ตอนที่ 109 ช่างโง่เขลา
ตอนที่ 109 ช่างโง่เขลา
เจ้ากำลังบังคับข้า !! ใบหน้าของหยวนหลานแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน
เจ้ามันคนนิสัยชั่วช้า !! เซี่ยหนิงฉมางไม่ยอมลดละแม้แต่น้อย
สีหน้าของหยวนหลานแสดงออกอย่างเยือกเย็น เสียงหัวใจของเขากำลังตะโกนเรียกร้อง แต่เมื่อหวนคิดกลับมาเขาอดกลั้นกับสิ่งที่ต้องการและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่แผ่วเบา : งั้นข้าจะดูว่าสมบัติแห่งการป้องกันของแม่นาง จะสามารถต้านทานการโจมตีของข้าหรือไม่ !!
เขาไม่สามารถทนต่อความต้องการของตนเอง ถ้าหากเขาสามาถใช้พลังอำนาจของตนเองสยบเซี่ยหนิงฉางมันก็เปรียบเสมือนว่าเขาได้รับสมบัติวิเศษระดับฟ้าสวรรค์ !! เมือได้ครอบครองสมบัติวิเศษระดับฟ้าสวรรค์ หญิงสาวในใต้หล้า จะเป็นของเขาทั้งหมด ! ไม่จำเป็นที่เขาต้องอยู่ในนิกายโลหิตทำงานให้แก่นิกายโลหิตอีกต่อไป หญิงสาวนางนี้มีความเป็นมาที่วิเศษ สถานะของนางไม่ธรรมดา ภายในร่างกายของนางคงไม่ได้มีสมบัติวิเศษเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น !
ดังนั้นเขาจึงต้องการทดสอบ !! หากว่าตนเองไม่สามารถปราบปรามนางได้ เมื่อถึงตอนนั้นเขาส่งสัญญานให้แก่คนอื่นๆ ก็ยังไม่สาย เพราะอย่างไรเขาเองก็ปิดกลั้นทางออกของนาง แม้ว่านางจะมีปีกก็ไม่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือเขาได้
เมื่อคิดได้ดังนี้ หยวนหลางแสะยิ้มและค่อยๆเดินเข้าไปหาเซี่ยหนิงฉมาง
เซี่ยหนิงฉางรู้สึกขมขื่นในจิตใจทันที แม้ว่านางจะสามารถฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งประมาณ 2 ส่วน แม้ว่าจะสามารถเปิดใช้งานสมบัติวิเศษแห่งการป้องกัน แต่เพราะสมบัติชิ้นนั้นสูญเสียพลังอำนาจของมันไปมาก หากใช้มันอีกครั้ง ร่างกายของตนเองจะเข้าสู่สภาวะที่ไร้ซึ่งอำนาจและเรี่ยวแรง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเซี่ยหนิงฉางแอบหวังที่จะใช้พลังลมปราณที่เหลือออกตามหาหยางไค่ แล้วนางจะยอมใช้พลังที่เหลืออยู่ของนางได้อย่างไร ?
แต่หากไม่เปิดใช้พลังลมปราณ นางจะไร้ซึ่งความมั่นใจในการเอาชนะหยวนหลาน นอกจากตำแหน่งที่หลบซ่อนตัวของนางค่อนข้างที่จะเลวร้าย เพราะมันไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของตนเองออกไปได้
มีเพียงหนทางเดียวคือการต่อต้านการโจมตี จากนั้นจึงหาโอกาสในการเขาฆ่าเขา
เซี่ยหนิงฉางเตรียมแผนการที่ไร้ซึ่งความปราณี เพราะฝ่ายตรงข้ามกำลังรังแกข่มเหงตนเองอย่างหนักหนาสาหัส แล้วนางจะทนต่อการข่มเหงในครั้งนี้ได้อย่างไร ?
ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้ง 2 เข้าใกล้เรื่อยๆ เซี่ยหนิงฉางค่อยๆลุกขึ้น พลังลมปราณทั้งหมดเคลื่อนไหวไปมาอย่างเงียบๆ นางจ้องมองหยวนหลานที่กำลังเดินเข้าโดยไม่ละสายตาแม้แต่น้อย
มันเป็นการเผชิญหน้าที่ไร้ซึ่งหนทางหนี ! เมื่ออยู่ในถ้ำที่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ไม่ว่าใครก็มิอาจหลบหนีจากการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้
ทันใดนั้นเซี่ยหนิงฉางลงมือโจมตีอย่างฉับพลัน ซึ่งมันเหนือความคาดหมายของหยวนหลานที่ไม่คิดวว่านางจะลงมือโจมตีก่อน มือที่ขาวบริสุทธ์เริงร่าอยู่กลางเวหา ซึ่งได้ก่อเกิดเป็นเงาร่างกของบุพผาที่อยู่บนนิ้วมือ จากนั้นนางได้ดีดนิ้วของนางออกไป ทันใดนั้น ลมวายุที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและความบริสุทธุ์ซึ่งเปรียบเสมือนลูกธนที่ว่องไวพุ่งแทงไปที่หยวนหลางทันที
ใบหน้าของหยวนแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน เขาไม่คิดว่าหญิงสาวนางนี้จะหลงเหลือเรี่ยวแรงในการลงมือโจมตีเขา เพราะนางได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และเวลายังผ่านไปได้ไม่นาน แม้ว่านางจะใช้โอสพวิเศษในการช่วยเหลือ ก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นนี้
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือเซี่ยหนิงฉางมีกายที่วิเศษ เมื่อยาหรือโอสพวิเศษต่างๆเข้าสู่ร่างกาย นางจะสามารถดูดซึมประสิทธิภาพของยาตัวนั้นทันที หากว่ายาและโอสพวิเศษที่นางพกติดตัวมาตลอดมีไม่มากพอ ไม่เช่นนั้นนางจะสามารถฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งถึง 2 ส่วนในช่วงระยะเวลาสั้นๆได้อย่างไร ?
ลมวายุที่นางพุ่งออกไปหนาวเหน็บจนไปถึงกระดูก มันเปรียบเสมือนใบมีดแห่งผลึกน้ำแข็งที่แหลมคม เซี่ยหนิงฉางกำลังใช้พลังอำนาจของพลังหยินที่อยู๋ในหุบเขาควบคู่กับกายวิเศษที่นางสามารถปรุงกลั่นสิ่งต่างๆได้ในพริบตา แม้อำนาจแห่งการฆ่าจะไม่รุนแรง แต่ในขณะที่ร่างกายของตนเองมีพลังลมปราณที่อ่อนแอ แต่ลมวายุที่นางพุ่งออกจะมีความรวดเร็วในการโจมตีอย่างยิ่ง
เสียงโหยหวนแห่งสายลมดังขึ้น ฝ่ามือของหยวนหลานเปรียบเสมือนดาบแห่งเมฆา เขาปลดปล่อยพลังลมปราณ กล่าวตะโกนและพุ่งฝ่ามืออกไป : ฝ่ามือเมฆาล่อง !
ฝ่ามือเมฆาล่องไม่ใช่วิชาฝ่ามือ แต่มันคือวิชาแห่งดาบ เป็นทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี พลังของมันไม่อ่อนแอ แต่เพราะในมือของหยวนหลานไร้ซึ่งดาบในการต่อสู้ เขาจึงต้องใช้ฝ่ามือในการโจมตี ดังนั้นพลังความแข็งแกร่งที่ปลดปล่อยออกมาจึงลดลงไปกว่าครึ่ง
แม้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ การโจมตีของเซี่ยหนิงฉางถูกขาดทำลายในทันที
เมื่อสัมผัสได้ว่าการโจมตีของเซี่ยหนิงฉางไม่มีอำนาจพลังในการฆ่า หยวนหลานจึงหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน แต่ทันใดนั้นมีเสียงการเคลื่อนไหวโจมตีเข้ามา เซี่ยหนิงฉางโจมตีด้วยการดีดลมวายุนั้นอีกครั้ง
ทำให้จิตใจของหยวนหลานเกรี้ยวโกรธ เขาเปลี่ยนฝ่ามือเป็นหมัดอย่างกะทันหันและพุ่งมันออกไปพร้อมตะโกนด้วยเสียงที่ดังสนั่น : มังกรบรรพกาลคำราม !!
มีเสียงคำรามของมังกรดังก้องไปทั่วบริเวณ อำนาจพลังของกระบวนท่านี้แข็งแกร่งกว่าฝ่ามือเมฆาล่องถึงหลายขั้น
แต่เซี่ยหนิงฉางไม่รอให้เขามีจังหวะในการหายใจ เสียงลมวายุดังขึ้นอีกครั้ง สองมือของเซี่ยหนิงฉางเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นลมวายุที่เยือกเย็นพุ่งโจมตีออกไปอย่างรุนแรง
หยวนหลานยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ซึ่งกำลังปลดปล่อวิชาต่างๆที่เขาเคยร่ำเรียนมาเพื่อทำลายการโจมตีของเซี่ยหนิงฉาง
ท่าร่างเชียนจู หงสาล่องเมฆา สายฟ้าเทียนหมิง ฝ่ามือสลายเหล็กกล้า หัตราปราณทองคำ หมัดวิญญาณมังกร.................
ไม่เสียทีที่เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ เขาฝึกฝนเรียนรู้วิชาต่างๆอย่างมากมาย และมีวิธีการโจมตีและป้องกันที่หลากหลาย ซึ่งกำลังปะทะกับเซี่ยหนิงฉางอย่างรุนแรงและหนักหน่วง
แต่เซี่ยหนิงฉางไม่มีเปลี่ยนแปลงวิธีการโจมตีของตนเอง ไม่ว่าเขาจะใช้เคล็ดวิชา ทักษะการต่อสู้อื่นๆ นางยังคงใช้ลมวายุแห่งพลังหยินในการโจมตี พวกเขาอยู่ห่างกันเพียง 3 จ้างเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการต่อสู้ที่เท่าเทียมกันไม่มีใครเหนือกว่าใครหรือด้อยกว่าใคร
ก้อนหินและถ้ำที่อยู่บนขอบหุบเขาเริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวาย ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกิดจากการโจมตีซึ่งกันและกันของพวกเขาทั้ง 2
เมื่อปะทะกันไปมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ในที่สุดหยวนหลานพบว่ามีบางสิ่งบางที่เป็นอันตรายเกิดขึ้น เพราะตอนนี้พลังความแข็งแกร่งของตนเองถูกปิดผนึกไว้ และยังถูกพลังหยินที่เยือกเย็นแทกรซึมเข้าสู่ร่างกาย การโจมตีเมื่อกสักครู่สูญเสียพลังลมปราณเป็นจำนวนมาก ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนกำลังลง แต่หญิงสาวที่สวมใส่ผ้าคลุมหน้า ในตอนแรกนางมีสภาพเช่นไร ตอนนี้นางก็ยังมีสภาพเช่นนั้นเหมือนเดิม ใบหน้าแสดงออกอย่งปกติ การหอบหายใจก็ยังปกติ เสมือนการโจมตีด้วยลมวายุพลังหยินของนางไม่ทำให้พลังความแข็งแกร่งของนางอ่อนแอลงแม้แต่น้อย
ระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่รู้เลยว่าลมวายุที่นางโจมตีออกไปส่วนใหญ่เกิดจากพลังหยินที่เยือกเย็น นางใช้เพียงพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายเพียงน้อยนิด ก็สามารถสร้างพลังการโจมตีที่ไม่อ่อนแอออกมาได้
หลังจากนั้น ในที่สุดหยวนหลานจึงตระหนักถึงสภาพของตนเองว่าไม่สามารถเอาชนะเซี่ยหนิงฉาง
ทันใดนั้นความรู้สึกอัปยศกลายเป็นความเกรี้ยวโกรธ เขาจึงกล่าวตะโกนด้วยความเหี้ยมโหด : แม่นางน้อย หากเจ้ายังไม่ยอมแพ้ ข้าจะส่งสัญญานเรียกนายน้อยหล่งฮุยให้มาที่นี้ หากว่าเขามาถึงที่นี้ เขาจะเหยียบย่ำเจ้าอย่างไร้ความปราณี จนทำให้เจ้ามีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น !!
ชั่วช้า !! เซี่ยหนิงฉางสบทด้วความโกรธ
ฮ่าฮ่า หากหญิงสาวตกอยู๋ในมือของหลุ่งฮุย ไม่มีใครที่จะมีชีวิตรอดกลับไปอย่างสมบูรณ์ เจ้าทำตามคำสั่งของข้าดีกว่า ข้าสัญญาว่าข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีที่สุด !!
ไร้ยางอาย !! เซี่ยหนิงฉางกล่าวตะโกนด้วยความโกรธ
ข้าจะนับถึง 3 หากเจ้าไม่ยอมจำนน อย่าตำหนิว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าอีกต่อไป ! ใบหน้าของหยวนหลานแสดงออกอย่างเย็นชา เขาทำการเจรจาในครั้งสุดท้าย และค่อยๆกล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวล : 1......
ในขณะที่ทั้ง 2 กำลังสนทนา มือของพวกเขาไมได้หยุดนิ่งเลยสักครั้ง พวกเขายังคงปะทะกันไปมาอย่างต่อเนื่อง
2 ... หยวนหลานจงใจลากเสียงยาว
ทันใดนั้นดวงตาของเซี่ยหนิงฉางหรี่ลงกลายเป็นรูปจันเสี้ยวอย่างกะทันหัน แม้ว่าใบหน้าของนางจะมีผ้าคลุมหน้า แต่หยวนหลานยืนยัน ว่านางกำลังยิ้ม
รอยยิ้มของนางช่างงดงาม !! ในใจของหยวนหลานครุ่นคิด และไม่กล้าที่จะกล่าวคำที่ 3 ออกมา
เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม ? หยวนหลานคิดว่านางกำลังจะเปลี่ยนใจ
ดวงตาของเซี่ยหนิงฉางยังคงเป็นดั่งจันทร์เสี้ยว นางกล่าวตะโกนด้วยเสียงที่อ่อนโยน : เจ้าคิดว่าเจ้าเพียงคนเดียวที่สามารถส่งสัญญานให้คนอื่นๆเข้ามาช่วยเหลือ ?
ว่าอย่างไรน่ะ ? หยวนหลานไม่เข้าใจว่านางกำลังกล่าวอะไร
ข้าจะเรียกให้คนอื่นมาช่วย เซี่ยหนิงฉางวิ่งพุ่งไปที่ด้านหลังของเขา จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ : ศิษย์น้องในที่สุดเจ้าก็มา !!
หยวนหลานไม่หันหน้าตามไป เขากล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่เย็นชา : เจ้าต้องการใช้วิธีการที่ต่ำต้อยเพื่อหลอกข้า ? แม่นาง เจ้าคิดว่าข้าเป็นโง่เขลาหรือไง ?
เจ้าเป็นคนโง่เขลาอย่างแท้จิรง ทันใดนั้นเสียงที่เยือกเย็นไร้ซึ่งอารมณ์ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา ใบหน้าของหยวนหลานเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขารีบหมุนตัวเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่มาเยือน แต่เซี่ยหนิงฉางไม่ให้โอกาสนี้แก่เขา นางโจมตีออกไปอย่างรุนแรง คนที่ถูกโจมตีลนลานจนมือเท้ายุ่งเหยิงไปหมดและด้วยพื้นที่ที่แคบของขอบหุบเขา ในชั่วขณะทำให้เขาไม่สามารถม้วนตัวกลับ ร่างกายติดอยู่ระหว่างกลาง เดินหน้าถอยหลังไม่ได้ ทำให้เขากระอักกระอวนอึดอัดอย่างถึงที่สุด
พู่ว.................หยวนหลานรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากกลางหลังของเขา เสมือนว่ามีอาวุธบางอย่างทิ่มแทงเข้ามา เขาก้มหน้าลงมอง พบเห็นแต่เพียงกระบี่ 1 เล่มที่แทงทะลุหัวใจของเขา