ตอนที่ 189 ไล่จับ (FREE)
ทันใดนั้นนางได้ยินเสียงของ ฟาง เจิ้งจือ จึงรู้สึกผิดหวังทันที
ยืมหอกฉีหลิน..
เพื่อเล่นสนุก?!
เขาหมายถึงอะไร?
นี่เป็นการทดสอบด้านการต่อสู้ มีใครเคยมาขอยืนอาวุธคนอื่นกันหรือไง?ถึงแม้จะเป็นพันธมิตรชั่วคราว แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันตลอดเวลา
เขาต้องไร้ยางอายขนาดไหนถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้?
อย่างน้อยเขาก็ควรจะรู้ความสำคัญของหอกเล่มนี้บ้าง แล้วอย่างน้อยก็ช่วยพูดออกมาว่าจะรักษาหอกเล่มนี้เป็นอย่างดี
แต่เพื่อความสนุก?
ทันทีที่ได้ยิน อารมณ์ดีๆของนางลอยหายไปในอากาศทันที
ปิง หยาง กำลังโกรธ นางเห็นคนมากมายนั้นต้องการหอกเล่มนี้ ขอแค่ให้ได้จับเล็กน้อยก็ยอม...
"ไม่มีทาง!" ปิง หยาง ปฏิเสธออกมาตรงๆ
"โอ้ เข้าใจแล้ว!" ฟาง เจิ้งจือ ดูเหมือนไม่ได้สนใจและไม่ผิดหวังอะไรมากมาย
ปิง หยาง จ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ข้าจะอคติกับเขามากไปงั้นหรือ? หรือจะให้เขาลองใช้ดูดี
นางค่อนข้างใจกว้างกับคนที่พูดอย่างสุภาพ
ยังไงก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่กล้าที่จะขโมยหอกของนางแน่นอน
มันเป็นสิ่งของอันพิเศษสำหรับนาง
ขณะที่นางกำลังไตร่ตรองอยู่ ฟาง เจิ้งจือ ก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง
"ถ้าเจ้าให้ข้ายืมหอกนั่นไม่ได้ เจ้ามีสมบัติอย่างอื่นไหม?อาจจะเป็นดาบดีๆสักเล่มให้ข้ายืม เจ้าเป็นถึงองค์หญิง เจ้าต้องมีสิ? "
"ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องมี?"
เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังสะท้อนไปทั่วโลกแห่งเซียน
ผู้เข้าสอบทุกคนต่างตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนไร้ยางอายได้ขนาดนี้
"สนุก... ข้าจะทำให้เจ้าได้สนุกแน่! " ปิง หยาง ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
หอกฉีหลิน ในมือของนางร้องคำรามนางไม่ได้ส่งมันพุ่งตรงไปหา ซู ตงหลิน แต่ส่งไปหา ฟาง เจิ้งจือ แทน
แสงสีทองพุ่งเข้ามา
ฟาง เจิ้งจือ กระโดดขึ้น เขาคิดว่าเขาค่อนข้างจริงใจ นางควรจะให้เขายืมอะไรบ้าง
ดาบ มีด กระบอง...
แต่อยู่ๆทำไมนางถึงทำร้ายเขา?
เขาอาจจะไม่เคยได้รับรู้ถึงความอันตรายของหอกฉีหลิน แต่เขาก็ไม่ได้ตาบอด ไม่มีทางที่เขาจะถูกจัดการได้ง่ายๆ
ฟาง เจิ้งจือ จึงเริ่มวิ่ง
ปิง หยาง ก็วิ่งไล่ตามเขาอยู่ด้านหลัง
แน่นอน ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถวิ่งไกลเกินไปได้ เขาต้องมั่นใจว่า ซู ตงหลิน จะไม่หลุดจากการควบคุม
เขาจึงวิ่งเป็นวงกลมล้อมรอบ ซู ตงหลิน
ปิง หยาง ก็พุ่งตามหลังเขาไปติดๆ อย่างไรก็ตามด้วยระดับพลังของนาง การจะตาม ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ฉากที่เกิดขึ้นนั้นน่าแปลกใจเป็นอย่างมาก
สนามรบได้กลายเป็นการวิ่งไล่จับระว่างทั้ง 2 คน
ผู้เข้าสอบทั้งหมดต่างงงงวย
"เกิดอะไรขึ้น?"
ขณะที่พวกเขากำลังสงสัย ในใจของ ซู ตงหลิน นั้นเต็มไปด้วยความคุกกรุ่น
"ฟาง เจิ้งจือ!" ซู ตงหลิน แทบจะหายใจออกมาเป็นไฟ
นี่มันเป็นเวลาที่ควรจะขอยืมอาวุธงั้นหรือ? แล้วตอนนี้ยังมาเล่นวิ่งไล่จับข้างหน้าเขาอีก?
มันหมายความว่ายังไง!
ตัวข้านั้นไม่มีความหมายเลยหรือไงกัน?
ซู ตงหลิน ไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกละเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นที่สนใจของผู้คน
"ไปลงนรกสะเถอะ ฟาง เจิ้งจือ !" ซู ตงหลิน ไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้อีกต่อไปเขาไม่แม้แต่เปลี่ยนดาบ และพุ่งไปทาง ฟาง เจิ้งจือ
เงาสีดำปรากฎขึ้นมาบนปลายกระบี่อีกครั้ง ครั้งนี้มันดำมืดยิ่งกว่าเดิม ดำจนเหมือนก้นเบื้องของนรก
ฟาง เจิ้งจือ ที่วิ่งอยู่รอบๆ รู้สึกได้ว่า มีกระบี่บินมาทางเขา
จากนั้นเขาก็ยิ้ม "ในที่สุดเจ้าก็โกรธ!"
โดยไม่ลังเล เขาเพิ่มความเร็ว สายฟ้ารอบๆตัวเขาระเบิดขึ้น สายฟ้าสีม่วงพุ่งผ่าน ปิง หยาง
แม้ว่า ปิง หยาง จะสวมชุดเกราะเปลวเพลิง แต่นางก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสายฟ้าจาก ฟาง เจิ้งจือ ตรงๆ
นางจึงต้องใช้หอก ฉีหลิน เพื่อป้องกัน
ฟาง เจิ้งจือ ใช้โอกาสนี้กระโดดขึ้นไปบนอากาศ ดาบหยกขาวของเขาส่องแสงอ่อนๆ ราวกับดาวฤกษ์ในทางช้างเผือก
ในเวลาเดียวกัน เหยียน ซิว ก็โจมตีเช่นกัน พัดของเขาส่องแสงออกมาเมื่อเชื่อต่อกับเขตแดนต้นไม้
คลื่นพลังขนาดใหญ่พุ่งไปทาง ซู ตงหลิน มันนำมาซึ่งความโศรกเศร้าและกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่
หลังจากที่เห็น พวกเขาถึงได้เริ่มสติ ในฐานะผู้ชม พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่า ซู ตงหลิน โจมตี ฟาง เจิ้งจือ ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี
ซู ตงหลิน ไม่มีทางถอยได้อีกแล้ว
แต่เขาไม่สามารถผ่านรอบนี้ไปได้อีกแล้ว
2 ดาบ ปรากฎขึ้นมาทางซ้ายและขวา
"ตูม!"
ฟาง เจิ้งจือ และ ซู ตงหลิน ปะทะกัน จากนั้น เหยียน ซิว และ หวัง ฉวนปิง ก็โจมตีตาม
"เชี่ย!"
ซู ตงหลิน กระอักเลือดออกมาจากปาก ขณะมองไปที่ 4 คนข้างหน้า เขาดูซีดเซียวและเหนื่อยจากการต่อสู้
ถือกระบี่ที่หักอยู่...
ดาบของ ฟาง เจิ้งจือ สั่นเล็กน้อยเช่นกัน แต่มันไม่ได้ถูกทำลาย
นั่นหมายความว่าหลังจากการปะทะกันนั้น ฟาง เจิ้งจือ อยู่เหนือกว่าเล็กน้อย
เมื่อรวมกับการโจมตีของ หวัง ฉวนปิง และ เหยียน ซิว ดังนั้น ซู ตงหลิน ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
"ข้าแพ้?" ซู ตงหลิน นิ่งไปทันที เขาไม่คิดว่าเขาจะแพ้ในรอบแรก แต่ความจริงก็เป็นความจริง เขาได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมาก
คนอื่นๆมองไปที่ ซู ตงหลิน ที่เต็มไปด้วยบาดแผลด้วยความไม่เชื่อ
"ซู ตงหลิน แพ้!"
"ไม่เร็วเกินไปงั้นหรือ ... "
พวกเขาไม่อยากจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในโลกแห่งเซียน พวกเขาต่างคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะหลีกเลี่ยงการท้าทายของ ซู ตงหลิน ยังไง
แต่ความจริงก็คือ ...
ซู ตงหลิน ได้พ่ายแพ้
อยู่ในกลุ่มแรก พลังสะท้อนสวรรค์ขั้นสูง ถูกทำให้ออกจากการทดสอบในรอบแรก
ท่ามกลางผู้คน มีสายตาอันนิ่งสงบคู่หนึ่งส่องประกายออกมา
มือของเขากำชายเสื้อแน่น ปากอ้าออกเล็กน้อย "ฟาง เจิ้งจือ? "
หนานกง มู่ ไม่ได้มอง ฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไป ท่าทีกลับมานิ่งสงบดังเดิม
ไม่ไกลจาก หนานกง มู่, ซิง ฉิงซุย ผู้สวมชุดสีดำ ก็มองดูที่ ฟาง เจิ้งจือ เช่นกันเขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของสนามรบ
"น่าสนใจการสอบรอบครั้งนี้น่าสนใจ!"
"นายท่าน ได้เวลาที่จะเคลื่อนไหวแล้ว?" ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซิง ฉิงซุย พูดขึ้นมาเขาแต่งตัวไม่สุภาพ แต่มีแผลเป็นอยู่ที่คอ
ดูเหมือนถูกตัดด้วยมีด แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาหลีกเลี่ยงความตายได้ยังไง
"ไม่ ข้าต้องการดูอีกสักนิด!" ซิง ฉิงซุย ส่ายหัว
...
ภายในโรงเรียนหลวง ราชาต้วน และ ฮัน ฉางเฟิง ขมวดคิ้ว พวกเขาไม่คิดว่าการต่อสู้จะจบอย่างรวดเร็วขนาดนี้
นอกจากนี้ ซู ตงหลิน ไม่ได้ทำให้ ฟาง เจิ้งจือ บาดเจ็บแม้แต่น้อย
"ข้าได้ยืนมาว่า ซู ตงหลิน ค่อนข้างทรงพลัง แต่ขาดประสบการณ์ เห็นได้จากวันนี้! " ฮัน ฉางเฟิง มองไปที่ ซู ตงหลิน ก่อนจะส่ายหัวออกมา
"ซู ตงหลิน ไม่สมควรอยู่ในสนามรบ เขาไม่เข้าใจความสำคัญของการควบคุมอารมณ์ตัวเอง!" ราชาต้วนพยักหน้า ก่อนจะมองไปที่องค์ชาย 9
"น้อง 9 เจ้าคิดยังไงกับ ซู ตงหลิน?"
องค์ชาย 9 ตัวแข็งข้าง เขาผงะเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของราชาต้วน
"เรื่องนั้น..."
"ลืมไปเถอะ, เจ้าเสพติดการแข่งม้ามาหลายปีแล้ว ฉันสงสัยว่าคุณมีความสนใจในเรื่องนี้ ถ้าเจ้าสนใจเรื่องพวกนี้ คงมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวๆค่ายทหารของข้าแล้วละ "
"ขอขอบคุณมากท่านพี่ แต่ท่านพูดถึงประสบการณ์การต่อสู้ ฟาง เจิ้งจือ เคยต่อสู้ในสนามรบมาก่อนหรือไม่? "
"หืม? เขาเป็นแค่คนบ้านนอก เขาจะมีประสบการณ์พวกนั้นได้ยังไง? เขาอาจจะมีประสบการณ์ล่ามาบ้าง ถ้าเขาอยู่ในสนามรบจริง เขาคงฉี่ราดกางเกงไปแล้ว พวกเราจะได้เห็นเมื่อเขาต่อสู้กับ ซิง ฉิงซุย " ราชาต้วนหัวเราะเบาๆ
"อืม ราชาต้วนพูดถูก ซิง ฉิงซุย อยู่ภายใต้การดูแลของ ซิง เฮา ในเวลานี้ เขาอาจจะได้เรียนรู้วิชาต่างๆมา " ฮัน ฉางเฟิง พยักหน้าเห็นด้วย
"คำพูดของท่านถูกต้อง แต่ข้าสงสัย พวกเขาทั้ง 4 คน จัดการ ซู ตงหลิน ลงได้ งั้นใครจะเป็นผู้ได้ผ่านรอบนี้ไป ? " ราชาต้วนถามออกมา
"หวัง ฉวนปิง ท้าทาย ซู ตงหลิน ดังนั้นเขาควรผ่านไป!" ฮัน ฉางเฟิงเข้าใจทันที่ว่า ราชาต้วนต้องการอะไร
...
ภายในโลกแห่งเซียน ประตูขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นมาหน้า หวัง ฉวนปิง เสียงอันดังก้องได้ประกาศออกมา
"ซู ตงหลิน ได้ออกจากการทดสอบ หวัง ฉวนปิง เข้าสู่รอบต่อไป!"
ผู้เข้าสอบทุกคนต่างตกใจทันทีและหันไปมองที่ หวัง ฉวนปิง
ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาไม่คิดว่าผู้ที่ได้ผ่านเข้ารอบไปเป็น หวัง ฉวนปิง!
"เกิดอะไรขึ้น?"
"ทำไม หวัง ฉวนปิง ถึงผ่านเข้ารอบไป?"
"หรือเพราะเขาท้าทาย ซู ตงหลิน?"
บางคนที่เคยเข้าร่วมสอบมาก่อนต่างคาดคิดถึงความเป็นไปได้ ฉากแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
บางครั้งคนแรกที่โจมตีจะถือว่าเป็นผู้ชนะ บางครั้งผู้ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดจะถือว่าเป็นผู้ชนะ ครั้งนี้ผู้ที่ท้าทายเป็นผู้ชนะ
อย่างไรก็ตามตามตรรกะแล้ว ครั้งนี้ ฟาง เจิ้งจือ ควรเป็นผู้ชนะ เพราะเขานั้นเหนื่อยแรงมากที่สุด
หากไม่มี ฟาง เจิ้งจือ แล้ว เหยียน ซิว กับ หวัง ฉวนปิง คงไม่ประสบความสำเร็จ
แต่ความจริงก็คือ หวัง ฉวนปิง กำลังผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
ไม่มีใครเข้าใจวิธีที่ใช้ในการตัดสิน
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ไปละเมิดสิทธิใคร จึงไม่มีใครประท้วงอะไรออกมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยิน เขามีความสุขมาก
"ฮ่าฮ่า ... เยี่ยมมาก!" ราวกับว่า ฟาง เจิ้งจือ นั้นคาดเดาไว้อยู่แล้ว
"เยี่ยม?!"
ไม่มีใครเข้าใจ ฟาง เจิ้งจือ บ้าไปแล้วหรือไงกัน?
ปิง หยาง เองก็รู้สึกขัดแย้งเป็นอย่างมาก นางน่าจะโกรธที่ถูกสายฟ้าของ ฟาง เจิ้งจือ โจมตีใส่ อย่างไรก็ตาม วินาทีต่อมา ซู ตงหลิน ก็ถูกจัดการ
เมื่อนางได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ นางยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น
"ทำไมเจ้าถึงมีความสุขละ?"
"ข้าต้องมีความสุขแน่นอนอยู่แล้ว ข้าไม่อยากผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยวิธีนี้ " ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ปิง หยาง ด้วยความดูถูก
"วิธีนี้? เจ้าไม่ต้องการเข้าสู่รอบที่ 2 โดยการสู้รบ? แล้วเจ้าต้องการอะไรกัน? " ปิง หยาง รู้สึกว่านางมักจะถูกสอนโดย ฟาง เจิ้งจือ ตลอด แต่มันก็เป็นความจริง นางไม่เข้าใจว่า ฟาง เจิ้งจือ คิดอะไร
"ข้าอยากผ่านทางนั้นไป!" ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้อธิบายอะไร แต่ชี้ไปข้างหน้าตนเอง
เขาชี้ไปที่สะพานที่พังทลาย หมอกปกคลุมอีกด้าน พวกเขาไม่รู้ว่าสะพานอีกฝั่งนั้นอยู่ห่างแค่ไหน
"เจ้าต้องการข้ามสะพานพังๆนั่นไป?! ทำไม?" แม้แต่ ปิง หยาง ยังตกใจ นางรู้ดีว่าสะพานหักนั่นหมายถึงอะไร
"ฟาง เจิ้งจือ ต้องการข้ามสะพานพังๆนั่น?!"
"เขาเป็นบ้า? บ้างั้นหรือ ด้วยความสามารถของเขา แค่หาคนอ่อนแอและจัดการทิ้งก็จบแล้ว! "
"ทำไมคนบ้าถึงอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ แต่ข้ากลับอยู่แค่ผนวกดารา ... "
ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
ถ้าเขาไม่สามารถข้ามสะพานนั่นไปได้ เขาจะตกรอบทันที
"เจ้าลืมเป้าหมายของพวกเราแล้วงั้นรึ?"
"เป้าหมายของพวกเรา? เจ้าหมายถึงตามหาดาบใช่ไหม? " ปิง หยาง ยังคงจดจำได้
"เพราะพวกเราต้องการตามหามัน พวกเราจึงไม่สามารถต่อสู้ได้ พวกเราจึงต้องข้ามสะพานนั่นไป " ฟาง เจิ้งจือ อธิบาย
"แต่ถ้าเจ้าข้ามไปไม่ได้ละ? เจ้าก็จะตกรอบ? แล้วเจ้าจะไปยังรอบต่อไปได้ยังไง? " ปิง หยาง ยังคงไม่เข้าใจ
"ข้าคิดมาดีแล้ว ข้าจะหาใครสักคนมากับข้า ถ้าข้าข้ามไม่ได้ ข้าก็แค่ดึงเขาตกลงไปขางล่างจนเขาออกจากการทดสอบ ข้าก็ถือเป็นผู้ชนะ เข้าสู่รอบต่อไปได" ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาตรงๆ
ปิง หยาง ตกใจ ก่อนดวงตาของนางจะเป็นประกายขึ้นมา
"ฟาง เจิ้งจือ ... ไม่มีใครบนโลกใบนี้ไร้ยางอายได้มากกว่าเจ้าอีกแล้ว! อย่างไรก็ตามความคิดของเจ้าก็ไม่ได้แย่นัก ยิ่งกว่านั้นมันดูน่าสนุกมาก ข้าจะอยู่กับเจ้า ข้ายังช่วยหาใครสักคนมาให้เจ้าได้ด้วย" ปิง หยาง กล่าวอย่างตื่นเต้น
"จะเยี่ยมมากถ้าท่านหาให้ข้าได้ด้วย!" เหยียน ซิว พูดสมทบ
เพจหลัก : Double gate TH