เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 280-1 การประลองครั้งแรก (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 280-1 การประลองครั้งแรก (อ่านฟรี)
(อ่านฟรี) แปลโดย iPAT
ไม่พูดแต่ทำ!
ฟางหยวนพุ่งไปข้างหน้าราวกับสายฟ้าฟาด
“ฟิ้ว...”
สายลมกรรโชกแรง แต่ก่อนที่เติ้งชิงจะสามารถตอบสนอง หมัดของฟางหยวนก็ปะทะหน้าอกของเขาเรียบร้อยแล้ว
ความเจ็บปวดทำให้เขาแทบหมดสติขณะที่เขาถูกส่งลอยกลับหลังก่อนจะล้มลงกระแทกพื้น
ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเศษดินและเศษหญ้าผสมผสานกับเลือดที่ไหลทะลักออกจากจมูกและปาก
เขาค่อยๆก้มหน้ามองหน้าอกและค้นพบว่ากระดูกซี่โครงของตนแตกหักไปแล้ว
เพียงการโจมตีเดียวของฟางหยวน เติ้งชิงได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที
“สารเลวไร้ยางอาย ลอบโจมตีข้าทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าต้องตาย!” เติ้งชิงสบถด่า
“ไปตายซะ!” แต่ฟางหยวนไม่แยแส
เขาก้าวไปข้างหน้าก่อนจะยกเท้าขึ้นและกระทืบลงระหว่างขาสองข้างของเติ้งชิง
ร่างกายของฟางหยวนปกคลุมด้วยแสงสีขาวจากวิญญาณเกราะนภาทำให้หัวใจของเติ้งชิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ผู้ใช้วิญญาณระดับสาม!
แรกเริ่มฟางหยวนใช้วิญญาณปกปิดลมหายใจ แต่ตอนนี้เขาอยู่ระหว่างการต่อสู้ เขาไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนกลิ่นอายของผู้ใช้วิญญาณระดับสามอีกต่อไป
เติ้งชิงเริ่มป้องกันตัวด้วยสายลมสีเขียว
“อ๊าก...” แต่กระทั่งได้รับการป้องกันจากสายลมสีเขียว ใบหน้าของเติ้งชิงยังกลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด
การโจมตีครั้งนี้ทำให้ร่างกายส่วนบนของเขาเด้งขึ้นทันที
แต่เป็นจังหวะนี้ที่หมัดของฟางหยวนพุ่งตามมา
“ปัง”
กำปั้นแสงสีขาวปะทะใบหน้าของเติ้งชิงทำให้เขาล้มลงบนพื้น
เขาไม่ขยับเขยื้อนและไม่หายใจ!
จมูกของเขายุบเข้าไปข้างใน ดวงตาปูดโปน กะโหลกศีรษะแตกละเอียด
เลือดไหลลงบนพื้นหญ้าราวกับสายน้ำ
ฟางหยวนยืนนิ่งและจ้องมองซากศพอย่างไร้อารมณ์
หลังจากไม่กี่ลมหายใจเสียงกรีดร้องจึงเริ่มดังขึ้น
“เขา...เขาตาย!”
“มีบางคนตาย!”
ผู้ชมสองสามคนกลายเป็นพูดไม่ออก กระทั่งเว่ยหยางยังรู้สึกตกใจ
แม้จะมีการประลองมากมาย แต่ผู้เสียชีวิตกลับมีน้อยมาก
ประการแรก การประลองสามารถยอมจำนน ประการที่สอง ผู้ดูแลสนามประลองสามารถหยุดการต่อสู้ได้ตลอดเวลา ประการที่สาม คู่ต่อสู้มักควบคุมตนเองเอาไว้ในระดับหนึ่งเพราะพวกเขาต้องการผลประโยชน์และไม่ต้องการสร้างปัญหา
แต่ฟางหยวนมีเหตุผลสองประการในการสังหารเติ้งชิง
ประการแรก เขาพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับสาม สัญชาตญาณในการต่อสู้ของเขากำลังพุ่งพล่าน
ประการที่สอง เขาเก็บซ่อนกลิ่นอายทำให้คู่ต่อสู้ชะล่าใจ ก่อนที่เติ้งชิงจะสามารถตอบสนอง เขาก็ตายไปแล้ว
ผู้ดูแลสนามประลองเข้ามาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
“เด็กน้อย เจ้าทำรุนแรงเกินไปจริงๆ” เขามองฟางหยวนด้วยความไม่พอใจ
เขาเห็นทุกสิ่งในสนามประลอง สถานการณ์ของฟางหยวน เขาสามารถหยุดและรักษาชีวิตของเติ้งชิง แต่เขากลับไม่ทำ
ฟางหยวนยักไหล่ “มันก็แค่หนึ่งชีวิต ตามกฎ ข้าฆ่าเขา ตอนนี้สมบัติทั้งหมดของเขาจะเป็นของข้า ถูกต้องหรือไม่?”
ผู้ดูแลสนามประลองโต้ตอบ “ทุกสิ่งเป็นของเจ้า ยกเว้นวิญญาณข้อมูลพฤกษา เด็กน้อย ข้าขอเตือน เจ้าไม่เห็นชีวิตของผู้อื่นอยู่ในสายตา นั่นเป็นความคิดที่อันตรายมาก”
“ข้าต้องขอโทษจริงๆ” เว่ยหยางเดินเข้ามาขอโทษ “น้องชายของข้าเดินทางอยู่ในโลกภายนอก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าสู่สนามประลอง”
ผู้ดูแลสนามประลองไม่รู้จักเว่ยหยาง ดังนั้นเขาจึงเผยใบหน้าเดียดฉันท์ “ฮืม ผู้ใช้วิญญาณปีศาจมักเป็นเช่นนี้ ก้าวร้าวและสนุกกันการฆ่า เอาล่ะ ส่งวิญญาณข้อมูลพฤกษาของเจ้าให้ข้า”
ฟางหยวนส่งวิญญาณข้อมูลพฤกษาให้ผู้ดูแล
เลขศูนย์ถูกเปลี่ยนเป็นหนึ่ง
หลังจากตรวจสอบซากศพของเติ้งชิง ฟางหยวนได้รับวิญญาณสี่ดวง สามดวงเป็นวิญญาณระดับสอง หนึ่งดวงเป็นวิญญาณระดับหนึ่ง พวกมันเป็นวิญญาณทั่วไปแต่ยังมีราคารวมกันประมาณสองพันหินวิญญาณ
เติ้งชิงเสียชีวิตอย่างกะทันหันทำให้เขาไม่มีเวลาระเบิดตัวเอง ขณะเดียวกันเขาก็มีหินวิญญาณอยู่เพียงสามสิบก้อนเท่านั้น
“น้องชายฟางเจิ้ง พยายามหลีกเลี่ยงการฆ่าในอนาคต” หลังจากออกมา เว่ยหยางจึงเปิดปากให้คำแนะนำ
“แม้จะไม่มีกฎห้ามฆ่าในสนามประลอง” เว่ยหยางถอนหายใจ “มันก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ถึงตายทุกรอบ เพราะบางรอบเจ้าอาจพบบางคนที่แข็งแกร่งกว่า นอกจากนั้นทุกคนยังมีสายสัมพันธ์กันมากกว่าที่เจ้าคิด ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็อยู่ในเมืองเฉิงเช่นกัน หากสามารถรักษาชีวิต พวกเราก็ควรทำ”
ฟางหยวนขมวดคิ้วบาง “หากข้าปล่อยบางคน พวกเขาอาจไม่ปล่อยข้า ข้าเคยต่อสู้กับผู้ใช้วิญญาณปีศาจหลายคน พวกเขาจะโจมตีโดยปราศจากการแจ้งเตือน หากข้าไม่ลอบโจมตี ข้าย่อมเป็นฝ่ายถูกโจมตี ประสบการณ์ของข้าบอกให้ข้าฆ่าเขาเมื่อข้าสามารถ มิฉะนั้นคนที่ต้องหมดลมหายใจจะเป็นข้า ข้าไม่สามารถเปิดโอกาสให้กับศัตรู เพราะข้าทำเช่นนี้ ข้าจึงสามารถมีชีวิตมาจนถึงเวลานี้”
เว่ยหยางกลายเป็นหมดสิ้นถ้อยคำ
เขาคิดทันทีว่าฟางหยวนเหมือนเขาในอดีต โหดร้าย ป่าเถื่อน และเชื่อเพียงสัญชาตญาณของตนเองเท่านั้น
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจล้วนหวาดระแวงในความปลอดภัยของตน
พวกเขาแตกต่างจากผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะที่สามารถพึ่งพาตระกูลและอยู่ในระบบแห่งความเชื่อใจ
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจมักบ่มเพาะอยู่เพียงลำพังและจะทำทุกสิ่งเพื่อตนเองเท่านั้น พวกเขาไม่มีทรัพยาการและอาจต้องอดอาหาร แล้วพวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยได้อย่างไร?
เพื่อความอยู่รอด พวกเขาสามารถปล้นฆ่าผู้คน พวกเขาจะไม่โจมตีกลุ่มผู้ใช้วิญญาณโดยตรงแต่จะใช้วิธีลอบโจมตี
นี่คือชีวิตของผู้ใช้วิญญาณปีศาจ
พวกเขาไม่รู้สึกปลอดภัย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องโจมตีอย่างไร้ปรานี
เว่ยหยางเปลี่ยนจากเส้นทางสายปีศาจมาสู่เส้นทางสายธรรมะ นั่นทำให้เขาเข้าใจคนทั้งสองประเภทมากกว่าคนอื่น
ดังนั้นการกระทำของฟางหยวนเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์
‘แม้เขาจะเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามและมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ แต่เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อย เห้อ...เห็นวิธีการต่อสู้ของเขา ข้าสามารถบอกได้ว่าเขาผ่านความยากลำบากมามากเพียงใด ในความเป็นจริง หากเขาไม่ก้าวร้าว มันจึงจะเป็นเรื่องแปลก’
‘เขาไม่สนใจชีวิตของฝ่ายตรงข้ามเช่นเดียวกับผู้ใช้วิญญาณปีศาจคนอื่นๆที่พึ่งเข้าสู่สนามประลองเป็นครั้งแรก ตัวข้าเองก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ? เอาเถอะ เมื่อเวลาผ่านไป เขาจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ข้าไม่สามารถบังคับเขา’
คิดได้เช่นนี้เว่ยหยางจึงเริ่มเปลี่ยนบทสนทนา...