ตอนที่ 126 หล่างฉู่วเต่
ตอนที่ 126 หล่างฉู่วเต่
บ้าเอ้ย หู่หมั่นสบทกับตนเอง จนถึงตอนนี้เขายังต้องออกคำสั่งให้ศิษย์สาวกของนิกายโลหิต เมื่อเข้าในถ้ำสวรรค์แล้วเจอกับศิษย์หญิงของเม้งวู่หยา ต้องปรณิบัตนิางอย่างดี ห้ามให้นางพบเจอกับอันตรายใดๆอย่างเด็ดขาด !!
หู่หมั่นกระทำลงไปโดยไม่ชักข้า เขารีบออกคำสั่งออกไปยังเหล่าศิษย์ของนิกายโลหิตเพื่อให้เขาทำคำสั่งของตนเองในทันที
เม้งวู่หยาสามารถแสดงอำนาจของตนเองเช่นนี้ ทำให้ศิษย์สาวกทั้งหมดตื่นตะลึง พวกเขาไม่รู้เลยว่าเหรัญญิกเม้งชายชราที่อยู่ในหอแลกเปลี่ยนวิเศษ จะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งและมีอำนาจถึงขั้นนี้
แม้แต่ประมุขแห่งนิกายโลหิตเมื่ออยู่ตรงหน้าเขายังเชื่อฟังเขาเสมือนกระต่ายน้อย แม้แต่เหว่ยซิต่งผู้อาวุโสที่ 1 ยังมิอาจที่จะทำเช่นนี้
ความวุ่นวายในเหมืองแร่ได้สงบลงอีกครั้ง ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักต่างเร่งฟื้นฟูพลังคงามแข็งแกร่งของตนเอง เพื่อเข้าสู่ถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ในยามดึกที่กำลังจะถึง
และไม่รู้ว่าครั้งนี้ จะมีศิษย์จำนวนเท่าไหร่ที่ต้องตายอย่ภายใน แล้วจะมีศิษย์กี่คนที่จะประสบความสำเร็จในการครอบครองสมบัติวิเศษ !! ผู้อาวุโสที่ 2 ซู่ซวนวู่ได้กล่าวพึมพำอย่างกะทันหัน
ในทางกลับกัน หากศิษย์ที่สามารถออกมาจากถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ หลังจากวันนี้เขาต้องกลายเป็นอัจฉริยะของทั้ง 3 สำนักที่มิอาจเปรียบเปรยได้เลย !! ดวงตาของเหว่ยซิตงเต็มไปด้วยความหวังอย่างสูงสุด
หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น !!
ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยความมืดยามราตรี ลมยามค่ำคืนพัดโชยไปอย่างสงบ เวลายังคงไหลผ่านไปอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสของทั้ง 3 สำนักเริ่มมีการเคลื่อนไหว สิ้นเสียงตะโกนของพวกเขา ศิษย์สาวกที่อยู่ในบริเวณนั้นตื่นจากการฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งในทันที
ถึงเวลา !!
ศิษย์ผู้แข็งแกร่งของนิกายโลหิตเข้าไปกว่าครึ่งวัน มันถึงเวลาแล้วที่ศิษย์สาวกที่เหลือของทั้ง 2 สำนักจะเข้าไปในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์
ในฝั่งของสำนักหลิงเซี่ยว เจี่ยหงเฉินและซู่เหยียนเป็นผู้นำ ด้านหลังของพวกเขา มีศิษย์สาวกที่จะเข้าไปในถ้ำสวรรค์ยืนเรียงกันทั้งหมด 5 แถว พวกเขาล้วนเดินไปยังทางเข้าของถ้ำสวรรค์ทั้งหมด
มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าซู่มู่ค่อนข้างที่จะตื่นกลัว เขาถูไถมือของเขาไปมาหลายครั้ง หยางไค่ก็รู้สึกตื่นกลัว แต่ความรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังมีมากกว่าความรู้สึกที่ตื่นกลัว
หากว่าพวกเราทั้ง 2 ไปยังสถานที่เดียวกันคงจะดี ซู่มู่กล่าวด้วยเสียงต่ำ
เราไม่สามารถทำได้ดั่งใจหวัง ผู้อาวุโสที่ 1 กล่าวบอกแล้วว่า หลังจากที่พวกเราเข้าไปยังแสงสว่างนั้นแล้ว เสมือนว่าจุดหมายปลายทางของทุกคนจะแตกต่างกัน การที่เราจะไปยังตำแหน่งที่เดียวกัน มันมีความเป็นไปได้ที่ค่อนข้างน้อย !!
ศิษย์พี่ ศิษย์พี่คิดว่าภายในถ้ำสวรรค์ซ่อนเร้นมรดกอะไรไว้ ?
ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ?
ภายในถ้ำสวรรค์มีอันตรายอะไรบ้าง ?
ข้าไม่รู้เช่นกัน !!
โอ้ ข้าตื่นเต้นมาก !
เดิมทีหยางไค่ไมได้กังวลหรือตื่นหวาดกลัว แต่เมื่อถูกซู่มู่กล่าวถามอย่างต่อเนื่อง ทำให้จิตใจของเขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง
ด้านหน้า ผู้อาวุโสทั้ง 3 สำนักต่างยืนในตำแหน่งของตนเอง พวกเขากำลังเตรียมการจัดการให้ศิษย์ของตนเองเข้าไปในถ้ำสวรรค์
แสงสว่างที่อยู่ในหลุมลึกส่องประกายเป็นวงกว้าง ดังนั้นความเร็วในการเข้าไปภายในถ้ำสวรรค์ของศิษย์สาวกจึงไม่ช้า เมื่อผ่านไปได้ชั่วครู่ ในที่สุดถึงคราวที่หยางไค่และซู่มู่จะต้องกระโดดลงไปในหลุมลึก
ฉากทั้งหมดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขาเหยียบลงบนทุ่ง เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อหาว่ามันยังคงเป็นสีฟ้า แต่ไม่มีเมฆดวงจันทร์ดวงอาทิตย์หรือดวงดาว ด้านบนของเขาเป็นพอร์ทัลสีดำ
พวกเขาทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน และกระโดดลงไปพร้อมๆกัน
หยางไค่ไม่หลับตา เขากำลังหรี่ตาอยู่ เพราะเขาอยากรู้ว่าการที่เขากระโดดลงมามันเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร แต่หลังจากที่ร่างกายของเขากระโดดมาจากเบื้องบน สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เลือนรางและวุ่นวาย เพียงพริบตาเขาก็พบว่าตนเองกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ ระยะห่างระหว่างพื้นดินประมาณ 5 จ้าง
หยางไค่ยืดตัวเพื่อสูดลมหายใจ และกระโดดลงไปที่พื้นดินอย่างมั่นคง
เมื่อเท้าทั้ง 2 ยืนนิ่งอย่างมั่นคง เขาหันหน้ามองไปทั่วบริเวณ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นห้วงมิติที่น่าแปลกมาก เพราะมันไร้ซึ่งดวงตะวัน ดวงจันทร์ และดวงดาว ไม่มีท้องฟ้าเมฆสีขาว เหนือศีรษะของตนเองเสมือนอากาศธาตุที่ว่างเปล่า มันว่างเปล่าจนทำให้จิตใของมนุษย์สั่นระรัว แต่ภายในแห่งนี้มีแสงสว่างประกาย แต่มันไม่มากพอที่จะทำให้เขามองเห็นสิ่งต่างที่อยู่ภายในถ้ำ
สถานที่ที่หยางไค่มาถึงเสมือนสถานที่เต็มไปด้วยเสาหินที่วุ่นวาย เสาหินที่หนา เสาที่บางคั่นกลางระหว่างพื้นดินและอากาศธาตุเหนือศีรษะที่ว่างเปล่า และยังมีเสาหินบางส่วนที่มีความสูงไม่มาก มีความสูงประมาณ 10 จ้าง หรือมีความสูงเทียบเท่ามนุษย์คนหนึ่งกระจัดกระจายไปทั่ว บนพื้นดินยังเต็มไปด้วยเศษหินเศษทราบจำนวนมากมาย
หยางไค่ค่อยๆสัมผัสสภาพแวดล้อมที่ตนเองมาถึง ทันใดนั้นเขาอึ้งไปชั่วขณะ เขาพบว่าพลังฟ้าดินที่อยู่ภายในหนาแน่นเข้มข้นและอุดมสมบูรณ์อย่างสูงสุด พลังฟ้าดินที่อยู่ด้านนอกไม่สามารถเปรยีบเทียบกับพลังฟ้าดินภายในได้เลย
หากสามารถบ่มเพาะพลังฝึกฝนวิชายุทธุ์อยู่ภายใน ผลลัพธุ์ที่จะได้รับจะมากกว่าการบ่มเพาะพลังและฝึกฝนวิชายุทธุ์อยู่ด้านนอกถึง 3- 4 เท่า
แต่สถานที่แห่งนี้คือถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ ไม่มีใครที่เข้ามาแล้วจะละทิ้งการค้นหาสมบัติวิเศษเพื่อฝึกฝนวิชายุทธุ์
เมื่อเขามองไปรอบและพบว่าซู่มู่ได้อยู่กับเขา !! รอบบริเวณไม่มีใครนอกจากเขา ดูเหมือนว่าในขณะที่พวกเขาเข้ามาภายใน พวกเขาคงถูกแยกออกจากกันโดยห้วงมิติที่น่าอัศจรรย์นี้
ในขณะที่กำลังตรวจสอบด้วยความอัศจรรย์ใจ ทันใดนั้นระยะห่างประมาณ 10 จ้างมีเงาร่างปรากฏ บุคคลนี้เสมือนหยางไค่ที่เพิ่งกระโดดล่งมาจากเบื้องบน และมาถึงดินแดนที่น่าอัศจรรย์ใจนี้
หลังจากที่ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง นางหันหน้ามองไปซ้ายขวา และมองเห็นหยางไค่ที่อยู่ไม่ห่างจากนางมาก
ดวงตาทั้ง 2 คู่เผชิญหน้าซึ่งกันและกัน หยางไค่ตื่นตะลึงและกล่าวด้วยเสียงที่ดัง : เป็นเจ้า !!
อ๊าย บังเอิญอย่างยิ่ง !! หญิงสาวนางนี้รู้สึกดีใจ เขารีบเดินมาหาหยางไค่
บุคคลที่ร่วงลงมาเป็นหญิงสาว และยังเป็นหญิงสาวที่ขายเมล็ดพันธุ์พลังหยางให้แก่เขา
ศิษย์สำนักเดียวกัน เมื่อพบเจอกับในสถานที่แห่งนี้ มันคงเป็นโชคชะตาที่ดีอย่างแน่นอน
เจ้าเพียงคนเดียว ? หญิงสาวกล่าวถามหยางไค่
อืม ข้าเพิ่งมาถึง หยางไค่พยักหน้า
คนจำนวนมากมายเข้ามาที่นี้พร้อมกัน และไม่รู้ว่าพวกเขากระจัดกระจายไปที่ใด พวกเรารอยู่ตรงนี้สักครู่ ดูซิว่าจะมีใครร่วงลงมาตรงหนี้อีก หลังจากนั้นพวกเราจึงเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมๆกัน ? นางกล่าวออกความคิดเห็น
ได้ !! หยางไค่มิได้ค้าดคั้นความคิดเห็นของนาง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายที่มากมาย หากมีคนเพิ่มอีก 1 คนมันจะเป็นการแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน แม้ว่าการทำเช่นนี้จะต้องแบ่งผลประโยชน์ให้แก่กัน แต่สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันตราย การรักษาชีวิตของตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การสำรวจตรวจตราสถานการณ์ภายในอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงแยกออกกันหาสมบัติวิเศษก็มิใช่เรื่องที่เสียหาย
ดังนั้นพวกเขาทั้ง 2 จึงยืนรออยู่ที่เดิม
หลังจากนั้นไม่นาน มีศิษย์จำนวน 3 คนปรากฏตัวอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลจากพวกเขา แต่ 1 ใน 3 คนนี้มี 1 คนที่เป็นศิษย์ของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ที่เหลือ 2 คน เป็นศิษย์ของนิกายโลหิต และ หอวายุพิรุณ
พวกเขาทั้ง 5 รวมกลุ่มกันอย่างใกล้ชิด ในดินแดนสถานทีวิเศษ ไม่มีคำว่าความแตกต่างของสำนัก การสามัคคีช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
หลังจากที่รอไปอีกสักพัก ปรากฏว่าไม่มีศิษย์สาวกคนอื่นๆปรากฏตัวออกมาอีกเลย
หญิงสาวนางนั้นเริ่มกล่าวสนทนา : เอาเช่นนี้ พวกเราไปสำรวจตรวจสอบสถานที่ใกล้เคียงว่าจะมีศิษย์คนอื่นๆ ปรากฏตัวอีกหรือ พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร ?
สุ้มเสียงและการแสดงออกที่ดูมั่นใจของนาง ทำให้นางกลายเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามและความแข็งแกร่งในตนเอง และยังเป็นจุดศูนย์กลางในกลุ่มคนเหล่านี้อีกด้วย
ทุกคนต่างพยักหน้าตกลง
หญิงสาวกล่าว : แต่ก่อนที่เราจะเริ่มต้น พวกเราต้องรู้จักกันสักก่อน อย่างน้อยต้องทราบถึงการบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งของทุกคน หากเป็นเช่นนี้เมื่อพบเจอกับภัยอันตราย พวกเราทุกคนจะสามารถช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า พวกเราแนะนำตัวเองก่อนดีกว่า ข้าก่อนน่ะ ข้าชื่อ หล่างฉู่วเต่ ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 7 แล้วพวกเจ้าล่ะ ?
หลังจากที่กล่าวจบ ดวงตาที่น่าลุ่มหลงจ้องมองไปยัง 4 คนที่เหลือ
ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์อีกคนรีบกล่าวแนะนำ : ชื่อเสียงของศิษย์พี่ ข้าเคยได้ยิน ในวันนี้ข้าได้พบเจอกับศิษย์พี่ มันเป็นความโชคดีของข้าที่ได้พบเจอกับศิษย์ที่งดงามเช่นนี้
การประจบประแจงนี้โอ่อ่าเกินความเป็นจริง จิตใจของหยางไค่และศิษย์ที่เหลืออีก 2 คน มีความรู้สึกที่เย้ยหยันก่อเกิดขึ้นมา ศิษย์คนนี้แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขามีความรู้สึกที่ดีต่อหล่างฉู่วเต่ ดังนั้นเขาจึงกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว
มันไม่น่าแปลกที่เป็นเช่นนี้ เพราะหล่างฉู่วเต่เป็นหญิงสาวที่งดงามมาก ร่างกายอ่อนแอ้นอรชนเต็มไปด้วยความเย้ายวน โดยเฉพาะทรวงอกอันมหึมาของนาง มันไม่ใช่หญิงสาวทุกคนที่จะสามารถครอบครองมันได้ เมื่อมองออกไปมันเปรียบเสมือนสิ่งที่ล่อแหลมสายตาที่ทำให้คนที่มองสั่นระรัว ร่างกายอ่อนระทวย หากใครก็ตามที่ได้ครอบครองนาง เพียงแค่ได้ลูบไล้ทรวงอกอันมหึมานั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีความสุขในทุกค่ำคืน
หล่างฉู่วเต่ยิ้มจางแต่ไม่ได้สนใจ และจ้องมองเขา : เจ้าคือ
ศิษย์คนนี้รูปร่างที่ค่อนข้างกำยำ เสมือนว่าสามารถพึงพาได้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร่ง : ศิษย์น้อง หน่ายหย่ง เป็นศิษย์ของผูอาวุโสที่ ! เขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 4 !!
หลังจากที่กล่าวจบ เขาหัวเราะกล่าวต่ออีกครั้ง : ศิษย์พี่โปรดวางใจ ระหว่างทางหากว่ามีอันตรายเกิดขึ้น แม้จะต้องย่างกรายเข้าไปในทะเลเพลิง ข้าก็จะช่วยทานโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย !!
ศิษย์น้องมีจิตใจที่งดงามอย่างมาก หล่างฉู่วเต่เข้าใจความหมายที่กล่าว มันเป็นการคำพูดที่ต้องการคว้าหัวใจของหญิงงามนั้นเอง
สายตาของเขาจ้องมองไปยังศิษย์อีกคน
ศิษย์คนนี้มีรูปร่างที่คล้ายกับนักรบ เขามีรูปร่างที่กำยำเสมือนหมีและมีเอวที่แข็งแกร่งเสมือเสือ เขาสูงกว่าหยางไค่ประมาณ 1 ศีรษะ มีหน้าตาที่ดุดันเสมือนคนป่าเถื่อน
เมื่อมองเห็นหล่างฉู่วเต่จ้องมอง เขาจึงกล่าว : ข้าชื่อจ่อวอัน ศิษย์แห่งนิกายโลหติ เขตแดนก่อกำเนิดลมหราณขั้นที่ 5
หลังจากที่เขากล่าวจบ เขายืนนิ่งไม่กล่าวสิ่งใดต่อมันแสดงออกอย่างชัดเจนว่าศาย์คนนี้ไม่ชอบกล่าวเจรจา
หล่างฉู่วเต่พยักหน้า และจ้องมองไปที่หญิงสาวอีกคน
หญิงสาวคนนี้มีร่างกายที่บอบบาง ร่างกายของนางไม่สูง แต่ยังถือว่าเป็นหญิงงามคหนึ่ง นอกจากนั้นตั้งแต่แรกจนกระทั่งตอนนี้ ยังมีรอยยิ้มที่เขิลอายซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหลติดใบหน้าของนางตลอด
ข้าชื่อตู่ยี่ฉาง ศิษย์แห่งหอวายุพิรุณ พวกเจ้าเรียกข้าว่าเสี่ยวตู่ ศิษย์พี่ล้วนกล่าวเรียกข้าเช่นนี้ ข้าอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 6
สายตาของทุกคนต่างจ้องมองไปที่นาง ทำให้น้องเสี่ยวตู่ต้องก้มศีรษะลงด้วยความเอียงอาย
ไม่มีใครคาดคิดว่า หญิงสาวตัวเล็กที่ดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 14 -15 ปี กลับมีการบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 6 ซึ่งอยุ่ต่ำกว่าเขตแดนของหล่างฉู่วเต่เพียง 1 ขั้นเท่านั้น
อืม มันน่าสนุกจริงๆ หล่างฉู่วเต่เม้มปากอย่างกะทันหน : หรือว่าพวกเราถูกห้วงมิติที่ลึกลับนี้ส่งเข้ามาอยู่ด้วยกันจากเขตแดนของตนเอง ?
เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ คนอื่นๆดูเหมือนจะเห็นด้วยกับข้อสรุปของนาง ศิษย์ทั้ง 4 คนที่อยู่ตรงนี้อยู๋ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 7 ขั้นที่ 6 ขั้นที่ 5 ขั้นที่ 4 มีเขตแดนที่แตกต่างกันไม่มาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่นางคาดเดาเช่นนี้
โอ้ว ใช่แล้ว แล้วเจ้าล่ะ ?เขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่เท่าไหร่ ? หล่างฉุ่วเต่เงยหน้ากล่าวถามหยางไค่
แม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมีพลังความแข็งแกร่งที่มากกว่าหยางไค่ แต่พวกเขาไร้ซึ่งพลังแห่งจิตวิญญาณที่จะสามารถพลังที่แท้จริงของหยางไค่ นอกเสียจากหยางไค่ลงมือ ปลดปล่อยพลังลมปราณของตนเอง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นความสามารถที่แท้จริงของหยางไค่ เพราะพวกเขาล้วนอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ ดังนั้นหล่างฉู่วเต่จึงคิดว่าหยางไค่อยู๋ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณเช่นเดียวกัน
หยางไค่บีบจมูกไปมาและกล่าวด้วยความเขิลอาย : ข้าชื่อหยางไค่ ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 7 !!
จ่อวอันหันหน้าจ้องมองหยางไค่ สายตาของเขาประกายด้วยความเย้ยหยันและกล่าวด้วยเสียงต่ำ : โชคร้าย !!
เจ้าก็คือหยางไค่ ? ดวงตาของหล่างฉุ่วเต่ประกาย นางจ้องมองหยางไค่อย่างไม่วางตา แม้แต่หน่ายหยงต่างตะลึงอย่างยิ่ง เขาจ้องมองหยางไค่อย่างละเอียด เสมือนว่าต้องการสำรวจร่างกายของหยางไค่ทุกซอกทุกมุม
อืม !! หยางไค่พยักหน้า เขารู้ว่าจากเรื่องราวในครั้งก่อน ชื่อเสียงของตนเองค่อนข้างกว้างไกลในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว
แต่หยางไค่กลับสัมผัสได้ว่า เมื่อหน่ายหยงได้ยินชื่อของตนเอง ดวงตาของเขาประกายด้วยความรู้สึกที่ต้องการเป็นศัตรูอย่างจงใจ แต่ว่าสายตาของหล่างฉู่วเต่ กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เสมือนว่ากำลังมองเห็นสิ่งของที่แปลกใหม่
หน่ายหยงแสดงการเป็นศัตรูกับเขาอย่างเปิดเผย หยางไค่สามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน ในเมื่อเขากล่าวว่าตนเองเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสที่ 1 ดังนั้นเขาต้องอยู่ในกลุ่มพรรคพวกของเหว่ยจวางและเจี่ยหงเฉิน ก่อนหน้านั้นเขาล่วงเกินเจี่ยหงเฉินและเหว่ยจวาง มันไม่น่าแปลกใจเลยที่หน่ายหยงจะเกลียดชังเขา
แต่ว่าอยู่ภายในถ้ำสวรรค์ หยางไค่รู้ดีว่าเขาไม่กล้าที่จะโจมตีเขา ดังนั้นหยางไค่จึงไม่ไดสนใจเขา
หลังจากที่ดึงสายตาออกไป หล่างฉู่วเต่โบกมือและกล่าว : พอแล้ว ในเมื่อทุกคนต่างรู้จักกันแล้ว งั้นพวกเราจะออกเดินทาง และไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้สมบัติวิเศษจะซ่อนอยู่ที่ใด ข้าจะกล่าวให้ชัดเจน หากพวกเราพบเจอกับสมบัติวิเศษหรือสิ่งอื่นๆที่มีค่า พวกเราจะแบ่งให้เท่าเทียมกัน หากว่าไม่สามารถที่จะแบ่งให้เท่าเทียม พวกเราจะต้องจ่ายเงินตราหรือของวิเศษอื่นๆเท่านั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เป็นอย่างไร พอใจหรือไม่ ?
หน่ายหย่งรีบพยักหน้า : ข้ายอมรับข้อเสนอของศิษย์พี่หล่างและให้ศิษย์พี่หล่างเป็นผู้นำของกลุ่มเรา
หยางไค่และจ่อวอันไม่มีข้อคัดค้าน ตู่ยี่ฉางยิ่งไม่คาดคั้นแม้แต่น้อย
หล่างฉู่วเต่เป็นหญิงสาวที่มีความเป็นผู้นำ เพียงไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้นางกลายเป็นผู้นำของกลุ่มคนทั้ง 5 ในทันที
ในขณะที่กำลังกล่าวเจรากับนาง เดิมทีหยางไค่คิดว่านางเป็นคนที่ไม่สามารถค้าขายกับผู้อื่นได้ แต่จากทีมองเห็นในวันนี้ หญิงสาวคนนี้เต็มไปด้วยความกล้าหาญ นางจะไม่ทำในสิ่งที่เอาเปรียบผู้อื่น
งั้นพวกเราไปกันเถอะ ข้าจะนำทางก่อน ทุก 1 ชั่วยามเราจะสลับกันนำทาง !! เมื่อหล่างฉู่วเต่กล่าวจบนางได้นำทางไปก่อน คนอื่นๆต่างรีบเดินตามนางไป หน่ายหย่งเดินไปข้างหน้าและเดินเคียงข้างหล่างฉู่วเต่ ระหว่างที่เดินทางหน่ายหยงเริ่มพูดจาเกรี้ยวพาหล่างฉู่วเต่ คำพูดที่ยกย่องออกจากปากของเขาตลอดเวลาและเขายังกล่าวคำพูดที่อวดเบ่งตนเองว่าแข็งแกร่งอยู่เสมือซึ่งคำพูดของเขาหล่างฉู่วเต่ไม่เก็บไปใส่ใจแม้แต่น้อย
ใบหน้าของหล่างฉู่วเต่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวตอบรับตลอดเวลา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางเป็นคนที่อบอุ่นและยังปล่อยให้หน่ายหย่งกล่าวประจบประจบตนเองและกล่าวยกยอ่งความสามารถของตนเองต่อไปเรื่อยๆ
จ่อวอันที่เป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายกำยำแข็งแกร่งอยู่ด้านหลัง เขาฟังคำพูดที่น่าขนลุกเหลานั้นและกรอกตาไปมาอย่างรำคาญ
หยางไค่อยู่สุดท้าย เขาเดินไปไม่กี่ก้าว น้องเล็กเสี่ยวตู่เริ่มชะลอการก้าวเท้าของตนเอง และเดินมาเคียงข้างเขา และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา : เจ้าอย่าไปสนใจ เจ้าตั้งใจฝึกฝนวิชายุทธุ์ต่อไป อีกไม่นานเจ้าต้องอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณอย่างแน่นอน
หยางไค่หันหน้ามองเสี่ยวตู่และกล่าวด้วยรอยยิ้ม : ข้าไม่ได้สนใจหรือใส่ใจ
อ่อ ทันใดนั้นใบหน้าของตู่ยี่ฉางกลายเป็นสีแดงก่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาการที่หยางไค่ไม่กล่าวสิ่งใดเขาคิดว่าเกิดจากการดูหมิ่นของจ่อวอัน เดิมที่เสี่ยวตู่ต้องการที่จะปลอบโยน แต่มันคงเป็นการกระทำที่มากเกินไป
ฮ่าฮ่า แต่ว่าเจ้า ดูเหมือนว่ายังอายุน้อย แต่ทำไมถึงมีความสามารถระดับสูงเช่นนี้ ? หยางไค่รู้สึกดีต่อน้องเล็กเสี่ยวตู่ แม้ว่านางจะเป็นศิษย์แห่งหอวายุพิรุณ แต่นางเป็นหญิงสาวที่บริสุทธุ์ อ่อนโยนและมีจิตใจดี แม้ว่าเขาและนางจะเพิ่งรู้จักกัน แต่นางกลับมาปลอบโยนเขาด้วยความบริสุทธุ์ใจ
ข้าอายุ 19 ปี อายุข้าจะน้อยกว่าเจ้าได้อย่างไร ? ตู่ยี่ฉางกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
โอ้ว ข้าดูไม่ออกจริงๆ เมื่อเป็นเช่นนี้มันทำให้หยางไค่ค่อนข้างที่จะอึดอัดใจ
พวกเขาทั้ง 5 คน 2 คนอยู่ด้านหน้ากล่าวคุยกับด้วยความสนุกสนาน 2 คนอยู่ด้านหลังกล่าวสนทนาเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ มีจ่อวอันที่คั้นกลาง จ่อวอันที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว จะรู้สึกว้าเหว่แค่ไหนกัน
เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นหยางไค่รู้สึกว่าต้นกำเนิดพลังหยางของเขาเริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ เขาจึงต้องเงยหน้าจ้องมองไปยังทิศทางที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังหยาง
สิ่งที่เขาสามาถสัมผัสได้ถึงพลังงานหยาง อยู่ห่าจากที่นี้ประมาณ 100 จ้าง เป้าหมายทิศทางของพวกเขาอยู่ในสถานที่แห่งนั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตักเตือนพวกเขา
หลังจากนั้น หล่างฉู่วเต่ที่เดินนำหน้ากล่าวตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ประหลาด หน่ายหยงก็รีบตามไปดูเช่นเดียวกันและเขากล่าวด้วยสุ้มเสียงที่ไม่สามารถควบคุมได้ : หินพลังหยิน หินพลังหยาง ?
ด้านหน้าเป็นกองก้อนหินขนาดใหญ่ นอกจากนั้นก้อนหินเหล่านี้ไม่ใช่ก้อนหินสามัญทั่วไป มันเป็นก้อนหินพลังหยินและพลังหยาง ก้อนหินเหล่านี้เป็นก้อนหินที่ขายอยู่ในสมาคมการค้าใต้ดินวายุทะมึน แม้แต่ขนาดของมันยังไม่แตกต่างกัน
ก้อนหินทุก้อนมีราคา 500 ชั่ง กองหินที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้มีมากกว่า 1,000 ก้อน หากรวมทั้งหมดมันจะมีราคา 500,000 ชั่ง
พวกเขาทั้ง 5 ไม่ใช่ศิษย์สาวกที่มั่งมีในสำนัก ดังนั้นเมื่อพบเจอกับเงินจำนวน 500,000 ชั่งพวกเขาจะยอมเสียโอกาสนี้ไปได้อย่างไร