ตอนที่ 122 1 พลังความแข็งแกร่ง ต่อ 10 ยอดฝีมือ 1
ตอนที่ 122 1 พลังความแข็งแกร่ง ต่อ 10 ยอดฝีมือ 1
หลังจากนั้น เสมือนมีเสียงที่เกรี้ยวโกรธตะโกนมาจากสถานที่ห่างไกล เพราะระยะที่ห่างเกินไป เสียงที่ได้ยินจึงไม่ชัดเจน
มีเสียงตะโกนลอยมา ใบหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความประหลาดใจ เขาสามารถแยกแยะเสียงของเม้งวู่หยาได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังมีเสียงของหล่งไจ้เทียน และยังมีเสียงของกลุ่มคนอื่นๆที่เต็มไปด้วยความโกรธผสานเข้าด้วยกันอย่างวุ่นวาย
กำลังต่อสู้ ? หยางไค่เข้าใจอย่างชัดเจน และรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเม้งวู่หยาที่พยายามทวงคืนความแค้นในค่ำคืนนั้น
แต่เป็นเพราะการต่อสู้ที่เกิดขึ้นส่งผลในบริเวณกว้างอย่างมาก ต้นกำเนิดของเสียงน่าจะมาจากเหมืองแร่ของนิกายโลหิตที่กำลังเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้น ระยะห่างระหว่างสถานที่แห่งนี้กับเหมืองแร่นิกายโลหิตห่างกันเกือบ 10 ลี้
ระยะห่างที่ห่างไกลกันเช่นนี้ แต่พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุด นอกจากนั้นหยางไค่ยังสัมผัสได้กลิ่นอายการเคลื่อนไหวของลมปราณที่เหล่ายอดฝีมือปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
แข็งแกร่งมาก !! ไม่รู้ว่าวันไหนตนเองถึงจะบรรลุไปยังระดับที่สูงส่งเช่นนั้น ดวงตาของหยางไค่ประกายด้วยความรอคอยและความตื่นเต้น
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูกระท่อมดังขึ้นมา ศิษย์ผู้พิทักษ์ที่อยู่ในกระท่อมต่างเดินออกมาพร้อมๆกัน
ซู่เหยียนแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว หู่เจียวเอ่อแห่งนิกายโลหิต ฟางจือชีแห่งหอวายุพิรุณ ใบหน้าของพวกเตเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและมองไปยังทิศทางที่มีการต่อสู้เกิดขึ้น หลังจากนั้นจากพวกเขาเปิดใช้ท่าร่างของพวกเขากลายเป็นเงาร่างโบยบินออกไปในทันที ซึ่งมีเงาร่างสีขาว เงาร่างสีเขียว และเงาร่างสีเทาบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เงาร่างสีขาวคือซู่เหยียน นางอยู่ด้านหน้าสูด เงาร่างสีเขียวคือหู่เจียวเอ่อ ซึ่งอยู่ตรงกลาง และเงาร่างสุดท้ายคือฟางจือชีที่อยู่ท้ายสุด พวกเขาเป็นศิษย์ผู้พิทักษ์ที่มีพลังความแข็งแกร่งในระดับสูง พวกเขาทั้ง 3 ต่างแสดงพลังความแข็งแกร่งประจักษ์แก่สายตาให้กลุ่มคนที่อยู่ในบริเวณแห่งนี้
น่าจะเกิดเหตุการณ์ที่วุ่นวายขึ้น เร็ว พวกเรารีบไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นเร็ว !! มีคนร่ำร้องด้วยความตื่นตะลึง บางคนหนีออกไปด้วยความหวาดกลัว บางคนกล่าวตะโกนตกลง และตามศิษย์ผู้พิทักษ์ทั้ง 3 ออกไปในทันที
มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ติดตามออกไป เพียงพริบตาสมาคมใต้ดินวายุทะมึนตกอยู่ในความวุ่นวาย คนที่ขายและซื้อสินค้ารีบเก็บสินค้าของตนและทะยานวิ่งออกไปทั่วสารทิศทาง
การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ มันต้องเป็นการต่อสู้แห่งยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์อย่างแน่นอน มันเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะพบเจอ หากวันนี้พลาดชมการต่อสู้ที่รุนแรงนี้ไป และไม่ล่วงรู้ว่าจะได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้อีกตอนไหน ไป พวกเราไปกันเถอะ ศิษย์คนหนึ่งแห่งหอวายุพิรุณกล่าวด้วยความตื่นเต็น น้ำลายของเขากระเด็นทักทายไปยังศิษย์พี่น้องที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เกรงใจ
อย่าไปดีกว่า หากพวกเราถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง พวกเราคงต้องตายอย่างน่าเวทนา ?
พวกเรามองดูจากระยะที่ห่างไกล คงไม่มีปัญหา ยอดฝีมือเหล่านั้น สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของพวกเขา พวกเขาจะทำร้ายผู้บริสุทธุ์ได้อย่างไร ?
เมื่อกล่าวจบ กลุ่มคนเหล่านี้ต่างออกไปทันที
การแสดงออกของหยางเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เขารู้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่คิดว่าเม้งวุ่หยาจะตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นนี้ การต่อสู้ในครั้ง คงสั่นสะเทือนผู้นำที่มีอำนาจของทั้ง 3 สำนัก ดังนั้นมันจึงดึงดูกลุ่มคนอื่นๆไปอย่างง่ายดาย
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ในตำแหน่งเดิมสักครู่ หยางไค่ต่างวิ่งไปยังสถานที่เกิดการต่อสู้พร้อมกับกลุ่มคนเหล่านั้นในทันที
เขาอยากรู้ว่าผลสุดท้ายของการต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร !! เม้งวู่หยาจะเป็นผู้ชนะหรือพ่ายแพ้ !!
ในขณะที่เกิดความวุ่นวายในสมาคมใต้ดินวายุทะมึน พื้นที่บริเวณเหมืองแร่ของนิกายโลหิตล้วนตกอยู่ในความวุ่นวายจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
หลังจากที่เม้งวู่หยาจับตัวหล่งจ้วนโบยบินมายังเหมือนแร่ เขามุ่งหน้าไปหาหล่งไจ้เทียนในทันที ศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่นๆไม่ทราบว่าเกิดขึ้น พวกเขาต่างถูกโจมตีด้วย 1 กระบวนท่าจนสลบสไหลไปในทันที
หล่งไจ้เทียนรู้สึกว่ตนเองถูกใส่ร้ายอย่างมหันต์ เพราะเขาไม่รู้จักเม้งวู๋หยา แต่ว่ฝ่ายตรงข้ามกับโต้เถียงเขายังไม่หยุดหย่อน จึงทำให้เขาเคืองโกรธอย่างมาก หล่งไจ้เทียนอายุขนาดนี้ และยังมีฐานะเป็นรองประมุขแห่งนิกายโลหิต เขาไม่เคยได้รับการดูหมิ่นที่เหยียดยามเช่นนี้ ทำให้ความโกรธของเขาจุดประกายอย่างรุนแรง เขาจึงปลดปล่อยพลังความแข็งทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับเม้งวู่หยา
พวกเขาต่อสู้ยังไม่ถึง 10 กระบวนท่า ในที่สุดหล่งไจ้เทียนถูกเม้งวู่หยาไล่โจมตีจนตกลงมากจาฟากฟ้า ในขณะที่เม้งวู่หยากำลังจะเอาชีวิตหล่งไจ้เทียน หู่หมั่นและคนอื่นๆต้องลงมือช่วยเหลือเขาอยังไม่เต็มใจ
แม้ว่าหู่หมั่นรู้สึกมีความสุขเมื่อมองเห็นหล่งไจ้เทียนถูกโจมตีจนตกลงมาจากฟากฟ้า แต่ไม่ว่าอย่างไรเขายงคงเป็นผู้อาวุโส 3 รุ่นแห่งนิกายโลหิต เม้งวู่หยาเพียงคนเดียว ทำเรื่องที่น่าอัปยศและน่าอับอายต่อหล่งไจ้เทียนและยังต่อหน้าผู้คนจำนวนมากมาย แล้วกลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตจะทนต่อความน่าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร ?
แม้ว่าหู่หมั่นจะลงมือช่วยเหลือ ยอดฝีมือคนอื่นๆต้องช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นหู่หมั่นจึงต้องชิงลงมือเพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่พวกเขา
มันเป็นเหตุการณ์วุ่นวายที่ยิ่งใหญ่ การต่อสู้ 1 ต่อ 1 ในทีแรก กลายเป็นการต่อสู้ระดับกลุ่มที่รุนแรงในทันที !! เม้งวู่หยาเพียงคนเดียว ยืนหยัดต่อสู้กับยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตจำนวน 10 คนโดยที่พลังความแข็งแกร่งของเขาไม่ลดลงแม้แต่น้อย มันช่างเป็นความสง่างามที่ยิ่งใหญ่ที่คู่ควรกับยอดฝีมือที่แห่งเขตแดนเทพสวรรค์อย่างแท้จริง !!
ในขณะที่เขากำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้เขายังสามารถสร้างความอัปยศให้แก่พวกเขา เพราะปากของเขาแสะยิ้มด้วยใบหน้าที่ดุร้ายราวกับพยัคฆ์ที่สง่า ไมเพียงสามารถปราบปรามพลังความแข็งแกร่งของหล่งไจ้เทียนได้อย่างสิ้นเชิง ปากของเขายังกล่าวสบทด่าฝ่ายตรงข้ามอย่างน่าอับอาย
ใบหน้าที่แก่ชราของหล่งไจ้เทียนแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำจากการถูกกดทับ เขาสบทด่าอยู่ในใจด้วยถ้อยคำหลายพันคำต่ทำได้เพียงเก็บคำด่าเหล่านั้นไว้ในใจและโจมตีต่อไป ในบางเวลาเขายังถูกเม้งวู่หยาโจมตี 1-2 กระบวนท่า และไม่รู้ว่ากระอักเลือดออกมาแล้วกี่ครั้ง ใบหน้าแสดงออกด้วยความอับอายอย่างสุดขีด หลังจากวันนี้อำนาจความสง่าแห่งรองประมุขนิกายโลหิตคงจะไม่หลงเหลือให้เคารพอีกต่อไป
และเป็นการเผชิญหน้ากับอีกครั้ง เม้งวู่หยาถอยขึ้นไปยังกลางเวหา ยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตยืนอยู่เบื้องล่างเพื่อจับตาการโจมตีของพวกเขา พวกเขาทั้ง 2 ฝ่ายได้หยุดการปะทะหันโดยยืนเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน
หล่งไจ้เทียนกัดฟันของตนเองจะมันเกือบจะถูกบดละเอียดกลายเป็นปุยผง มุมปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด กลิ่นอายพลังของเขาสั่นสะท้านด้วยความโกรธแต่ไม่กล้าที่จะปลดปล่อยออกมาอย่างไร้มารยาท เขาฝืนกล้ำกลืนต่อความอับอายและกล่าวถาม : ไม่ทราบว่าท่านเป็นผู้วิเศษจากแห่งหนไหน หล่งไจ้เทียนทำผิดอะไรต้องท่าน ล่วงเกินท่านอย่างไร ทำไมท่านต้องลงมือโจมตีและสร้างความอัปยศให้แก่ข้าเช่นนี้ !!
ไม่เข้าใจ !! หากว่าตนเองทำผิดต่อฝ่ายตรงข้ามจริงๆ แล้วเขามาทวงคืนความแค้นเขาก็จะปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไป แต่หล่งไจ้เทียนไม่เคยเห็นหล่งไจ้เทียนแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อฝ่ายตรงข้ามาถึงเขาทั้งโจมตีทั้งสบทด่า ตัวเขาเองค่อนข้างสับสนและมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น มันจะเป็นเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร ?
ดังนั้นเขาต้องกล่าวถามให้กระจ่าง !! คนเราฆ่าได้แต่จะหยามเกียรติ์กันไม่ได้ !! หากเหตุการณ์นี้เป็นความเข้าใจผิด แม้ว่าเขาจะตายจากการต่อส็ อย่างน้อยเขาจะได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา
ฮึ่ !! เม้งวู่หยางยืนอยู่บนเวหาด้วความหยิ่งผยอง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและเต็มไปด้วยความเหยียดยาม : จะไม่ได้ล่วงเกินข้า ไม่ได้ทำผิดต่อข้า !!
ร่างกายของหล่งไจ้เทียนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขายืนมือออกไปชี้ไปที่เม้งวู่หยา และค่อยๆกล่าวสบท : ท่าน..............
เขากล่าวออกมาได้เพียงคำเดียว ทันใดนั้นเลือดสีแดงกระอักออกมาจากปากของหล่งไจ้เทียนและจ้องมองเม้งวู่หยาด้วยความเกลียดชังยิ่งกว่าสิ่งใด
ไม่เคยล่วงเกินท่าน ไม่เคยทำผิดต่อท่าน ไม่เคยสร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าแล้วเจ้ามาโจมตีและสบทด่าเพื่ออะไร ? ข้าอายุขนาดนี้ ช่วงชีวิตครึ่งหลังกำลังจะถูกฝัง แต่ต้องทนทุกข์ทรมาณต่อความผิดที่ไม่ได้ก่อ มันไร้ความยุติธรรมสิ้นดี
รู้สึกหดหู่และอัปยศใช่ไหม ? ต้องการฆ่าที่ไม่มีความสามารถพอ? เม้งวู่หยาหัวเราะเย้ยหยันอย่างเยือกเย็น โดยไม่ให้เกียรติหล่งไจ้เทียนแม้แต่น้อย
หล่งไจ้เทียนสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะพ่นออกมาด้วยความโกรธ เขากระทำอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าความผิดพลาดเล็กๆน้อยที่เปิดเผยออกมาจะกลายเป็นจุดจุบของชีวิตเขา
ข้าขอสาปแช่งตระกูลของเจ้า 18 ชั่วโครต !! เม้งวู่เริ่มสบทด่า : เจ้ายังรู้สึกถึงความไร้ซึ่งอำนาจในกาต่อต้าน !! สิ่งที่เจ้าได้รับในวันนี้ เป็นสิ่งที่ศิษย์รักของข้าต้องพบเจอในค่ำคืนนั้น !!
ศิษย์ของท่าน ? หล่งไจ้เทียนพยายามที่จะอ้าปากกล่าวถาม
ดวงตาของเม้งวู่หยาประกายด้วยเจตนาแห่งการฆ่าและกล่าวด้วยเสียงต่ำ : ตระกูลของเจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก !! ช่างกล้าหาญ ! แม้แต่ศิษย์ของข้ายังกล้าที่จะล่วงเกิน !!
ผู้วิเศษกล่าวให้ชัดเจนได้ไหม ? หล่งไจ้เทียนกล่าวถามอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามคงจะมีความแค้นต่อตนเองอย่างแน่นอน คงไม่ได้ตั้งใจมาสร้างปัญหาอย่างแน่นอน
กล่าวให้ชัดเจน ! ฮึฮึ !! ใบหน้าของเม้งวู่หยาเยือกเย็นเสมือนน้ำแข็งที่หนาวเหน็บ และกล่าว่า : ไม่มีอะไรที่ต้องพูดอีกต่อไป เจ้าไปยังนรกเพื่อถามหล่งฮุยหลานชายของเจ้า ถามเขาว่าหลายวันก่อนเขานำพากลุ่มคนของเขาไปทำอะไรมาบ้าง !!
เกิดอะไรขึ้นกับหล่งฮุย ? การแสดงออกของหล่งไจ้เทียนเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
เจ้ากล่าวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ? เม้งวู่หยากล่าวด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม
ท่านปู๋ เกือบ 1 เดือนแล้วที่ข้าไม่พบเจอกับหล่งฮุ่ย ก่อนหน้านั้นเขากล่าวว่าจะนำพาผู้นำเหวินไปชำระสะสางเรื่องบางอย่าง แต่จนถึงวันนี้เขายังไม่กลับมา หล่งจ้วนกล่าวพูดออกมา
ทันใดนั้นใบหน้าของหล่งไจ้เทียนแปรเปลี่ยนเสมือนผงธุรีที่ว่างเปล่า
หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของหล่งจ้วน หล่งไจ้เทียนเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และคาดเดาว่าหล่งฮุ่ยต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ร้ายแรงอย่างแน่นอน
แม้ว่าคนที่มาเยือกไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน เขาเองก็รู้นิสัยใจคอของหลายชายอย่างดี
ในเมื่อยอดฝีมือเกรี้ยวโกรธเพราะศิษย์ของตนเอง เขารู้ในทันทีว่าศิษย์ของยอดฝีมือท่านนี้ต้องหญิงสาวที่งดงามอย่างแน่นอน
ตอนที่ 122 1 พลังความแข็งแกร่ง ต่อ 10 ยอดฝีมือ -2
เพียงพริบตา หล่งไจ้เทียนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ภายในหัวใจทั้งเจ็บปวดและโกรธเคือง เจ็บปวดที่หลานชายของตนต้องตายไป โกรธเคืองเพราะเขาบังอาจล่วงเกินศิษย์ของยอฝีมือเช่นนี้
หล่งไจ้เทียน หลานชายตัวดีของเจ้า !! เหรัญญิกเม้งกล่าวตะโกนด้วยความโกรธ : เหตุผลที่ข้ามาในวันนี้ เพื่อมาเอาชีวิตของเจ้า เพื่อให้เจ้ารู้ว่ามีคนบางกลุ่มเป็นคนที่เจ้าไม่สามารถล่วงเกินพวกเขาได้ !!
สิ่งที่สมควรกล่า่ว เม้งวู่่หยาได้กล่าวจนหมดสิ้น เขาสูดลมหายใจ ค่อยๆ ยกมือของตนเองขึ้น
จากมือของเขาที่ค่อยๆยกขึ้นมาก ทันใดนั้นท้องฟ้าทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนสีในทันที
ใบหน้าของกลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตแสดงออกมาด้วยความตื่นตกใจ พวกเขาต่างวิ่งไปหลบที่ด้านหลังของหล่งไจ้เทียน และจับจ้องทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวของเม้งวู่หยา
ทันใดนั้นั้งมือของเม้วู่หยาโลกมือ และพุ่งปัดไปยังทิศทางของหล่งไจ้เทียน ตามมาด้วยเสียงร้องที่เกรี้ยโกรธของเม้งวู่หยา : ตาย !!
บนฟากฟ้าฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและพุ่งทะยานลงมา ฝ่ามือนี้เต็มไปด้วยพลังอำนาจแห่งสวรรค์และแผ่นดิน มันเป็นพลังอำนาจที่มิอาจต้านท้าน พื้นที่บริเวณทั้งหมดสั่นสะเทือน มันสะเทือนจนมิอาจที่หยุดยั้ง ฝ่ามือที่พุ่งออกไป ทำให้ลมวายุเมฆาทั้งปวงเปลี่ยนสภาพในทันที
กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตต่างปลดปล่อยกระบวนท่าที่ร้ายกาจที่สุดของตนเองออกไปเพื่อป้องกันการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง
ระเบิดพลังลมปราณ เม็ดทรายก้อนหินกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
1 ฝ่ามือของเม้งวู่หยาปะทะกระบวนท่าที่ร้ายกาจที่สุดของยอดฝีมือทั้ง 10 คน โดยไม่หวาดหวั่นไม่หวาดกลัว และเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เม้งวู่หยาในเวลานี้ น่าเชื่อถือน่าเคารพน่ายกย่องน่าพึ่งพากว่าเดิมถึงเหลายสิบเท่า
ปัง !! เสียงระเบิดจากการปะทะดังสนั่นหวั่นไหว ฝ่ามือขนาดมหึมาพุ่งทะยานลงไปที่ไปทีี่ศีรษะของยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิต แต่ถูกต้านทานจากยอดฝีมือทั้ง 10 คน
ไม่ ไมใช่เพราะว่าพวกเขาสามารถต้านทานฝ่ามือนั้นได้ แต่พวกเขากำลังลดพลังอำนาจในการโจมตีของมันให้เบาบางลงเท่านั้น
ยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตแขตแดนเทพสวรรค์ทั้ง 10 คน ถูกฝ่ามือกดทับจนย่อลงไปพร้อมกัน พวกเขาขบฟันแน่นและปล่อยปล่อยพลังลมปราณอย่างบ้าคลั่ง
คากฉาฉา ..รอยแตกเริ่มปรากฏที่พื้นดินมันแตกระแหงเป็นทางยาวหลายทาง
บริเวณแห่งนี้เป็นเหมืองแกร่ของนิกายโลหิต ใต้พิ้นดินถูกสร้างเป็นอุโมงค์ทางเดินเป็นจำนวนมาก การปะทะกันด้วยพลังลมปราณที่รุนแรงแรง ทำให้อุโมงค์ที่อยู่ใต้ดินทล่มทลายในทันที
ฮ่วา!!!! พื้นดินที่อยู่รอบบริเวณรัศมีจำนวน 100 จ้างทรุดตัวลงในทันที ยอดฝีดีมือแห่งนิกายโลหิตหยิบยืมความเร็วในการทรุดตัวของพื้นดิน และรีบหนีออกไปทั่วสารทิศอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดฝ่ามือพุ่งทะยานกดทับลงไปอย่างสมบูรณ์ พลังอำนาจที่ทำลายสวรรค์ทำลายแผ่นดิน ทำให้เกิดรอยปะทับที่ฝ่ามือขนาดใหญ่บนพื้นดิน
หล่งไจ้เทียนยังไม่ตาย เพราะมีการป้องกันจากยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิต จึงทำให้เขาหนีรอดจากความตายได้อย่างหวุดหวิด แต่เขากระอักเลือดอย่างไม่หยุด ใบหน้าซีดขาว การต่อสู้ในวันนี้ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างมหันต์ เขาอายุมากและชราภาพ แม้ว่าการโจมตีนี้ไม่ทำให้เขาตาย แต่มันทำให้เขาสูญเสียพลังความแข็งไปมากกว่าครึ่ง
ยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตต่างแสดงออกด้วยใบหน้าที่ไม่น่ามอง พวกเขาไม่คาดคิดว่าพลังความแข็งแกร่งของเม้งวู่หยาจะแข็งแกร่งและสูงส่งถึงเพียงนี้ มันไม่ใช่เขตแดนเทพสวรรค์ !!? ทำไมมันช่างแข็งแกร่งเยี่ยงนี้ ? นอกจากนั้นกระบวนท่าที่เขาใช้ในการโจมตี มีพลังอำนาจและความแข็งแกร่งที่มิอาจพรรณนา มันเป็นกระบวนท่าการต่อสู้ที่อยู่ในระดับสูง
สายตาที่เยือกเย็นกวาดมองทุกคนอย่างไร้ความปราณี เม้้งวู่หยาสบทเบาๆ ขณะที่เขากำลังจะไล่ตามออกไป ทันใดนั้นพลันปรากฏพลังลมปราณที่สั่นสะเทือนจิตวิญญานอย่างไม่สิ้นสุดออกมาอย่างกะทันหัน
เม้งวู่หยาที่แข็งแกร่ง เมื่อสัมผัสถึความเคลื่อนไหวของพลังลมปราณนี้ ใบหน้าการแสดงออกของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ดวงตาที่ตื่นตะลึงของเขามองไปยังทิศทางเบื้องล่างในทันทัน
ในเวลาต่อมา แสงสีแดงเพลิงพุ่งทะยานจากพื้นดินขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที แสงสีแดงพริ้วไหวอย่างแข็งแกร่ง พลันปรากฏเป็นมังกรเพลิงที่มีความยาวกว่า 100 จ้าง
หลังจากที่มังกรเพลิงปรากฏออกมา ในชั่ววินาทีต่อมาเงาร่างสีน้ำเงินที่เยือกเย็นโบยบินออกมา มันคือหงสาน้ำแข็งหิมะ เมื่อมันมันสยายปีกออกมา มันมีความยาวกว่า 100 จ้างเช่นเดียวกั[มังกรเพลิง !!