ตอนที่ 127 พบเจออันตราย
ตอนที่ 127 พบเจออันตราย
ทันใดนั้น พวกเขาต่างสูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง
หล่างฉู่วเต่กล่าว : พวกเราสำรวจตรวจสอบบริเวณทั้ง 4 ทิศทางว่ามีอันตรายหรือกับดักหรือเปล่า !!
หล่างฉู่วเตค่อนข้างมีสติ นางรู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้มิใช่สถานที่สามัญทั่วไป สมบัติที่มากมายกองอยู่ตรงหน้า ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีกับดักที่อันตรายก็เป็นได้
พวกเขาทั้ง 5 กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว และสำรวจตรวจตราบริเวณใกล้เคียง หลังจากนั้นจึงรวมกลุ่มกันอีกครั้ง โดยไม่พบสิ่งผิดปกติหรือกับดักใดๆแม้แต่น้อย
แต่หล่างฉู่วเต่ยังไม่คลายความระแวง นางค่อยๆปลดปล่อยฝ่ามืออกไป เมื่อฝ่ามือที่เต็มไปด้วยลมวายุของนางกระทบกับก้อนหินพลังหยินและก้อนหินพลังหยางโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา นางจึงพยักหน้าและกล่าว : ปลอดภัย !!
พวกเขาทั้ง 5 มองหน้าซึ่งกันและกัน ก่อนจะวิ่งเข้าไปอย่างเร่งรีบ เพื่อตักตวงก้อนหินพลังหยินและพลังหยางให้ได้มากที่สุด
คนอื่นๆตักตววหินทั้ง 2 ชนิด แต่หยางไค่ไม่ทำเช่นพวกเขาเก็บเฉพาะก้อนหินพลังหยาง
หลังจากที่พวกเขาตักตวงเก็บก้อนหิน ทันใดนั้นหล่างฉู่วเต่ที่ยิ้มมาตลอด ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและโยนก้อนหินที่อยู่ในมือทิ้งไป จากนั้นจึงถอนหายใจอีกครั้ง
ศิษย์พี่หล่าง เป็นอะไรหรือเปล่า ? หน่ายหย่งเงยหน้ากล่าวถามด้วยความสงสัย
หยุดเก็บก้อนหินเถอะ หล่างฉู่วเต่กล่าวดวยเสียงที่เรียบเฉย : หากพวกเรานำถุงก้อนหินขนาดใหญ่ออกเดินทางไปด้วย ไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียพละกำลังของเรา หากพบเจอกับอันตรายมันจะกลายเป็นภาระของเราในภายหลัง เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราต่างต้องโยนมันทิ้งเช่นเดียวกับตอนนี้
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ คนอื่นๆต่างตอบสนองกับคำพูดของหล่างฉู่วเต่ เมื่อสักครู่เป็นเพราะพวกเขาพาลพลกับลาภก้อนใหญ่ดีใจตื่นเต้นจนลืมระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง
หล่างฉู่วเต่มองไปยังทุกคนและกล่าวต่อ : นอกจากนั้นพวกเราเดินทางได้เพียงระยะสั้นๆ แต่พบเจอกับก้อนหิมกองมหึมาขนาดนี้ หากการคาดเดาของข้าไม่ผิด ก้อนหินเหล่านี้เป็นสมบัติที่มีค่าน้อยที่สุดในถ้ำสวรรค์แห่งนี้ !! อาจจะกล่าวได้ว่าก้อนหินเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ค่าที่สุด แต่สมบัติวิเศษที่แท้จริงกำลังรอเราอยู่ !!
ศิษย์พี่หล่างกล่าวได้ถูกต้องที่สุด หน่ายหย่งเห็นด้วย จ่อวอันก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นเดียวกัน
ตู่ยี่ฉางมองก้อนหินที่อยู่ในมือ และโยนมันทิ้งอย่างไม่เต็มใจมากนัก
มีเพียงหยางไค่คนเดียว ที่กำลงฝึกฝนวิชายุทธุ์ ดูดซับพลังหยางของก้อนหินราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของหล่างฉุ่วเต่ การกระทำเช่นนี้จึงทำให้ผู้ที่อาวุโสกว่าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
อ่าอ่า เมื่อโยนมันทิ้งในขณะที่พบเจอกับอันตรายมันก็ม่สาย ในขณะที่หยางไค่ดูดซับพลังหยางและเขาได้กล่าวอธิบายไปด้วย
ตามสบาย หล่างฉู่วเต่ไม่ได้ห้ามปราม นางกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย : แต่พวกเราจะไม่เสียเวลาให้มากกว่านี้เพราะเจ้าเพียงคนเดียว หากเจ้าฝึกฝนวิชายุทธุ์จนพอใจ เจ้าค่อยตามพวกเรามา อย่าใช้เวลามากเกินไปล่ะ
อืม พวกเจ้าไปก่อน !! หยางไค่พยักหน้า
หล่างฉู่วเต่ไม่เสียเวลาอีกต่อไป นางเดินผ่านก้อนหินนี้ไปในทันที ในขณะที่จ่อวอันจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่ดูถูก หน่ายหย่งกล่าวอย่างตรงไปตรงมา : ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยหินใครที่ยากจนเช่นนี้ ! ไม่ช้าหรือเร็วเจ้าจะตามพวกเราไม่ทัน เสียเวลาเสียพละกำลังโดยเปล่าประโยขน์
ข้าจะรอเจ้าแล้วไปพร้อมกัน ตู่ยี่ฉางกล่าวด้วยความห่วงใย
ไม่ต้อง เจ้าไปก่อน !! หยางไค่ถอดเสื้อผ้าของตนเองออกมา ดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะฝึกฝนวิชายุทธุ์ต่อไปโดยไม่สนใจคนอื่นๆ
เมื่อเห็นเขาดื้อดึงเช่นนี้ ตู่ยี่ฉางไม่ทำลายความต้องการของหยางไค่ เขาพยักหน้าและวิ่งไปสมทบกับคนอื่นๆ
หลังจากทั้ง 4 คนเดินออกไป หยางไค่ไม่ต้องปิดบังการฝึกฝนวิชายุทธุ์ของตนเองต่อไป กลยุทธุ์หยางเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง และดูดซับพลังงานหยางจากก้อนหินพลังหยางที่อยู่ตรงหน้าและอยู่ในถุงผ้าของหยางไค่
หลังจากที่สูญเสียเรี่ยวแรงไปไม่มาก ในที่สุดจุดตันเถียนของเขามีหยดน้ำพลังลมปราณหยางเพิ่มขึ้นอีก 20 หยด นอกจากนั้นในถุงผ้าของเขายังเต็มไปด้วยก้อนพลังงานหยางจำนวนมาก
เมื่อเสร็จสิ้นการดูดซับพลังงานหยาง แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะมีพลังหยางที่มากมาย แต่หยางไค่ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเก็บมันทั้งหมด เกิดเป็นมนุษย์ไม่ควรที่จะโลภเกินไป คำกล่าวของหล่างฉู่วเต่กล่าวได้อย่างถูกต้อง หินเหล่านี้คงเป็นสมบัติที่อยู่ในระดับต่ำที่สุด ดังนั้นจึงไม่ควรสูญเสียพละกำลังจำนวนมากเพราะมัน
ระยะเวลาผ่านไป 1 ก้านธูป ในที่สุดหยางไค่ได้เดินตามพวกเขาจนทัน ด้วยระยะเวลานี้ หยางไค่ยังสามารถดูดซับพลังหยางได้จำนวนหนึ่ง
หลังจากที่เข้าร่วมกับพวกเขา นอกจากตู่ยี่ฉาง สายตาของคนอื่นๆทั้ง 3 คนต่างมองเขาด้วยความไม่พอใจ
ในเง่ของพลังความแข็งแกร่ง หยางไค่อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นภาระให้แก่ทุกคน ไม่น่าแปลกใจที่คนอื่นๆจะดูถูกค่าว่าเป็นคนไร้ค่า หากว่าหยางไค่ไม่ได้มาจากสำนักเดียวกันกับพวกเขา หล่างฉู่วเต่และหน่านหย่งคงไม่อนุญาตให้หยางไค่เข้าร่วมกับพวกเขาอย่างแน่นอน
สถานที่ที่เต็มไปด้วยแท่งหินมีอาณาเขตที่กว้างไกล พวกเราเดินจนถึงตอนนนี้กลับหาทางออกไปไม่เจอ หล่างฉู่วเต่ขมวดคิ้วแน่น : พวกเราลองตรวจสอบอีกครั้ง หากยังหาทางออกไม่พบ พวกเราก็หาสถานที่พักผ่อนสักครู่
ได้ !! ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้กลุ่มคนทั้งหมดต่างฟังคำแนะนำของหล่างฉู่วเต่ พวกเขาจึงไม่ต่อต้านคำพูดของหล่างฉู่วเต่
1 ชั่วยามผ่านไป ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจาจะเป็นผู้นำทาง ? ดวงตาที่งดงามของหล่างฉู่วเต่จ้องมองพวกเขาทั้ง 4 คน
ไม่มีใครรู้ว่าสถานที่แห่งนี้ซ่อนเร้นอันตรายใดบ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นอันตรายใด คนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด ดังนั้นหล่างฉู่วเต่จึงออกข้อเสนอให้สลับกันเดินนำคนละ 1 ชั่วยามตั้งแต่แรก
หน่ายหย่งกล่าว : สถานที่แห่งนี้มีศิษย์ของทั้ง 3 สำนัก หอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวทำหน้าที่ไปแล้ว 1 คน ต่อมาน่าจะเป็นศิษย์แห่งนิกายโลหิตหรือหอวายุพิรุณ
ในขณะที่กล่าว เขาจ้องมองไปยังจ่อวอันและตู่ยี่ฉาง
จ่อวอันขมวดคิ้วแต่ไม่ได้กล่าว ตู่ยี่ฉางก้าวออกไปและกล่าวด้วยเสียงที่แผวเบา : ข้าจะนำทางเอง !!
หยางไค่ถอนหายใจเบาๆ ในเวลานี้พวกเขาทั้ง 5 รวมเป็นกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง แต่ว่าภายในกลุ่มนี้คนที่มีจิตดีที่สุดคงเป็นตู่ยี่ฉาง คนอื่นที่เหลือ 4 คนรวมถึงหยางไค่ ต่างมีแผนการของตนเงอยู่ในจิตใจ
ในกลุ่มของพวกเขาไม่ได้เป็นกลุ่มที่มีความสามัคคี !! หากเผชิญหน้ากับอันตราย กลุ่มของพวกเขาจะพังทลายในทันที
หลังจากที่เดินออกไปประมาณครึ่งชั่วยาม ทันใดนั้นด้านหน้าของพวกเขาปรากฏพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ ในขณะที่พวกเขาเดินทางมาจนถึงตอนนี้พวกเขาถูกล้อมด้วยเสาหินขนาดใหญ่มาโดยตลอด ในที่สุดพวกเขาได้เดินทางมาถึงสถานที่แตกต่างกัน ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นเต้นอย่างมาก
ภายใต้การนำทางของตู่ยี่ฉาง พวกเขาทั้ง 5 รีบวิ่งไปยังพื้นที่นั้นอย่างรวดเร็ว
พวกเขามาถึงตำแหน่งของสถานที่ว่างเปล่า สถานที่แห่งนี้เป็นบริเวณเดียวกับกันเสาหินที่วุ่นวาย แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดบริเวณแห่งนี้จึงแตกต่างจากสถานที่อื่นๆ นอกจากนั้นสถานที่ว่างเปล่านี้ ยังมีรูปปั้นแกะสลักที่แตกต่างกันจำนวนมากมาย และรูปปั้นเหล่านี้ล้วนเป็นรูปร่างของมนุษย์
รูปั้นเหล่านี้มีความสูงเท่ากับมนุษย์ บางรูปปั้นกำหมัดที่ว่างเปล่า บางรูปปั้นถืออาวุธแห่งการต่อสู้ อาวุธเหล่านั้นยังเป็นอาวุธที่มากมายหลากหลายชนิดที่แปลกประหลาดอย่างมาก
พวกเขาทั้ง 5 ไม่มีใครกล้าที่จะเดินเข้าไปมากกว่านี้ ดังนั้นหล่างฉู่วเต่และหน่ายหย่งจึงทดสอบและพบว่ามันไร้ซึ่งอันตราย พวกเขาจึงให้ตู่ยี่ฉางเดินนำทางต่อไปอีก
ทันใดนั้น จิตใจของหยางไค่ก่อเกิดความรู้สึกที่เป็นอัตรายอย่างกะทันหัน ความรู้สึกเช่นนี้ผุดออกมาอย่ากกะทันหัน แต่มันชัดเจนอย่างยิ่ง มันทำให้หัวใจของหยางไค่กระตุกไปมาอย่างรุนแรง
เมื่อหันหน้ามองคนอื่นๆ การแสดงออกของพวกเขาไร้ซึ่งความผิดปกติ พวกเขากำลังเดินชมรูปปั้นเหล่านี้ที่เสมือนว่ามันมีชีวิตด้วยความตื่นเต้น
หยางไค่กวาดสายตามองไปทุกทิศทาง ทันใดนั้นหยางไค่มองเห็นรูปปั้นที่อยู่ด้านหลัง จ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
กลิ่นคาวเลือดพัดโชยมากับลมที่ล่องลอยอยู่บนอากาศ ด้านข้างของรูปปั้นที่มีดวงตาแดงก่ำยังมีเศษผ้ากระจัดกระจายเอาไว้ มันน่าจะเป็นเศษเสื้อของมนุษย์อย่างแน่นอน
ยังไม่มีโอกาสที่จะได้กล่าวอย่างละเอียด ทันใดนั้นหยางไค่กล่าวตะโกนด้วยสัญตญานของตนเอง อันตราย ระวัง !!
ในขณะเดียวกัน รูปปั้นที่ล้อมรอบพวกเขากว่า 100 รูปกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเสมือนจิตวิญญาณของพวกเขาทั้ง 4 หลดลอยออกไป หล่างฉู่วเต่ หน่ายหย่งและจ่อวอันมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วอย่างมาก พวกเขาหันกลับมาและรีบถอยออกมาในทันที แต่ตู่ยี่ฉางที่เดินนำหน้ากลับตื่นตะลึงจนตัวแข็งทื่อโดยไม่ขยับเขยื้อน
การตื่นตะลึงในครั้งนี้ทำให้นางเสียโอกาสในการหลบหนี
ด้านข้างของนางมีรูปปั้น 2 รูป กำลังยกหมัดขึ้นและทุบลงไปที่ตำแหน่งของนางอย่างรุนแรง
รูปปั้นมีการโจมตีด้วยพลังกำลังที่มากมายมหาศาล หมัดของมันมีขนาดใหญ่ หากถูกทุบด้วยหมัดของรูปปั้นคงต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
ตู่ยี่ฉางตระหนักถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น พลังลมปราณของนางปลดปล่อยอกมาอย่างกะทันหัน หญิงสาวที่เรียบร้อยในตอนแรก กลับมีกลิ่นอายรัศมีที่บ้าคลั่งแพร่กระจายออกมา
มันเป็นพลังลมปราณที่แข็งแกร่งของเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ เมื่อพลังความแข็งแกร่งอยู่ในเขตแดนนี้ ในเวลาโดยทั่วไป พลังลมปราณที่อยู่ภายในสงบนิ่งและมั่นคง ไม่สามารถที่จะสัมผัสลมปราณที่แท้จริงได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ พลังลมปราณจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเวลาที่เกรี้ยวโกรธ พลังลมปราณลมปราณอันทรงพลังที่ปดปล่อยออกมาจะกดดันคนรอบข้างอย่างรุนแรง หากมีการควบคุมที่ไม่ดีพออาจทำให้พลังอำนาจของลมปราณควบคุมจนสูญเสียตัวตนที่แท้จริง
แต่เมื่อตู่ยี่ฉางปลดปล่อยพลังลมปราณออกมา ดวงตาของนางสงบนิ่ง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางมีความสามารถในการควบคุมตนเองอย่างดีเยี่ยม
นางหมุนตัว และพุ่งฝ่ามือออกไปยังทิศทางด้านซ้ายอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันนางรีบก้าวถอยหลัง เพื่อหลบหนีจากการโจมตีของรูปปั้น
แต่เสมือนว่านางหมดสิ้นหนทางที่จะหลบหนี การโจมตีของรูปปั้นที่ 2 รวดเร็วยิ่งกว่าสิ่งใด มันกำลังจะโจมตีไปถึงช่วงไหล่ของนาง
ในช่วงเวลาที่ตื่นตะลึงด้วยความหวาดกลัว ก้อนหินพลังหยางสีแดงลอยพุ่งเข้ามาเสมือนฝนดาวตก ซึ่งมาพร้อมกับพละที่แข็งแกร่งและพุ่งกระทบไปยังหมัดของรูปปั้นรูปที่ 2
ปังปัง !!เสียงปะทะกันอย่างรุนแรง แม้ไม่สามารถหยุดยั้นการโจมตีของรูปปั้นรูปที่ 2 แต่มันทำให้ทิศทางการโจมตีของรูปปั้นไขว้เคว้ไปซึ่งมันได้เฉียดเสื้อผ้าของตู่ยี่ฉางไปอย่างหวุดหวิด
ไป !! เสียงตะโกนของหยางไค่ดังมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นตู่ยี่ฉางรู้สึกว่าร่างกายของเขาลอยตัวอยู่ในอากาศ เสมือนว่าตนเองกำลังถูกดึงออกไป
ในขณเดียวกัน ตู่ยี่ฉางได้พุ่งฝ่ามือออกไปปะทะกับการโจมตีของรูปปั้น
เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น หยางไค่และตู่ยี่ฉางลอยกระเด็นออกไป ร่วงลงไปที่พื้น พวกเขาทั้งสองรีบวิ่งหนีโดยไม่หันหลังมองสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ดังหลังของพวกเขา เสียงดังเสมือนสีฝีเท้าของม้านับหมื่นตัวที่กำลังวิ่งอยู่บนพื้นหญ้าดังสนั่นหวั่นไหว พวกเขาทั้ง 5 ที่กำลังวิ่งหนีหันหน้ากลับไปมอง ทันใดนั้นความหวาดกลัวได้ก่อเกิดในหัวใจ รูปปั้นกว่า 100 ตัว กำลังไล่ฆ่าพวกเขา รูปปั้นแต่ละตัวต่างมีความเร็วที่เสมือนสายลม เมื่อรูปปั้นที่หนักหน่วงเหยียบย้ำบนพื้นดิน ก่อนให้เกิดเสียงอึกกะทึกสนั่นหวั่นไหวเสมือนฟ้าดินกำลังจะทล่มทลาย
อย่าหันหน้ากลับไปมอง วิ่งอ้อมเสาหินให้เร็วที่สุด !! หล่างฉู่วเต่กล่าวตะโกนอย่างเสียงดัง
เมื่อทุกคนรับรู้คำพูดของหล่างฉู่วเต่ พวกเขารบีวิ่งเข้าใปในเสาหินที่วุ่นวายเสมือนผี้เสื้อที่กำลังบินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อผ่านไปชั่วครู่ พวกเขาสามารถหลบหนีจากการไล่ฆ่าของรูปปั้น และหลังจากนั้นอีกสักพัก เหล่ารูปปั้นที่ไล่ตามมาเริ่มหายไปจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา
มีเพียงรูปปั้นทั้ง 2 ตัวที่โจมตีหยางไค่และตู่ยี่ฉาง พวกมันทั้ง 2 ยังไล่ติดตามหยางไค่และตู่ยี่ฉางเสมือนปลิงที่ไล่กัดพวกเขา โดยไม่มีทีท่าที่จะหยุดลง
หยางไค่ตัวซวย อย่าวิ่งมาทางฝั่่งนี้ !! หน่ายหยงที่วิ่งอยู่หน้าสุดกล่าวตะโกนด้วยความโกรธ
ใบหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างจริงจังโดยไม่สนใจหน่ายหย่งแม้แต่น้อย
หล่างฉู่วเต่ที่มีร่างกายอ้อนแอ้นอรชนซ่อนตัวอยู่หลังเสาหิน นางหันหน้ากลับไปมอง และพบว่าด้านหลังไม่มีรูปปั้นที่ไล่ตามมา และจ้องเขม่งไปยังหยางไค่และตู่ยี่ฉางที่มีรูปปั้นจำนวน 2 ตัวไล่ติดตามอย่างไม่หยุดหย่อน ดวงตาของนางสั่นระรัว และมีสายตาแห่งความลังเลปรากฏ
หลังจากนั้นไม่นาน นางตัดสินใจและกล่าวตะโกน : หยุดวิ่ง มันเป็นเพียงรูปปั้นที่เหลือเพียง 2 ตัวเท่านั้น พวกเราร่วมมือกัน ทำลายมัน !!
พวกเขากำลังวิ่งซ่อนตัวอยู่ในเสาหิน เมื่อได้ยินหล่างฉู่วเต่กล่าวเช่นนี้ หัวใจของพวกเขาต่างอึ้งกับสิ่งที่นางตะโกนออกมา
เมื่อสักครู่หยางไค่และน้องตู่ยี่ฉางสามารถต่อต้านการโจมตีของมัน นั้นหมายความว่าพลังความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับสูง !! คำกล่าวของหล่างฉู่วเต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ความเด็ดเดี่ยว : จ่อวอัน เจ้าหันเหความสนใจของรูปปั้น 1 ตัว จากนั้นพวกเราทั้ง 4 จะโจมตีรูปปั้นที่เหลืออีก 1 ตัว
จ่อวอันขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขารีบหมุนตัวกลับ หลังจากนั้นเขาตะโกนด้วยความโกรธและพุ่งหมัดที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณไปยังรูปปั้นอีก 1 ตัวที่เหลือ
รูปปั้นรูปนี้กำลังไล่ตามหยางไค่และตู่ยี่ฉางอย่างบ้ากระหาย เมื่อถูกโจมตีด้วยหมัดของจ่อวอัน ทำให้ลำตัวของมันแตกกระจายววนเซไปมาอย่างรุนแรง