ตอนที่ 144 อำนาจพลังแห่งตราผนึกดวงดารา
ตอนที่ 144 อำนาจพลังแห่งตราผนึกดวงดารา
ดวงตาของหล่างฉู่วเต่ประกายด้วยตกตะลึงนางกำลังจ้องมองไปยังทิศทางของหยางไค่
การต่อสู้กับสัตว์อสูรทำให้นางได้รับบาดเจ็บ หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงในขณะที่จ้องมองชายหนึ่งหญิง1ที่กำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร
ภาพเหตุการณ์ที่เงาร่างพุ่งเข้าช่วยเหลือซู่เหยียนโดยไม่หวาดกลัวต่อความตาย ตราตรึงไปยังจิตใจของหญิงสาวที่มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ทุกคน
หล่างฉู่วเต่ไม่แตกต่างจากหญิงสาวคนอื่นๆ
หากมีชายหนุ่มที่ยอมสละชีวิตของเขาเพื่อช่วยเหลือตนเอง แม้ว่าการบ่มเพาะพลังของเขาจะอยู่ในระดับต่ำนางก็ไม่สนใจถึงจุดด้อยนี้ บางครั้งคำร้องขอของหญิงสาวค่อนข้างมาก แต่บางครั้งมันเล็กน้อย เล็กน้อยแม้กระทั่งคำพูดเพียงประโยคเดียว การกระทำเพียงอย่างเดียว ก็สามารถคว้านหัวใจของพวกนางออกมาและให้เงาร่างที่งดงามของเขาตราตรึงอยู่ในห้วงหัวใจตลอดกาล
หากว่าในตอนนั้นหญิงสาวที่เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเป็นตนเอง มันคงมีความสุขเหนือสิ่งใดอื่นๆในโลกนี้
แต่เมื่อหวนคิดถึงโต้ตอบการกระทำที่หยางไค่ปฏิบัติตนเอง ดวงตาของหล่างฉู่วเต่ประกายด้วยร่องรอยแห่งความโศกเศร้าและหัวเราะอย่างขมขื่นใจ
ยังเหลือเรี่ยวแรงในการต่อสู้ ? หยางไค่จ้องมองซู่เหยียนและกล่าวถาม
ไม่เหลือแล้ว ซู่เหยียนส่ายหัวอย่างช้าๆ : พวกเราต้องหนีออกไปในทันที สัตว์อสูรตัวนี้มีชีวิตจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ข้าทำได้เพียงผนึกมันได้อีกไม่นาน หากตอนนี้ยังไม่หนีออกไปมันจะไม่ทันการ
หนีไปทางไหน ? หยางไค่หัวเราะด้วยเสียงที่แผ่วเบา : ก่อนหน้านั้นมันไล่ตามเจี่ยหงเฉิน แต่ตอนนี้มันคงวไล่ตามเจ้า นอกจากเจ้าออกไปจากสถานที่แห่งนี้ มิฉะนั้นเจ้ามิอาจที่จะหลบหนีจากมันได้
หากศิษย์คนอื่นๆแห่งหอประลองยุทธุ์ต้องเดือดร้อนเพียงเพราะข้า ข้าจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ทันที
ความผิดไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวเจ้า ทำไมเจ้าต้องแบกรับมันด้วย ? หยางไค่ขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน : ฐานแห่งศิษย์พี่ของเจ้า มันหนักหนาสาหัสเกินไป
ซู่เหยียนจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ
เขากำลังสั่งสอนตนเอง ?เขากล้าที่จะสั่งสองตน ?แม้แต่ผู้อาวุโสที่อยู่ในสำนัก ไม่เคยสั่งสอนตนเองแม้แต่ครั้งเดียว แต่ซู่เหยียนกลับไม่เคืองโกรธ และไมคิดจะต่อต้านเขาแม้แต่น้อย
เจ้ามองดูสภาพของศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธุ์นในเวลานี้ หยางไค่หันหน้ากลับไปมองศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์ทั้งหมดที่กำลังถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง แต่ยังมีศิษย์สาวกจำนวนไม่น้อยที่กำลังนั่งคุกเข่าและกุมขมับพื้นดินเพื่อภาวนาให้เวลาหมุนวนกลับไป : เจ้าออกไปจากที่นี้ เจ้ามั่นใจหรือไงว่าสัตว์อสูรจะไว้ชีวิตพวกเขา? เมื่อไม่เจ้า พวกเขาทั้งหลายต้องพาลพบกับความตายที่เข้าใกล้พวกเขามากยิ่งขึ้น
แล้วต้องทำอย่างไรต่อไป ? ซู่เหยียนถามกลับ
ฆ่ามัน !! หยางไค่แสะยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มของเชื่อมโยงอาการบาดเจ็บของร่างกายภายใน ทำให้หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นที่ผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฆ่ามัน ? ซู่เหยียนตกตะลึง นางไม่คิดว่าหยางไค่จะมีความคิดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง สามารถหนีรอดออกไปก็เป็นเรื่องที่โชคดีที่สุด แล้วจะฆ่ามันด้วยวิธีการอย่างไร ?
ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนา เสียงของผลึกน้ำแข็งดังแว่วมากจากสัตว์อสูรที่อยู๋ตรงหน้าของพวกเขา ใบหน้าของซู่เหยียนแปรเปลี่ยนอย่างกะทัน : รวดเร็วเช่นนี้ ?
ไม่ทันแน่ !! หยางไค่เป็นคนที่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาโบกมือและกล่าวตะโกนต่อซู่เหยียน : เจ้าถอยออกไป !!ไม่ว่าอย่างไร่ก็ต้องทดสอบดูสักครั้ง หากไม่สามารถฆ๋ามัน เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราค่อยวิ่งออกไปก็ยังไม่สาย !!
คากฉากฉากกก.......รอยแตกของผลึกน้ำแข็งหิมะเริ่มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ สัตว์อสูรที่ถูกผนึกเอาไว้เริ่มจับจ้องมายังพวกเขาด้วยสายตาที่แดงก่ำ ในสายตาของมัน หยางไค่และซู่เหยียนเปรียบดั่งตั๊กแตนตัวน้อยเท่านั้น
ถอยออกไปให้ไกลกว่านี้ !! เมื่อหยางไค่ไม่มีการเคลื่อนไหว หยางไค่จึงหันกลับไปและตะโกนคำราคมอีกครั้ง
ร่างกายของซู่เหยียนสั่นสะท้าน นางรีบก้าวเท้าออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ และรีบถอยไปยังด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวยังถอยออกไปพร้อมๆกับซู่เหยียน
สองเท้าของหยางไค่ยืนหยัดตรงหน้าของสัตว์อสูรเสมือนหอคอยที่สง่างาม ร่างกายที่ซูบผอมปรากฏท่ามกลางสายตาของทุกคน เสมือนว่าเขาเป็นยอดฝีมือระดับสูงที่เงยศีรษะจ้องมองท้องฟ้า สองเท้าเหยียบย่ำพื้นดินอย่างแข็งแกร่ง
เขายืนขวางอยู่ตรงนั้น ซึ่งสามารถขัดขวางอำนาจที่แข็งแกร่งของสัตว์อสูร สามารถขัดขวางร่างกายที่ใหญ่มหึมาของสัตว์อสูร
ขวามือของเขาเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ มันเป็นการกระทำที่เชื่องช้าอย่างมาก มันเชื่องจ้าจนทุกคนต่างมองเห็นและรับรู้ว่าในมือของเขาไร้ซึ่งซึ่งศัตราวุธใดๆ แต่ในเวลานี้สายตาของทุกคนที่จ้องมองไป กลับมองเห็นขวามือของเขากำลังถือค้อนที่มีน้ำหนักประมาณ 10,000 จิน และกำลังใช้พละกำลังทั้งหมดของเขากวัดแกว่งมัน
คากฉากฉาก.......เสียงของกระดูกดังแว่วขึ้นจากทิศทางของหยางไค่
ในเวลาเดียวกัน แสงแห่งดวงดารากำลังประกายระยิบระยับ กลิ่นอายแห่งความรู้สึกที่ทำให้คนหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นถูกปลดปล่อยออกไปอย่างรุนแรงจากตำแหน่งทิศทางของหยางไค่ เสียงลมวายุที่โหมกระหน่ำ ปะทะเสื้อผ้าของเขาไปมาอย่างรุนแรง ผมสีดำขลับของเขาลอยสยายไปยังด้านหลังของเขาทันที
เสียงตะโกนของหยางไค่ดังขึ้น เขาใช้พละกำลังของเขาตะโกนคำรามออกมาทีละคำ : ศิษย์ สาวก ทั้ง 3 สำนัก ..............
มือขวาของเขาเริ่มยกขึ้นสูงทีละน้อยทีละน้อย สิ้นเสียงตะโกนคำรามของเขา มันได้กำเป็นหมัดเอาไว้
รัศมีแห่งความสง่างามถูกปลดปล่อยออกไป ตำแหน่งที่หยางไค่กำลังยืนแปรเปลี่ยนไปราวกับห้วงจักรวาลที่งดงามในขณะที่ดวงดารากำลังเคลือ่นไหวไปมาในห้วงจักรวาลที่เขาสร้างขึ้นมา หมัดขวาของเขาค่อยๆเคลื่อนไหวไปด้านหลัง ทุกการเคลื่อนไหวของมัน ให้ความรู้สึกถึงพลังอำนาจที่แข็งแกร่งมากขึ้นทุกครั้ง เสมือนว่าเขากำลังรวบรวมพลังความแข็งแกร่งของเขา
ใครก็ตามที่มีความตั้งใจ............ หยางไค่กำหมัดไว้แน่นพยายามควบคุมพลังความแข็งแกร่งที่สามารถปลดปล่อยออกมจาจากหมัดของเขา เพื่อไม่ให้มันพุ่งออกไป ก่อนจะกล่าวตะโกนออกมาอีกครั้ง
มันคือกระบวนท่าของเคล็ดวิชาใด ! ใบหน้าของฟางจือชิเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน บริเวณทีห่างไกลจากเขาเริ่มสั่นไหว จากเขตแดนลมปราณแท้จริงของเขาสามารถสัมผัสถึงอำนาจพลังแห่งการฆ่าที่ซ่อนเร้นอยู่ในหมัดของเขา
นอกจากนั้น หมัดของเขากำลังสั่งสมพลังความแข็งแกร่งทั้งหมด แต่ยังไมได้พุ่งโจมตีออกไป
เพียงแค่สั่งสมพลังความแข็งแกร่งก็มีอำนาจแห่งการฆ่าที่รุนแรงเช่นนี้ หากว่าพุ่งโจมตีออกไป มันจะน่าหวาดกลัวถึงขั้นไหน ?
ช่างงดงาม.......... หู่เหม่ยเอ่อและหู่เจี่ยวเอ่อกล่าวคำพูดที่เหมือนกันออกมา ห้วงจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาราที่ประกายระยิบระบับ เสมือนท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยฝนดาวตกที่งดงามจนมิอาจลืมเลือน
ฮวาลา !!! พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของหยางไค่ไม่สามารถทนรับอำนาจพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มันเริ่มแตกระแหงเป็นทางยาว ร่างกายของเขาทรุดลง ก่อนที่จะค่อยๆยืนหยัดอย่างสง่างามอีกครั้ง
ดวงตาของสัตว์อสูรที่กำลังทำลายผนึกผลึกน้ำแข็งหิมะไร้ซึ่งความโกรธแค้นและเจตนาแห่งการฆ่า แต่มันถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวที่รุนแรงยิ่งขึ้น
มันกำลังจะคิดหนี !!มันสามารถสัมผัสได้ถึงอำนาจพลังที่มันหวาดกลัวจากหมัดของหยางไค่ มันถูกผนึกเป็นเวลาหลายปีกำลังอยู่ช่วงที่อ่อนแอ มันไม่ง่ายที่จะตื่นจากการถูกผนึกอย่างยาวนาน ยังมิทันที่จะเพลิดเพลินกับอิสรภาพที่หอมหวาน มันไม่อยากเจ็บปวด และไม่อยากที่จะเข้าสู่การหลับไหลที่ยาวนานเช่นนั้นอีกต่อไป
แต่ว่าผนึกจากผลึกน้ำแข็งหิมะขนาดใหญ่กำลังพันธนาการมันเอาไว้
ช่วยเหลือข้าได้ไหม....... หยางไค่กล่าวตะโกนเป็นครั้งที่ 3 คำกล่าวของเพียงประโยคเดียวไม่สามารถที่จะตะโกนออกมาได้ในครั้งเดียว เพียงแค่การควบคุมพลังอำนาจของหมัดขวาของเขาก็ทำให้เขาสูญเสียพลังจิตวิญญานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เสียงตะโกนที่ขาดๆหายในการแสดงเจตนาที่แท้จริงของเขา
หลังจากที่คำกล่าวนี้ถูกตะโกนออกไป หยางไค่หยันสองเท้าของเขาไว้บนพื้นดินอย่างมั่นคงอีกครั้ง ร่างกายของเขาลอยขึ้นสูง นำพาไปซึ่งดวงดาราที่ประกายระยิบระยับจำนวนมหาศาล
ดวงดาราส่องแสงระยิบระยับ ไร้ซึงขอบเขต รัศมีความสง่างามแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ
หยางไค่กระโดดลอยตัวสูงเพียง 10 จ้างเท่านั้น หลังจากนั้นร่างกายของเขาหยุดนิ่ง จากการพลิกตัวของเขา ศีรษะดิ่งลงพื้นดิน สองเท้าชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า และพุ่งลงไปยังตำแหน่งศีรษะของสัตว์อสูร
ในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ สัตว์อสูรที่ถูกฯกสามารถทำลายผนึกจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งที่แตกละเอียด
โค่ง !! เมื่อสามารถทำลายพันธนาการที่ควบคุมมันเอาไว้ สัตว์อสูรคำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธ เสียงนั้นแสบสะท้านไปยังแก้วหูชั้นในของทุกคน
พลังเพียง 1 ฝ่ามือ !! เสียงคำรามของหยางไค่แทรกอยู่ในนั้น แต่มันกลับดังอย่างชัดเจนในหูของทุกคน
เวลาต่อมา หมัดที่เต็มไปด้วยดวงดาราที่ประกายแสงแห่งดวงดาวกวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นการกระทำจากการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าที่สุดไปยังการเคลื่อนไหวที่เร็วที่สุด ซึ่งให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใดต่อทุกคนที่มองเห็น
1 หมัด พุ่งปะทะไปยังศรีษะด้านบนของสัตว์อสูร
เสมือนว่าท้องฟ้าเกิดเสียงฟ้าผ่า และราวกับว่าพื้นดินขนาดใหญ่กำลังสะเทือนไปมาอย่างรุนแรง เมื่อหมัดน้อยๆที่พุ่งปะทะกับศีรษะของสัตว์อสูร จิตใจของทุกคนต่างสั่นระรัวไปมาอย่างรุนแรง ราวกับว่าการโจมตีด้วยหมัดนี้ของหยางไค่กำลังทำลายจิตใจและจิตวิญญาณของพวกเขาทุกคน
ตรงหน้ามองเห็นแสงสว่างที่เจิดจรัสจนมิอาจที่จะจ้องมองได้อีกต่อไป ทันใดนั้นพื้นดินบริเวณที่หมัดของหยางไค่และสัตว์อสูรปะทะซึ่งกำลังและกำลังกำลักพังทลายและลามไปยังทั่วทุกทิศทาง
ภาพเหตุการณ์ที่มิอาจเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน สัตว์อสูรภายใต้การโจมตีของหยางไค่ ซวนเซไปมาอย่างรุนแรง สองขาหลังของมันพ่งชี้ไปยังชั้นฟ้า สองขาหน้าโก่งโค้ทรุดลงไปยังพื้นดิน ศีรษะของมันห้อมล้อมไปด้วยดวงดารา ก่อนที่ใบหน้าของมันจะปะทะสัมผัสกับพื้นดิน ทำให้พื้นดินด่านล่างเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ เศษดินกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
หยางไค่ใช้แรงแห่งการปะทะในการดีดตัวกลับและพุ่งลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาพลิกตะลบอยู่กลางเวหาหลายครั้ง ก่อนจะพุ่งกระแทกไปยังพื้นดินเบื้องล่าง ในตอนนี้ หมัดขวาของเขาเป็นดั่งเช่นก้อนเนื้อที่อ่อนนุ่ม แขนของเขาถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงสด และสั่นสะท้านไปมาโดยมิอาจควบคุมได้ แต่เขาในตอนนี้กลับลุกยืนหยัดอย่างมั่นคง เขากำลังจ้องมองสัตว์อสูรขนาดมหึมาด้วยความโหดเหี้ยม ร่างกายที่อ่อนแผ่กลิ่นอายที่บ้าคลั่งและกลิ่นคาของโลหิตครุกรุ่นไปทั่วสารทิศ ?
ฝูงชนทุกคนต่างตื่นตะลึงจนหยุดนิ่ง ดวงตาของพวกเขาสั่นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา
ไม่มีใครคาดคิดว่าหยางไค่จะสามารถโจมตีสัตว์อสูรเช่นนี้ได้ แม้แต่ซู่เหยียนยังไร้ซึ่งหนทางที่จะเอาชนะมัน
แต่ในตอนนี้ หมัดที่สะเทือนฟ้าสะเทือนแผ่นดินกลับสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิด
มันเป็นหมัดเช่นไรกันแน่ ..
หวนคิดกลับมาอีกครั้ง ทุกคนล้วนคิดถึงภาพแห่งห้วจักรวาลที่งดงามอย่างถึงที่สุด ความงดงามซ่อนเร้นพลังอำนาจแห่งการฆ่าที่แข็งแกร่ง รุนแรง และโหดเหี้ยม ทำให้พวกเขาหวนคิดถึงหมัดนั้นจนมิอาจลืมเลือนมันไปได้
มองไปยังเงาด้านร่างของชายหนุ่มที่กำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขนาดมหึมา หัวใจของซู่เหยียนสั่นระรัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง
นางรู้ดีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางมิอาจที่จะลืมเลือนเงาด้านหลังของชายหนุ่มคนนี้ เพราะเจ้าของเงาด้านกระทำในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถทำได้
ใบหน้าของหู่เหม่ยเอ่อแดงก่ำอย่างยิ่ง ดวงตาของนางจ้องมองหยางไค่ด้วยความรู้สึกที่ชื่นชม เมื่อถูกน้องสาวดึงดูดด้วยความอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้ หัวใจของหู่เจี่ยวเอ่อเริ่มเต้นไปมาอย่างรวดเร็ว
ทำอย่างไรดี ? จิตใจของหู่เจี่ยวเอ่อเต็มไปด้วยความกังวลและลังเล อารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ใช่ของตัวนาง แต่มันเป็นเพราะการสัมผัสอารมณ์ความรู้สึกของน้องสาวมันจึงเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้นางค่อนข้างที่จะหวาดกลัว
หัวใจของหล่างฉู่วเต่เต้นระรัวไปมาด้วยความตื่นตะลึง แต่ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความขมขื่นที่เหลือล้น ใบหน้าที่งดงามของนางแสดงถึงความรู้สึกที่มืดมนในทันที
อาจจะกล่าวได้ว่า เงาด้านหลังของคนคนหนึ่ง ประทับตราตรึงใหห้วงจิตใจของหญิงสาวจำนวนมาก ตัวของเขาหมายถึงความปลอดภัยและสามารถพึ่งพาอาศัย !! มันเป็นเงาด้านหลังที่หญิงสาวทุกนางต่างถวิลหา
ยอดเยี่ยม !! จิตใจของฟางจือชิเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในขณะเดียวกันยังมีความรู้สึกแห่งความพ่ายแพ้ : ในโลกนี้มีเคล็ดวิชาเช่นนี้ !และยังมีคนที่สามารถแสดงพลังอำนาจที่แท้จริงของมันออกมา มันช่างเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ายิ่งนัก !
เพราะเหตุใด เพราะเหตุใด ... ราวกับว่าเจี่ยหงเฉินสูญเสียจิตวิญญานของตนเองและกล่าวพึมพำคนเดียว : ทำไมเคล็ดวิชานี้จึงไม่ใช่ของข้า ? เพราะเหตุใดข้าจึงไม่พาลพบกับโอกาสที่พลิกผันชะตาชีวิตเช่นนี้ ? หากว่าข้าได้ครอบครองมัน การจับจ้องของทุกคน ความรู้สึกที่ทำให้หญิงสาวหวั่นไหว จะเป็นของข้าเพียงคนเดียว !! ทำไม ทำไมต้องเป็นมัน ? มันคงพบเจอกับความโชคดีเท่านั้นเอง !!
ไม่มีใครจะช่วยเหลือหรอืไง ? มันยังไม่ตาย หากไม่ช่วยข้า ทุกคนก็เตรียมตัวหนีให้ดี เสียงของหยางไค่กล่าวตะโกนคำรามออกมาอีกครั้ง
เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวนี้ พ่วกเขาจึงฟื้นคืนจากความตื่นตะลึง
ซู่เหยียนและกล่าวตะโกน : ใครที่ยังสามารถต่อสู้โจมตีออกไปช่วยเหลือให้เร็วที่สุด !!!