Golden Time - ตอนที่ 4 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 4
หลังจากได้อ่านป้ายชื่อของทั้ง 3 คนแล้ว ซูฮยอคเงยหน้ามองพวกเขา ‘พวกเขาเป็นเพื่อนของผม’ ถึงแม้ไดอารี่ของเขาเต็มไปด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับคำพูดดูถูกตัวเองหรือคำพูดข่มเหง และคำสาปแช่งผู้อื่น อย่างไรก็ตามชื่อของพวกเขาพบบ่อยที่สุดในไดอารี่ : ชเว อินเบ, คิม อินซู, คิม ดงฮยอค ชื่อเหล่านี้แหละที่เจอบ่อย เขาถูกแกล้งจากเพื่อน ๆด้วยวิธีไหนกัน? ซูฮยอคเริ่มพูด
‘มันก็นานแล้วใช่ไหมตั้งแต่ที่เราเจอครั้งล่าสุด?’
‘ใช่ สามเดือนแล้ว’
ชเว อินเบ คนที่คอยเอาแต่จดจ้องจะเอามือจับแว่นตาที่หนาเตอะเล่น แล้วชเว อินเบก็ถามขึ้นว่า ‘นายจำเราไม่ได้จริงหรอ?’
ซูฮยอคยิ้มเจื่อน ๆพลางกับพยักหน้าไปด้วย คิม ดงฮยอค ที่หน้าตาดูกวนประสาทก็ถามขึ้นว่า ‘แล้วนายลืมทุกอย่างที่เคยเรียนไปด้วยรึเปล่า?’
‘ก็...’
เขาไม่แน่ใจเท่าไรเพราะเขาไม่ได้เรียนอย่างจริงจัง บางทีสิ่งที่เขาเคยเรียนอาจถูกลบจากความทรงจำไปหมดแล้วก็ได้
ทำไมพวกนี้ถึงปฏิบัติกับเขาดีนัก? เพราะพวกเขาต้องการที่จะแกล้งผมด้วยหลากหลายวิธีรึเปล่า? ไม่ใช่แค่พวกนี้เท่านั้น แต่ยังเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ยังเป็นแบบเดียวกันที่เข้ามาถามไถ่เขาด้วยความห่วงใย เพื่อนร่วมชั้นทุกคนพยายามจะเล่นตลกอะไรกับเขาหรือเปล่า? แต่เขาไม่รู้สึกแบบนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเพื่อน ๆมีท่าทางที่จริงใจ เขารู้สึกสับสนกับความคิดที่ซับซ้อนของตัวเองอีกครั้ง
‘ฉันคิดว่าฉันจะต้องแนะนำตัวเองอีกครั้งฉันคือ คิม ดงฮุก เรามาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมกันเถอะ!’
ดงฮยอค เอื้อมมือไปที่ซูฮยอคเพื่อทักทาย ซูฮยอคไม่ลังเลที่จะคว้ามือของเขาไว้ ลี ซูฮยอค ที่เคยถูกแกล้งและทำตัวเหมือนคนขี้แพ้ในอดีตตอนนี้ได้ตายไปแล้ว ซูฮยอคยิ้มแห้งแล้วมองดงฮยอค ‘แต่ก่อนพวกนายคงต้องทนกับความโง่ของฉันมากเลย แต่ตอนนี้ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว’
‘ฉัน ซูฮยอค ยินดีรับใช้’
ซูฮยอคใช้ช่วงเวลาพัก แลกเปลี่ยนบทสนทนาเล็ก ๆน้อย ๆ กับพวกเพื่อน ๆและเขาได้ยินบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ นั่นคือทั้งสี่คนรวมทั้งเขาเรียนด้วยกันและทำแบบนี้ทุกวันรวมทั้งในวันสุดสัปดาห์ด้วยโดยไม่ละเลยแม้แต่นิด และยิ่งทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นก็คือ เป็นซูฮยอคเองที่เป็นตัวนำในการจับกลุ่มเพื่อนเรียน เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
‘กว่าจะมาเรียนได้นายพักฟื้นนานไหม?’
เขาไม่คิดนานก่อนที่จะตอบว่า ‘หลังจากพักประมาณสิบวัน’
ถ้าคุณพยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบ มันก็เหมือนกับบังเหียนที่ไร้การควบคุม มันก็จะหมุนวนเช่นนั้นไปเรื่อย ๆจนวนกลับมาที่เดิม จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาข่มขู่ผมด้วยการกลั่นแกล้ง? เขาเคยยอมให้กับความคิดที่โง่ ๆมาก่อน...สู้กลับงั้นหรอ? ไม่ต้องคิดให้มากเพราะชนะได้ง่าย ๆอยู่แล้ว นายชนะแน่นอนถ้านายใส่เต็ม นัยตาทั้งคู่ของเขาเบิกกว้าง ซูฮยอคจะไม่ถูกกลั่นแกล้งเหมือนครั้งก่อนๆ
......................................................................................................................................
หนึ่งสัปดาห์หลังจาก ซูฮยอคกลับมาที่โรงเรียน ในขณะเดียวกันไม่มีใครมารังควาญเขา ในทางตรงกันข้ามนักเรียนบางคนมาหาเขาพร้อมหนังสือวิชาคณิตศาสตร์หรือสมุดการบ้านเพื่อให้เขาช่วย โชคดีที่เขายังสามารถสอนได้อย่างง่ายดายด้วยความรู้ที่เขาเคยได้รับมาก่อน แต่มีโจทย์บางข้อที่เขาแก้ไม่ได้ เมื่อ ซูฮยอคส่ายหัวว่าเขาไม่รู้วิธีแก้โจทย์พวกนักเรียนเหล่านั้นจะพูดอย่างพร้อมเพรียงกันว่า
‘นายยังคงดูเหมือนเดิมเลยนะซูฮยอค’
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะสูญเสียความทรงจำ : ซูฮยอคมักบอกเสมอว่าคนที่มาขอให้เขาสอนคณิตศาสตร์ไม่มีซักคนเลยที่เขารู้จัก อย่างไรก็ตามคะแนนสอบคณิตศาสตร์ของซูฮยอคมักจะติดท็อปของนักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุดเสมอ แต่พวกนักเรียนที่เคยให้เขาสอนกลับคะแนนไม่ดีมักจะคิดกันว่าที่เป็นแบบนี้เพราะซูฮยอคไม่ได้ตั้งใจสอนพวกเขา แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่ซูฮยอคก็ยังไม่สามารถจำได้ตอนนี้...
‘มีอะไรที่นายยังพอจะจำได้อีกไหม?’
ซูฮยอค ส่ายหัวเมื่อ ดงฮยอค ถาม พวกเขาใช้เวลาร่วมกันในกลุ่มพวกเพื่อน ๆมักจะมาหาซูฮยอคที่พักผ่อนอยู่ มันสนุกมากเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ทั้งสามคนอยู่คนละห้องกันรึเปล่า? เขาต้องมีแรงผลักดันมากพอ พอที่จะดึงพวกเพื่อน ๆกลับมารวมกลุ่มแม้ว่าพวกเขาจะอยู่คนละห้องกันก็ตาม
‘ฉันยังจำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไร’
หลังจากที่ซูฮยอคตอบ พวกเขาก็แสดงออกถึงความเสียใจเล็ก ๆ แต่พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะให้กำลังใจซูฮยอค
‘หมดเวลาแล้ว พวกเราต้องไปก่อน’
พวกเขาโบกมือลาและหันหลังเดินกลับไป ตอนนั้นซูฮยอคเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าหัวของเขาสั่นอย่างเจ็บปวด เมื่อได้เห็นภาพที่เพื่อน ๆโบกมือลาเดินออกจากห้องไปมันมีบางอย่างที่คุ้น ๆกับภาพที่ปรากฏเห็นเพื่อนทั้งสามคนจากด้านหลัง หรือนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ซูฮยอคเคยเห็นมาก่อน มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆที่มั่นใจว่าเป็นภาพในอดีตที่วิ่งผ่านเข้ามาในหัวของเขาการปรากฏตัวของใครบางคนที่หันหลังกลับและโบกมือให้เขาที่ถนน ซูฮยอคหัวเราะเงียบ ๆ มองไปที่พวกเขา และซูฮยอคก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขายังพอมีเวลาเหลืออยู่
ความรู้สึกถึงความโล่งอก ความรู้สึกถึงชัยชนะ มันหมายความว่ายังไงกัน? ซูฮยอคพยายามตั้งใจจดจ่อมากที่จะไม่ให้พลาดกับความทรงจำที่วิ่งเข้ามาในหัวเขาเหมือนกับชิ้นส่วนจิ๊กซอ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นจากความทรงจำที่ถูกล็อคไว้ใต้ก้นบึ้งที่รอวันระเบิดออกมาเหมือนกับเขื่อนแตก แต่มันกลับกลายเป็นความปรารถนาที่เปล่าประโยชน์ ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะเลิกแล้วและวันรวมกลุ่มกันเรียนของเพื่อนในกลุ่มก็ใกล้เข้ามา เขาก็ยังคงจำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“นี่นักเรียน! ตรงกลับบ้านแทนที่จะแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ๆที่จะไปร้านเกมนะ”
ทันทีที่ครูพูดจบนักเรียนในห้องก็เดินออกจากห้องไป ซูฮยอคเองที่กำลังมุ่นอยู่กับการคิดเกี่ยวกับบางอย่างอยู่ก็ลุกออกจากที่นั่งเพื่อตรงกลับบ้านเขาหยุดคิดทุกอย่างและเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำไม? ทำไมเขาถึงสวมรอยยิ้มเย่อหยิ่งเมื่อเขาพบว่าตัวเองมีอาการสั่นกลัวเหมือนก่อนหน้านี้? แต่ก็ไม่ได้สำคัญแม้ว่าเขาพยายามจะเข้าใจมันแค่ไหนก็ยังมีหลายเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับเขาอยู่ดี
'เห้อออ...'
ซูฮยอคถอนหายใจพร้อมกับเลิกหมกมุ่นกับสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ ถ้าเขามีทุกอย่างที่เขาจำได้ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถเขารู้ว่าเขาต้องทำมันได้แน่ เขาคงรู้สึกผ่อนคลายมากกว่านี้ถ้าเขาจำอะไรเพิ่มได้บ้าง
ซูฮยอคมองดูนาฬิกา มันเกือบจะ 1 ทุ่มแล้ว เป็นเวลาที่แม่จะกลับมาจากทำงานได้แล้ว ทันทีที่เขานึกถึงเรื่องนี้เขาก็ได้ยินเสียง คิม มยองฮี เปิดประตู
ซูฮยอคเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปหาแม่ เธอหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มตามที่คาดไว้ แม่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทั่วไปแทนที่จะใส่เสื้อผ้าที่มันอุ่นกว่านี้ นั่นทำให้ซูฮยอครู้สึกเป็นห่วงเธอ
‘วันนี้ลูกไปโรงเรียนมาใช่ไหม? ดีรึเปล่า?’
‘ใช่ครับแม่...’
เขารู้สึกอึดอัดที่จะพูด เขาละสายตาจากแม่ถึงแม้ว่าแม่กำลังยิ้มอยู่ก็ตาม