ตอนที่ 121 ศิษย์สำนักเดียวกัน
ตอนที่ 121 ศิษย์สำนักเดียวกัน
ในสมาคมใต้ดินวายุทะมึน ทุกอย่างคงคึกวุ่นวายเหมือนเดิม
หยางไค่นำเงินมาทั้งหมด 22,000 ชัง เขาเดินเข้ามาในสมาคมการค้าใต้ดินวายุทะมึนและใช้เงิน 10,000 ชั่งกับการซื้อก้อนหินพลังหยาง และเหลือเงินไว้บาส่วนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน จากนั้นเขาได้เดินหาพื้นที่บริเวณว่างเปล่า นั่งลงไปด้านล่าง เก็บป้ายที่ผู้อื่นทิ้งไว้บนพื้นดินแล้วเช็ดสิ่งที่เขียนไว้ก่อนออกไป จากนั้นจึงเขียนตัวหนังสือลงไป
ซื้อต้นหญ้าจิตวิญญานหยางและเมล็ดพันธุผลไม้แห่งพลังหยาง !!
เขาปักป้ายไว้ตรงหน้าของเขา โดยไม่ให้ความสนใจกับสิ่งใดอีก เขาเริ่มเคลื่อนไหวกลยุทธุ์หยางของเขา เพื่อดูดซับพลังหยางจากก้อนพลังหยางที่อยู่ในทรววอกของเขา
ครั้งที่แล้ว หลี่หยุนเทียนพยายามช่วยหยางไค้ค้นหาเมล็ดพันธ์พลังหยาง แต่พวกเขาไม่สามารถซื้อมันมาได้ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเมล็ดพันธุ์พลังหยางมีอยู่ไม่มากในสมาคมการใต้ดินวายุทะมึนแห่งนี้
ในเวลานี้หยางไค่รอโอกาสในการเสี่ยงโชคเท่านั้น เพราะการดูดซับพลังหยางจาก้อนหินต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก เขาฝึกฝนวิชายุทธุ์และซื้อสิ่งที่ต้องการในคราเดียวกันคงไม่ใช่เรื่องที่ผิด
หลังจากเวลาผ่าไปกว่าครึ่งวัน ในที่สุดหยางไค่ก็ได้ดูดซับพลังหยางจากก้อนหินพลังหยางจำนวน 20 ก้อนจนเสร็จสิ้น
ก้อนหินพลังหยาง 1 ก้อน สามารถก่อกำเนิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 2 หยด ดังนั้นก้อนหินพลังหยางจำนวน 20 ก้อนเท่ากับหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 40 หยด จุดตันเถียนของเขาถูกเติมเต็มอีกครั้ง เขาตรวจสอบจุดตันเถียนของตนเองอย่างช้าๆและรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง
หากต้องเผชิญหน้ากับการต่อสุ้ที่รุนแรงเฉกเช่นค่ำคืนนั้นอีกครั้ง เขาจะสามารถแสดงความสามารถและศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้อีกครั้ง
แต่หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งวัน ไม่มีใครสักคนที่มาขายต้นหญ้าและเมล็ดพันธุ์หลังหยางให้แก่เขา
เขาลุกขึ้น และมองไปยังกระท่อมของผู้พิทักษ์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว และซู่เหยียนต้องอยู่ภายในกระท่อมนั้นอย่างแน่นอน
หยางไค่ต้องการกล่าวทักทายนาง กล่าวบอกแก่นางว่าเขาได้กลับมาแล้ว แต่เมื่อครุ่นคิดไปมาเขาก็ได้ปล่อยผ่านไป เพราะเขาและนางไมได้มีความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งระหว่างกัน นอกจากนั้นนางที่เยือกเย็นสง่างามและสูงส่ง สูงส่งจนมิอาจเอื้อม ดังนั้นหยางไค่จึงไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับนาง
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่เย็นชาของนาง ตัวเขาเองคงไม่มีความหมายใดๆกับนาง
ในขณะที่กำลังจะกลับสำนัก ทันใดนั้นมีคนคนหนึ่งเดินตัดหน้าเขา คนคนนั้นนั่ลงและอ้านป้ายของหยางไค่และเงยหน้ากล่าวถาม : เจ้าต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์ ?
หยางไค่ก้มหน้ามอง พบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 17- 18 ปี ลักษณะของนางอยู่ในขั้นที่ดีที่สุด ใบหน้าของละเอียดอ่อน ดวงตาใสราวหยดน้ำ ผิวขาวเนียนนุ่มดั่งปุยฝ้าย
รูปร่างถือว่าไม่เลว โดยเฉพาะหน้าอกคู่อันมหึมาคู่นั้นของนาง ไม่รู้ว่านางกินอะไรเติบโตถึงมีร่างกายที่น่าภาคภูมิใจเช่นนี้ และท่าทางการนั่งของนางในเวลานี้ หยางไค่ที่ยืนอยู่ในขณะนี้อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า จึงมองเห็นทรวงอกขนาดใหญ่ที่เขาเนียนนุ่มดุจหิมะ
อืม หยางไค่รีบละสายตาไปทิศทางอื่น และพยักหน้าอย่างช้าๆ
หญิงสาวนางนี้ลุกขึ้นมาและกล่าวถาม : ข้ามี แต่ไม่รู้ว่าจะจะมีเงินซื้อมันไปได้หรือเปล่า ?
อืม? หยางไค่เริ่มรู้สึกดีใจและสนใจในทันที : งั้นต้องดูว่าเมล็ดพันธุ์ของเจ้าเป็นเมล็ดพันธุ์ชนิดใด ?
หญิงสาวนางนี้สวมชุดของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว น่าจะเป็นศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว พวกเขาต่างเป็นศิษย์ในสำนักเดียวกัน ดังนั้นหยางไค่จึงให้ความรู้สึกที่สนิทสนมกับนาง
ข้าจะนำมันออกมาให้เจ้าดู หญิงสาวนำถุงผ้าออกจากเอวของนางจากนั้นจึงมองให้แก่หยางไค่
หยางไค่รับมันมา เปิดถุงผ้าออก และเทเมฃ็ดออกพันธุ์ออกมาจากถุงผ้า
เมล็ดพันธุ์ทั้งสองเต็มไปด้วยพลังหยาง เป็นสิ่งที่เขาต้องการ นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าเมล็ดพันธุ์ทั้ง 2 ชนิดจะมีอยู่ในระดับที่สูงกว่าเมล็ดพันธุ์สามสุริยันเสียอีก
หากผลไม้สามสริยันอยู่ในขั้นปฐพีระดับล่าง งั้นเมล็ดพันธุ์นี้ต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ขั้นปฐพีระดับกลาง
เมล็พันธุ์ทั้ง 2 เม็ดข้าจะซื้อมัน เจ้าต้องการขายในราคาเท่าไหร่ หยางไค่พอใจกับเมล็ดพันธุ์นี้อย่างมาก
หญิงสาวส่งรอยยิ้มที่หวานละมุนและกล่าวตอบ : 1,000 ชั่ง !!
หยางค่ขมวดคิ้วไปมา แม้ว่าไม่กล้าที่จะปฏิกเสธว่ารอยยิ้มของนางน่ามองอย่างมาก นอกจากนั้นรอยยิ้มของนางยังเพิ่มความงดงามที่เปล่งประกายออกมาราวกับนางเซียนน้อยที่สง่างาม แต่ว่าราคาที่นางให้มาหยางไค่ไม่สามารถตกลงได้
หากว่าเขาต้องการเมล็ดพันธุ์นี้จริง แม้ว่าหยางไค่ต้องใช้เงิน 1200 ชั่งมันก็ไม่ทำให้เขาขาดทุน เพราะเขามีหยดน้ำพลังลมปราณหยางอยู่ในร่างกาย ที่สามารถทำให้ระยะเวลาในการเติบโตของเมล็ดพันธุ์นั้นหดสั้นลงไป แต่หากว่าเขาใช้เงิน 1200 ชั่งในการซื้อมันจะเป็นการซื้อขายที่เขาต้องใช้ก้อนหินพลังหยางในการแลกกับเมล็ดพันธุ์เหล่านี้หมดไปโดยสิ้นเชิง
หญิงสาวนางนี้มีความสามารถในการหาเงินให้แก่ตัวเอง !! มันทำให้ความรู้สึกสนิทสนมที่หยางไค่ให้แก่นางในตอนนี้มลายหายไปในเมฆทันที
ศิษย์พี่ท่านนี้ ราคาของท่านมันสูงเกินไปหรือเปล่า ? แม้ว่าหยางไค่จะเหลือเงินประมาณ 12,000 ชั่ง แต่มันเป็นเงินที่เขาเตรียมไว้ใช้ซื้อต้นหญ้าสลายวิญญาณและดอกสามใบเถา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
สูงหรอ ? หญิงสาวอมยิ้มเล็กน้อย : ไม่สูงน่ะ มันเป็นเมล็ดพันธุ์ในขั้นปฐพีระดับกลางเชียวน่ะหากปลูกมันลงไป รอจนมันโต ผลประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับมีมากมาย ในสายตาของพ่อค้าผู้เชี่ยวชาญ มันไม่ได้มีราคาเพียง 1,000 ชั่ง
หยางไค่หัวเราะอย่างทุกข์ทน : รอจนมันโตเต็มที่ ต้องใช้เวลากี่ปีล่ะ ?
หญิงสาวเม้มริมฝีปากไปมาและกล่าวตอบ : ในเมื่อเจ้าต้องการจะซื้อมันตั้งแต่แรก เจ้าต้องมีความอดทนที่จะรอให้มันโต มันเป็นไปได้ไหมที่เจ้าเอามันไปปลูกแล้วมันจะให้ผลเก็บเกี่ยวแก่เจ้าในทันที่ ? ในโลกแห่งนี้จะมีเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? นอกจากนั้น เจ้าบอกว่ามันแพง เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งทีพบเห็นได้ง่ายๆ 1000 ชั่งคือ 1000 ชั่ง เพื่อเมล็ดพันธุ์ ข้าเองก็ลำบากมาไม่น้อยเช่นกัน !!
หยางไค่ไต้ซึ่งหนทาง เขาคิดไตร่ตรองสักครู่ ก่อนจะพยักหน้า : พอแล้ว เอาตามนี้ !!
ตนเองเสียงเงิน 1000 ชั่งเพื่อแลกกับเมล็ดพันธุ์หยาง มันคงคุ้มราคา นอกจานั้นจากคำกล่าวของนาง นางคงประสบกับความยากลำบากจึงจะได้รับเมล็ดพันธุ์เหล่านี้มา ผู้อื่นต้องสูญเสียพละกำลัง คงอยากได้รับผลกำไรจากมัน
นอกจากนั้นพวกเขาทั้ง 2 ยังเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ดังนั้นหยางไค่จึงไม่ต่อรองราคากับนาง เพื่อไม่ให้เปลืองน้ำลาย แม้ว่านางจะได้เปรียบมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร
หลังจากที่นับเงิน 1000 ชั่งให้แก่นาง นางยิ้มอย่างมีความสุขและรับเงินไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อยๆลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง นางจ้องมองหยางไค่และกล่าว : ศิษย์น้องท่านนี้เจ้าเป็นคนดีที่ใช้ได้ ถุงผ้านั้นข้ามอบให้แก่เจ้า มันเป็นถุงผ้าที่ข้าเย็บปักด้วยตนเองเชียวนะ
หลังจากที่กล่าวจบ นางเดินออกไปอย่างสบาบอารมณ์
หยางไค่อึ้งไปชั่วขณะ ที่แท้ศิษย์พี่ท่านนี้รู้ว่าตนเองอยู่ในสำนักเดียวกับนาง ดังนั้นนางจึงให้ราคาที่สูงแก่เขา หากเป็นคนอื่นๆการค้าขายนี้คงจะเกิดเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่
มันเป็นเพียงการค้าขาย หากครั้งหน้าพบเจอกับนางอีก พยายามต่อรองราคากับนางก็คงเพียงพอ
เขายืนรออยู่ในสถานที่เดิมสักครู๋ และพบว่าไม่มีคนเดินมาขายเมล็ดพันธุ์ หยางไค่ลุกขึ้นและเตรียมตัวนำเงินที่เหลือไปซื้อต้นหญ้าสลายวิญญาณและดอกสามใบเถา
หลังจากที่เดินออกไปไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นพื้นดินรอบๆบริเวณสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และสั่นสะเทือนต่อไปหลายครั้ง ทำให้ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักที่อยู่ในสมาคมใต้ดินวายุทะมึนตกอยู่ในความวุ่นวายในทันที
ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขารู้สึกว่าพื้นดินกำลังจะแยกตัวออกจากกัน และมีศิษย์สาวกจำนวนไม่น้อยที่ตื่นตระหนกจนวิ่งหนีกับอย่างอลหม่านไปทั่วสารทิศ