Golden Time - ตอนที่ 12 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 12
ซูฮยอคถึงกับละสายตาจากป้ายราคาของจักรยานที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้เลย เขามองมือถือทีจักรยานที แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า มีใครให้แพงมากกว่านี้อีกมั้ย? กับราคาจักรยานที่มากกว่า 10 ล้านวอน
ซูฮยอคนึกถึงชายคนนั้นที่ห้องฉุกเฉินอีกครั้งหนึ่ง หากไม่มีชายคนนั้นก็คงไม่เจอกับเรื่องที่เข้าใจยากพวกนี้ และหญิงนิรนามที่จ่ายค่าเทอมให้เขาครบทุกปีการศึกษาเธอต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นอย่างแน่นอน
แต่เรื่องนี้ก็ยังคงสรุปอะไรไม่ได้ ซูฮยอคพิงจักรยานไว้กับราวรั้วและเหลือบไปเห็นโน้ตเล็ก ๆที่ติดอยู่กับตัวล็อคจักรยาน มันคือรหัสผ่าน เมื่อเก็บจักรยานเรียบร้อยเขาก็เดินเข้าบ้าน
หลังจากใช้เวลาในบ้านไม่นานเขาก็ออกไปโรงเรียนสอนพิเศษพร้อมกับหนังสือเรียน
‘ฉันขี่มันไปเรียนดีมั้ยเนี่ย?’
เขาส่ายหน้าตอบตัวเอง เขาต้องการที่จะรอให้ผ่านไปวันหนึ่งก่อน ถ้าไม่มีใครประกาศแสดงความเป็นเจ้าของจักรยานคันนี้ เขาถึงจะใช้มัน ถ้าไม่มีใครเป็นเจ้าของมันจริง ๆนั่นแสดงว่านี่ต้องเป็นของขวัญจากชายคนนั้นอย่างแน่นอน ราคาของจักรยานนั่นแพงกว่าค่าเทอมของเขารวมกัน 3 ปีเสียอีก
‘ฉันจะรับมันไว้ทั้ง 2 อย่างโดยไม่ต้องรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่ต้องสนใจอะไรดีมั้ยเนี่ย?’
หลังจากคิดถึงเรื่องนั้นเสร็จ ซูฮยอคก็หันหลังกลับเพื่อจะตรงไปที่โรงเรียนสอนพิเศษ หลังจากที่เรียนเสร็จเขากลับมาที่บ้าน รถจักรยานยังคงอยู่ที่เดิมตามที่คาดไว้
“แล้ว...ฉันจะอธิบายกับพ่อยังไงเรื่องจักรยานนั่น?” คันเก่าที่พ่อซื้อให้มันกลับหายไปและตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยคันใหม่ที่แสนจะแพง แพงกว่าคันเก่าที่เคยใช้อยู่เสียอีก
‘จะบอกพ่อดีมั้ยว่าจักรยานที่ได้รับมาเป็นเสมือนของขวัญชิ้นหนึ่ง รวมทั้งเรื่องค่าเทอมที่มีคนจ่ายให้ครบแล้วอีก? ทั้งยังมีเรื่องที่ได้ไปตรวจอาการให้กับหญิงป่วยคนหนึ่งอีกจะบอกพ่อดีมั้ย? ถ้าฉันบอกพ่อกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ไป จะทำให้เรื่องมันซับซ้อนไปมากกว่าเดิม’ พ่อแม่ของเขาคงรู้สึกเป็นกังวลกับเรื่องนี้มากทั้งยังเป็นภาระให้พวกเขาอีก
ดังนั้น ซูฮยอคจึงคิดหาข้ออ้างอื่นแทน เช่น “มีคนมาชนจักรยานของเขาพัง ดังนั้นเจ้าของรถจึงซื้อจักรยานคันใหม่ชดใช้ให้เขา” เขาคิดข้ออ้างนี้ได้ไม่ยาก จักรยานดูแพงเล็กน้อยแต่พ่อของเขาคงไม่ได้ทันสงสัยถึงราคาของมัน หลังจากนั้นไม่นานแม่และพ่อของเขาก็กลับมาจากทำงาน
ทั้งคู่ต่างถามด้วยคำถามเดียวกัน
“จักรยานตรงหน้าประตูมาได้ยังไง?”
ซูฮยอคบอกทั้งคู่ไปตามที่เขาเตรียมคำตอบไว้
“ก็ตามที่เห็นนั่นแหละครับ”
เขาสามารถโกหกพ่อแม่ได้เกี่ยวกับเรื่องจักรยาน แต่ตอนนี้เขาต้องหาข้ออ้างเกี่ยวกับเรื่องค่าเทอม เขาใช้เวลาคิดหาข้ออ้างไม่นานและตัดสินใจที่จะบอกพ่อแม่ทันที เขาอยากลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่และใช้เงินที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า โดยตั้งใจว่าจะนำเงินที่เก็บเองได้คืนให้กับทั้งพ่อและแม่เป็นการตอบแทน
“เห้อ...” เสียงถอนหายใจยาว ซูฮยอคจัดการกับความคิดอันซับซ้อนของเขาตอนนี้
เหลือแค่เพียงสัปดาห์เดียวจนกว่าจะถึงช่วงสอบมิดเทอม เขานั่งลงและเปิดสมุดการบ้าน นี่มันเป็นการสอบครั้งแรกสำหรับเขาชีวิต ม.ปลาย เป้าหมายก็คือต้องเป็นที่ 1 ในชั้นเรียนให้ได้ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไม่แพ้ให้กับคนวิกลจริตอย่าง ลี ซูฮยอค ในอดีต ‘ฉันต้องได้อย่างน้อยก็ที่ 20 ของโรงเรียน’ เสียงของดินสอที่เขาใช้เขียนกับเสียงเบา ๆเวลาพลิกหน้ากระดาษหนังสือ มันกลับดังก้องไปทั่วห้องในขณะนั้น
………………………….………………………….………………………….……………….
วันต่อมา ซูฮยอคไปส่งหนังสือพิมพ์เช่นเคยไม่มีตกหล่นเลยสักฉบับเดียว
สมรรถนะของจักรยานดีเกินกว่าที่ซูฮยอคคาดไว้เสียอีก ช่วงการขี่มันดีมาก ๆหลังจากถีบจักรยานไปเพียงไม่กี่ครั้ง มันขี่ได้ดีจนเอาไปแข่งกับรถยนต์ได้เลย อาจดูว่าพูดเกินจริงไปหน่อย เยี่ยม ขณะที่เขากำลังส่งหนังสือพิมพ์ ซูฮยอคก็ไม่ได้หยุดที่จะเรียนรู้ เขาท่องจำคำศัพท์ที่จดไว้ในสมุดโน้ตไปด้วย เขาท่องจำซ้ำไปซ้ำมาจนขี่จักรยานมาถึงโรงเรียน
“พวกเธอจะเจอคำถามนี้ในข้อสอบนะ”
เหล่านักเรียนต่างพากันหัวเราะคิกคักกับคำพูดของครูคณิตศาสตร์ เพราะคำถามเหล่านั้นจะไม่มีทางเจอในข้อสอบแน่นอนหากครูได้บอกใบ้ถึงข้อสอบออกมา แต่ซูฮยอคกลับต่างออกไปจากนักเรียนที่กำลังหัวเราะเหล่านั้น ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขาตั้งใจจดจ่อกับสิ่งที่ครูเน้นย้ำโดยไม่ให้พลาดแม้แต่คำเดียว
“ครั้งนี้ฉันจะแพ้ไม่ได้” ซูฮยอคพูด เขายอมตายดีกว่าที่จะต้องแพ้ให้กับซูฮยอคคนเก่า
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและในที่สุดวันสอบมิดเทอมก็มาถึง เหล่านักเรียนช่วยกันย้ายโต๊ะของตัวเองเป็นแถวเดียวกัน การจัดโต๊ะเช่นนี้เป็นความคิดของครูประจำชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนแอบโกงข้อสอบ เวลาสอบใกล้เข้ามาและต่างมีเสียงคุยกันเสียงดังของเหล่านักเรียนออกมาทั้งในและนอกห้องเรียน
“สำหรับบัตร ORM* ของพวกเธอ ห้ามเขียนคำตอบลงผิดช่องเด็ดขาด ถ้ามีใครถูกจับได้ว่าโกงข้อสอบ คะแนนสอบของคนนั้นจะเป็นศูนย์ทันที ตอนนี้เริ่มแจกข้อสอบได้โดยส่งไปให้คนที่นั่งอยู่หลังสุดก่อนนะ”
การสอบเริ่มขึ้น
เวลา 50 นาทีสำหรับการสอบ มันน้อยเกินไป สำหรับนักเรียนบางคนรู้สึกว่าเวลาการสอบมันช่างน่าเบื่อและนานเกินไป บางคนกำลังพักมือด้วยการนวดหลังจากที่ทำข้อสอบเสร็จตั้งแต่ 20 นาทีแรก
หลังจากที่แก้โจทย์ทั้งหมดเสร็จ ซูฮยอคทวนคำตอบ 2 รอบเพื่อเช็คคำตอบว่าถูกตอบรึเปล่า
กริ่งดังขึ้น
“ฉันทำพลาดกับการสอบครั้งแรก”
“ฉันคิดว่า ฉันใส่คำตอบผิดไปช่วงตรงกลาง”
นักเรียนบางคนถึงกับคร่ำครวญว่าตัวเองมีความพร้อมไม่พอกับการสอบครั้งนี้ และสำหรับบางคนก็พร้อมแล้วที่จะสอบวิชาต่อไป ซูฮยอคก็เช่นกัน
การสอบวิชาที่ 2 คือ วิชาคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่สำคัญที่สามารถชี้ให้ให้เห็นถึงการทดสอบความถนัดทางการศึกษาเพื่อที่จะเข้าวิทยาลัย เขากวาดสายตามองสูตรอย่างรวดเร็ว เป้าหมายเขาคือการได้คะแนนเต็ม เขาไม่สารถพลาดได้แม้แต่ข้อเดียว
การสอบทั้งหมดเสร็จสิ้นลง ซูฮยอคออกจากห้องแล้วตรงกลับบ้าน
เขาหายใจเข้า ออก ช้า ๆ ซูฮยอคขจัดทุกความตึงเครียดในหัวของเขา ปัญหามันยุ่งยากและซับซ้อนมาก การสอบครั้งนี้มันไม่ง่ายเลย ซูฮยอคก้าวขึ้นจักรยานแล้วถีบมันกลับบ้าน
‘ฉันมั่นใจ และได้ทำมันเต็มที่แล้ว’
เขาสัมผัสได้ถึงลมที่ปะทะทั่วร่างกายขณะที่ขี่จักรยาน ในที่สุดสัปดาห์ของการสอบที่ยาวนานก็จบลงอย่างรวดเร็ว และต่อมาไม่นานผลคะแนนสอบของนักเรียนแต่ละคนก็ถูกปิดประกาศไว้ที่ผนังหลังห้องเรียน เหล่านักเรียนต่างมุงดูผลคะแนนด้วยเสียงดัง
ซูฮยอคนั่งลงในที่ของตัวเอง นั่งมองไปที่กลุ่มนักเรียนที่มุงดูผลคะแนนอย่างเงียบ ๆ ผลคะแนนจะออกมาเป็นอย่างไรนะ? เมื่อกลุ่มนักเรียนที่มุงดูคะแนนแยกย้ายออกไปแล้วนั้น ซูฮยอคก็รีบเดินไปตรงนั้นเพื่อดูผลคะแนนของตัวเอง
มีเด็กนักเรียนบางคนพูดกับเขา
“ลี ซูฮยอค นายเป็นเด็กนักเรียนที่ฉลาดมาก!”
“นายเป็นพวกเด็กเนิร์ดรึเปล่า?”
เสียงจากเพื่อน ๆของเขาก็พอเป็นเครื่องยืนยันผลคะแนนสอบของเขาได้บางบางส่วน เขาจะได้ยืนยันผลคะแนน ณ เดี๋ยวนี้ ที่ 1 ในชั้นเรียน และที่ 20 ของโรงเรียน ซูฮยอคขมวดคิ้วเล็กน้อย จริง ๆแล้วเขาหวังไว้ว่าคะแนนจะสูงกว่านั้นอีกสักหน่อย แต่นั่นก็ปรากฏชัดแล้วว่าเขาอยู่ที่ 20 ของโรงเรียน
‘ฉันจะต้องได้อย่างน้อยที่ 10 ในการสอบไฟนอล’
ไม่ผิดหวัง ซูฮยอคกลับมาที่นั่งของตัวเองโดยไร้ซึ่งความเสียใจ
“ยินดีด้วยสำหรับที่ 1 ในชั้นนะ!”
ซูฮยอคพยักหน้าอย่างนอบน้อมต่อคำพูดของเพื่อนร่วมชั้นของเขา
“ขอบใจนะ”
จากนั้นก็มีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหาเขา
“ฉันต้องการพูดกับซูฮยอค พวกนายช่วยหลบไปก่อนได้มั้ย?” เขาพูดกับนักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆกับซูฮยอค
“โอ้ ได้สิ”
เขารีบลุกออกไปราวกับถูกข่มขู่ คนที่มาหาซูฮยอคเขาคือ คิม ดงซู เขาอยู่ในกลุ่มพวกเด็กไม่เอาไหนของห้องเรียน ‘เป็นไงบ้าง?’ ดงซูขำออกมาเมื่อซูฮยอคมองไปรอบ ๆ
เพิ่มเติม :
*ใบ ORM คือ กระดาษคำตอบแบบหลายตัวเลือก โดยจะใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจให้คะแนน