ตอนที่ 140 โสมปีศาจหยินหยาง
ตอนที่ 140 โสมปีศาจหยินหยาง
สงครามครั้งใหญ่ ? จิตใจของหยางไค่สั่นสะท้าน : เล่าอย่างละเอียดซิ
ขอรับ นายน้อย
ภายใต้การสาธยายอธิบายอย่างละเอียดของมารปฐพี หยางไค่จึงค่อยๆเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
มารปฐพีจดจำได้ไม่มาก มีเพียงความทรงจำเพียงน้อยนิด ค่อยๆปะติปะต่อมันขึ้นมา มารปฐพีไม่รู้ว่าในตอนนั้นเขาเข้าร่วมการต่อสู้ได้อย่างไร นอกจากนั้นยังเป็นการต่อสู้ที่คนหมู่มากโจมตีศัตรูเพียง 2 คน ศัตรู 2 คนนั้นเป็นชาย 1 หญิง 1 เมื่อต่อสู้จนถึงนาทีสุดท้าย กลุ่มคนจำนวนมากต่างถูกฆ่าตายทั้งหมด ชาย 1 หญิง 1 ต่างต่อสู้จนตัวตายเช่นเดียวกัน
ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงหนีออกมาก่อน สุดท้ายจึงตายอยู่ที่นี้ ข้าจำได้ เสียงของมารปฐพีค่อนข้างสั่นเครือ และยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
จำอะไรได้ ?
มีมังกร มีหงสาว มังกรหงสาผสานรวมเป็นหนึ่ง สวรรค์ทำลายปฐพี ..ข้าเองถูกโจมตีด้วยมังกรและหงสาที่ผสานรวมเป็นหนึ่งจึงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
ดวงตาของหยางไค่ประกายด้วยความสว่าง เขาหวนคิดถึงวันที่ถ้ำสวรรค์แห่งฟ้าสวรรค์ถูกเปิดผนึก เงาร่างแห่งมังกรและหงสาที่โบยบินอยู่บนฟากฟ้านภาอย่างงดงาม
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เสมือนว่ามารปฐพีตกใจอย่างสุดขีด เขาไม่สามารถคิดถึงเหตุการณ์อื่นๆที่มากกว่านี้ได้อีก
หากเป็นอย่างที่เจ้ากล่าวมา แล้วถ้ำสวรรค์แห่งนี้เป็นมรดกสืบทอดของใคร ? หยางไค่กล่าวถาม
นายน้อยโปรดระงับความโกรธ ก่อนหน้านี้ข้าเพียงพูดปดไปเท่านี้ แต่มรดกของข้ายังคงดำรงอยู่ หากว่านายน้อยต้งอการข้าจะให้นายน้อยได้เพลิดเพลินกับมันเอง
ไม่ต้อง ข้าไม่สนใจสิ่งของเหล่านั้น หยางไค่รีบส่ายหัวปฏิเสธ
มารปฐพีถูกเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทิ่มแทงจิตใจ แม้ว่าเขาจะจำฐานะที่แท้จริงของตนเองไม่ได้ แต่ว่าเขาน่าจะเป็นบุคคลระดับสูง ระดับสูงที่ว่ามีแต่คนแย่งชิงที่จะเป็นลูกศิษย์ของเขา แต่ว่าเขากลับตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหยางไค่
อ๊า !! หงสาที่เทียบไม่ได้กับไก่ตัวหนึ่ง มารปฐพีถอนหายใจอย่างอาลัย
ลูกแก้วลูกนั้นไม่มีประโยชน์ ก่อนหน้านั้นมารปฐพีหลบซ่อนตัวอยู่ภายในลูกแก้ว หากไม่สัมผัสกับมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อสัมผัสกับมัน มันกลายแตกกระจายเป็นปุยผงในทันที
หลังจากที่เดินวนอีก 1 รอบ ไม่มีสิ่งใดที่ยึดครองกลับไปได้ หยางไค่ถอนหายใจยาวๆ และตัดสินใจที่จะออกไปจากที่นี้
เขาพำพักอยู่ในสถานที่แห่งนี้เป็นเวลานาน สถานการณ์ด้านนอกจะเป็นอย่างไรเขาก็มิอาจล่วงรู้ เพราะอย่างไรสถานที่แห่งนี้คือถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องออกไปเสาะหาโชคชะตาที่ควรจะเป็นของตนเอง
เมื่อมาถึงด้านหน้าของทางออกที่หินจำนวนมากมายถล่มลงมา จากการสืบทอดวิธีการเปิดทางออกของมารปฐพี ยังมิทันที่หยางไค่จะเดินออกไปจากถ้ำ ทันในนั้นตรงหน้าของเขามีแสงส่างสีขาวเหลือบแดงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าการแสดงออกของหยางไค่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขาคิดว่ามีใครกำลังซุ่มโจมตีเขา เขาจึงรีบปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว
แสงสว่างนี้มีจิตวิญญาณมันหลบหนีจากการโจมตีของหยางไค่ โบยบินรอบอ้อมแขนของหยางไค่และโบยบินออกไปในที่สุด
หยางไค่ตื่นตระหนกรีบก้าวถอยหลัง ในขณะเดียวกันมืออีกครั้งได้ไขว่คว้าแสงสว่างนั้นไป
เพียงชั่วครู่เสมือนว่าหยางไค่จับต้องมันได้ ทันใดนั้นใบหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างแปลกประหลาด
เขาพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การโจมตี แต่เป็นกายที่แท้จริง นอกจากนั้นยังมีความรู้สึกที่เสมือนว่ามันกำลังดิ้นรนผ่านมาจากกำมือของหยางไค่
หยางไค่จ้องมองลงไป และพบว่าสิ่งที่ตนเองกำเอาไว้ดูเหมือนเป็นโสมมนุษย์ที่มีรูปร่างแคระ แต่โสมมนุษย์นี้มีรูปร่างที่แปลกประหลาด ข้างหนึ่งขอมันแดงก่ำ อีกข้างขาวดุจหิมะ สีแดงและสีขาวอย่างละครึ่ง ทำให้หยางไค่สัมผัสได้ถึงพลัง 2 ชนิดที่แตกต่างกันซึ่งซ่อนอยู่โสมมนุษย์ตัวนี้
ข้างที่แดงก่ำซ่อนเร้นความร้อนแรง ข้างที่มีสีขาวกลัวเย็นเฉียบ มันเป็นพลังที่ต่อต้านซึ่งกันและกันแต่กลับรวมตัวอยู่ในโสมมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ก่อกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีจิตวิญญาณอย่างวิเศษ
ในตอนนี้มันถูกหยางไค่กำไว้ในมือ แม้รูปร่างของมันจะบิดเบี้ยว แต่ก็มิอาจที่จะหลบพ้นจากการจับกุมของหยางไค่
โสมปีศาจหยินหยาง !! มารปฐพีส่งเสียงตะโกนที่ตื่นตะลึง
เจ้ารู้จัก ? หยางไค่กล่าวถาม
ที่น่าอัศจรรย์ มันเป็นสมบัติวิเศษในขั้นลมปราณวิเศษระดับสูง !! เสมือนว่ามารปฐพีกำลังพบเจอกับเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ทั้งตื่นตะลึงทั้งลุกลี้ลุกลนอย่างรุนแรง
ยังมิทันที่หยางไค่จะกล่าวถามต่อ ทางเดินอีกด้านหนึ่งของถ้ำแห่งนี้มีเสียงของคนเดินผ่านมาอย่างกะทันหัน
มีคนเข้ามา !! ใบหน้าของหยางไค่ตื่นตกใจ เขาจึงรีบจับปีศาจโสมหยินหยานเข้าไปในทรวงอกของเขา
มันน่าแปลกยิ่งนัก หลังจากที่มันถูกเก็บไว้ในทรวงอก โสมปีศาจหยินหยางไม่ต่อต้านอีก แต่มันกลับอยู่ในทรวงอกของหยางไค่อย่างนิ่งสงบโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ในขณะที่หยางไค่กำลังจับจ้องว่าใครกำลังเข้ามา เสียงที่คุ้นเคยดังแว่วออกมาอย่างกะทันหัน : ท่านพี่ มันวิ่งหนีเข้ามาตรงนี้ใช่ไหม ?
อีกเสียงหนึ่งกล่าวตอบ : อืม มันหนีเข้ามาทางนี้ ถ้ำแห่งนี้ซ่อนเร้นได้อย่างมิดชิด หากว่าพวกเราไม่ไล่ตามมามัน พวกเราคงหาสถานที่แห่งนี้ไม่พบ
เสียงของทั้ง 2 ไม่แตกต่างกันมาก มันเต็มไปด้วยความอ่อนหวานและอ่อนโยน ทำให้คนที่ได้รับฟังรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก
หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น เขารู้ในทันทีว่าใครคือสุ้มเสียงของทั้ง 2 แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะพบเจอกับพวกนางในสถานที่แห่งนี้
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบุพผาและต้นหญ้าที่แปลกประหลาด
จริงด้วย มันเป็นเรื่องบังเอิญยิ่งนัก พวกเราไม่ต้องรีบร้อนที่จะเก็บมัน พวกเราเดินเข้าไปดูข้างในดีกว่า
ในขณะที่พวกเขากำลังกล่าวพูด เสียงฝีเท้าของพวกเขาเริ่มเข้าใกล้เรื่อยๆ หยางไค่ไม่ได้หลบหนี เพราะ เขารู้จักพวกเขาทั้ง 2 และเขาเองก็ไร้ซึ่งที่หลบซ่อนตัว
หลังจากนั้นไม่นาน 2 คนนั้นได้เข้าใกล้หยางไค่โดยมีระยะห่างไม่ถึง 10 จ้าง 1 ใน 2 คนนั้นเมื่อมองเห็นมีคนขวางอยู่ด้านหน้า พวกเขาจึงได้หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว : ใครอยู่ทีนั่น ?
หยางไค่กระแอ่มและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่แผ่วเบา : แม่นางทั้ง 2 พบกันอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงนี้ คนคนหนึ่งได้กระแอ่มออกมา ส่วนอีกคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากด้านหลัง เบิกตาโพลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ : หยางไค่ ?
แม่นางเหม่ยเอ่อ !! หยางไค่ค่อยๆพยักหน้า และกล่าวทักทายหญิงสาวอีกนางหนึ่ง : แม่นางเจียวเอ่อ เจอกันอีกครั้ง
2 คนนี้ เป็นหญิงงามที่งดงามและสูงส่งของนิกายโลหิต หู่เจี่ยวเอ่อและหู่เหม่ยเอ่อ
เมื่อเห็นว่าหยางไค่สามารถแยกแยะตนเองได้อย่างชัดเจน หู่เจี่ยวเอ่อจึงกล่าวสบทและถลึงตาใส่หยางไค่ : เจ้าเด็กหนุ่ม !!
ครั้งที่แล้วที่พบเจอกัน หยางไค่กล่าวว่าก้นของนางเล็กข้างใหญ่ข้าง จนถึงตอนนี้หู่เจี่ยวเอ่อยังเก็บความโกรธเคืองนั้นตลอดเวลา
แต่หู่เหม่ยเอ่อกลับไม่มีท่าทีเหมือนพี่สาว นางกล่าวด้วยความปลื้มปริ่ม : ทำไมเจ้าถึงอยู่นี้ ?
ข้าพบเจอกับมันโดยบังเอิญ หยางไค่ไม่ไดกล่าวอย่างละเอียด
ในขณะที่กล่าวสนทนา 2 พี่น้องได้เดินเข้ามาแล้ว
หู่เจี่ยวเอ่อจ้องหยางไค่ด้วยแววตาที่เยือกเย็น นางยืดหน้าอกสูดหายใจเข้าลูกๆ เพื่อให้ทรวงอกทั้ง 2 ชูตั้งอย่างเด่นตระหง่าน
เสียงของมารปฐพีดังมาจากร่างกายของหยางไค่ : ในใต้หล้ามีหญิงสาวที่งดงามเฉกเช่นตุ๊กตาที่น่ากอดถึง 2 คน นอกจากนั้นพวกนางยังเป็นฝาแฝด นายน้อยอ่า หากใช้เรือนร่างของพวกนางฝึกฝนเคล็ดวิชาบุพผาสีเลือด คงต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
เงียบเดี่ยวนี้ !! หยางไค่ส่งความคิดอ่านทางจิตวิญญาณให้แก่เขา
มารปฐพีปิดปากของตนเองในทันที
เจ้าพบเห็นบางสิ่งบางอย่างผ่านมาหรือเปล่า ? หู่เหม่ยเอ่อกล่าวถาม
จากคำพูดที่พวกนางทั้ง 2 กล่าวสนทนา หยางไค่ทราบในทันทีว่าพวกนางทั้ง 2 ไล่ตามโสมปีศาจหยินหยางมาถึงสถานที่แห่งนี้ เขาจึงกล่าวโดยไม่บิดบัง : มมมี
อยู่ที่ไหน ? หู่เจี่ยวเอ่อกล่าวถามอย่างรีบร้อน
หยางไค่ชี้ไปยังทรวงอกของตนเอง
2 พี่น้องกระพริบตาไปมา ก่อนที่หู่เจียวเอ่อจะกล่าวออกมา : เจ้าเก็บมันไปแล้ว ?
อืม แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ข้าเก็บมันเข้าไปในทรวงอกมันก็นิ่งสงบในทันที
หู่เจี่ยวเอ่อสูดลมหายใจอย่างรุนแรง ทรวงอกอันมหึมาของนางกระเพื่อมไปมา นางกำลังจะสติแตกเพราะหยางไค่
พวกนางทั้ง 2 ไล่ตามสมบัติวิเศษนี้เป็นเวลาหลายวันและวิ่งอ้อมภูเขากว่าหลายลูก มันไม่ง่ายเลยที่จะไล่ตามจนมันเข้ามายังถ้ำแห่งนี้ พวกนางทั้ง 2 ไล่ตามมาตลอด แต่กลับไม่คิดว่าจะถูกหยางไค่จับไปได้ก่อน
ทำไมเมื่อพบเจอกับเขาถึงไม่เกิดสิ่งปกติขึ้น ? หู่เจี่ยวเอ่อขบฟันแน่น จากพลังความแข็งแกร่งของนางหากว่าต้องการแย่งชิง นางก็สามารถแย่งชิงสิ่งที่ต้องการมาได้
แต่หู่เจี่ยวเอ่อไม่ทำเช่นนั้น นางรู้ดีว่าน้องสาวของนางมีความรู้สึกผิดต่อหยางไค่ แม้ไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาทั้ง 2 เกิดสิ่งใดขึ้น แต่หากเขาลงมือแย่งชิง เหม่ยเอ่อไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน
เจ้าเก็บมันไปก็ดีแล้ว หู่เหม่ยเอ่อไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ แต่นางกลับแสดงความเห็นด้วยอย่างเต็มที่
เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้มีดีอย่างไร ? หู่เจี่ยวเอ่อจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ทันใดนั้นใบหน้าของนางแสดงออกอย่างตื่นตะลึง : เจ้าอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 7 ?
หู่เจี่ยวเอ่อตื่นตะลึง ตื่นตะลึงอย่างมาก ครั้งก่อนที่เจอเขา หยางไค่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์เท่านั้น เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ทำไมเขาถึงอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 7? หรือว่าสถานที่แห่งนี้มีสิ่งที่วิเศษ จึงทำให้เขาสามารถฝึกฝนวิชายุทธุ์ได้รวดเร็วเช่นนี้
ตอนนั้นเหม่ยเอ่ออยู่ในเขตแดนที่ไม่แตกต่างจากเขามากเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เหม่ยเอ่ออยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 2 เท่านั้น
เมื่อเทียบกับแม่นางเจี่ยวเอ่อ ลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 7 ไม่ได้วิเศษอะไรเลย หยางไค่สงสัยต่อการกระทำของพวกนางทั้ง 2 สมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่จะพบเจอได้ง่ายๆ หยางไค่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาทั้ง 2 จะไม่ทวงคืนสมบัติชิ้นนี้จากตัวเขา
โอ้ว หู่เจี่ยวเอ่อแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการที่จะพบเจอหยางไค่สักเท่าไหร่
ด้านนอกมีบุพผาและต้นหญ้ที่แปลกประหลาด หากพวกท่านทั้ง 2 ไม่รังเกียจ ก็เก็บมันกลับไปด้วย หยางไค่ไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณของพวกเขาทั้ง 2 โสมปีศาจหยินหยางเป็นสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่ล้ำค่า ค่าของมันต้องมากกว่าบุพผาและต้นหญ้าที่อยู่ด้านนอกเป็นจำนวนมาก ตนเองเก็บสมบัติวิเศษที่พวกเขาพบเจอ เขาจึงจะชดเชยพวกนางทั้ง 2 ด้วยบุพผาและต้นหญ้าเหล่านี้
ยังต้องกล่าวอีกหรือไง !! หู่เจี่ยวเอ่อถลึงตาไปที่หยางไค่
ท่านพี่! หู่เหม่ยเอ่อสัมผัสได้ถึงการกระทำที่อคติต่อหยางไค่ นางจึงดึงแขนของหู่เจี่ยวเอ่อเบาๆ
ได้ได้ พอแล้ว หู่เจี่ยวเอ่อไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป นางจึงหรี่ตามองไปยังหยางไค่ที่อยู่ด้านหลังถ้ำและกล่าวต่อ : พวกเราจะยังไมเด็ดบุพผาและต้นหญ้าเหล่านี้ พวกเราทั้ง 2 เดินทางมาหลายวันด้วยความเหน็ดเหนื่อย พวกเราต้องหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่ง เจ้าเฝ้าดูแลพวกเราทั้ง 2 สักครู่
ตามสบาย !! ข้าจะดูแลความปลอดภัยของพวกเจ้าทั้งสองเอง ในขณะที่กล่าว เขาได้ถอยหลังเพื่อให้พวกนางทั้ง 2 เดินเข้ามา
หู่เจี่ยวเอ่อและหู่เหม่ยเอ่อเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ด้านหลังยิ้มให้แก่หยางไค่ ภายในรอยยิ้มที่อ่อนหวานซ่อนไปด้วยคำขอโทษอย่างสุดซึ้ง
เมื่อเข้ามาในถ้ำ 2 พี่น้องสังเกตไปทั่วบริเวณ กระดูกของมารปฐพีทำให้พวกเขาค่อนข้างสงสัย แต่ในทันที สายตาของพวกนางทั้งกลับจ้องมองไปยังศิลาก้อนหนึ่งที่อยู่ซ้ายมือของพวกนาง
ดวงตาคู่งามของนางทั้งสองแสดงออกอย่างตั้งใจ พวกเขานางจ้องมองอย่างไม่กระพริบตา
หยางไค่ไม่เข้าใจการกระทำของพวกนาง เขาหันหน้ามองไปยังทิศทางของศิลานั้น แต่ไม่พบสิ่งใด
พวกเจ้าทั้ง 2 กำลังมองอะไร ? หลังจากที่สังเกตุอย่างละเอียด หยางไค่พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลก ศิลาก้อนนี้ไร้ซึ่งอักขระไร้ซึ่งสิ่งต่างๆ ทำไมพวกนางจึงจ้องมองอย่างตั้งใจเช่นี้ ?
พวกนางทั้ง 2 ไม่มีใครกล่าวตอบ เสมือนว่าจิตวิญญาณของพวกนางกำลังเชื่อมผสานไปยังศิลาก้อนนั้น
หยางไค่ขมวดคิ้วไปมา ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ตนเองพำพักอยู่ในสถานที่แห่งนี้หลายวัน ศิลาก้อนนั้นไม่มีสิ่งใดปรากฏออกมาแม้แต่น้อย
หลังจากที่รอเป็นเวลานาน 2 พี่น้องคุกเข่าลงอย่างกะหันหัน พวกนางทั้ง 2 ปิดตาลงพร้อมกันและนั่งอยู่ในท่าเช่นนั้น
ห่างออกไป หยางไค่รู้สึกว่าพวกนางทั้ง 2 กำลังหลอมรวมเป็น 1 เดียว เสมือนเป็นคนเดียวกัน แต่เมื่อจ้องมองอย่างละเอียด พวกนางทั้ง 2 ยังเป็นพวกนางทั้ง 2 เช่นเดียวกัน
การพบเจออย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้หยางไค่ตื่นตะลึง
สถานที่แห่งนี้คงมีโชคชะตาที่เป็นโอกาสอันวิเศษของพวกนาง เสียงของมารปฐพีดังขึ้น
ศิลาก้อนนั้นมีสมบัติวิเศษ ?
ต้องมีอย่างแน่นอน แต่เพราะข้าและนายน้อยมองไม่เห็น มีเพียงผู้มีโอกาสและโชคชะตาจึงจะสามารถเข้าใจมันอย่างชัดเจน
หากเป็นเช่นนั้น มันไม่ใช่มรดกของเจ้าใช่ไหม ? หยางไค่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ไม่ใช่แน่นอน
เรื่องนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติและแปลกประหลาด แต่ในเมื่อพวกนางทั้ง 2 เป็นคนที่พบเจอ หยางไค่จึงไม่ก้าวก่ายและค่อยๆเดินออกมา ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน การยืนและเฝ้าดูแลพวกนางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด