าห้องฉุกเฉินพูดว่า
“นักเรียน มานี่สิแล้วก็เซ็นเอกสารนี่ให้ด้วย”
“ผมไม่ใช่ญาติครับ...” ซูฮยอคตอบ
แต่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ก็วิ่งไปไกลแล้ว ซูฮยอคเกาหัว ดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขา ตอนนี้เวลา 6.20 น.แล้ว ยังมีเวลาเหลือที่จะไปโรงเรียน มันไม่ได้สำคัญหรอก แต่เขาไม่มีค่าโดยสารรถเมล์นี่สิ เขาทิ้งจักรยานไว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุ และในที่สุดสถานการณ์ก็บังคับให้ซูฮยอคต้องตามเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ฟืดดด... ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกและซูฮยอคเข้าไปข้างใน
กลิ่นที่คุ้นเคยเตะจมูกของเขา