ตอนที่ 135 หลบหนี
ตอนที่ 135 หลบหนี
เมื่อฝ่ามือปะทะกับหมัดของหยางไค่ ทันใดนั้นหยางไค่รู้สึกว่าพลังลมปราณที่อบอุ่นพุ่งุเข้าสู่ร่างกายของตนเอง มันทะลุทะลวงผ่านเส้นชีพจรลมปราณ ทำให้พลังลมปราณที่กำลัง
เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ ภายใต้การโจมตีของฝ่ามือวายุมรกต แม้แต่เส้นชีพจรลมปราณยังรู้สึกอ่อนล้าลงอย่างมาก
หน่ายหย่งหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม : หยางไค่ วันนี้ศิษย์พี่ ทำลายแขนของเจ้าไป 1 ข้าง ถือเป็นบทเรียนโทษโดยศิษย์พี่หน่ายหย่งคนนี้ !!
ทันใดนั้นใบหน้าของหยางไค่ประกายด้วยความโหดเหี้ยม พลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายกระตุกไปมาอย่างรุนแรง ต่อต้านฝ่ามือวายุมรกตที่ไหลเวียนเข้าสู่เส้นชีพจร ทำให้สิ่งที่หน่ายหยงคาดคิดจางหายไปในทันที
เจ้ายังคิดที่จะต่อต้าน !! หน่ายหยงขบฟันแน่น เขารู้สึกอับอายที่ไม่สามารถกำราบหยางไค่ในครั้งเดียว เขาพุ่งฝ่ามือเข้ามาอีกครั้ง และกล่าวตะโกนด้วยความเย้ยหยัน : แม้ว่าพลังลมปราณของเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งของเจ้ามันอ่อนแอเกินไป !! ดูซิ ว่าเจ้าจะต่อต้านการโจมตีของข้าอย่างไร ?!!
ฝ่ามือวายุมรกตพุ่งไปอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ ฝ่ามือวายุมรกตซ่อนเร้นพลังวายุที่รุนแรงอยู่ภายใน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันต้องมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงหลังจากที่หน่ายหย่งโจมตีเข้ามา
หยางไค่ไม่ปกปิดความแข็งแกร่งของตนเองอีกต่อไป เส้นชีพจรทั้ง 36 เส้นสั่นระลอกไปมาอย่างสนั่นหวั่นไหว การฝึกฝนด้วยความยากลำบากใน 1 วันที่ผ่าน ได้แสดงผลงานที่แท้จริงของมันออกมาในที่สุด
หมัดเปลวเพลิงผลาญสุริยัน !!
ข้าบอกแล้วไง ว่าความแข็งแกร่งของเจ้ามันอ่อนแอ !! หน่ายหย่งหัวเราะอย่างเยือกเย็น ทันทีที่กล่าวจบ ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยลมวายุที่เบาและบริสุทธุ์ได้แปรเปลี่ยนวายุที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง และพุ่งม้วนไปที่หยางไค่ ดูจากการโจมตีของหน่ายหยงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการจะทำลายแขนของหยางไค่
หมัดเปลวเพลิงผลาญสุริยันของหยางไค่ระเบิดพุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน
ปัง !!! เสียงการโจมตีดังสนั่น เปลวเพลิงที่ร้อนแรงประกายออกไป เปลวเพลิงที่ประกายออกไปทำให้บริเวณนี้สว่างไสวเสมือนเป็นช่วงกลางวันที่มีดวงอาทิตย์ส่องประกายความสว่าง ทำให้คนที่กำลังจ้องมองอยู่ใกล้ๆ แสบตาจากแสงสว่างจนไม่สามารถจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้
เกิดอะไรขึ้น ? หน่ายหย่งตะโกนออกมาด้วยความตื่นตะลึง ฝ่ามือวายุมรกตของเขาซ่อนเร้นเจตนาแห่งการฆ่าที่ผันผวนอย่างรุนแรง และไม่คิดว่าหมัดที่ดูสามัญทั่วไปของหยางไค่จะซ่อนเร้นเจตนาแห่งการฆ่าที่รุนแรงเช่นเดียวกับเขา การโจมตีของพวกเขาทั้ง 2 น่าตื่นตะลึงไม่แตกต่างกัน เมื่อฝ่ามือวายุมรกตระเบิดพลังของมันออกมา กลับมีพลังความแข็งแกร่งในการโจมตีที่ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย
เสียงอึมครึมของทั้งสองฝ่ายดังขึ้น ร่างกายของหน่ายหย่งถูกผลักดันออกไปหลายสิบจ้างและถูกต้นไม้ต้นหนึ่งขวางเอาไว้ในที่สุด เขาทนไม่ไหวนจนกระอักเลือดสีแดงสดออกมาจากปาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่น้อย
ในขณะเดียวกันหยางไค่ไมได้ดีกว่าเขาเลย พลังความแข็งแกร่งของต่ำกว่าหน่ายหย่งถึง 7 ขั้น เขาที่สามารถปลดปล่อยการโจมตีที่มีความแข็งแกร่งที่ไม่แตกต่างจากฝ่ายตรงข้าม มันทำให้น่ายหย่งได้รับบาดเจ็บ แล้วหยางไค่จะปลอดภัยโดยไม่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรล่ะ ?
หยางไค่ไม่ได้หลบหนีการโจมตีแต่อย่างได้ เขาพุ่งกระบวนท่าการโจมตีไปยังหน่ายหยงเพียงครั้งเดียว ซึ่งทำให้กระดูกภายในร่างกายของเขาต่อต้านอย่างรุนแรง เมื่อพลังลมปราณที่อบอุ่นไหลเวียนเข้าสู่ร่างกาย ทำให้พลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายปั่นป่วนเสมือนระลอกคลื่นที่ไหลเวียนอย่างวุ่นวาย
ด้วยความเร็วของหมัดที่เสมือนสายฟ้าที่หยางไค่พุ่งโจมตีไปยังกลุ่มคนทั้ง 4 ที่ล้อมรอบเขาเองไว้ เปลวเพลิงที่เสมือนลูกบอลไฟทั้ง 4 ระเบิดอย่างรุนแรงในเวลาเดียวกัน หมัดที่รุนแรงเต็มไปกลิ่นอายแห่งการฆ่าที่ดุดันและโหดเหี้ยมทำให้พวกเขาทั้งหมดต่างตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกเขาทั้ง 4 อยู่ในเขตแดนที่สูงกว่าหน่ายหย่ง หยางไค่ยังพุ่งโจมตีด้วยความรีบร้อน จึงไม่สามารถทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี
แต่เมื่อพวกเขาปลดปล่อยกระบวนท่าเพื่อป้องกันการโจมตีของหยางไค่ หยางไค่ที่อยู่ตรงหน้าได้หายไปตัวไปโดยไม่พบแม้แต่เงาของเขา
เสียงตะโกนจากระยะไกลของหยางไค่ดังขึ้นมา : หน่ายหย่ง เจอกันครั้งหน้า ข้าจะเอาชีวิตของเจ้า !!
เสียงที่ตะโกนที่ดังขึ้นสะท้อนไปทั่วบริเวณ จึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าหยางไค่วิ่งหลบหนีไปยังทิศทางใด
ศิษย์น้อ้งหน่าย !! ศิษย์คนหนึ่งได้หันหน้ามองไปยังหน่ายหย่ง มองเห็นเพียงเลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปาก ดวงตาประกายด้วยไม่พอใจ และยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ?
ไม่เป็นไร !! หน่ายหย่งฝืนตนเองให้ลุกขึ้น : หยางไค่ได้รับบาดเจ็บ ไล่ตามไปเร็ว อย่าปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้ !!
ต้องไล่ตามไป ? มีกลุ่มบางคนแสดงท่าทีด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เคยมีความแค้นต่อหยางไค่ พวกเขาตามหน่ายหย่งมาเพื่อช่วยเหลือหน่ายหย่งและแสดงให้เจี่ยหงเฉินดูเท่านั้น ตอนนี้หยางไค่ได้หนีไปแล้ว จะไล่ตามเพื่อเหตุผลใด ? ผืนป่าแห่งนี้กว้างใหญ่จนน่าหวาดกลัว ไม่มีใครรู้ว่าจะมีภัยอันตรายอย่างไรซ่อนอยู่ภายใน หากเกิดเหตุไม่คลาดฝัน พบเจอกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง พวกเขาอาจจะต้องสูญเสียชีวิตของตนเองก็เป็นได้ !!
หน่ายหย่งสัมผัสไดอย่างชัดเจนว่าการกระทำและปฏิกิริยาตอบกลับของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปเขาจึงรีบกล่าว : ศิษย์พี่ทั้งหลาย ต่างมองเห็นพลังความแข็งแกร่งในการโจมตีของเขาใช่ไหม ? นั่นเป็นการโจมตีที่เขาได้รับเมื่อหลายวันก่อน !! เพียงแค่การการโจมตีเช่นนั้นยังทำให้เข้าได้รับบาดเจ็บ ศิษย์พี่ทั้งหลายไม่ต้องการเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้นี้ ?
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของพวกเขาต่างแสดงออกด้วยความตะลึง
หลังจากนั้นไม่นานมีศิษย์คนหนึ่งกล่าว : งั้นพวกเราจะตามไป แต่พวกเรากล่าวบอกไว้ก่อน การที่พวกเราไล่ตามเพียงเพราะเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้นั้น ความแค้นของเจ้าและหยางไค่ สะสางจัดการด้วยตนเอง อย่าเอาพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้อง เจ้าจะฆ่าก็ดี จะทำลายแขนขาของเขาให้กลายเป็นคนพิการก็ดี แต่สิ่งที่เจ้าทำเจ้าต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียว
มันต้องเป็นเช่นนั้น !! หน่ายหย่งแสดงออกอย่างเด็ดเดี่ยว และยังกล่าวสบทด่าพึมพำ : กล้าที่จะขู่ข้า . กล้าที่จะขู่ข้า เจ้าเป็นใคร ยังกล้าที่จะเอาชีวิตของข้า !! อย่าให้ข้าจับตัวเจ้าได้ แล้วเราจะมาดูกันว่าใครจะเอาชีวิตของใครได้ก่อน !!
หลังจากที่กล่าวจบ หน่ายหย่งวิ่งนำไปเป็นคนแรก กลุ่มคนที่เหลือทั้ง 4 ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน และคิดว่าหยางไค่กำลังหลบหนีด้วยอาการบาดเจ็บที่สาหัส หากครั้งนี้เขาถูกหน่ายหย่งจับตัว นั้นหมายถึงความตายที่เขาจะได้รับจากหน่ายหย่งเท่านั้น !
หน่ายหย่งกำลังหาโอกาสในการฆ่าหยางไค่ !!
เมื่อมาถึงทะเลสาบที่หล่างฉู่วเต่และตู่ยี่ฉางเคียอาบน้ำ หยางไค่ไม่สามารถฝืนกลั้นได้อีกต่อ เขากระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง
แม้ว่าเมื่อสักครู่จะสามารถหลบหนีออกมาได้ แต่การปะทะกันอย่างรุนแรง นอกจากหยางไค่ไม่มีใครที่จะสามารถเข้าใจความรู้สึกในตอนนั้นได้
พวกเขาทั้ง 5 ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ เขตแดนต่ำที่สุดคือหน่ายหย่งที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 4 คนที่มีเขตแดนสูงที่สุดน่าจะอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 7-8
ศัตรูที่เขาเคยพบเจอในหุบเขาผลึกน้ำแข็งนพเก้าไม่สามารถเทียบได้กับพวกเขา อาจจะกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาเกือบทั้งหมดไม่แตกต่างจากเหวินเฟยเฉินที่ถูกผนึกพลังความแข็งแกร่งเอาไว้
หากไม่ใช่หมัดเปลวเพลิงผลาญวายุที่ระเบิดความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดของมันออกมาอย่างกะทันหัน หยางไค่คงไม่สามารถที่จะหนีรอดจากการรุมล้อมของพวกเขา
5 หมัดที่โจมตีออกไป ต่างปะทะกับคนทั้ง 5 ที่แตกต่างกัน ร่างกายของเขาถูกพลังลมปราณ 5 ชนิดพุ่งไหลเวียนเข้ามา ไม่ต้องกล่าวถึงอาการบาดเจ็บที่ได้รับ พลังลมปราณทั้ง 5 ที่พุ่งพล่านอยู่ในเส้นชีพจร ทำให้พลังลมปราณของตนเองไหลเวียนอย่างยากลำบาก หากไม่หาสถานที่ปลอดภัยเพื่อกำจัดพลังลมปราณเหล่านั้น มันอาจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงมากขึ้น
กลุ่มคนที่ไล่ล่าเขาเริ่มเข้าใกล้เรื่อยๆ หยางไค่โน้มตัวเพื่อกลบเลือดที่เขากระอักออกมา จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังบริเวณด้านในของทะเลสาบเพื่อหลบซ่อนตัว
หยางไค่ไม่ทราบว่าตนเองจะพบเจอกับภัยอันตรายในป่าหรือไม่ แต่จากสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้ หากพบเจอภัยอันตรายที่รุนแรงเขาไม่มีทางที่จะสามารถรับมือหรือเผชิญหน้ากับมันได้ ดังนั้นหยางไค่จึงต้องหวนกลับมายังเส้นทางเดิม มีเพียงการหวนกลับเส้นทางเดิม จึงจะปลอดภัยมากที่สุดสำหรับตัวเขาเอง
นอกจากนั้นทะเลสาบแห่งนี้เป็นสถานที่ปลอดภัยในการหลบซ่อนตัวที่สุด หากกลุ่มคนของหน่ายหย่งไม่กล้าที่จะเข้ามาตรวจสอบหาร่องร่องหยางไค่ในทะเลสาป หยางไค่จะสามารถมองเห็นพวกเขาอย่างชัดเจน แต่หากพวกเขากล้าที่จะเข้ามาตรวจสอบร่องรอยของหยางไค่ มันจะเป็นโอกาสที่ดในการโจมตีพวกเขา
หยางไค่กลั้นลมหายใจ ดำน้ำลงไปในทะเลสาบ และหลบซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด
ทะเลสาบนี้ค่อยข้างกว้างใหญ่ แต่หยางไค่ไม่คิดว่าทะเลสาบจะลึกเช่นนี้ เขาดำน้ำลึกลงไปกว่า 10 จ้างก็ยังไม่ถึงก้นทะเลสาบ แต่น้ำในทะเลสาบกลับหนาวเย็นจนทิ่มแทงเข้าสู่กระดูกมากขึ้น
หยางไค่ไม่กล้าที่จะดำลึกลงไปอีก เขาจึงลอยตัวอยู่ใต้เช่นนี้ และเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวบนผืนน้ำ
เป็นอย่างที่เขาคาดคิดไว้ หลังจากนั้นไม่นานหน่ายหย่งและคนอื่นๆไล่ตามเขาเข้ามาอย่างกะชันชิด แม้ว่าระหว่างที่หยางไค่วิ่งมาเขาจะหลบซ่อนร่องรอยของตนเอง แต่คนเหล่านี้จะมีสัมผัสพิเศษนอกจากนั้นยังมีหน่ายหย่งที่ใกล้ชิดกับหยางไค่ตลอดหลายวันเป็นผู้นำในการไล่ล่าตนเอง
เสียงการสนทนาของคนหลายคนดังมาจากด้านบนของทะเลสาบ นอกจากนั้นยังมีคนกระโดดลงไปที่ทะเลสาปอีกด้วย
ใบหน้าของหยางตื่นตกใจ เขาไม่คิดว่าว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะกล้าทำถึงเพียงนี้ นอกจากนั้นเขายังดูถูกความแค้นของหน่ายหย่งมากเกินไป
เมื่อไร้ซึ่งหนทาง หยางไค่จึงต้องดำน้ำลึกลงไปเรื่อยๆ
น้ำในทะเลสาบเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง โชคดดีที่หยางไค่ฝึกฝนกยุทธุ์หยาง ทำให้พลังลมปราณหยางที่ร้อนระอุแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา ความหนาวเย็นเช่นนี้จึงไม่สร้างผลกระทบต่อเขามากเท่าไหร่
คนที่กระโดดลงมายังทะเลสาบว่ายน้ำรอบทะเลสาบ หลังจากที่ตรวจสอบสักครู่ และไม่พบเจอกับร่องรอยของหยางไค่ เขาเองไม่กล้าที่จะดำลึกลงไป จึงค่อยๆคลานออกจากทะเลสาบ
พวกเขาสืบหาร่องรอยรอบบริเวณใกล้เคียงสักครู๋ ในที่สุดพวกเขาก็เดินจากไปจากบริเวณสระหน้ำแห่งนี้
หยางไค่กลั้นหายใจอยู่ในใต้น้ำจนรู้สึกวิงเวียนดวงตาพร่ามั่ว แม้ว่าหยางไค่จะอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 7 แต่การกลั้นหายใจของเขายาวนานกว่าคนอื่นๆ แต่มันก็ยังมีขีดจำกัดสูงสุดของมัน
ในตอนนี้เกือบถึงขีดจำกัดนั้นแล้ว หากคนเหล่านั้นยังไม่เดินจากไป สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะแย่ไปกว่านี้
ในขณะที่หยางไค่กำลังจะว่ายน้ำขึ้นไปเบื้องบน หู่หู่ !! ทันใดนั้นเสียงดังอย่างแปลกประหลาดได้ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เมื่อได้ยินเสียงที่แปลกประหลาด หยางไค่ระมัดระวังตัวมากกขึ้น เขาหันหน้ากวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ แต่ไม่พบเห็นสิ่งปกติหรือสิ่งอื่นๆแม้แต่น้อย
หลังจากนั้น เสียงดังที่แปลกประหลาดดังแว่วขึ้นมาอีกครั้ง เสียงที่ดังขึ้นเสมือนเสียงของสายลม
น่าแปลก ใต้ทะเลสาบจะมีเสียงของสายลมได้อย่างไร ?
ภายใต้ความสงสัย หยางไค่มองไปยังทิศทางของเสียงที่ดังมาจากระยะไกล เขากวาดสายตามอง แสดงออกอย่างตื่นตะลึง ทันใดนั้นเขาได้แหวกว่ายไปยังเบื้องล่างของทะเลสาบทันที
หยางไค่พบว่าใต้ทะเลปสาปแห่งนี้ มีปากถ้ำสีดำที่ประกายไปมาอย่างจางๆ
หยางไค่มาถึงปากถ้ำ เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เสียงการเคลื่อนไหวของสายลมดังแว่วมาจากปากถ้ำอย่างที่คาดคิดเอาไว้
ดวงตาของหยางไค่ประกายไปมา เขามั่นใจว่าภายในถ้ำสีดำแห่งนี้ต้องมีห้วงอากาศที่ไร้ซึ่งสายน้ำแห่งทะเลสาปอย่างแน่นอน นอกจากนั้นมันยังเป็นเส้นทางในการหลบหนีจากหน่ายหย่ง ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่จะมีเสียงของสายลมดังแว่วออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้
เมื่อคิดทบทวนได้ดังนี้ หยางไค่ไม่ลังเล และแหวกว่ายเข้าไปในถ้ำสีดำแห่งนี้ทันที