Golden Time - ตอนที่ 13 [อ่านฟรี]
บทที่ 13
มีเพียงเหตุผลเดียวที่เจ้างั่งอย่างดงซูเข้าหาเด็กผู้ชายคนอื่น ๆในโรงเรียน
ตอนที่เพิ่งเข้า ม.ปลาย เขาต้องการสร้างแรงผลักดันให้กับตัวเองใหม่ แต่ที่แปลกก็คือ ดงซูใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ตั้งแต่เปิดเทอมจนถึงช่วงสอบมิดเทอม เขาจะไม่สร้างปัญหาให้กับใคร ถ้าเกิดไม่มีใครไปยุ่งกับเขาก่อน
ซูฮยอคสงสัยว่าทำไมดงซูผู้ที่ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับใครเลยจนถึงตอนนี้ นำปัญหามาเพื่อที่จะปรึกษาซูฮยอค
‘ยังไงก็ตามความหวังที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขาคงเป็นเรื่องยาก เขาสุดจะทนกับความคันไม้คันมือที่ดึงดูดเรื่องชกต่อยรึเปล่า?’
ซูฮยอคช่วยอะไรไม่ได้ และเป็นกังวลเล็กน้อย
“นายต้องเก่งมากแน่ ๆยินดีด้วยนะที่ได้ที่ 1 ของห้อง!” ดงซูพูด
“ขอบใจ” ซูฮยอคตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ดงซูแสดงรอยยิ้มอีกครั้งและนั่งลงข้าง ๆเขา จากนั้นดงซูก็โยนหนังสือเล่มหนึ่งให้เขา มันเป็นหนังสือแบบฝึกหัด
“ฉันซื้อมาเมื่อวานนี้ ฉันไม่รู้เลยว่าหนังสือที่ซื้อมามันดีหรือไม่ดี ถ้ามันโอเคสำหรับนายก็ลองอ่านมันดูนะ”
มันเป็นหนังสือแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ ส่วนใหญ่หนังสือแบบฝึกหัดทั่ว ๆไปก็จะเหมือน ๆกัน แต่ซูฮยอครับฟังดงซูก็เพราะมันเป็นโจทย์ที่ไม่ได้ยาก
ถ้าตามที่คาดไว้ เนื้อหากับโจทย์ในเล่มนี้ส่วนใหญ่ก็คงเหมือน ๆกัน
“ฉันว่ามันดูโอเคเลยนะ”
“งั้นฉันขอให้นายช่วยอะไรฉันอย่างฉันหนึ่ง” ดงซูพูดด้วยสีหน้าที่ดูพึงพอใจ
‘ขอให้ช่วย? นายไม่ได้ต้องการจะยืมเงินจากฉันใช่มั้ย? เพราะนายจะไม่ใช้คืนฉันอย่างแน่นอน’
“จะขอให้ช่วยอะไร?” ซูฮยอคถาม
“เรียนกับนายแบบส่วนตัว” ดงซูพูด
ซูฮยอคแสดงอาการอึดอัดใจเล็กน้อยออกมาเพราะมันเป็นสิ่งมี่เขาไม่ได้คาดว่าจะได้ยินมัน
“ทำไมนายไม่ไปเรียนที่โรงเรียนสอนพิเศษล่ะ?”
ดงซูรู้สึกขมขื่นใจและพูดว่า “เพราะฉันไม่มีเงินจ่ายยังไงล่ะ”
ครอบครัวของเขาไม่ค่อยดีเท่าไร แน่นอนว่าถ้าเขาต้องการเงินเขาก็ย่อมได้ โดยการสั่งให้เหล่าลูกน้องให้ไปหาเงินมาหรือไม่ก็รีดไถจากพวกเขา เท่านี้ดงซูก็สามารถหาเงินเพื่อเอาไปจ่ายค่าเรียนพิเศษได้แล้ว
แต่ตอนนี้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเปลี่ยนความคิดตัวเองและเริ่มชีวิตใหม่ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าความตั้งใจของเค้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนเขาจะมีความมั่นใจที่จะทำมันให้ดีโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
ดงซูเปิดปากพูดขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูอึดอัดใจของซูฮยอค
“ถ้านายช่วยฉัน ฉันก็จะช่วยนายคืนเช่นกัน”
“ช่วย?”
“ใช่ ถ้านายเห็นพวกที่มันแกล้งนายหรือนายไม่ชอบหน้าใคร แค่บอกฉัน แล้วฉันจะไปไล่เตะก้นพวกมันให้เอง”
ซูฮยอคหัวเราะด้วยเสียงตกตลึงใส่เขา แต่ใบหน้าเขาเห็นได้ชัดเจนถึงความรู้สึกที่แสดงออกมาและมันรู้สึกแย่ขึ้นกว่านั้น
ดงซูพูดว่าที่เขาเรียนได้ไม่ดีก็เพราะว่าเขาไม่มีเงิน แต่ซูฮยอครู้สึกว่ามันฟังดูทะแม่ง ๆเพราะนั่นมันเป็นแค่ข้ออ้างของดงซู มีนักเรียนหลายคนที่สมัครเรียนกับโรงเรียนสอนพิเศษเพื่อบทเรียนพิเศษและได้รับการติวแบบส่วนตัว แต่ในทางตรงกันข้าม นักเรียนที่อ่านหนังสือด้วยตัวเองนั้นคงสู้กลุ่มเด็กที่ไปเรียนพิเศษไม่ได้ เพราะจำนวนและคุณภาพงานของกลุ่มนักเรียนที่อ่านหนังสือเองนั้นมันค่อนข้างจะแตกต่างจากเด็กที่ไปเรียนพิเศษอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่มองหนังสือแบบฝึกหัดที่ดงซูกำลังถืออยู่ ซูฮยอคก็จ้องมองไปที่เขา
‘ถ้าฉันสอนดงซู แน่นอนว่าจะไม่มีใครในโรงเรียนจะมากล้าสร้างความรำคาญหรือแกล้งเราได้อีก แม้แต่พวกอันธพาลเหล่านั้นก็ต้องหลบสายตาของซูฮยอค เพราะเขามีดงซูคอยคุ้มกัน’
จากที่เขาได้ลองคิดดูแล้ว เขาต้องสละเวลาสักเล็กน้อยเพื่อมาสอนดงซู กลับกันเขาก็ได้ทบทวนบทเรียนได้เรียนมาไปในตัวด้วย
ปัญหาก็คือเขาจะจัดสรรเวลาของตัวเองอย่างไร
ตอนเช้าเขาต้องส่งหนังสือพิมพ์และไปเรียนพิเศษในตอนเย็น จากนั้นก็กลับบ้านมาทบทวนบทเรียนต่อที่บ้าน
ซูฮยอคพยายามหาบางช่วงเวลาที่เขาพอจะให้กับดงซูได้ จากนั้นไม่นานเขาก็ทำการตัดสินใจ
“ตกลง” ซูฮยอคพูด
ดงซูพยักหน้าราวกับว่าเค้ารู้คำตอบของซูฮยอคอยู่แล้ว
ซึ่งความจริงแล้ว ไม่เคยมีใครปฏิเสธคำขอของดงซูเลย
“แล้วเราจะเริ่มกันเมื่อไร?” ดงซูถาม
“วันพรุ่งนี้เลย” ซูฮยอคพูด
ดวงตาของดงซูเบิกกว้าง เขาคิดว่าซูฮยอคคงจะเริ่มการสอนสัปดาห์หน้า แต่ก็แอบหวังเล็ก ๆไว้ว่าคงเริ่มได้เร็วกว่านั้น
ซูฮยอคเปิดปากถามอีกครั้ง “ครั้งนี้นายสอบได้ที่เท่าไรของห้อง”
“ที่ 29”
ที่ 29 จากนักเรียนในห้อง 31 คน ยังโชคดีที่เขาไม่ได้ที่โหล่ แต่จริง ๆมันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร ซูฮยอคบอกดงซูถึงห้องอ่านหนังสือที่เขาจะนัดเจอกันเพื่อสอน ทุกคนสามารถใช้ห้องนี้ได้ฟรี
หลังจากเรียนพิเศษเสร็จ ซูฮยอคตั้งใจว่าจะไปที่ห้องอ่านหนังสือแทนที่จะกลับบ้าน
“ขอบใจนะ” ดงซูยื่นมือถือของตัวเองให้ซูฮยอค
ทั้งคู่แลกเบอร์กันเพื่อไว้ติดต่อ
หลังจากเสร็จสิ้นการสอนดงซู ซูฮยอคก็ออกจากห้องไปที่จักรยาน
‘ฉันควรต้องไปแสดงความรู้สึกขอบคุณสิ’
ซูฮยอคตรงไปที่โรงพยาบาลก่อนที่จะไปโรงเรียนสอนพิเศษ สิ่งที่เขาได้รับไม่ใช่แค่เพียงค่าเทอมแต่ยังรวมถึงจักรยานที่แสนจะแพงคันนี้จากชายคนนั้นด้วย เขารู้สึกว่าเขาควรไปแสดงความขอบคุณ เขารู้สึกคลุมเครือถึงผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน
ถ้าเธอยังอยู่ที่นั่น ลูกชายของเธอก็อาจอยู่ด้วย เขาได้ยินมาว่าผู้ป่วยคนนั้นที่มีปัญหาเรื่องการรับรู้มาที่ห้องฉุกเฉินด้วยการแกล้งทำเป็นว่าป่วยเป็นประจำ
มันเป็นไปได้ถ้าหมอหรือพยาบาลไม่รู้เบอร์ที่สามารถติดต่อญาติของเธอ เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉิน ซูฮยอคแสดงสีหน้าออกมาผ่านความรู้สึกแปลก ๆที่รู้สึกอยู่ หมอและพยาบาลที่เขาเคยเห็นก่อนจะหายไปในวันนั้นและตอนนี้หาไม่เจอเลยสักคน ราวกับว่าพวกเขาถูกเปลี่ยนให้เจ้าหน้าที่ชุดใหม่มาทำหน้าที่แทนทั้งหมด
ซูฮยอคพยายามมองหาพวกเขาแผนกอื่นแถว ๆห้องฉุกเฉิน แต่ก็ไม่พบเลยแม้แต่คนดียว
“อย่างที่นายรู้ มีผู้ป่วยบางคนที่แกล้งป่วยแล้วมาอยู่ห้องฉุกเฉินทุกวัน ทั้งเธอยังมีความผิดปกติด้านการรับรู้อีก ผมขอข้อมูลติดต่อญาติของเธอได้ไหมครับ?”
พยาบาลส่ายหน้า บ่งบอกได้ว่าพวกเขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหญิงป่วยที่เป็นไส้ติ่งอักเสบเช่นกัน
ซูฮยอคหมดหวัง ต้องกลับไปมือเปล่า เขารู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้จริง ๆถ้ามันเป็นไปได้ เขาอยากพบเธออีกครั้งในสักวันหนึ่ง เขาต้องหันหลังให้กับความรู้สึกเสียใจแล้วมันทิ้งไว้ข้างหลัง
ถึงแม้ว่าจะเริ่มมือแล้ว แต่ก็ยังมีเด็ก ๆจับกลุ่มเล่นกันอยู่ในหมู่บ้านใกล้ ๆ เมื่อซูฮยอคมาถึงบ้าน เขาเข็นจักรยานและเดินไปอย่าช้า ๆ เขาต้องระวังเพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้จากการลื่นไถล ซูฮยอคไปที่วิลล่า แล้วหันไปหน้าไปด้านหนึ่งที่มีรถสำดำที่ดูคุ้น ๆจอดอยู่ มันเป็นรถหรูนำเข้าคนหนึ่งที่คงไม่ได้หาได้ง่าย ๆในระแวกเพื่อนบ้านแถวนี้ มันคือรถคันที่รับเขาออกจากโรงพยาบาลไปส่งที่บ้าน
ไม่มีอะไรต้องสงสัยเลย
เสียงแตรดังขึ้น
ประตูรถเปิดออกพร้อมกับเสียงแตรเบา ๆ และคนขับรถที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้ก็เดินออกมาหาเขา
“เธอชอบจักรยานคันใหม่มั้ย?” เขาถาม
ซูฮยอคพยักหน้าตอบทันที และพูดว่า “ขอบคุณนะครับ แล้วคุณได้จ่ายค่าเทอมให้ผมด้วยรึเปล่า?”
คนขับรถพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม และพูดว่า “ตอนนี้เธอกลับมาบ้านแล้ว ฉันรอเธออยู่ตั้งนาน”
‘รอเรา?’
“คุณรอผมทำไม?” ซูฮยอคถาม
“เจ้านายของฉันอยากจะพบเธอสักครู่หนึ่ง”