ตอนที่ 49 ปะทะมังกรอสรพิษ
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 49 ปะทะมังกรอสรพิษ
ทุกคนดำเนินการทำหน้าที่ของตัวเอง ลิ่วตงและกลุ่มของมันเดินออกไปล่าแกะขนประกายแสง ในขณะที่หลิงฮันนำสมุนไพรหลายชนิดออกมาเตรียมหลอมเป็นยาพิษ
มีเพียงจักรพรรดิปรุงยาอย่างหลิงฮันเท่านั้นที่สามารถหลอมยาพิษให้ออกฤทธิ์กับสิ่งมีแบบเฉพาะเจาะจงใจได้ อย่างยาพิษที่เขากำลังจะหลอมตอนนี้ สำหรับสิ่งมีชีวิตอื่นแล้วไม่นับว่าเป็นอันตรายอันใด แต่สำหรับมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดแล้ว... มันอาจจะถึงตายได้
ด้วยอะไรหลายๆอย่าง นักปรุงยาเองก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญยาพิษได้เช่นกัน อย่างเช่นจ้าวแห่งพิษ อู่เชิง แต่ความสามารถของมันด้อยกว่าหลิงฮันอย่างเทียบกันไม่ติด
ถึงแม้แกะขนประกายแสงจะไม่ใช่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง แต่เนื้อของมันอร่อยเป็นอย่างยิ่ง มันไม่ใช่เพียงเหยื่ออันโอชะของเหล่าสัตว์อสูรตัวอื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเหยื่อที่มนุษย์โปรดปรานด้วยเช่นกัน เพราะงั้นจึงทำให้จำนวนของมันลดน้อยลง การจะหาพวกมันสักตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
หลังจากผ่านไปสามวัน ลิ่วตงและกลุ่มของมันก็กลับมา เชินเพิงจวีแบกสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายแกะภูเขาไว้บนหลัง แกะตัวนั้นมีขนที่งดงามราวกับผ้าไหมที่แสนประณีต
ในที่สุดพวกมันก็จับแกะขนประกายแสงได้
หลิงฮันเอายาพิษที่หลอมเสร็จให้แกะขนประกายแสงกิน ก่อนที่จะตัดขาหนึ่งข้างของมันและโยนเข้าไปในถ้ำของมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาด
...ประสาทสัมผัสต่อกลิ่นของมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดนั้นไวมาก กลิ่นของเลือดจะทำให้มันตื่นจากการหลับลึกแน่นอน และยิ่งแกะขนประกายแสงเป็นอาหารโปรดของมันด้วย ต่อให้มันอิ่มอยู่แล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะออกมาเพลิดเพลินกับอาหารอันโอชะ
ทำไมพวกเขาต้องใช้เหยื่อที่มีชีวิตด้วย? นั่นเพราะมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดมีนิสัยที่ระมัดระวังตัว ถ้าไม่ใช่เหยื่อที่มันฆ่าด้วยตัวเอง มันจะไม่กินเข้าไปเด็ดขาด
หลังจากที่หลิงฮันออกมาจากถ้ำ เขากับคนอื่นๆล่าถอยเว้นระยะห่างออกไปซ่อนที่หลังหินก้อนใหญ่ เพื่อที่เมื่อเจ้างูยักษ์นั่นออกมาจะได้ไม่รู้ถึงตัวตนของพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขารู้สึกถึงพื้นดินที่กำลังสั่นสะเทือน ราวกับว่ามีอสูรขนาดมหึมาอยู่ใกล้ๆ
มันคือมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาด
“ตูม!”
งูยักษ์สีแดงพุ่งออกมาจากทางเข้าถ้ำราวกับเป็นลูกศรที่พุ่งออกจากคันธนู แม้จะยังไม่เห็นหางของมันขนาดลำตัวก็ยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตรแล้ว
จนในที่สุดร่างของมันก็ออกมานอกถ้ำทั้งหมด ความยาวของมันมากกว่าสองร้อยเมตร ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดงเข้ม มันพุ่งชนสิ่งกีดขวางไปทั่วราวกับกำลังบ้าคลั่ง หางยาวของมันเป็นเหมือนกับแส้ที่ทำลายก้อนหินที่ขวางทาง
“ทำไมเจ้านั่นยังยังไม่ตายเพราะพิษอีก?” ลิ่วตงและกลุ่มของมันประหลาดใจ
“เจ้านั่นอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า! ยิ่งกว่านั้นมันยังมีสายเลือดของมังกรและเป็นราชาในหมู่สัตว์อสูรในระดับเดียวกัน! มันจะตายง่ายๆได้อย่างไร!” หลิงฮันพูดและส่ายหัว ถ้าสามารถสังหารมันได้ง่ายขนาดนั้น เขาคงไม่ต้องรอให้บรรลุรวมธาตุขั้นหนึ่งระดับสูงสุดก่อนถึงจะมาที่นี่ได้หรอก
“ไม่นะ มันเจอพวกเราแล้ว!”
เจ้างูยักษ์นั่นมีสัมผัสที่ไวต่อกลิ่นมาก เมื่อมันรู้ถึงตัวตนของพวกเขา มันใช้ร่างกายขนาดใหญ่ของมันพุ่งเข้าหาทันที
“ฟ่อ ฟ่อ!” งูยักษ์แลบลิ้น พังผืดสองข้างรอบคอของมันเริ่มสั่นและส่งเสียงแปลกๆออกมา และเกิดกลิ่นกระจายไปทั่ว
“อู๋ตง มาช่วยข้าสู้ พวกเราจะต้องไล่ต้อนมัน!” หลิงฮันไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาชักดาบและพุ่งออกไป
หลิวอู๋ตงไม่ตอบอะไรพร้อมกับพุ่งตามหลิงฮันไปอย่างใกล้ชิด และเป็นครั้งแรกที่นางชักอาวุธออกมา
นางเองก็เป็นผู้ใช้ดาบ
ทั้งสองคนกวัดแกว่งดาบร่วมมือกันมุ่งเป้าไปที่มังกรอสรพิษเกล็ดสีชาด
ถ้าพูดตามหลักแล้วหลิวอู๋ตงเองก็อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า เพราะงั้นหากเผชิญหน้ากับเจ้างูยักษ์นั่นแล้วนางไม่น่าจะเสียเปรียบอะไร อย่างไรก็ตาม มังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดได้ครอบครองสายเลือดของมังกร ไม่ว่าจะด้านพลังโจมตีหรือการป้องกัน มันจึงเหนือกว่าระดับรวมธาตุขั้นเก้าทั่วๆไป ต่อให้เป็นหลิวอู๋ตงก็ไม่สามารถสู้กับมันซึ่งๆหน้าได้
หลิงฮันที่ครอบครองเมล็ดก่อเกิดห้าธาตุและมีพลังสู้ข้ามระดับได้เองก็เรียกว่าเป็น‘ราชา’เช่นกัน แต่ปัญหาคือพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ยังต่ำเกินไป!
ต่อให้ทั้งสองคนร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังถูกต้อนให้ต้องกระโดดหลบไปมา เป็นข้อยืนยันว่างูยักษ์นั่นมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน
“อดทนไว้ มันถูกพิษเล่นงานแล้ว คงจะทนได้อีกไม่นานเท่าไหร่ พวกเราห้ามปล่อยให้มันหนีไปเด็ดขาด” หลิงฮันพูด
“อืม!” หลิวอู๋ตงพยักหน้า
หลิงฮันใช้พลังทั้งหมดที่มี ทุกๆการตวัดดาบของเขาจะปรากฏปราณดาบสี่เล่มออกมา ปราณดาบที่ปล่อยออกไปสามารถสร้างบาดแผลบนร่างของมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดได้ แต่ดาบจริงกลับไม่สามารถตัดผ่านเกล็ดของมันได้แม้แต่น้อย
นี่คือพลังของปราณดาบ และเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้สร้างปราณดาได้จึงเป็นที่เคารพ เมื่อกลุ่มของลิ่วตงเห็นปราณดาบทั้งสี่เล่มของหลิงฮัน พวกมันอ้าปากค้างตกตะลึงจนพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม การตอบโต้ของงูยักษ์นั้นรุนแรงและดุดันเป็นอย่างมาก หางของมันตวัดใส่หินจนแตกกระจายด้วยแรงอันมหาศาล ทำให้เกิดรอยเลือดมากมายขึ้นบนร่างของหลิงฮัน
หลิงฮันไม่สงเสียงเจ็บปวดออกมาแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เขาได้กระตุ้นโลหิตหมาป่าเดียวดายภายในร่างกาย
“ตูม” เมล็ดก่อเกิดห้าธาตุภายในตันเถียนเริ่มโคจรด้วยความเร็วสูง ทำให้พลังของเขาพลังเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ในขณะเดียวกันเขาได้โคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไปพร้อมกันเพื่อรักษาบาดแผลด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
การโคจรสองทักษะนี้พร้อมกับการต่อสู้ที่ดุเดือด ทำให้พลังปราณก่อเกิดในร่างของหลิงฮันถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับคนอื่น การสู้ด้วยพลังทั้งหมดอาจใช้ปราณก่อเกิดหมดภายในครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับหลิงฮันแค่สิบนาทีก็หมดแล้ว
…สำหรับพิษที่เขาใช้นั้น ได้ใช้สมุนไพรที่มีปราณหยางหนาแน่นเพื่อทำให้ภายในร่างของงูยักษ์ที่มีปราณหยินมาแต่กำเนิดเกิดความขัดแย้งกันและทำให้พลังชีวิตของมันได้รับความเสียหาย แต่การจะแก้พิษนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก เพียงแค่มันว่ายลงไปในน้ำ และใช้น้ำดับเปลวเพลิงที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ภายใน จากนั้นเพียงนอนพักสามหรือสี่วันร่างกายก็จะหายดี
ด้วยสัญชาตญาณของมัน มังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดจะต้องหนีไปเพื่อค้นหาแหล่งน้ำแน่นอน เพราะงั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ทุกอย่างเพื่อหยุดมันเอาไว้ ถ้าไม่ใช้เพราะมันสามารถใช้น้ำในการักษาได้ พวกหลิงฮันคงหนีไปไกลๆและรอให้มังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดค่อยๆตายอย่างช้าๆ จากนั้นจึงค่อยมาเก็บผลประโยชน์เอาทีหลังก็ได้
หลังการต่อสู้กันมานานสักพัก ความโกรธในตอนแรกของงูยักษ์ได้เปลี่ยนเป็นกระสับกระส่าย มันรู้สึกราวกับว่าภายในร่างของมันมีเพลิงนรกเผาไหม้อยู่ ทำให้รู้สึกถึงความตายที่กำลังใกล้เข้ามา มันไม่ได้โจมตีอย่างรุนแรงอีกต่อไป แต่กลับหันไปรอบๆและคิดที่จะหนีแทน
“คิดจะหนีไปไหนกัน!” หลิงฮันตวัดดาบฟันออกไปอย่างรวดเร็ว เหตุผลแรกที่เขาเข้ามายังหุบเขาเจ็ดวายุก็เพื่อหญ้ามังกรปฐพี และเหตุผลที่สองคือแก่นอสูรของงูยักษ์เพื่อนำไปหลอมเม็ดยาทะลวงกำเนิด หากเขาต้องการจะเพิ่มระดับในระยะเวลาสั้นๆ เขาจำเป็นต้องพึ่งการสนับสนุนจากเม็ดยาต่างๆที่เป็นปัจจัยภายนอก
“ปัง” งูยักษ์สะบัดหางตอบโต้ ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่รุนแรง ถึงแม้หลิงฮันจะไม่โดนหางมันโดยตรง แต่คลื่นกระแทกก็ทำให้หลิงฮันกระเด็นถอยหลังไปไกล
ระดับรวมธาตุขั้นเก้าช่างแข็งแกร่งจริงๆ!
หลิงฮันรู้สึกสลดใจขึ้นมา ยิ่งระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้นเท่าไหร่ การจะท้าทายสู้ข้ามระดับก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ระดับรวมธาตุยังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อเขาบรรลุไปยังระดับก่อเกิดธาตุ ความต่างเพียงขั้นเดียวก็ถือว่าเป็นช่องว่างที่ใหญ่มากแล้ว ถ้าพลังของเขาอยู่ที่ระดับก่อเกิดธาตุขั้นหนึ่ง และสู้กับศัตรูที่มีพลังระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้า เขาจะถูกกำจัดภายในหนึ่งกระบวนท่าทันที ไม่มีทางที่เขาจะต่อสู้ยืดเยื้อได้แม้แต่นิดเดียว
หลิวอู๋ตงสะบัดดาบราวกับคลื่นฝนทำให้เกิดคลื่นเสียงตัดผ่านอากาศ และทักษะระดับเหลืองขั้นสูงได้ถูกปล่อยออกไป การโจมตีของนางส่งผลต่อมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาดอย่างมาก
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*