ตอนที่ 136 พบเจอ
ตอนที่ 136 พบเจอ
หน่ายหย่งและคนอื่นๆกำลังค้นหาร่องรอยของเข้าอยู่ด้านนอก หากหยางไค่ออกไป แม้ว่าจะปลอดภัยได้ระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดเขาจะถูกไล่ล่าจนพบ การเข้าไปในถ้ำสีดำแห่งนี้เป็นสิ่งที่ดีกว่า หากตนเองคาดไม่ผิด มันเป็นสถานที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขา
ถ้ำสีดำแห่งนี้มีระยะทางที่ค่อนข้างยาว ระยะทางของมันยาวประมาณ 100 จ้าง ตอนแรกระยะทางของมันเป็นถ้ำอุโมงค์ หลังจากนั้นจึงกลายเป็นทางตรงที่ยาวเหยียด และสุดท้ายมันเป็นทางขึ้นที่ชัน ในขณะลมหายในของหยางไค่กำลังจะหมดลง ในที่สุดเขาก็สามารถลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบนของสายน้ำในถ้ำสีดำแห่งนั้น
หยางไค่ยื่นมือเช็ดหยดน้ำออกจากใบหน้า และกวาดสายตามองไปยังรอบๆบริเวณ และพบว่ามันเป็นอย่างที่ตนเองคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิด เพราะทางเชื่อมระหว่างทะเลสาปและถ้ำสีดำแห่งนี้เป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่
มันน่าจะเป็นถ้ำของเทือกเขาแห่งนี้ ก่อนหน้าหนั้นหยางไค่เคยสะดุดกับโขดหินขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสระน้ำ ถ้ำสีดำที่อยู่ใต้ทะเลสาปคงเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างถ้ำแห่งนี้และทะเลสาป เสียงที่เขาได้ยินไหลผ่านถ้ำสีดำไปยังทะเลสาบ
ภายในถ้ำแห้งสนิท ด้านบนของถ้ำมีหินย้อยที่มากมายซึ่งไม่รู้ว่ามันก่อกำเนิดมาแล้วกี่พันปี รูปร่างของมันยังคล้ายคลึงกับหอกที่แหลมคมอีกด้วย
เมื่อสามารถขึ้นจากทะเลสาบ หยางไค่ตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงข้างสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
สถานที่แห่งนี้ไร้ซึ่งร่องรอยการอาศัยอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ ดังนั้นมันจึงค่อนข้างที่จะปลดภัย
เมื่อวางใจได้เช่นนี้ ร่างกายที่อ่อนล้า นั่งลงในทันที เขาเปิดใช้กลยุทธุ์หยางเพื่อทำให้เสื้อผ้าของตนเองให้แห้งจากการแหวกว่ายอยู่ในทะเลสาป ดังนั้นจึงเริ่มทำลายพลังลมปราณของคนทั้ง 5 ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา
ความแข็งแกร่งของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าหยางไค่มาก ดังนั้นหยางไค่จึงไม่สามารถขับไล่พลังลมปราณของพวกเขาในเวลาแรก หากเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ต้องกังวลถึงปัญหานี้
แต่มันก็เป็นเพราะพลังลมปราณที่บริสุทธุ์ของหยางไค่ เมื่อถูกพลังลมปราณอื่นๆเข้าแทรกแซง เขาต้องรทำลายและขับไล่มันพลังลมปราณเหล่านั้นออกจากร่างกาย มันจึงไม่สร้างความบาดเจ็บให้แก่เขาเอง เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 7 แต่สามารถขจัดและทำลายพลังลมปราณอื่นๆที่แทรกแซงเข้ามาในร่างกายของตนเอง
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากพลังของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่อ่อนแอกว่า นั่นหมายถึงการสามารถกำหนดความตายของพวกเขาได้
ระยะเลา 1 ชั่วยาม หยางไค่กระอักและพ่นเลือดสีดำออกมา หลังจากที่เลือดสีดำพ่นออกมา อันตรายที่แทรกแซงอยู่ในร่างกายก็ถูกกำจัดในที่สุด
หยางไค่ในตอนนี้ค่อนข้างที่จะอ่อนแอ แต่เส้นชีพจรของเขากลับไม่มีความรู้สึกเช่นนี้
ฝ่ามือลมวายุมรกต !!
หยางไค่จำกระบวนท่าที่หน่ายหย่งตะโกนออกมาได้ เคยมีคนกล่าววิจารณ์กระบวนท่าในการโจมตีของหน่ายยหง กระบวนในการโจมตีนี้มีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่น้อย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาในภายหลัง ที่เป็นดังลมวายุที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง คล้ายคลึงกับหมัดเปลวเพลิงผลาญสุริยันของตนเอง
แต่เป็นเพราะฝ่ามือวายุมรกตมีความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับเดียวกันกับหมัดเปลวเพลิงผลาญสุริยัน มิฉะนั้นหยางไค่ไม่อาจที่จะทำให้หน่ายหย่งได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกันเขา !!
หลังจากที่ฟื้นฟูร่างกายมาเกือบครึ่งวัน หยางไค่จึงลุกขึ้นเพื่อสำรวจสถานการณ์ภายในถ้ำ
เมื่อสักครู่เวลาในอยู่ในสภาวะที่อันตราย หยางไค่จึงสำรวจถ้ำอย่างไม่ละเอียด ในตอนนี้เขาจึงต้องสำรวจถ้ำแห่งนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วน
ตำแหน่งที่ตนเองอาศัยอยู่น่าจะเป็นในระยะกลางของถ้ำ เพราะทางด้านซ้ายและขวาสามารถทะลุผ่านกันได้ จากเสียงสายลมที่พัดผ่าน หยางไค่คาดเดาว่าทางด้านซ้ายของถ้ำเป็นทางออก เพราะสายลมพัดโชยมาจากทางนั้น ส่วนถ้ำทางขวาน่าจะเป็นทางเดินที่เข้าสู่ภายในถ้ำ
เมื่อคิดไตรตรองอย่างถี่ถ้วน หยางไค่เดินเข้าไปทางขวา เพราะด้านนอกเป็นสถานที่อันตราย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ต้องรีบออกไปจากถ้ำ
หลังจากเดินไปได้ไม่นาน หยางไค่ได้กลิ่นหอมของสมุนไพร เขาก้มหน้ามองไปยังพื้นดินโดยอาศัยแสงสว่างอันน้อยนิด และพบว่าภายในถ้ำแห่งนี้มีต้นสมุนไพรที่แปลกประหลาดจำนวนมากมาย
เหล่านี้เพียงการมองเห็นในครั้งแรก ก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่สมุนไพรสามัญทั่วไป และไม่รู้ว่ามันมีพิษหรือไม่
สมแล้วที่เป็นถึงถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ !! แม้ว่าหยางไค่ไม่ทราบว่าสมุนไพรเหล่านี้คือสมุนไพรอะไร และมีค่าเท่าไหร่ แต่หยางไค่เชื่อว่า ไม่ว่าสมุนไพรชนิดใดเมื่อนำออกจากถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์มันต้องมีค่าอย่างแน่นอน
แต่หยางไค่ยังไม่ได้เก็บรวบรวมมัน ประการรแรกเป็นเพราะหยางไค่ไม่ทราบว่าจะเก็บมันอย่างไร ประการที่ 2 แม้ว่าหยางไค่จะเก็บมันแต่เขาไร้ซึ่งสัมภาระหรือถุงผ้าอื่นๆที่จะเก็บมัน ไม่ว่าอย่างไรสถานที่แห่งนี้มีเขาเพียงคนเดียว ยังไม่เก็บสมุนไพรเหล่านี้มิได้เสียหาย
ระหว่างทางที่เดินเข้าไป หยางไค่พบว่าสมบัติที่อยู่ในถ้ำแห่งนี้มีจำนวนไม่น้อย เพราะมันเป็นต้นสมุนไพรจำนวนมากมายที่เขาไม่เคยพบเห็น และไม่รู้ว่ามันถือกำเนิดมาเป็นระยะเวลาเท่าไหร่
หลังจากที่เดินไปกว่า 1 ชั่วยาม ทันใดนั้นหยางไค่พบเห็นแสงประกายระยิบระยับจากด้านใน นอกจากนั้นยังมีเสียงเรียกที่เสมือนเสียงเรียกแห่งความฝันดังอยู่ข้างหูของเขาอย่างน่าประหลาด
จิตใจภายในของหยางไค่หวั่นไหว เขาค่อยๆเดินไปยังต้นตอแห่งแสงที่ประกายอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นไม่นาน เขามาถึงด้านหน้าของแสงที่ประกายระยิบระยับเมื่อสักครู่
มันเป็นลูกแก้วขนาดเล็กที่มีขนาดเท่ากำปั้น มันกำลังเปล่งประกายแสงสว่างที่อ่อนโยนและงดงาม ซึ่งส่องประกายอาณาเขตแห่งนี้เป็นวงกว้างขนาดใหญ่
หยางไค่กวาดสายตา สังเกตไปทุกทิศทาง ทันใดนั้นใบหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความตื่นตะลึงอย่างสุดขีด
หยางไค่พบว่าบริเวณแห่งนี้เป็นจุดสิ้นสุดของถ้ำ นอกจากนั้นในบริเวณที่ไม่ไกล ยังมีโครงกระดูกโบราณกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น โครงกระดูกโบราณสวมใส่เสื้อผ้าสีม่วงที่สง่างามอย่างถึงที่สุด ดวงตากลวงโบ๋ของโครงกระดูกกำลังจ้องมองมายังทิศทางของตนเอง ซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดซึ่งไม่อาจอธิบายออกมาได้
บุคคลคนนี้ไม่รู้ว่าเขาตายเป็นเวลากี่ปี แต่หยางไค่กลับมีความรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนดีเมื่อตอนมีชีวิต เพราะโครงกระดูกโบราณนี้ปลดปล่อยความรู้สึกที่ทำให้หยางไค่รู้สึกกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข กลิ่นอายแห่งปีศาจที่ชั่วร้าย และความหยิ่งยะโสที่ไร้ขีดจำกัด
ถ้ำสวรรค์แห่งฟ้าสวรรค์เป็นเขาที่สร้างมันขึ้นมา ? หยางไค่เริ่มคิดถึงการก่อกำเนิดของถ้ำสวรรค์แห่งฟ้าสวรรค์แห่งนี้โดยทันที
หากเป็นเช่นนั้น สถานที่แห่งนี้ต้องมีมรดกที่ล้ำค่าที่สืบทอดต่อจากเขา ?
ในขณะที่หยางไค่กำลังขมวดคิ้วครุ่นคิด ทันใดนั้นด้านหลังของเขาได้เกิดเสียงที่ดังสนั่นอย่างรุนแรง
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขาหันหน้ากลับไป พบว่าทางเดินที่เขาเดินเขามาถูกตัด ในถ้ำมีก้อนหินที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนจำนวนมากมายปิดทางเข้าออกที่ว่างเปล่าของด้านนอกจนหมดสิ้น
หยางไค่หันหน้ากลับไปที่เดิม พบว่าลูกแก้วลูกนั้นได้ประกายแสงสว่างที่สว่างจ้า ห้วงอากาศที่ว่างเปล่าซึ่งถูกแสงสว่างของลูกแก้วสาดส่อง มีเสียงสะท้อนที่เสมือนเสียงโหยหวนของภูติวิญญานดังขึ้น
ลมหนาวที่เยือกเย็นพัดผ่านร่างกายของหยางไค่ เสมือนว่าเขากำลังอยู่ในขุมนรกที่หนาวเหน็บจับใจ พลังลมปราณหยางที่อยู่ภายในร่างกายเริ่มเคลื่อนไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ใบหน้าของหยางไค่เคร่งขรึม เขาไม่กล่าวสิ่งใด แต่หรี่ตาจ้องมองการเคลื่อนไหวทั้ง 4 ทิศทาง
เสียงโหยหวนนี้ดังเป็นเวลานาน มันส่งแทรกซึมรบกวนจิตใจของหยางไค่อย่างต่อเนื่อง หากว่าเป็นคนอื่นๆที่มีจิตใจที่ไม่มั่นคง พวกเขาต้องลนลานจนมือไม้สั่น แต่ความขยันหมั่นเพียรและความอดทนของหยางไค่เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เพียงแค่เสียงโหยหวนจะสามารถบั่นทอนจิตใจของเขาได้อย่างไร ?
เมื่อเวลาผ่านไป หยางไค่รู้สึกอย่างชัดเจน ว่าเสียงโหยหวนั้นซ่อนเร้นความลึกลับบางอย่าง แม้ว่ามันจะน่าอัศจรรย์ แต่มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเสียงโหยหวนในตอนนี้แตกต่างกับเสียงโหยหวนในตอนแรก
ความมั่นคงและเด็ดเดี่ยวของหยางไค่ ทำให้เสียงโหยหวนที่ลึกลับค่อนข้างเกรี้ยวโกรธ
เมื่อสัมผัสถึงจุดนี้ หยางไค่ยิ่งต้องสงบสติอารมณ์ของตนเองให้นิ่งสงบยิ่งขึ้น แม้เขาไม่รู้ว่าภายในถ้ำเกิดสิ่งใดขึ้น แต่เขายังคงนั่งขัดสมาธิลง และแสดงท่าทีที่แข็งแกร่งไม่สั่นไหวต่อเสียงโหยหวนนั้น
เสียงโหยหวนเกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้น สายลมที่หนาแน่นพัดโชยเข้ามาจากช่องเล็กที่อยู่บนห้วงอากาศที่ว่างเปล่า แสงสว่างของลูกแก้วประกายระยิบระยับมากยิ่งขึ้น ทำให้บริเวณสว่างเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น
หยางไค่ไม่ขยับเคลื่อนไหว กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาค่อนข้างสงบนิ่ง สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
ระยะเวลากว่า 1 ชั่วยาม เสียงโหยหวนนั้นได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ แสงสว่างที่ประกายออกมาจากลูกแก้วเริ่มกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ในเวลานี้ นอกจากก้อนหินที่ปิดกั้นทางออกของหยางไค่ บริเวณแห่งนี้ไม่แตกต่างจากเวลาแรกที่เขามาถึง
ไม่เข้ามา ? มุมปากของหยางไค่แสะยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนที่เขาจะกล่าวตะโกนด้วยความร้ายกาจ : เป็นใครกันที่สร้างเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา แสดงตัวออกมาเดี่ยวนี้ !!
เสียงตะโกนของหยางไค่ดังก้องไปยังห้วงอากาศที่ว่างเปล่า โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดังกังวานขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ขนในร่างกายของหยางไค่ต่างลุกโชนด้วยความหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะเขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะเสียงหัวเราะนี้น่าเกลียดน่ากลัวอย่างไม่น่าฟัง เมื่อได้ยินเสียงนี้มันทำให้อวัยวะภายในทั้ง 5 ต่างปั่นป่วนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาที่รู้สึกอึดอัด แม้แต่จิตวิญญาณจิตใต้สำนึกของเขา กำลังสั่นสะเทือนจากเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดนั่น
การโจมตีจากจิตวิญญาณเทพสวรรค์ ? ใบหน้าของหยางแปรเปลี่ยนในทันที เดิมทีเขาคิดว่ามีใครบางคนมาถึงถ้ำแห่งนี้ก่อนเขา เขาตั้งใจที่จะสร้างเรื่องภูติให้เขาหวาดกลัว เพื่อไล่เขาให้ออกไปจากที่นี้ เพื่อครอบครองสมบัติวิเศษเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้หยางไค่ไม่กล้าที่จะคิดเช่นนั้นต่อไป
เสียงหัวเราะเพียงครั้งเดียว เป็นการโจมตีจากจิตวิญญาณเทพสวรรค์ ! มันไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ของทั้ง 3 สำนักจะสามารถทำได้ มันเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ถึงจะสามารถเช่นนี้ได้
เด็กหนุ่ม ความอดทนของเจ้าไม่เลว ความกล้าหาญของเจ้ายิ่งใหญ่ เจ้ากล้าที่จะกล่าวสนทนากับข้า ! เสียงหัวเราะที่ทรมาณจิตใจแปรเปลี่ยนเป็นเสียงพูด มันล่องลอยอย่างโดยไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นหยางไค่จึงไม่สามารถค้นหาต้นตอของเสียงนี้ได้
ท่านเป็นใคร ? ใบหน้าของหยางไค่เยือกเย็นและเคร่งขรึม ในระหว่างที่เขากำลังกล่าวเขาได้สังเกตุตรวจตราบริเวณนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากเสียงหัวเราะ เสียงนั้นได้กล่าวต่อ : ข้าเป็นใคร ? ข้าจำไม่ได้ ข้าเป็นใคร ? น่าจะเป็นผู้ครอบครองบริเวณแห่งนี้
ท่านเป็นผู้สร้างถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์นี้ ? เสียงของหยางไค่ตะโกนอย่างมั่นคง