SGS บทที่ 42 – ต้นไม้? หนวด? มอนสเตอร์ต้นไม้หนวดรยางค์ล่ะ!!
ปากฮินางิคุค่อยๆกัดเนื้อย่างที่วู่หยานทำ ขณะที่สายตาก็มองมิโคโตะกับวู่หยานด้วยความสงสัยสุดๆ
ตั้งแต่ฮินางิคุตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนมันแปลกๆไป
วู่หยานไม่ได้เปลี่ยนไป ยังคงนั่งย่างเนื้อเหมือนเดิม พูดแต่ล่ะครั้งก็กวนโอ้ยได้เหมือนเดิม แต่ทางมิโคโตะนี้สิที่แปลกไป
วู่หยานมองมิโคโตะทุกครั้ง ไม่เกินสองวิเธอก็จะหันหน้าหนีโดยไม่ยอมสบตาด้วย และเมื่อเขาหันหน้ากลับไปย่างเนื้อต่อ เธอก็จะแอบชำเลืองมอง ก่อนจะรีบถอนสายตา แล้วส่ายหน้าไปมา
ไม่นานนักมิโคโตะก็จะแอบมองวู่หยานอีกครั้ง ก่อนหันหน้าหนี แล้วสายหัวไปมา วนเวียนอยู่แต่แบบนี้
พฤติกรรมแปลกประหลาดนี่ ทำให้ในใจ ฮินางิคุ รู้สึกคันยุบยิบ อยากเอ่ยปากถามให้รู้แล้วรู้รอด
หลังจากพวกเขากินกันเสร็จแล้ว วู่หยานก็สะบัดนิ้วบนกองไฟและไฟก็หายไป ก่อนจะเก็บบอลสีดำเข้าแหวนมิติ
“เอาล่ะ เราไปกันต่อ ที่นี่น่าจะมีปีศาจเหลืออยู่ไม่มากแล้ว เพราะเมื่อวานจำนวนปีศาจที่เราฆ่าไปมันจำนวนไม่ใช้น้อยเลย....”
คำพูดวู่หยาน ทำให้สองสาวนึกถึงเรื่องเมื่อวาน จำนวนศพมันมีมากซะจนสามารถเอามากองเป็นภูเขาได้เลย ทั้งสองคนพยักหน้าด้วยหน้าตาเคร่งขรึม
เห็นท่าทางพวกเธอ ถึงแม้สีหน้าเขาจะปกติ แต่ในใจมีความสุขไม่น้อยเลย
ดูเหมือนสองสาวจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้แล้ว ไม่งั้นการต่อสู้ต่อจากนี้มันจะยากมาก
“ที่นี่มีแค่เส้นทางเดียว!” ชี้ไปข้างหน้า “ดังนั้นเราทำได้แค่เดินตรงไป!”
“รีบๆไปหาหยกอะไรนั่นกันเถอะ แล้วเราจะได้ไปจากไอ้ถ้ำผีห่าซาตานนี่กันสักที!” มิโคโตะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ไม่เพียงเพราะหาหยกเจอและออกไปจากที่นี่ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เธอจะได้เจอพวกปีศาจ นั่นหมายถึงค่าEXP!!
หลังจากได้ฟังคำอธิบายและคำเกลี้ยกล่อมของวู่หยาน ถึงแม้มิโคโตะจะทำเหมือนไม่แคร์เรื่องเหล่าน้องสาวแล้ว แต่จริงๆ มันถูกสลักไว้ในใจเธอเรียบร้อยแล้ว
แม้วู่หยานจะบอกว่าโลกเธอถูกหยุดเวลาไว้แล้ว แต่เธอก็ยังกังวลเล็กน้อย
ตอนนี้เธอคิดเพียงแค่ต้องการแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งกว่า แอคเซลาเรเตอร์ แล้วเธอจะได้กลับไปช่วยเหล่าน้อยสาว!
มันห้ามไม่ให้เธอกังไม่ได้ก็จริง แต่ถึงยังงั้นวู่หยานก็รู้สึกพอใจ เมื่อเทียบกับตัวเธอในอนิเมะที่ไร้หนทางและสิ้นหวังแล้ว ตัวเธอในตอนนี้ดีกว่ามากนัก
ส่วนนึงก็เป็นเพราะว่าเวลาถูกหยุดไว้อยู่ อีกส่วนนึงก็เป็นเพราะเธอยังมีความหวัง ไม่เหมือนในอนิเมะ!
ในอนิเมะมิโคโตะต้องการช่วยเหล่าน้องสาวแต่กลับไร้หนทาง เพราะแอคเซลาเรเตอร์เป็นอันดับหนึ่ง แต่เธออันดับสาม ดูแล้วไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วมันต่างกันดุจสวรรค์และโลก!
ในอนิเมะเพื่อช่วยน้องสาวเธอคนนึง มิโคโตะได้สู้กับแอคเซลาเรเตอร์ แต่ด้วยพลังจิตที่โครตโกง ทำให้เธอแพ้อย่างหมดรูป
บวกกับความจริงที่ว่ามีคนชักใยเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังด้วย…..
ด้วยเหตุนี้ มิโคโตะจึงคิดวิธี ‘สละชีพ’ เพื่อช่วยเหล่าน้องสาว! (@ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกมิโคโตะคิดจะสู้กับแอคเซลาเรเตอร์แล้วยื้อเวลาที่จะแพ้ให้นานกว่าที่ทรีไดอะแกรมคำนวณ เพื่อให้ยกเลิกโปรเจคเลเวล6)
แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว มิโคโตะมาเป็นซัมมอนของวู่หยาน ตาบใดที่สู้มากพอ สักวันนึงเธอก็จะเก่งกว่าไอหัวหงอก!
เมื่อวานเขาใช้เวลาทั้งคืน เล่าสถานการ์โดยร่วมของเหล่าน้องสาวมิซากะ หลังจากโดนเธอย้อนคำพูดตัวเองใส่ ทั้งเรื่องเป้าหมายที่สร้างโคลนเธอขึ้นมา และมี อเลสเตอร์ และ พวกบอร์ดบริหาร ให้การสนับสนุกอยู่เบื้องหลัง
นี่ทำให้มิโคโอดที่จะรู้สึกหดหู่ไม่ได้ เธอมีทั้งเมืองแห่งการศึกษาเป็นศัตรู เมืองที่เธอคิดว่าเป็นบ้านกลับกลายมาเป็นศัตรู การที่รู้สึกท้อแน่นหน้าอกไปหมด จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้
แน่นอนว่า เธอได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว แม้แต่ในอนิเมะเธอยังทำได้ แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้
แต่นี่ก็ทำให้เธอเข้าใจตราบใดที่เอาชนะ แอคเซลาเรเตอร์ ได้ อเลสเตอร์ ก็จะไม่ทำอะไรน้องสาวเธอชั่วคราว แต่เธอก็มั่นใจว่ามี อเลสเตอร์ คงไม่ดูเธอป่วนแผนการตัวเองเฉยๆหรอก
หลังจากเอาชนะ แอคเซลาเรเตอร์ ได้แล้วต้องทำไงต่อ วู่หยานตอบเพียงว่า ‘เมื่อถึงตอนนั้น ในระบบต้องมีหนทางช่วยแน่นอน’ ทำให้มิโคโตะผ่อนคลายไปมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อเทียบกับในอนิเมะ ที่มิโคโตะต้องสู้ตัวคนเดียว ตัวเธอในตอนนี้ที่มีผู้ช่วยซึ่งเป็นคนที่ชีวิตเธอได้หลอมรวมกับเขาไป คนที่เชื่อใจได้ยอมยื่นมือช่วยเหลือ แน่นอนว่าเธอต้องรู้สึกมีความสุขมาก
แต่ก็อย่างที่ว่า ยังไงเธอก็ต้องเก่งขึ้น.....
ภายใต้การเร่งไม่หยุดของมิโคโตะ ทั้งสามคนก็เริ่มต้นผจญภัยหาหยกกันต่อ
สภาพแวดล้อมก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ มีแต่หินและก็หิน ไม่มีแม้แต่น้ำสักหยด
เทียบกับตอนที่เพิ่งเข้าถ้ำมา จิตใจพวกเธอต่างจากเดิมมาก จากเข้ามาตอนแรกดูเหมือนเล่นและไม่ระวังตัวกันสักเท่าไหร่ แต่ด้วยกองทัพปีศาจเปลี่ยนพวกเธอไป กลายมาเป็นจริงจังขึ้น
อืมม~ รู้สึกไม่ชินเท่าไหร่แหะ.....
วู่หยานมองฮินางิคุกับมิโคโตะ ที่เดินไปหนีบขาทั้งสองข้างไป ทำให้เขาพูดไม่ออก
เพราะนานวันพันปีใส่แต่กางเกงขาสั้น ตอนนี้พอไม่ได้ใส่เท่านั้นแหละ เปลี่ยนท่าเดินกันเลยเชียว ควรพูดว่านี่เป็นผลงานที่น่าภูมิใจมั้ยนะ?........
ขณะเดียวกัน ฮินางิคุกับมิโคโตะ ก็กำลังกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิด ที่พวกเธอใส่กางเกงขาสั้นแบบนั้น ก็เพื่อที่จะได้เคลื่อนไหวได้อย่างสบายใจ โดยที่ไม่ต้องระวังเวลากระโปรงเปิด ด้วยนิสัยทอมบอยของพวกเธอ การเดินแบบผู้หญิงนี่มันเหนื่อยมาก
ดังนั้นพอไม่มีแล้ว กางเกงขาสั้นใต้กระโปรง แล้ว.......มันอึดอัดจริงๆ!
แถมยังต้องมาคอยระวัง ตัวหื่นกามด้านหลังอีก......
สองสาวรู้ดีเมื่อพวกเธอเผลอตัวเมื่อไหร่ ข้างหลัง ยังมีหมาป่าหื่นกามคอยดูอยู่!
และเมื่อถึงเวลาต่อสู้ มันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่กระโปรงจะเปิดแน่นอน พวกเธอไม่มีทางเลือก นอกจากต้องกล้ำกลืนความไม่ยุติธรรมนี่ลงท้องไป
ถ้าวู่หยานรู้ความคิดพวกเธอ คงหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วพูดว่า “ร่างกายพวกเธอยังมีส่วนไหนที่ฉันยังไม่เคยเห็นอีกรึไง? ยังจะมากลัวกับอีแค่ถูกเห็นใต้กระโปรง”
แต่ที่ สองสาวไม่รู้ก็คือ ‘เครื่องป้องกันส่วนตัว’ ของพวกเธอนั้น กำลังนอนแช่อยู่ในแหวนมิติของวู่หยาน....
อะไรคือความไร้ยางอาย? นี้แหละคือแก่นแท้แห่งความไร้ยางอาย!.....
“เฮ้ ดูนั้นสิ มีแสงอยู่ตรงนั้น!” ฮินางิคุยกชิโระซากุระชี้ไปที่ข้างหน้า ภาพตรงหน้าพวกเขาคือปลายทางของอุโมงค์มีแสงสว่าง หรือก็คือทางออกนั่นเอง!
วู่หยานเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดขึ้น พุ่งไปยืนข้างหน้าพวกเธอ
“พวกเราไม่รู้สถานการณ์ข้างหน้า ทุกคนระวังตัวกันด้วย มันอาจจะมีปีศาจก็ได้!”
ฮินางิคุกับมิโคโตะ พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง พวกเธอเตรียมใจตั้งแต่หลังจบซึกเมื่อวานแล้ว
มิโคโตะเริ่มคำนวณพลังจิตในสมองอย่างเงียบๆ เพื่อให้สามารถใช้พลังได้ทุกเมื่อ เพราะถึงวู่หยานจะเป็นคนนำ แต่คนที่แข็งแกร่งที่ก็ยังเป็นเธอ! (@ก่อนใช้พลังจิตต้องเริ่มต้นคำนวณในสมองก่อนนะครับ เหมือนแอคเซลาเรเตอร์ที่ถูกยิงหัว จนตอนหลังยังต้องพึ่งมิซากะเน็ตเวิร์คในการคำนวณ ไม่งั้นไม่สามารถใช้พลังได้)
เดินออกมา ก่อนจะยกมือบังดวงตาเล็กน้อย เพราะยังปรับตัวกับแสงสว่างไม่ทัน เมื่อพวกเขาเอามือลงก็เห็นพื้นที่โล่งกว้าง เมื่อเทียบกับที่ที่พวกเขาสู้กับกองทัพปีศาจที่นี่ยังกว้างกว่ามากนัก กำแพงๆรอบเต็มไปด้วยโพรงที่มีขนาดเท่ากัน ซึ่งไม่ลึกมากเท่าไหร่ ขนาดพวกเขายืนอยู่ตรงปลายอุโมงค์ยังเห็นจุดสิ้นสุดเลย ถ้าต้องการคำอธิบายก็พูดได้อย่างเดียวว่ามันเหมือนรังผึ้ง
และด้านหน้าพวกเขาคือโพรงขนาดใหญ่ที่เทียบกับโพรงอื่นๆแล้วยังใหญ่กว่ามาก ด้านหน้ามันมีบัลลังก์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ถึงแม้จะทำมาจากหิน แต่กลับให้ความรู้สึกถึงอำนาจ
เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้ามิโคโตะมืดลงทันที ทำให้วู่หยานกับฮินางิคุมึนงง
“เกิดอะไรขึ้น? มิโคโตะ....” ฮินางิคุเดินมาข้างๆมิโคโตะ แล้วเอ่ยถาม
“ดูนั่น!” มิโคโตะขมวดคิ้ว ยกนิ้วชี้ไปที่บัลลังก์ พูดว่า “มันคือบัลลังก์ใช้มั้ย?”
“ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช้เหรอ?” วู่หยานมองบนใส่ ถ้าตาไม่บอดก็ต้องเห็นอยู่แล้วสิ
เห็นท่าทางวู่หยาน มิโคโตะมองค้อน “เจ้าบ้า! แล้วใครเป็นคนนั่งบนบัลลังค์กันเล่า?”
“ก็ต้องเป็นราชาไม่ใช้รึไง....” ในที่สุดเขาก็เอะใจ แล้วหน้าเปลี่ยนสี
“เธอกำลังจะบอกว่า....” ฮินางิคุเอยปากพูด มองไปที่บัลลังค์ ไม่สามารถพูดต่อ ดูเหมือนเธอก็เข้าใจคำพูดของมิโคโตะ
“ใช้แล้ว!” มิโคโตะหันมามองวู่หยานกับฮินางิคุ “ที่นี่มีแค่โพรงเล็กๆ ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้ ส่วนด้านหลังโพรงขนาดใหญ่นั่นรวมไปถึงบัลลังค์ มันหมายถึงไม่มีทางไปต่อได้มากกว่านี่ ดังนั้นที่นี่จึงเป็นจุดที่ลึกที่สุด!”
หลังจากพูดจบ ฮินางิคุก็เอ่ยปากถามขึ้น “ถ้าที่นี่เป็นจุดที่ลึกที่สุด พวกปีศาจนั่น มันมาจากไหนล่ะ?”
มิโคโตะชี้ไปที่แต่ละโพรง ก่อนจะพูดว่า “ที่นั่นไง คงเป็นรังของพวกมัน แต่ตรงนั่น....”
ย้ายนิ้วไปชี้ที่บังลังค์ตรงหน้าโพรงขนาดใหญ่ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ “คือรังของราชาพวกปีศาจ!”
“คลื่น....” พร้อมๆกับที่เธอพูดจบ พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้มิโคโตะที่ไม่ทันตั้งตัวล้มเข้าใส่อกวู่หยาน ทำให้หน้าเธอแดงก่ำ แตกต่างจากท่าทางเท่ๆของเธอเมื่อกี้ลิบลับ
ใกล้ๆกันนี่เองฮินางิคุ ก็เสียหลักล้มตัวไปทางวู่หยานเหมือนกัน เขารีบอ้าแขนรับสองสาว แล้วกอดพวกเธอไว้ ด้วยแรงกายของเขา จึงยืนได้อย่างมั่นคง
พื้นดินเริ่มปริแตก ก้อนหินกลิ้งไปมาตามแรงสั่นไหว บางก้อนก็กลิ้งมาทางพวกเขา
วู่หยานสะดุ้ง รีบกระชับอ้อมกอดให้แน่น แล้วกระโดดหลบหินลูกแล้วลูกเล่า ถ้าลูกไหนเขาหลบไม่ได้ก็ยกเท้าถีบมันไป
แรงสั่นยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่วู่หยานคิดว่าเพดานอาจจะถล่มลงมา ก็มีเถาวัลย์พุ่งออกมาจากรอยแตกที่พื้น ด้วยความเร็วดุจดั้งพายุของมัน ทำให้วู่หานตอบสนองไม่ทัน
ตอนนี้เอง ก็มีบางสิ่งเคลื่อนไหวในจิตใจของเขา ก่อนที่มันจะทะลุออกมา แล้วกระจายตัวรอบๆผิวของวู่หยาน เมื่อเถาวัลย์กำลังจะฟาดลงมา สิ่งที่คลุมตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นเกราะมังกรล่องหน ป้องกันการโจมตีตรงหน้า
เสียงปะทะดังขึ้น เถาวัลย์ถูกเกราะมังกรป้องกันไว้หมด เมื่อทำหน้าที่เสร็จ ตัวเกราะก็สั่นไหว แล้วก็หายไป
ตอนนี้เองวู่หยานก็ตอบสนอง เท้าเหยียบไปที่เถาวัลย์ใช้มันเป็นฐาน ก่อนจะกระโดดออกมา กลับตัวกลางอากาศ ก่อนจะลงพื้นอย่างมั่นคง บนหน้าวู่หยานมีเหงื่อเย็นเยียบ
ถ้าไม่มีเกราะมังกรไร้ลักษณ์ป้องกันให้ เขาคงบาดเจ็บไปแล้ว!
เถาวัลย์ถอยกลับไปเมื่อโจมตีไม่สำเร็จ หลังจากนั้นก็มีเถาวัลย์มากกว่าเดิมโผล่ออกมาจากรอยแตกบนพื้น ภายในพริบตามันก็มีเถาวัลย์มากกว่าร้อยเส้น! ก่อนที่จะมีต้นไม้คลานออกมาจากใจกลางเถาวัลย์ และต้นไม้ผีนี่ยังมีใบหน้าและปากที่ใหญ่โต มันกำลังจ้องมาที่พวกเขาทั้งสามคนอยู่
นี่มันเป็น ปีศาจต้นไม้? หรือ ปีศาจหนวด วะ?......
ติดตามข่าวสารได้ที่นี้ - ห้องสมุดคนรักนิยายแปล มีกลุ่มลับแล้ว