ตอนที่ 130 การคาดเดาของตนเอง
ตอนที่ 130 การคาดเดาของตนเอง
พวกเขาทั้ง 4 ต่างฟื้นฟูพลังลมปราณของตนเองจนเสร็จสิ้น และกำลังรอหยางไค่อยู่ตรงนี้ หน่ายหย่งรอหยางไค่อย่างไม่พอใจ เขาสบทพึมพำตลอดเวลา
หลังจากที่หยางไค่มาถึง หล่างฉู่วเต่สูดลมหายใจเข้าอย่าหนักหน่าวงหน้าอกอันมหึมาของนางกะเพื่อมไปมา เสมือนว่าเสื้อที่ปกคุลมอยู่ตรงทรวงอกกำลังจะปริแตก นางกวาดสายตามองไปยังทุกคนและกล่าวถาม : เตรียมพร้อมหรือยัง ?
เตรียมพร้อมตั้งแต่แรก !! หน่ายหย่งกล่าวด้วยความตื่นเต้น
เราจะลงมือโจมตีอีกครั้ง หลังจากที่กล่าวจบ นางหันหน้ากล่วถามหยางไค่ : ต้องการเปลี่ยนคนล่อรูปปั้นหินหรือไม่ ? ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นภาระหน้าที่ที่อันตราย
ไม่จำเป็น ข้าเคยล่อมันไปแล้ว 1 ครั้ง ข้ามีประสบการณ์ในการล่อลวงมัน ! หยางไค่ส่ายหน้าปฏิเสธ
หยางไค่ไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับเหล่ารูปปั้นหิน รูปปันหินที่ไม่มีเนื้อหนังหากต่อสู้กับมันร่างกายของเขาคงจะเจ็บปวดรวดเร้าอย่างแน่นอน
ได้ !! ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า !! หล่างฉู่วเต่ส่งยิ้มที่อ่อนโยนให้แก่หยางไค่
เมื่อใดที่นางส่งยิ้มหวานให้แก่เขา หยางไค่รู้สึกว่ามันมีความรู้สึกแปลก เสมือนว่า นางให้รอยยิ้มเป็นของขวัญ ก่อนที่เขาจะไปเผชิญหน้ากับภารกินที่อันตราย
หากเป็นหน่ายหย่ง รอยยิ้มของนางคงจะเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อหยางไค่ได้รับมัน กลับไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
หยางไค่วิ่งไปยังบริเวณที่รวมตัวของรูปปั้นหินอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าครั้งนี้หยางไค่จะสามารถล่อรูปปั้นหินออกมาเป็นจำนวนมาก แต่เพราะโชคของหล่างฉู่วเต่และคนอื่นๆไม่สูดีนัก ในจังหวะสุดท้ายของการต่อสู้ พวกเขาดึงดูดความสนใจของรูปปั้นหินจำนวน 1 ตัวเท่านั้น ทำให้พวกเขาโจมตีด้วยสับสนและยุ่งเหยิง ส่งผลให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ
แต่ในท้ายที่สุดหยางไค่ได้ล่อรูปปั้นหินกลับมาอีก 2 รูป และพวกมันก็ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
ในครั้งนี้ถือเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาได้รับหินทารกถึง 2 ตัว !!
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ พวกเรได้รับหินทารกทั้งหมด 4 ตัว กลุ่มของพวกเขามีสมาชิกเพียง 5 คนเท่านั้น เพียงแค่หินทารกอีก 1 ตัว พวกเขาก็จะสามารถแบ่งหินทารกคนละ 1 อันอย่างเท่าเทียมกัน
หยางไค่ค่อนข้างรอคอยหินทารก เพราะสิ่งที่เขาขาดมากที่สุดคือวิชายุทธุ์ในการต่อสู้ แน่นอนว่าเขาต้องการหินทารก 1 ตัว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของตนเอง
หลังจากนั้นหลายวัน พวกเขาหยุดอยู่บริเวณเสาหินนี้มาโดยตลอด ไม่หยุดที่จะล่อรูปปั้นหินออกมาและฆ่าพวกมัน การต่อสู้ในทุกครั้ง พวกเขาต่างหยุดพักเพื่อฟื้นฟูพลังลมปราณเป็นเวลาครึ่งวัน จากนั้นจึงเริ่มต่อสู้อีกครั้ง
และไม่รูเป็นเพราะโชคที่ไม่เข้าข้างพวกเขาหรือเปล่า ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาได้รับทารกหินจำนวน 4 ตัว จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่พวกเขาทำลายรูปปั้นหินไปกว่า 30 ตัว กลับไมได้ทารกหินอย่างที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้
ความตื่นเต้นของพวกเจาค่อยๆจางหายไป ในตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกผิดหวัง
และทุกครั้งทุกครั้งที่พวกเขาล่อรูปปั้นหินออกมา หยางไค่พบว่ารูปปั้นหินเริ่มยากต่อการรับมือ ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของพวกมันเพิ่มขึ้น แต่เป็นเพราะรูปปั้นหินไม่แยกตัวออกจากกัน และยากที่จะทำให้พวกมันแยกตัวออกจากกันเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา
มีครั้งหนึ่ง ที่หล่างฉู่วเต่รับผิดชอบในล่อรูปปั้นหินอยู่ด้านหลัง แต่นางกลับดึงดูดความสนใจของรูปปั้นหินกว่า 10 ตัวซึ่งพวกมันได้ไล่ฆ่านางอย่างย้าคลั่ง ทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องวิ่งหนีดออกไปโดยไม่คิดชีวิต
ครั้งนั้น พวกเขาวิ่งหลบหนีอยู่ในบริเวณเสาหินที่วุ่นวายกว่า 1 ชั่วยาม จึงจะสามารถสละการไล่ฆ่าของรูปปั้นหินได้
การเคลื่อนไหวอันตรายขึ้นเรื่อยๆ แต่หินทารกตัวที่ 5 ก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที
เป็นการต่อสู้ที่ยากเย็นแสนเข็ญอีกครั้ง ในเมื่อพวกเขาไม่ได้รับหินทารกตัวที่ 5 หลังจากที่พวกเขาพักผ่อนประมาณครึ่งวัน พวกเขารวมกลุ่มปรึกษากันอีกครั้ง
เราหยุดการต่อสู้กับรูปปั้นหินก่อนดีไหม ให้มันแล้วไป ข้ารู้สึกว่าหากเรายังดื้อดึงที่จะเข้าไปต้องเกิดอันตรายขึ้นอย่างแน่นแน !! หน่ายหย่งกล่าวด้วยความกังวล
จ่อวอันกล่าวด้วยเสียงค่ำ : ตอนนี้เรามีเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้เพียง 4 เคล็ดวิชา แต่พวกเรามีทั้งหมด 5 คน จะแบ่งกันอย่างไร ?
พวกเขาทุกคนต่างไม่กล่าวสิ่งใด ไม่มีใครที่จะยอมเสียผลประโยชน์ที่ตนเองควรจะได้รับ หลายวันที่ผ่านมาพวกเขาออกแรงโจมตีจำนวนมากมาย เพื่อต้องการเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ที่ซ่อนเร้นอยู่ในหินทารก
หน่าหยงได้ออกความคิดที่เอาเปรียบหยางไค่อีกครั้ง เขายิ้มและกล่าวด้วยสายตาเยาะเย้น : ก่อนหน้านั้นศิษย์พี่หล่างเคยกล่าวเอาไว้ สมบัติที่พวกเราได้รับจะแบ่งตามพละกำลังที่พวกเราออกไป ศิษย์น้องหยางมีพลังความแข็งแกร่งที่ต่ำที่สุด และเป็นผู้ออกแรงน้อยที่สุด เคล็ดวิชาในหินทารกศิษย์น้องหยางไค่คงไม่ต้องเอา ?
หึหึ !! หยางไค่หัวเราะในลำคอและจ้องมองหน่ายห่งด้วยสายตที่เยือกเย็น
หน่ายหย่งกล่าวต่อ : แน่นอน ว่าศิษย์น้องหยางออกแรงในการล่อรูปปั้นหิน หากไมได้อะไรกลับไปคงไม่ใช่เรื่องที่ดี พวกเราทุกคนชดเชยด้วยเงินให้แก่ศิษย์น้องหยาง ดีไหม ?
จ่อวอันขมวดคิ้ว เผยให้เห็นการกระทำที่กำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง เพราะข้อเสนอนี้ทำให้ค่อนข้างพอใจสำหรับเขา
ตู่ยี่ฉางกล่าวปฏิเสธด้วยเสียงแข็ง : ไม่ได้ เคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้เป็นสิ่งที่เงินตราสามารถชดเชยได้หรือไง ?
หยางไค่ยังยิ้มเยาะเย้ยอย่างเยือกเย็นและจ้องมองไปที่หน่ายหย่ง แต่หางตาของเขากำลังเหลือบมองหล่างฉู่วเต่ เขาอยากรู้ว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หญิงสาวนางนี้จะกล่าวตอบอย่างไร ?
การกระทำของนาง จะเป็นการตัดสินการกระทำต่อไปของหยางไค่
หล่างฉู่วเต่ยังคงนิ่งโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมา !!
รอยยิ้มที่เยือกเย็นของหยางไค่กว้างขึ้นเรื่อยๆ
สถานการณ์ที่อึดอัดดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน ในที่สุดหล่างฉู่วเต่จึงต้องกล่าวตอบอย่างช่วยไม่ได้ : เอาเช่นนี้ พวกเราลงมือโจมตีอีกครั้ง ดูว่าจะได้รับหินทารกตัวสุดท้ายหรือเปล่า หากว่าไม่เป็นอย่างที่พวกเราต้องการ ในกลุ่มคนของพวกเราต้องมีใครคนหนึ่งที่ไม่ได้รับเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ แต่ข้าหล่างฉู่วเต่รับรอง ว่าคนที่ไม่ได้รับหินทารกจะไม่เสียเปรียบอย่างแน่นอน เมื่อกลับถึงสำนัก ข้าต้องหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการชดเขยให้แก่เขา !!
คำพูดของนางดูเหมือนจะกล่าวบอกพวกเขาทั้ง 4 แต่หยางไค่รู้ดีว่านางกำลังกล่าวบอกแก่ตนเอง
ในกลุ่มคนทั้ง 5 หยางไค่มีพลังความแข็งแกร่งที่ตำที่สุด คนที่หล่างฉู่วเต่เลือกที่จะทำผิดต่อคนคนนั้น นางคงต้องเลือกหยางไค่อย่างแน่นอน
นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายของเรา พวกเราทุกคนตั้งใจให้มากกว่านี้ !! หล่างฉู่วเต่ลุกขึ้นมา หันหน้ามองหยางและกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน : ศิษย์น้องหยาง ต้องรบกวนเจ้าอีกครั้ง !!
หยางไค่จ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะพยักหน้าตกลง และเดินไปยังบริเวณของรูปปั้นหินทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เย็นชา ดวงตาของหล่างฉู่วเต่ประกายด้วยความขอโทษเบาๆ แต่มันได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว
การล่อรูปปั้นหิน หยางไค่กระทำหลายครั้งจนคุ้นชินกับมัน แต่ในตอนนี้ เขามีแผนการอื่นๆที่ซ่อนอยู่ภายใน
รูปปั้นหินที่หยางไค่ล่อออกมา มาถึงด้านหน้า พวกมันค่อยๆก้าวออกมาอย่างช้าๆ หลังจากที่พวกมันทั้งหมดเคลื่อนไหวออกมา หยางไค่วิ่งออกไปยังด้านหลัง ระหว่างที่วิ่งเขาได้จ้องมองการเคลือ่นไหวและการกระทำของรูปปั้นหินเหล่านั้น
หลังจากที่หยางไค่ล่อพวกมันทั้งหมดออกมาพร้อมกัน หยางไค่จึงวิ่งหนีกลับไปด้วยความพึงพอใจ
และวิ่งไปยังบริเวณที่พวกเขาทั้ง 4 หลบซ่อนตัว โดยที่รูปปั้นหินกว่า 10 ตัวไล่ตามเขามายังไม่ลดล่ะ
หล่างฉู่วหาโอกาสที่เหมาะสมในการออกมาโจมตี แต่ในครั้งนี้ รูปปั้นหินที่ตามมาถึงบริเวณการต่อสู้ของพวกเขามีด้วยกันทั้งสิ้น 4 ตัว
การแสดงออกของหลางฉู่วเต่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันหนางรีบกล่าวตะโกน : หน่ายหยง ล่อรูปปันหิน 2 ตัวออกไป !!
ทำไมต้องเป็นข้า ? หน่ายหย่งตะโกนด้วยความตกใจ
ตู่ยี่ฉางกล่าวเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : เจ้าเป็นคนบอกเองว่าการล่อรูปปั้นหินเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด หยางไค่สามารถล่อรูปปั้นหินที่มากกว่า 10 ตัวจนถึง 100 ตัว แต่การล่อรูปปั้นหินเพียง 2 ตัว เจ้าจะทำไม่ได้เลยหรือไง ?
ใครบอกว่าไม่ได้ !! หน่ายหยงถูกคำเยาะเย้ยกระตุ้นจนเกรี้ยวโกรธ เขาเปิดการโจมตีรูปปันหิน ให้รูปปั้นหิน 2 ตัวถูกครอบคลุมจากการต่อสู้ของเขา เพื่อดึงดูดความสนใจของมัน และวิ่งหนีออกไปในทันที
เหลือรูปปั้นหินจำนวน 2 ตัว แต่ในตอนนี้เหลือกลุ่มคนจำนวน 3 คนเท่านั้น หากพวกเขายังคงชักช้าต่อไป พวกเขาอาจจะถูกรูปปั้นหินฆ่าก็เป็นได้
ในขณะที่พวกเขาทั้ง 4 กำลังต่อสู้กับรูปปั้นหินด้วยความยากลำบาก หยางไค่รีบกลับไปล่อรูปปั้นหินจำนวน 10 ตัวให้ไล่ตามตนเองมา
แต่เขากระทำไม่เหมือนเช่นเดิม ในเวลานี้หยางไค่ควบคุมระยะห่างของพวกมัน และไม่ละทิ้งการไล่ตามของพวกมันเหมือนเคย
หลังจากที่วิ่งหนีออกมาประมาณ 50 ลี้ หยางไค่วิ่งเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในเสาหิน และหันหลังมองไปยังรูปปันหินที่ไล่ตามเขามา
แผนการสำเร็จไปกว่าครึ่ง !! หยางไค่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ แต่ยังไม่รู้ว่าการคาดเดาของตนเองถูกต้องหรือเปล่า
การที่หยางไค่วางแผนล่อรูปปั้นหินจำนวน 4 ตัวให้แก่หล่างฉู่วเต่และคนอื่นๆ ไม่ได้เป็นเพราะหยางไค่ต้องการใช้รูปปั้นหินในการกำจัดพวกเขา เขาคงไม่กล้าที่จะวางแผนที่โหดเหี้ยมเช่นนั้น
รูปปั้นหินจำนวน 4 ตัว จากความสามารถของพวกเขา พวกเขาสามารถเอาชนะพวกมันได้ แต่มันต้องสูญเสียพละกำลังและพลังลมปราณที่มากกว่าเท่านั้น หยางไค่ทำเช่นนี้เพราะต้องการให้พวกเขาเสียเวลามากขึ้น เพื่อให้แผนการที่เขากำลังวางแผนไม่ถูกพวกเจาจับได้
ไม่ว่าในครั้งนี้พวกเขาจะได้รับหินทารกหรือไม่ หยางไค่ไม่สามารถฝากความหวังให้แก่คนอื่นๆ หล่างฉู่วเต่เป็นหญิงสาวที่เชื่อมันในตนเองมากเกินไป ไม่สามารถให้นางตัดสินใจที่ต้อ้งใช้ความยุติธรรมเช่นนี้
หากว่าในครั้งนี้พวกเขาไม่ได้รับหินทารก เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจะไม่ได้รับหินทารกที่มีอยู่เพียง 4 ตัวเท่านั้น
ดังนั้นหากต้องการสิ่งของที่ล้ำค่า ต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น
หลายวันที่ผ่านมาหยางไค่ครุ่นคิดไตร่ตรองปัญหานี้มาตลอด ว่าทำไมรูปปั้นเหล่านี้เมื่อถูกล่อออกมายังนอกบริเวณมันยังสามารถวิ่งกลับไปยังตำแหน่งที่เดิมของมันได้ ในที่สุดหยางไค่ได้คำตอบที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ตนเอง นั้นคือพวกมันกำลังปกป้องบางสิ่งบางอย่าง !!
สิ่งนี้ต้องมีค่ายิ่งกว่าเคล็ดวิชาที่ซ่อนอยู่ในหินทารก !!
มันเป็นการคาดเดา แต่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง !!
หลังจากที่หยางไค่ล่อรูปปั้นตัวอื่นๆออกไป ตัวเขาเองมีหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 50 หยดที่สามารถใช้งานได้
หยางไค่สูดลมหายใจลึกๆ ทันใดนั้นกลยุทธุ์หยางได้หมุนวนและไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง เท้าของเขาปรากฏเปลวไฟจำนวน 2 ลูก ทันใดนั้นร่างกายของเปรียบเสมือนลูกธนูที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งกลับไปยังบริเวณเดิมที่เขาล่อรูปปั้นเหล่านี้มา
ความเร็วในครั้ง รวดเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมาถึง 1 เท่า !!
สิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มากจากกลยุทธุ์หยาง มันไม่ใช่เคล็ดวิชาการต่อสู้ แต่เป็นเพียงทักษะหรือกระบวนท่าที่รวดเร็วเท่านั้น
จุดเด่นของมันสามารถยกระดับความเร็วของตนเองแต่กำลังสูญเสียพละกำลังเพียงเล็กน้อย !! พลังลมปราณหยางที่อยู่ในเส้นชีพจรลมปราณหมุนเวียนไปยังเท้าของเขาเสมือนสายน้ำที่ทะลักลงไปอย่างไม่สามารถหยุดมันได้
ผ่านไปเพียงชั่วครู่ พลังลมปราณที่อยู่ในเส้นชีพจรลมปราณเหือดแห้งในทันที
หยดน้ำพลังลมปราณหยาง 1 หยดที่อยู่ในจุดตันเถียนระเบิดและปลดปล่อยออกไป ทำให้เส้นชีพจรลมปราณที่แห้งเหือดถูกเติมเต็มอีกครั้ง
หยางไค่ใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยางทั้งหมด 4 หยด จึงสามารถวิ่งไปยังบริเวณที่รวมตัวของรูปปั้นหิน
พื้นที่บริเวณแห่งนี้ว่างเปล่าแต่ลักษณะของมันเป็นอย่างไรหยางไค่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ทุกครั้งเขาล่อรูปปั้นหินและวิ่งออกไป โดยไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบแม้แต่น้อย
ในตอนนี้บริเวณแห่งนี้ว่างเปล่า หยางไค่กวาดสายตามมองไปยังทั่วบริเวณ และเริ่มค้นหาบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงอย่างเร่งรีบ
หากว่าการคาดเดาของตนเองไม่ผิด สถานที่แห่งนี้ต้องมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน
หลังจากที่คุ้นหาได้สักครู่ หยางไค่ไม่พบสิ่งใดเลย
ในจุดสูนย์กลางของบริเวณที่ว่างเปล่า มีหลุมขนาดใหญ่ ในหลุ่มขนาดใหญ่มีรูปปั้นหินที่มีลักษณะแตกต่างกันเป็นจำนวนมาก
รูปปันหินเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง ท่าทาง ล้วนสง่าและดุดันกว่ารูปปั้นหินตัวอื่นๆอย่างมาก
ต้องใช่อย่างแน่นอน !!
หยางไค่กระโดดลงไปโดยไม่ลังเล จากนั้นจึงค่อยเข้าใกล้รูปปั้นหิน
เมื่อมีประสบการณ์จำนวนมาก หยางไค่รู้ดีหากว่าเข้าใกล้รูปปั้นหินประมาณ 1 คืบ มันจะเคลื่อนไหวในทันที
หยางไค่กระโดดลงไปโดยไม่ลังเล จากนั้นจึงค่อยเข้าใกล้รูปปั้นหิน
หยางไค่เตรียมความพร้อมในการวิ่งหนีไว้ตั้งแต่แรก สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่บริเวณที่เหมาะสมในการต่อสู้ และอีกไม่นาน รูปปั้นหินกว่า 10 ตัวที่เหลือต้องวิ่งกลับมาอย่างแน่นอน หากถูกพวกมันรุมล้อม คงหนีไม่พ้นความตายที่น่าอดสู
แต่สิ่งที่ทำให้หยางไค่ประหลาดใจ คือการเข้าใกล้รูปปั้นหินประมาณ 1 คืบ มันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น หยางไค่ที่กำลังเตรียมตัวจะวิ่งหนีจึงหยุดอยู่กับที่
เกิดอะไรขึ้น ?
หลังจากทีทดสอบมาหลายครั้ง รูปปั้นหินรูปนี้ไม่มีการตอบสนอง !! ความกล้าของหยางไค่จึงเหิมเกริมยิ่งขึ้น ไม่ว่ามันจะเคลื่อนไหวหรือไม่ก็ตาม ในเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการโจมตี !!
พลังลมปราณหยางไหลเวียนอย่างดุเดือดและบ้าคลั่ง หยางไค่ไม่รอใช้ พุ่งหมัดโจมตีไปยังรูปปั้นหิน เขาต้องการใช้ความเร็วที่สุดในการทำลายมันให้แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ