ตอนที่ 123 ถ้ำแห่งฟ้าสวรรค์
ตอนที่ 123 ถ้ำแห่งฟ้าสวรรค์
จิตวิญญานสัตว์อสูร ? ดวงตาของเม้งวู่หยาจ้องมองด้วยความรุนแรงอย่างฉับพลัน เขาจ้องมองร่างเงาอันมหึมาทั้งสองด้วยสายตาที่ตื่นตะลึง
สัตว์อสูร แม้ว่ากายของมันจะสูญสลาย แต่จิตวิญญานของมันยังคงสามารถอาศัยอยู่ในโลกนี้ เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการฟื้นคืนชีพ มังกร หงสาเป็นสัตว์อสูรระดับราชันย์ ดังนั้นพวกมันจึงมีความสามารถวิเศษในการรักษาจิตวิญญานไม่ให้เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา
แม้ว่าเม้งวู่หยาจะมีประสบการณ์ที่มากมาย แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเงาร่างของสัตว์อสูร และคาดเดาว่ามันเป็นจิตวิญญานของมังกรและหงสา แต่เมื่อจ้องมองอย่างใกล้ชิด ทันใดนั้นเม้งวู่หยาขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่สามารถสัมผัสจิตวิญญานของสัตว์อสูรทั้ง 2 จากเงาร่างที่ปรากฏ
พวกมันเป็นเพียงสัตว์อสูรที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาน
ร่างเงาอันมหึมาของทั้ง 2 เป็นเพียงเงาร่างของมังกรและหงสาที่ก่อกำเนิดจากพลังของฟ้าดินที่บริสุทธุ์ !!
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด !! ทันใดนั้นเม้งวู่หยาเริ่มตรวจสอบบริเวณพื้นที่แห่งนี้ในทันที เขาก้มหน้าลงไป และพบว่าภายใต้พื้นดินที่ลึกลงไปอีก 70 จ้าง มีพลังแห่งตราผนึกที่น่าอัศจรรย์กำลังเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง แต่ว่าตราผนึกนี้ถูกทำลายจนหมดสิ้น
แท้จริงแล้ว พลังแห่งการปะทะระหว่างเขาและยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตได้แพร่กระจายออกไป และทำลายตราผนึก ซึ่งทำให้มังกรและหงสาหนีออกจากถ้ำที่ถูกพันธนาการเอาไว้
พวกเขาไม่รู้เรื่องการดำรงอยู่ของสถานที่แห่งนี้หรือไม่? คิ้ว Meng Wu Ya เหี่ยวย่น เนื่องจากมีข้อ จำกัด อยู่ที่นี่เขาจึงต้องการทราบว่าพวกเขาเคยสำรวจถ้ำมาก่อนหรือไม่ เนื่องจากไม่มีใครรู้ถึงการดำรงอยู่ของถ้ำเขาจึงไม่สามารถขอคำอธิบายได้
มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ !! เม้งวู่หยาหันหน้าไปมองกลุ่มคนแห่งนิกายโลหิต และพบว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังยื่นนิ่งอย่างโง่เขลาโดยที่ดวงตาจ้องมองไปยังท้องฟ้าอย่าไม่ลดละ สายตาที่จ้องมองของพวกเขาทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและความลุ่มหลงอย่างมิอาจถอนตัว
พวกเขาไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่่ลึกลับ ? เม้งวู่หยาขมวดคิ้ว ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ตราผนึกยังไม่ถูกทำลาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าตราผนึกชิ้นนี้ผนึกสิ่งใดไว้ภายใน แต่ว่าพวกเขากำลังอยู่ในระหว่างการทำลายตราผนึก แต่ในช่วงเวลาสุดท้าย มันกลับถูกทำลายจากพลังอำนาจที่แข็งแกร่งจากการต่อสู้ในครั้งนี้
ขณะที่เม้งวู่หยากำลังครุ่นคิดและไตร่ตรอง เงาร่างทั้งสองที่อยู่ท้องฟ้าผสานรวมเป็นหนึ่ง
เงาร่างที่ยาวกว่า 100 จ้าง เงาร่างหนึ่งมีสีแดงเพลิง เงาร่างหนึ่งมีสีน้ำเงิน พวกมันทั้งสองผสานรวมเป็นหนึ่ง ก่อเกิดเป็นภาพเหตุการณ์ที่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์ ทันใดนั้นฟ้าดินก่อกำเนิดแสงสว่างที่ประกายออกมาอย่างงดงาม มันเต็มไปด้วยความร้อนระอุที่มิอาจต้านท้านและความเยือกเย็นที่หนาวเหน็บที่พุ่งออกไปอย่างกะทันหัน ทำให้มวลมนุษย์ทั้งปวงก่อกำเนิดความรู้สึกที่มิอาจต้านท้านออกมาอย่างกะทันหัน
ถอย !! หู่หมั่นกล่าวตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธ เขานำพากลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตถอยหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
เม้วู่หยากำลังถอยหนีเช่นเดียวกัน แม้ว่าความแข็งแกร่งของจะอยู่ในระดับสูง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจพลังเช่นนี้เขาก็มิอาจที่จะต้านทานพลังอำนาจนี้ได้
ทันใดนั้นเสียงมังกรเพลิงพิโรธดังสนั่นขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจทำให้หูของพวกเขาแทบจะแตกสลาย
ตามมาด้วยเสียงร้องของหงสาเมฆาเยือกเย็นร้องดังกังวานอย่างสว่างสดใส
มังกรเพลิง หงสาเมฆาเยือกเย็นโบยบินหมุนวนอยู่บนท้องฟ้าโดยไม่หยุด
หลังจากนั้น มังกรเพลิงและหงสาเมฆาเยือกเย็นได้ลดศีรษะของพวกมันให้ต่ำลงและพุ่งกลับไปยังถ้ำที่พวกมันโบยบินออกมาอีกครั้ง
ปัง !! เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ เสมือนว่าท้องฟ้ากำลังจะทล่มพื้นดินกำลังจะทรุดตัว หัวใจของทุกคนล้วนสั่นระรัวด้วยความตื่นตะลึง หลังจากนั้นพวกเขายังสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งและรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อสักครู่กำลังเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นทั่วบริเวณเหมืองแร่กำลังถูกแสงประกายที่สดใสครองคลุมไว้จนหมดสิ้น
หลังจากนั้นชั่วครู่ แสงสว่างเริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ ความเคลื่อนไหวของพลังที่แข็งแกร่งก็เริ่มสงบลงเช่นเดียวกัน เสมือนว่าโลกแห่งนี้เริ่มกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง
เม้งวู่หยาลอยตัวอยู่กลางเวหา เขาจ้องมองและตรวจสอบถ้ำแห่งนี้อย่างระมัดระวังและถี่ถ้วน ทันใดนั้นใบหน้าของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกโพลงจนลูกเกือบจะกระเด็นออกมา และกล่าวด้วยเสียงที่สิ้นสติ : ถ้ำสวรรค์มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ !!!! ?
ในระหว่างที่กล่าว เม้งวู่หยาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้ เขาก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว เพื่อจะตรวจสอบให้ชัดเจน
แต่ สิ่งที่อยู่ตรงหน้า เป็นถ้ำสวรรค์มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ !! อย่างแน่นอน !!
พื้นดินบริเวณเหมืองแร่ถูกทำให้เป็นเพืนราบตั้งแต่รแก เหลือไวเพียงหลุมลึกขนาดใหญ่มหึมา ระยะความลึกประมาณ 10 จ้าง มีแสงสว่างชั้นหนึ่งที่คอยต่อต้าน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ที่อยู่ภายใน
ภายในแสงสว่าง มีอักขระและรูปวาดทีน่าอัศจรรย์เคลื่อนไหวไปมาอย่างต่อเนื่อง เสมือนปลาที่แหวกว่ายอยู่ในสายน้ำก็ไม่ปาน
เป็นไปได้อย่างไร ? ทำไมสถานที่แห่งนี้จึงปรากฏถ้ำสวรรค์มรดกแห่งฟ้าสวรรค์? เม้งวู่หยาคิดว่าตนเองกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าเป็นความจริงอย่างชัดเจน
ถ้ำสวรรค์มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ ถูกสร้างจากยอดฝีมือที่มีมีพลังความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับสูงสุดอย่างลึกซึ้ง ในช่วงชีวิตสุดท้ายก่อนที่เขาจะเข้าสู่ความตายเขาใช้พลังกความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาสร้างห้วงมิติที่ศักดิศิทธิ์และน่าอัศจรรย์เอาไว้
ห้วงมิติที่ถูกสร้างขึ้นมา ซ่อนเร้นความรู้ต่างที่ยอดฝีมือท่านนี้ได้รำ่เรียนมา หากสามารถเขาไปภายใน มันจะเป็นความโชคดีที่ยิ่งใหญ่อย่างมหันต์
นอกจากนี้ ถ้ำสวรรค์แห่งมรดิกฟ้าสวรรค์ต้องมีสมบัติวิเศษของยอดฝีมือท่านนี้อยู่ภายใน ไมว่าจะเป็นโอสพวิเศษ หรือสมบัติวิเศษอื่นๆ
ยอดฝีมือที่สามารถสร้างถ้ำสวรรค์แห่งมรดกสวรรค์จะมีความแข็งแกร่งในระดับใด ? มันเป็นความแข็งแกร่งที่มากเกินกว่าจะสามารถดำรงอยู่ในโลกมนุษย์ และมีระดับความแข็งแกร่งเที่เทียบเท่ากับเทพสวรรค์จึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้
ยอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือท่านนี้ พวกเขาจะเปรียบเสมือนมดที่ไร้อำนาจในทันที !!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สถานที่แห่งใดที่มีถ้ำแห่งฟ้าสวรรค์ มันจะกลายเป็นอาณาจักรแห่งขุมสมบัติที่มิอาจเอาชนะได้ !! หากใครก็ตามที่สามารถครอบครองมรดกของยอดฝีมือท่านี้ ในวันข้างหน้าเพียงแค่ไม่ตายไปก่อน เขาจะสามารถบ่มเพาะพลังและฝึกฝนวิชายุทธุ์จนอยู่ในระดับเดียวกับยอดฝีมือที่สร้างถ้ำสวรรค์แห่งนี้ได้
นอกจากนั้นหลังจากที่ข่าวคราวการค้นพลถ้ำสวรรค์มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ถูกเผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของมันจะแพร่กระจายออกไปอย่างยิ่งใหญี่ ผู้คนที่เข้ามาเพื่อต้องการครอบครองถ้ำสวรรค์แห่งฟ้าสวรรค์คงไม่ใช่บุคคลระดับสามัญทั่วไปอย่างแน่นอน พวกเขาจะเป็นบุคคลระดับสูง เฉกเช่นการดำรงอยู่ของสมบัติวิเศษที่มีอยู่เพียงน้อยนิด
เม้งวู่หยาตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้พบเจอ เพราะสถานที่แห่งนี้ได้ปรากฏถ้ำสวรรค์มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ มันเกินว่าการคาดเดาของเขาอย่างถึงที่สุด
เม้งวู่หยาตื่นเต้น กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตตื่นเต้นยิ่งกว่าเขาเสียอีก
ตราผนึกที่ฝังอยู่ใต้พื้นดินถูกทำลาย มันเป็นข่าวดีที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา นอกจากนั้นหู่หมั่นและคนอื่นๆต่างพบเห็นถ้ำสววรค์มรดกแห่งฟ้าวรรค์ ด้านในถ้ำต้องมีสมบัติวิเศษจำนวนมากมาย และยังมีเคล็ดวิชา คัมภีร์ ทักษะการต่อสู้และสิ่งของอื่นๆที่ล้ำค่า สิ่งของเพียงสิ่งเดียวมากพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นเต็นอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลาเดียวกัน หู่หมั่นตระหนักได้ถึงปัญหาที่หนักหนาสาหัสของเรื่องนี้
เมื่อสักครู่พวกเขาก่อกำเนิดสถานการณ์ที่วุ่นวายอย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ สำนักทั้ง 2 ที่อยู่ใกล้เคียงคงตื่นตะหนกอย่งแน่นอน แม้ว่านิกายโลหิตต้องการที่จะครอบครองถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์เพียงผู้เดียวก็มิอาจที่จะทำได้
แม้ว่ามันจะเป็นเหมืองแร่ของนิกายโลหิต ตราผนึกและการทำลายตราผนึกเป็นฝีมือของนิกายโลหิต แต่ว่าทางเข้าขนาดใหญ่เช่นนี้ หากว่าบุคคลอื่นๆต้องการที่จะเข้าไปแล้วจะสามารถต่อต้านพวกเขาได้อย่างไร ?
หากเขาครอบครองถ้ำสวรรค์นี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว มันจะสร้างความโกรธเคืองให้แก่สำนักทั้ง 2 สำนักหอวายุพิรุณและสำนักหลิงเซี่ยวคงต้องร่วมมือกัน กำจัดนิกายโลหิต จากนั้นจึงวางแผนแย่งสมบัติวิเศษไปจากถ้ำสวรรค์แห่งนี้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หู่หมั่นโบกมือและกล่าวตะโกน : เข้าไปก่อน !!
หู่หมั่นกลัวว่ายอดฝีมือทั้ง 2 สำนักที่อยู่ภายนอกจะมายังสถานที่แห่งนี้และยิ่งสมบัติที่อยู่ภายใน ดังนั้นเขาจึงต้องนำพากลุ่มคนของเขาเข้าไปก่อน หากเป็นเช่นนี้แม้ว่าพวกเขาจะเข้ามา พวกเขาก็จะได้รับสมบัติวิเศษที่หลงเหลือจากการเลือกเฟ้นของพวกเขาเท่านั้น
เมื่อสั่งการออกไป ใบหน้าของยอดฝีมือทั้ง 10 แห่งนิกายโลหิตแสดงออกมาด้วยความหิวกระหายและวิ่งวกกลับไปเพื่อจะเข้าไปในถ้ำสวรรค์ ระหว่างที่กำลังวิ่งเข้าไปพวกเขายังจ้องมองเม้งวู่หยาอย่างไม่วางตา พวกเขากลัวว่าเม้งวู่หยาจะลงมือหยุดยั้งพวกเขา หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ที่รุนแรง พวกเขาต่างรู้ดีว่าชายชราคนนี้ไม่ใช่คนที่สามารถล่วงเกินได้
ใครจะคิดว่าเม้งวู่หยาแสะยิ้มด้วยความเยือกเย็น เขาไม่กล่าวไม่ถาม แต่จ้องมองการกระทำของกลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตอยู่ที่เดิม
หู่หมั่นและคนอื่นๆรู้สึกดีใจอย่างถึงที่สุด ในใจเขาคิดว่าเม้งวู่หยาไม่เข้ามาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หากว่าเขาเข้ามา ไม่ว่าใครก็มิอาจที่จะต้านทานเขาได้
ยอดฝีมือทั้ง 10 มาถึงข้างหลุมลึก พวกเขามองไปยังแสงประกายอันประหลาดและลึกบับ และกระโดดเข้าไปโดยไม่ลังเล
เม้งวู่หยายิ้มด้วยความเยือกเย็นยิ่งขึ้น ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยกลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตอีกด้วย
ในขณะที่หู่หมั่นและกลุ่มคนอื่นๆนำพาใบหน้าที่ดีใจ และเข้าไปยังถ้ำสวรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ แสงสว่างที่กีดขวางอยู่ตรงหน้าของพวกเขาสั่นสะเทือนดีดตัวเบาๆ ซึ่งมันได้ดีดยอดฝีมือทั้ง 10 แห่งนิกายโลหิตลอยกระเด็นออกไปในทันที
พวกเขาทั้ง 10 เปรียบเสมือนลูกบอลกลมๆ กระเด็นลอยขึ้นสูง จากนั้นหมุนวนตีลังกาอยู่กลางเวหาไปมา ใบหน้าของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยควาหวาดกลัว
เกิดอะไรขึ้น ? หู่หมั่นกล่าวถามตัวเอง เขาร่วงหล่นสู่พื้นล่างด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หลังจากที่เขาสัมผัสแสงสว่างนั้น เหตุการณ์เฉกเช่นเมื่อสักครู่ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เขาถูกแสงสว่างนั้นดีดกระเด็นออกมาอีกครั้ง
ในตอนนี้ หู่หมั่นจึงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เขาหันหน้ามองไปที่เม้งวู่หยา ซึ่งมองเห็นเขาจ้องมองพวกเขาด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน เขาจึงรู้ในทันทีว่าทำไมชายชราจึงไม่หยุดยั้งพวกเขา เขาต้องรับรู้เรื่องราวของถ้ำสวรรค์แห่งนี้อย่างแน่นอน หู่หมั่นจึงต้องยอมเสียศักดิ์ศีรของเขา และโบกมือกล่าวถาม : ผู้อาวุโสท่านนี้ ไม่ทราบว่าถ้ำที่อยู่ด้านล่างคือถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรคื ?
เม้งวู่หยาสบทไปมา และกรอกตาไปมาโดยไม่สนใจเขา การปรากฏตัวของถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ ทำให้เขาไม่มีความตื่นเต้นที่จะไประรานหล่งไจ้เทียนอีก เพราะอย่างไรหล่งไจ้เทียนได้สูญเสียชีวิขของตนเองไปกว่าครึ่ง นอกจากนั้นเขาเองได้สูญเสียพลังความแข้งแกร่งเป็นจำนวนไม่น้อย หากยังต่อสู้ต่อไป มันต้องเป็นการพ่ายแพ้ของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างแน่นอน
หู่หมั่นรู้สึกอึดอัดใจ ขณะที่เขากำลังขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างสาหัส ทันใดนั้นด้านนอกมีเสียงฝีเท้าของกล่มคนจำนวนมากดังแว่วจากระยยะไกล
ยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตคนหนึ่งมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป เขากล่าวสบทด้วยความขมขื่น : ทำไมถึงมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้
หลังจากนั้น ผู้อาวโสทั้งห้าแห่งสำนักหลิ่งเซี่ยภายใต้การนำพาของเหว่ยซิตงมาถึงด้านหน้าของเหมืองแร่ หลังจากนั้น ยอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์แห่งหอวายุพิรุณภายใต้การนำพาของเซี่ยวโน่วฮานต่างมาถึงเหมืองแร่อย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อพวกเขาทั้ง 2 ฝ่ายมาถึงสถานที่เกิดเหตุ พวกเขาต่างตืนตะลึงที่มองเห็นถ้ำสวรรค์มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ ใบหน้าของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความโลภและความประหลาดใจ
หู่หมั่นกล่าวตะโกนด้วยความโกรธ : สถานที่แห่งนี้เป็นเหมืองแร่งของนิกายโลหิต บุคคลอื่นๆที่ข้าไม่ได้รับเชิญแต่เข้ามายังเหมืองแร่แห่งนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน ?
เซี่ยวโน่วฮานที่สงบนิ่งกล่าวตอบด้วยความอ่อนโยนและรอยยิ้ม : ประมุขหุ่หมั่น คำกล่าวนี้เสมือนเจอคนแปลกหน้า นิกายโลหิตและหอวายุพิรุณแห่งข้าและเจ้าอยู่เคียงข้างกันมากว่า 100 ปี พวกเราทุกท่านต่างเป็นมิตรสหายซึ่งกันและกัน ในวันนี้สถานที่แห่งนี้เกิดเรื่องที่ใหย่มหันต์เช่นนี้ สำนักวายุพิิรุณต้องมาตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งมันเป็นเรื่องที่ปกติ หากว่าประมุขที่เคารพมีสิ่งใดให้ช่วยเหลือ สำนักของเราจะไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน !! ผู้อาวุโสแห่งสำนักหลิงเซี่ยวคงมีความคิดเห็นเดียวกัน ใช่ไหมผู้อาวุดสเหว่ย ?
ความหมายของคำกล่าวที่กล่าวออกมา คือการต้องการร่วมมือกับสำนักหลิ่งเซี่ยเพื่อให้กดดันนประมุขแห่งนิกายโลหิต ทำไมหู่หมั่นจะไม่เข้าใจความหมายของมัน ? ดังนั้นเขาจึงสบทออกมาอย่างเยือกเย็น ใบหน้าแสดงออกมาอย่างน่าเกลียด
เหว่ยซิตงพยักหน้ากล่าว : คำกล่าวของประมุขเซี่ยวมีเหตุผล ประมุขหู่ สถานที่แห่งนี้คงเป็นถ้ำสวรรค์มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ แม้ว่าภายในจะเต็มไปด้วยสมบัตวิเศษที่มากมาย แต่มันยังเต็มไปด้วยภัยอันตรายที่มากมาย กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตของท่านจะใช้โอกาสนี้ในการเข้าภายใน และการเข้าไปภายในเพียงลำพังของไม่ใช่เรื่องที่ดี พวกเราทั้ง 3 สำนักเจรจากันและร่วมมือกันในการสำรวจถ้ำสวรรคืแห่งนี้จะดีกว่าไหม ?
หู่หมั่นกล่าวด้วยความโกรธ : เพื่ออะไร ? สถานที่แห่งนี้เป็นเหมืองแร่ของนิกายโลหิต ตราผนึกยังเป็นนิกายโลหิตที่ทำลายมัน พวกเจ้าไม่ออกแรงแม้แต่น้อย จะมีคุณสมบัติที่เข้าไปภายในได้อย่างไร ?
เม้งวู่หยาที่อยู่กลางเวหากล่าวด้วยเสียงที่เยือกเย็น : ตราผนึกข้าเป็นคนทำลายมันเอง !!
ใบหน้าของหู่มหั่นดูขมขื่น เขาจ้องมองเม้งวู่หยาด้วยแววตาที่โกรธเคือง
เซี่ยวโน่วฮานกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ประมุขหู่อย่าเพิ่งเกรี้ยวโกรธสิ เราค่อยๆคุยกันก็ได้ !
ในขณะที่ยอดฝีมือกำลังโต้เถียงกัน ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักต่างวิ่งมาถึงเหมืองแร่งแห่งนิกายโลหิต
ไมว่าจะเป็นศิษย์สาวกที่อยู่ในสำนัก หรือที่อยู่ในสมาคมใต้ดินวายุะทะมึน พวกเขาต่างมองเห็นร่างเงาของมังกรเพลิงและหงสาเมฆาเยือกเย็นอย่างชัดเจน แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดสิงใดขึ้น แต่สิ่งที่น่าสนใจเช่นนี้พวกเขาจะพลาดการรับชมได้อย่างไร ?
ดังนั้นในช่วงระยะเวลาสั้น ความเร็วในการมายังเหมืองแร่จึงรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม เสมือนว่าป่าสนวายุทะมึนกำลังจะถล่มทลายก็ไม่เชิง
หยางไค่ก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นด้วย จากการวิ่งของกลุ่มคนจำนวนมาก แม้ว่าจิตใจของเขาจะตื่นเต้น แต่เขายังคงระมัดระวังตัวอย่างรอบคอบ
พลังอำนาจจองมังกรเพลิงและหงสาเมฆาเยือกเย็นยิ่งใหญ่มหาศาล หากว่ามันเป็นการปรากฏตัวของสมบัติวิเศษ คงต้องเกิดปรากฏการณืฝนสายเลือดและอุกกาบาตที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ดังนั้นเขาจึงต้องมีสติ หากว่าเกิดสิ่งผิดปกตขึ้น เขาต้องหันหลังกลับ จากพลังความแข็งแกร่งของเขา คงไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนั้น
แต่เมื่อเขาและกลุ่มคนอื่นๆมาถึงเหมืองแร่ของนิกายโลหิต พวกเขาล้วนไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย
ในเวลานี้ เหมืองแร่แห่งนี้เต็มไปด้วยศิษย์สาวกของทั้ง 3 สำนักกว่าหมื่นคน ศีรษะของพวกเขาเคลื่อนไหวไปเพื่อชมสิ่งที่เกิดขึ้น เสมือนว่าสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดที่กว้างขวาง วุ่นวายและคร่ำคราและคึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมากมาย